ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประวัติราชวงศ์ชิง

    ลำดับตอนที่ #5 : รัชสมัยคังซี (1)

    • อัปเดตล่าสุด 17 มิ.ย. 51


    รัชสมัยซุนจื่อ (Shun Zhi) ปีที่12 วันที่  4 พฤกษภาคม ค.ศ 1654

    ที่ตำหนักจินเหยน (Jin Ren)

     

    คือวันที่องค์ชายสามเสวียนเยี่ย (Xuan Ye) ผู้เป็นโอรสของซุนจื่อฮ่องเต้ กับพระสนมถง หรืออดีตฮองเฮาเสี่ยวคัง (Xiao Kang)

     

    ____________________

     

     

    ในรัชสมัยซุ่นจื่อปีที่ 18 เกิดโรคฝีดาษระบาดที่กรุงปักกิ่ง ได้ระบาดมาในนครต้องห้าม

    ช่วงนั้นมีองค์ชาย องค์หญิงหลายพระองค์ ร่วมทั้งสนมตง ติดโรคร้ายนี้จนเสียชีวิต

    มีเพียงเสวียนเยียผู้ด้วยที่รอดชีวิต จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์ไท่จื้อ (องค์รัชทายาท)

    ก่อนที่ซุนจื่อจะตายเพียงสี่เดือน ได้แต่งตั้ง สี่องคมนตรีเป็นผู้สำเร็จราชการแทน

    เนื่องด้วยเสวียนเยียยังเด็กมาก (7 ขวบ) นับแบบจีนแปดขวบ

    สี่องคมนตรีได้แก่ อ่าวป้าย สั่วหนี ซัวเค่อซ่าฮ่า เอ่อปี๋หลง

    ตามประวัติศาสตร์เป็นแบบนี่

     

    แต่ว่ามีตำนานบอกว่าเพราะสนมตงตายซุนจื่อเลยไปบวชเป็นหลวงจีนที่วัดบนเขาไท่สาน

    (ถ้าเกิดจำไม่ผิดนะค่ะ ไม่แน่ใจว่าใช่วัดนี่รึเปล่า)

    วันครองราชย์ของเสวียนเยีย 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1662

    12วันหลังจากซุ่นจื่อสวรรคต

    ในปีคังซีปีที่สิบ เปลี่ยนชื่อปีการปกครองเป็นคังซี

    __________________

     

     

     

    กิจวัตรประจำวันของคังซี

     

    ทุกวันคังซีจะถูกปลุกตอนตีห้าอาบน้ำ แต่งชุดมังกร กินอะไรรองท้องพอหกโมงเช้าต้องไปประชุมเช้าจนจบจึงได้กินข้าวเช้า หลังจากนั้นเรียนตำรา ขงจื่อ เม่งจื่อ เต้าจื่อ หลักการปกครอง

    ตำราพิชัยสงตรามซุนวู ประวัตศาสตร์ ภาษาฮั่น ภาษาแมนจูหลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ เรียนต่ออีกหนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้น ไปเรียนกังฟู ขี่ม้า ยิงธนู ประมาณห้าโมงเย็นก็อ่านหนังสือเพิ่ม กินข้าวเย็นเสร็จ อาบน้ำ เข้านอนตอน 2ทุ่ม มีเวลาว่าง 1ชั่วโมงครึ่งโดยประมาณต่อวัน

    _____________

    รัชสมัยคังซี ปีที่ 2

    ณ ตำหนักเชี่ยนชิง ห้องบรรทมคังซี แบ่งเป็นสามส่วน ส่วนแรกมีตู้หนังสือขนาดใหญ่สามตู้ผลิตจากไม้ชั้นดีจากทางใต้มีผ้าผืนใหญ่สีน้ำเงินขอบดำปิดแทนฝาตู้หนังสือ ภายในอัดแน่นไปด้วยหนังสือทุกหมวด เช่น ประวัติศาสตร์ กวี กลอน ปรัญญา ตำราพิชัยสงครามซุนวู ดู้หนังสือตั้งอยู่ริมกำแพงฝั่งขวา เมื่อหันหลังหาประตูห้อง มีโต๊ะคลุมด้วยผ้าสีเหลืองขอบดำบนโต๊ะมีพู่กัน หนังสือและเครื่องเขียน หลังโต๊ะมีเก้าอี้มังกรสีทอง พื้นปูด้วยกระเบื้องสีดำ ภายในห้องประดับไปด้วยของล้ำค่ามากมาย ห้องนี่เป็นห้องทำงาน

     

    ส่วนที่สอง เป็นห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว ห้องน้ำ แบ่งเป็นสามห้องตามลำดับ ห้องนั่งเล่นคล้ายห้องนอนแต่ไม่มีเดียง ห้องกินข้าวมีโต๊ะใหญ่ๆตัวหนึ่งก็ไม่มากหรอกแค่ให้พอว่างอาหารมื้อล่ะ 30 อย่าง หัวโต๊ะมีเก้าอี้มังกรอีกนั่นแหลาะ หนึ่งตัว นั่งกินคนเดียว       

    (น้อยมากแล้วนะ สมัยราชวงศ์หมิงต่อมื้อ 100 อย่าง) ห้องน้ำ มีเก้าอี้มีรูอยู่ตรงกลางมีถังรองอยู่ข้างใต้  เวลาอาบน้ำจะมีขันทีเอาน้ำอุ่นมาเติมให้ในถังใบไหญ่ อาบในถังนั้นละ ถังอ่าบน้ำอยู่ในห้องนอน แฉพาะหน้าหนาว ฤดูกาลอื่น อาบอีกห้องต่างหากเป็นสระน้ำขนาดใหญ่

     

    ส่วนที่สาม มีเตียงนอนขนาดใหญ่ปูด้วยผ้าปูที่นอนสีเหลืองลายมังกร ตรงกลางมีโต๊ะกลมขนาดเล็กมีเก้าอี้กลมสี่ตัวไว้ดื่มน้ำชา กลางโต๊ะมีชุดชาตั้งอยู่ มีผลไม้ทุกอย่างในฤดูกาลยกเว้นซาลี่ เพราะคังซีเคยเป็นฝีดาษ หมอหลวงบอกว่ามันไม่ดีต่อโรคห้ามกิน ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กินซาลี่อีกเลย ภายในห้องประดับไปด้วยของล้ำค่ามากมาย

     

     

    อู่ซื่อโยว่เป็นครูที่สอนเกี่ยวกับการปกครองการเมือง

    องค์คังซีมักจะปลอมตัวไปเรียนหนังสือนอกวังกับเขาบ่อยๆ

    เขาเป็นบันฑิตที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น บ้านและที่ดินโดนรุกที่ โดยอ้าวป่ายและพวก อาจารย์อู่เป็นเป็นเพื่อนกับพ่อของเว่ยตงถิงกับเว่ยตงถิง เป็นขุนนางที่ภักดีกับคังซีและราชวงศชิงมาก

    เขาเป็นชาวฮั่น

    ในสมัยนั้นมีขุนนางแมนจูบางคนรุกที่ชาวฮั่น เอาที่ดินในการเพาะปลูกมาใช้จนเป็นที่ดินที่แห้งแล้ง แล้วเอาที่ชายเลนไปแลกอ้างว่าเป็นการขยายค่ายทหาร พวกเขาไม่ได้รุกในกรุงปักกิ่งเพราะกลัวคังซี

    กับไทเฮาทราบแล้วจะเดี่อดร้อน เพราะคังซียังเด็กยังไม่มีอำนาจในการปกครอง อำนาจการบริหารประเทศเลยขึ้นกับสี่องคมนตรี

    สมัยนั้นสี่องคมนตรีแบ่งเป็น สามก๊ก

    ก๊กแรกอ้าวป้ายกับซู่เค่อซาฮ่า

    ก๊กที่สองสั่วหนีพยายามทำตัวเป็นกลางไม่เข้ากับใคร รอดูสถานการณ์

    ก๊กที่สามเอ่อปี่หลง ประจบสองก๊กแรก

     

    ที่ออกมาข้างนอก(มาเรียนกับอู๋ซื่อโยว่)ไม่ได้มาเที่ยว การมาเที่ยวเป็นฉากบังหน้าเท่านั้น พูดง่ายๆคือใช้ความเป็นเด็ก

    หลอกอ้าวป้ายว่า คังซีเป็นเด็กที่ห่วงเล่นไปวันๆไม่สนใจบริหารราชกิจ นั้นเป็นสิ่งที่อ้าวป้ายต้องการ เลยหาอาจารย์ที่ไม่เอาไหนมาให้สอนคังซี เพื่อให้คังซีโง่

    เพื่ออ้าวป้ายจะได้มีอำนาจนานนาน มาเพื่อหาพวกเพื่อเตรียมการปราบอ้าวป้าย

    แต่กฎมณเทียรบาลของต้าชิงมีว่าฮ่องเต้ต้องแต่งงานก่อนถึงจะมีอำนาจว่าราชกิจได้ ในตอนนั้นคังซีอายุแค่ 9 ขวบ เลยต้องเตรียมการไว้ก่อน

    คังซีเป็นคนที่ฉลาดมาก เขาเริ่มสงสัยว่าอ้าวป้ายคิดไม่ซื่อมาตั้งแน่แล้ว เพราะลูกบุญธรรมอ้าวป้ายคือมหาขันทีอู่มักจะขโมยของในวังและของซุนจื่อไปให้อ้าวป้าย ทุกครั้งที่คังซีไม่ยอมอนุมัติสิ่งที่อ้าวป้ายต้องการมักจะข่มขู่คังซีด้วยว่าจาถากถางและทำร้ายร่างกายคังซี เช่นบีบข้อมือ

    เดินไปที่บังลังค์ที่คังซีนั่งอยู่ ขุนนางห้ามเข้าไปใกล้แบบนั่นต้องคุกเขาอยูข้างล่าง

     เวลาพบเป็นการส่วนตัวมักจะพกอาวุธเข้าไป บางที่ก็ทุบโต๊ะทรงพระอักษรเพื่อบังคับให้คังซีอนุมัติตอนที่คังซีนั่งอยู่ ย่าของคังซีช่วยให้คังซีได้ลงนามเองทุกครั้งที่จะมีราชโองการออกไป

    เพื่อท่วงอำนาจให้อยู่กับคังซีมากที่สุด ร่วมทั้งร่วมประชุมตอนเช้า

     

    ไม่มีความเกรงใจและเคารพในตัวฮ่องเต้เลย สมัยคังซีเป็นเด็ก คังซีไม่มีกำลังทหารเป็นของตัวเองเลยถึงต้องหาพวกในการปราบอ้าวป้ายไงค่ะ ทุกสามวันคังซีจะออกไปนอกวังเพื่อเตรียมการกับวางแผนในการกำจัดอ้าวป้าย

     

     

     

    4 เดือนต่อมาแม่ของคังซีป่วยนักมาก แม่ของคังซีมีสุขภาพที่อ่อนแอ่มาตั้งแต่เด็ก

    ในที่สุดก็เสียชีวิต ตอนนั้นคังซีอายุแค่ 9 ขวบเอง 7ขวบพ่อก็ตาย

     

    นี่เป็นการจินตนาการของคนแต่งว่าคังซีจะเป็นยังไงในวันนั้น ข้ามไปก็ได้ค่ะถ้าไม่อยากอ่าน

     

    ในปีค.ศ. 1663  (แม่คังซีป่วยหนักมาสี่เดือนแล้ว เสียในปีนี่จริง)

     

    ตอนเย็นของวันหนึ่ง คังซีไปเข้าเฝ้าแม่ที่ประชวรนักเหมือนทุกวัน ที่ตำหนักจิงเหยน ที่ที่เขาเกิด

    แม่ของคังซีพูดด้วยเสียงที่อ่อนแรงว่า

    แม่คงจะไม่รอดแล้วละ ลูกรัก เจ้าต้องเป็นฮ่องเต้ที่ดีนะลูกเยีย เจ้าต้องทำให้ต้าชิงยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่มีฮ่องเต้าองค์ไหนทำได้มาก่อน ปกครองโดยเมตตาธรรมนะลูก แม่เสียใจที่คงจะไม่ได้มีโอกาสเห็นลูกชายสุดที่รักของแม่ เป็นฮ่องเต้ที่ยิ่งใหญ่ เจ้าต้องเข้มแข็ง อกทนและเสียสละเพื่อราษฎรทั้งแผ่นดินนะจ้ะลูกรัก ในอนาคตเจ้าต้องเผชิญกับอุปสรรคและขวากหนามอีกมาก เจ้าต้องแกร่งทั้งกายและใจยิ่งกว่าหินผา เป็นฮ่องเต้ที่ดีนะลูกแม่ แม่จะคอยดูเจ้าปกป้องเจ้าจากสวรรค์

    ลาก่อนเสวียนเยียลูกรักของแม่ พูดจบก็สิ้นใตต่อหน้าต่อตาคังซี

     

    คังซีเห็นดังนั้นก็วิ่ง ออกไปนอกห้อง ไปที่กล่องใบใหญ่ที่ใช้แจ้งข่าวร้ายในวัง พร้อมกับตงถิงที่วิ่งตามไป พอไปถึง คังซีตีกล่องรั่วๆไม่หยุด ตึง ตึง ตึง

    ผ่านไปสักพัก ตงถิงจับมือคังซีที่ตีกลองอยู่พร้อมกับดึงไม้ตีกลองออกไปจากมือของคังซี พร้อมกับพาคังซีไปที่วังเชี่ยนชิง ตงถิงปิดประตูหน้าต่างเสร็จ

    การเสียใจที่แม่จากไปไม่ได้หมายความว่าเจ้าเป็นคนอ่อนแอ่หรอกนะ เสียใจมากก็ร้องไห้ออกมาเถอะ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนตรงนี้ สัญญาจะเก็บเป็นความลับตลอดไป ตงถิงปลอบเสร็จคังซีก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจกับความเจ็บปวดอย่างที่สุดทั้งคืน

    _____________

    รัชสมัยคังซีปีที่ห้า (คังซีอายุ 12 ปี)

    เนื่องจากไทฮองไทเฮา (ต่อไปนี่จะเรียกวาไทเฮาแทนค่ะ ไทฮองไทเฮาเป็นตำแหน่งย่าของคังซี แม่คือไทเฮาค่ะ) ต้องการให้สั่วหนีช่วยคังซีในการปราบอ้าวป้าย จึงขอหลานสาวของสั่วหนี มาเป็นฮองเฮาของคังซี เด็กสาววัย13  มาจากตระกูลเฮ่อเซอลี่ เป็นหลานสาวของสั่วเอ่อทู่ (ต่อไปเป็นเสนาบดีคนสนิทขององค์คังซี)

    ___________

     

    ปราบอ้าวป้าย

     

    ในวันหนึ่งอ้าวป้ายป่วยไม่มาประชุม ตอนบ่ายคังซีไปเยี่ยมอ้าวป้ายที่บ้าน มีองครักษ์ 20 คนเข้าไปด้วย อ้าวป้ายนอนอยู่บนเตียง องครักษ์คนหนึ่งพบว่าอ้าวป้ายมีพิรุธ ด้วยความสงสัยจึงเปิดผ้าห่มออกดูพบว่ามีมีดสั้นซ่อนอยู่ เพื่อจะฆ่าคังซี สถานการณ์ตอนนั้นตึงเครียดทันที ท่างฝ่ายอ้าวป้ายคิดว่าความแตกแล้วตายแน่ คังซีมั่นใจว่าอ้าวป้ายจะก่อกบฎแน่ๆ ส่วนองครักษ์จับอาวุธแน่น

    เตรียมคุ้มกันคังซี อ้าวป้ายเหงื่อแตกพลั่กด้วยความตรึงเครียดว่าจะฆ่าหรือไม่ แล้วเอาตัวรอดยังไงดี

    ตอนนั้นคังซีรู้ว่า ถ้าพูดว่าอ้าวป้ายคิดกบฏ พวกองครักษ์จะจับอ้าวป้าย แล้วพวกอ้ายป้ายจะก่อการกบฏทันทีพร้อมกับหาทางช่วยนาย แผ่นดินจะลุกเป็นไฟ คังซีจึงคลี่คลายสถานการณ์โดยการทำเหมือนไม่รู้ว่าอ้าวป้ายคิดกบฏ เพื่อให้อ้าวป้ายตายใจว่าคังซียังไม่รู้ความจริง แล้วพูดว่า

    อาวุธไม่เคยห่างกายเป็นวัฒนธรรมของชาวแมนจู ยอดขุนพลอันดับหนึ่งของต้าชิงพกอาวุธเมื่อยามป่วยไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อ้าวป้ายได้ฟังก็ตายใจ เหคุการณ์นั้นเกิดขึ้นตอนคังซีได้รับการคืนอำนาจแล้วตอนอายุ 13 หลังจากแต่งงาน ตอน 12

    ตั้งแต่วันนั้นคังซีก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แกล้งหาคู่ปู้มาฝึกกังฟู อ้างว่าอยากฝึกยุทธเบื่อราชกิจ ไม่ไปประชุมทุกวัน เอาแต่เคล้าสุราและนารี หรือไม่ก็เล่นกับองค์ชายใหญ่เป็นเวลาสองปี(ทั้งหมดเป็นฉากบังหน้าเพื่อหลอกอ้าวป้าย ) ในทีสุดก็เตรียมการทุกอย่างพร้อม

    คืนก่อนลงมือ องค์คังซีเรียกคู่ปู้ทั้งสามสิบคน มาเข้าเฝ้า ท่านได้กล่าวไว้ว่า

    พวกเจ้ากลัวเราหรือกลัวอ้าวป้าย พวกเจ้าเห็นว่าเราหรืออ้าวป้ายใครใหญ่กว่ากัน  คู่ปู้ทั้งสามสิบคนตอบอย่างพร้อมเพียงกันโดยไม่ต้องหยุดว่า พวกเรากลัวพระองค์พ่ะยะค่ะ พวกเขาตอบอย่างมั่นใจและหนักแน่น ดีมากเราคิดจะปราบโจรกบฎอ้าวป้าย ในฐานะที่พวกเจ้าเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก จะช่วยเราไหม พวกข้าพระองค์ยินดีถวายชีวิตแด่พระองค์ พวกกระหม่อมจะทำพ่ะยะค่ะ ทันทีที่พวกเขากล่าวจบ องค์คังซีจึง ประกาศความผิดของอ้าวป้ายจำนวนสามสิบกระทง แล้วให้นางกำนัลยกเหล้าเข้ามาดื่มฉลองกัน ถ้าพรุ่งนี้พวกเจ้าพี่น้องของข้า ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกันต้องสินชีพแล้วไซร้ พวกเราคงไม่ได้มีวันนี้อีก มาดื่มฉลองกันเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเราจะได้ดื่มอย่างพร้อมหน้ากันเถอะพี่น้องที่รักยิ่งของข้า หลังจากดื่มเสร็จ องค์คังซีจริงบอกแผนการกำจัดอ้างป้าย ตอนนั้นอ้าวป้ายเริ่มสงสัยว่าคังซีคิดจะทำอะไร

    วันรุ่งขึ้นคังซี เรียกอ้าวป้ายมาพบเพื่อจะทดสอบฝีมือของคู่ปู้ทั้งสามสิบคน อ้าวป้ายเดินเข้ามาอย่างไม่กลัว (เด็กทั้งนั้นฝีมือกระจอก กว่าข้าอีกกลัวไรฟะ) อ้าวป้ายคิดอย่างกระหยิมยิ้มย่อง องค์คังซีใช้การทำถ้วยชาแตกเป็นการสั่งให้ลงมือ พระองค์คุยเรื่องสับเพเหระไปสักพัก จึงทำถ้วยชาตกแตก คู่ปู้ทั้งสามสิบคนกระโจนเข้ามา รุมจับอ้าวป้ายทันที ส่วนเว่ยตงถิงพาองค์คังซีไปหลบเพื่อความปลอดภัยที่อีกห้อง

    พวกเขาต่อสู้อย่างดุเดีอด คู่ปู้สามคนทั้งต่อย เตะอ้าวป้าย เขาซัดพวกเขาจนกระเด็นไปกระแทกกำแพง สลบเหมือดทั้งสามคน มีบางคนใช้เชือกมามัดอ้าวป้ายแต่ถูกพลังกายที่สูงส่งของอ้าวป้าย ใช้แขนกระฉากเชือกอย่างสุดกำลัง ผลคือเชือกที่หนามากขาดกระจุย บางคนใช้เก้าอี้ฟาดหัวอ้าวป้าย

    ปรากฎว่าเก้าอี้หัก อ้าวป้ายแค่มึนนิดหน่อย อ้าวป้ายทั้งชก เตะ ใช้สันมือฟาด บีบลูกระเดีอกของเหล่าคู่ปู้ พวกเขาบาดเจ็บกันระนาว บางคนสิ้นชีพทันที มีอยู่คนหนึ่งใช้เลือดที่แผลที่ฉกรรจ์ของตนสาดใส่ตาของอ้าวป้ายทำให้เขาสูญเสียประสาทตาไปสักพักและเสียสมาธิไปชั่วขณะแต่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับโอกาสที่ทุกคนค่อยมานาน ก่อนที่คู่ปู้คนนั้นจะสิ้นใจ

    ทำให้ตงถิงมีโอกาสกระโดดตระคุบตัวอ้ายป้ายไว้ได้ พวกที่รอดชีวิตและบาดเจ็บเล็กน้อยได้ใช้เชือกมัดอ้าวป้ายไว้ถึงสิบชั้นเพื่อความชัวร์ว่าจะไม่โดนอ้าวป้ายกระฉากจนขาดกระจุยอีก

    ในที่สุดก็จับตัวอ้ายป้ายได้สักที ผลความเสียหายคือห้องนั่นเละไม่มีชิ้นดี คู่ปู้ตายไปแปดคน บาดเจ็บสาหัสอีกสิบคน ที่เหลือบาดเจ็บเล็กน้อย

    หลังจากสำรวจความเสียหายแล้ว คังซีให้คนคุมตัวอ้าวป้ายไปที่ท้องพระโรง ได้ประกาศความผิดของอ้าวป้ายสามสิบข้อต่อหน้าขุนนางทุกคน ได้ตัดสินโทษประหารชีวิตอ้าวป้ายพร้อมกับบุตรชายมี่ร่วมมือก่อการ ส่วนครอบครัวอ้าวป้ายให้เนรเทศไปชายแดน หลังจากตัดสินโทษแล้วได้สั่งให้เอาไปขังคุกรอการประหาร

    ก่อนหน้าที่จะปราบอ้าวป้ายได้มีคำสั่งให้ขุนนางทั้งหมดมาร่วมทั้งองคมนตรีทุกคน มาประชุมตอนบ่าย ยกเว้นสั่วหนีที่ได้ป่วยหนักจนเสียชีวิตไปแล้ว หลังจากที่องค์คังซีแต่งงานได้ประมาณสี่เดือน

     

    หลังจากวันนั่นสามวัน อ้าวป้ายได้ขอเข้าเฝ้าองค์คังซี ตามลำพังเพื่อทูลขอให้

    อภัยโทษตนพร้อมบุตรชาย พร้อมกับโชว์แผลเป็นที่ตนได้เพราะรับคมดาบแทนองค์ฮวงไท่จื่อ (พระอัยกาขององค์คังซี) ทำให้องค์คังซีที่ทรงมีพระเมตตาอยู่แล้ว พระทัยอ่อน ไม่ประหารแล้วแต่ให้จำคุกตลอดชีวิตพร้อมบุตรชาย ตอนนั้นองค์คังซี มีอายุ 16 ชันษา หลังจากกำจัดเสียนหนามของราชสำนักคนที่หนึ่ง จึงได้รวบอำนาจการปกครองไว้กับพระองค์เอง

     

    ปราบไตหวัน  + ซันฟาน

     

    ช่วงระหว่าง 16–20 ปี ไม่มีอะไรมาก ในช่วงนี่มีเหตุการณ์สำคัญ  อยู่สองอย่าง

     

    อย่างแรก

    ในรัชสมัยคังซี ปีที่12  ฮองเฮาได้ให้กำเนิดลูกคนโปรดขององค์คังซี ในวันที่ 16 มิถุนายน, 1674

    หลังจากนั้น ฮองเฮาก็ตกเลือดจนเสียชีวิตไป จะเล่าประวัติของฮองเฮาองค์นี่ให้ฟังคราวๆนะค่ะ

    พระนางเป็นลูกสาวของสั่วเอ่อถู่ (ผู้เป็นบุตรชายของสั่วหนี 1ในสี่องตมนตรี) พระนามว่า เฮอเซอลี่ (Heseri) มีโอรสกับองค์คังซีสามพระองค์

    ตายไปสององค์ มีแต่หยินเหรน (Yinreng) ที่รอดชีวิตเพียงคนเดียว

    เป็นภรรยาที่คังซีรักมาก แต่ช่วงนั้นเที่ยวจีบนางกำนัลไปทั่ว ทำให้องค์ชายองค์แรกเกิดมา

    พระพันปีหลวง(โอรสองค์แรกของฮ่องเต้มียศนี่ เรียกว่าเป๋จื่อ Beizi )

    พระนามว่าหยินที (Yinti)  ไปเยี่ยมราษฎรทางใต้ทำให้รู้ว่ามีกบฎกลุ่มหนึ่งกำลังจะร่วมมือกับอู่ซันกุ้ย เลยต้องหาทางแก้ ตอนนั้นทางใต้ยังมีพวกที่ภักดีกับราชวงศ์หมิงหลายกลุ่ม

    ทำให้ไม่มีเวลาดูแลเท่าที่ควร ด้วยความรู้สึกผิดที่มีต่อฮองเฮาและคำสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะให้ลูกชายที่เกิดกับฮ่องเฮาเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไปท จะเลี้ยงลูกของนางให้เป็นฮ่องเต้ที่ดี เลยตั้งหยินเหรนเป็นองค์รัชายาท นี่คือเหตุการณ์ที่สอง ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ที่คนเขียนไปอ่านเจอมา

     

    ก่อนที่จะปราบซันฟานกับไต้หวันองค์คังซีได้เขียน สิ่งที่พระองค์จะทำให้สำเร็จ

    ไว้สามข้อ บนเสาต้นหนึ่งในวังเชี่ยนชิง นั่งจองมันทุกวัน พร้อมคิดแผนการ จนกว่าจะทำเสร็จ

    ห้ามใครลบเด็ดขาด

    1.  ปราบซันฟาน

    2. แก้ปัญหาน้ำท่วมทางใต้ กับซ่อมเขื่อน (ที่แม่น้ำเหลืองหรือแยงซีเกียงแม่น้ำนี่มักจะท่วมประจำ)

    3. แก้ปัญหาคมนาคม

     

    ก่อนที่จะปราบซันฟาน ต้องปราบไต้หวันให้ได้ก่อนเพราะทั้งสองฝ่ายจ้องหาโอกาสที่ฝ่ายหนึ่งก่อกบฎ เพื่อก่อการพร้อมกัน บางทีอาจจะร่วมมือกัน ซึ่งองค์คังซีทราบดี

    ทางไต้หวันมักจะส่งกำลังทหารมารูปแบบโจรสลัดเพื่อปล้นเสบียงและทำให้ประชาชนสามมนฑลทางใต้สุดของจีนที่ติดกับไต้หวันมากสุด เดีอดร้อนประจำ หวังให้ประชาชนหมดความศรัทธาราชสำนัก นำโดยอ่องเจิ้ง ถ้าเป็นยังงันราชสำนักแพ้แน่  ซึ่งคังซีรู้ดี จะไม่มีทางให้เกิดขึ้นเด็ดขาด

     

    ปราบไต้หวัน

    ชาวแมนจูไม่เก่งการรบทางน้ำ ทำให้ไม่มีกองทัพเรือที่ดีเท่าทางไต้หวัน  เรือที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยหมิง ไม่ได้พัฒนาเพิ่มเลย ได้มายังไงก็อยู่อย่างงันล่ะ ก่อนเริ่มปราบไต้หวันองค์คังซีไปมองโกลเพื่อทำให้จ้าวเผ่าคนอื่นไม่เข้ากับเกอเอ่อตัน ทำให้พวกเขากลับมาภักดีกับต้าชิงดั่งเดิม

    การเดินทางครั้งนั้นได้ขุนนางที่เป็นอาจารย์ของซันหลางซึ่งเป็นแม่ทัพเรือที่เก่งกาจมากในสมัยนั้น เขาเป็นคนของอ่องเจิ้ง ใช้เวลาร่วมทั้งหมดแค่เจ็ดวันปราบไต้หวันจนสำเร็จ

     

    ก่อนการปราบไต้หวัน เตรียมการ

    คังซีสั่งให้อาจารย์ของซันหลางไปปกครองสามมนฑลทางใต้ก่อนสามเดือน หลังจากนั้นได้ส่งเสนาบดีไปสองคนคือหมิงจูกับสั่วเอ่อถู ไปเจรจากับอ่องเจิ้งเพื่อไม่ให้เกิดสงคราม

    แต่ล่มเลวไม่เป็นท่าทั้งคู่ 

     

    เหตุการณ์ช่วงที่สั่วเอ่อถูไปเจรจา

    ในตอนนั้นความขัดแย้งระหว่างชาวฮั่นกับชาวแมนจู ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง สั่วเอ่อถูนำกองทัพทหารเรือของต้าชิงไปประมาณ 1หมื่นนาย ทางอาจารย์ของซันหลาง เขาเป็นผู้ว่าสามมณฑล องค์คังซีให้ค่อยรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ส่งสารทางม้าเร็ว สองเสนาทำอย่างเดียวกัน

    เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลทั้งสองฝ่ายว่า ตรงกันไหม ต่างกันยังไง ตกหล่นไหม

    มีทหารเรือชาวฮั่นส่วนหนึ่งเช่นกัน พอไปถึงสักพัก ทหารเรือทั้งฮั่นกับแมนจูเริ่มตีกัน ตายไป1ร้อยนายโดยประมาณ ยังไม่ทันได้รบกัดกันตายไปตั้งร้อยคน มีโจรสลัดปล้น (ทหารไต้หวัน)

    สั่วเอ่อถูส่งทหารไปรบ รบสามวันสามคืน ทหาร1หมื่นนายตายเกือบหมดรอดสิบคน ปรากฎว่าเป็นแผนของซันหลาง เขาวางอุบายว่า ให้ทหารทำทีว่าแพ้ ล่อไปที่หน้าภาดำ เรือบางส่วนปิดทางหนีพร้อมยิ่งปีนใหญ่ลงมา ทหารเรือต้าชิง เรือบางลำหนีมาได้ ก็โดนยิงถล่ม

    (ความจริงมีอีกจำได้แค่นี่) ทำให้คังซีสนใจในความสามารถของซันหลาง องค์คังซีได้เขียนสารลับให้ผู้ว่า โดยใช้ความเป็นศิษย์อาจารย์หว่านล้อมให้มาเข้าฝ่ายทางราชสำนัก

    ซันหลาง (จำไม่ได้แล้ว)

    ผลคือครอบครัวซันหลางโดนอ่องเจิ้งสั่งประหารหมดซะก่อนทำให้เขาแค้น อ่องเจิ้งไม่ไว้ใจซันหลางก่อนแล้ว จับครอบครัวเป็นตัวประกัน กันไม่ให้ทรยศ ทั้งที่เขาภักดีมาตลอด

    ซันหลางแค้นเลยมาเข้าทางฝ่ายต้าชิงเพื่อแก้แค้นให้ครอบครัว

    เหตุการณ์ช่วงที่หมิงจูไปเจรจา

    หลังจากทหารสั่วเอ่อถูตายเกือบหมด องค์คังซีเรียกตัวกลับ

    หมิงจูมาแทน เขาไปตรวจงานที่ไต้หวันเอง แต่ก็ขัดแย้งกับผู้ส่าสามมนฑลบ่อยๆ ทำให้งานการผราบไต้หวันช้าลงปีก หมิงจูโดนเรียกตัวกลับ

     

    หลังจากนั้นปราบไต้หวันสำเร็จ อ่องเจิ้งฆ่าตัวตาย เขาคิดว่าเสียอำนาจ เสียศักดิ์ศรี กลัวโดนอาญา

    ใช้เวลาเจ็ดวันปราบเสร็จ

     

     

     

     

     

    ประวัติของซันฟาน

    ซันฟานคือสามอ่องศักดินา ได้แก่ อู่ซันกุ้ย ส่างเค่อซี่ เกิ้งจิ้งจง

    อ่องสามคนนี่ประจำการทางสามมณฑล ได้แก่ ยูนาน ฟุเจียนและกวางตุงนำโดยอู่ซันกุ้ย

    ตามลำดับ

     ก่อนที่ฮวงไท่จื่อ (ปู่ขององค์คังซี) จะเริ่มบุกกรุงปักกิ่ง ได้มีซันฟานเป็นสามขุนพลที่เก่งกาจของราชวงศ์จิน ก่อนสมัยองค์ซุ่นจื่อ ราชวงศ์ชิงใช้ชื่อนี่ จินแปลว่าทอง แต่ว่าชื่อคล้ายราชวงศ์ก่อนของจีน เลยเปลี่ยนชื่อ เป็นต้าชิงแทน ความหมายคือโปร่งใส่ หมายความทำนองว่า ต้าชิงมาสยบความอึ้มครึมในราชสมัยหมิง ช่วงนั้นขุนนางหมิงโกงกินชาติ  มีการก่อกบฎอยู่เนื่องๆ

    เช่นกบฎชาวนาที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จีน กบฎตระกูลจาง

    ขันทีมีอำนาจในราชสำนักมากเกินไป ประชาชนเดีอดร้อนเพราะขันทีทำให้ต้าหมิงล่มสลาย

    ทำให้ต้าชิงออกกฎว่าห้ามขันทียุ่งงานเมืองเพื่อเป็นการป้องกันความผิดพลาดแบบเดียวกัน สองอย่างนี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ต้าหมิงสิ้นชาติ แต่ยังมีพวกตาแก่หัวโบราณคิดว่าชาวฮั่นควรปกตรองชาวฮั่นกันเอง ร่วมกลุ่มกันก่อการอย่างลับๆ ทั้งที่คังซีทำงานได้เหนือกว่า ฮ่องเต้ต้าหมิงอีกยี่สิบองค์สุดท้ายซะอีก ในปัจจุบันนี่นักประวัติศาสตร์ ได้ขนานนามคังซีว่ายอดฮ่องเต้ในรอบพันปี

     

     

     พวกเขาได้ช่วยบุกเบิกราชวงศ์ชิงจนสำเร็จ ทำให้ฮวงไท่จื่อ สถาปนาอู่ซันกุ้ย ส่างเค่อซี่กับเกิ้งจิ้งจง

    เป็นสามอ่องศักดินา ให้ไปประจำการที่สามมนฑลทางใต้ สืบตำแหน่งชั่วลูกชั่วหลาน มีอำนาจเท่ากษัตริย์ปกครองสามมนฑลนี่ เปรียบเสมือนฮ่องเต้ แต่ต้องส่งบรรณาการให้ราชสำนักทุกปี

     

     

    ตั้งแต่คังซีครองราชย์ได้ประมาณ 2 ปี ทางซันฟานนั้นได้ขอให้ทางราชสำนักส่งกำลังทหาร อาวุธและเสบียง มาให้ทุกปีโดยอ้างว่าเอาไปปราบพวกโจรสลัด ทั้งที่ซันฟานเป็นนักรบที่เก่งมาก

    แค่โจรสลัดไม่น่าจะต้องใช้กำลังทหารมากขนาดนั้น จำนวนที่ขอก็เเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทุกปี ช่วงนั้นอ้าวป้ายเป็นคนดูแลทางด้านทหาร อ้าวป้ายยังคอยสนับสนุนซันฟานอีกด้วย  ปีที่ฮองเฮาสวรรคตเป็นปีที่มีกบฎทางใต้ พวกเขาได้วางแผนกับซันฟานว่าจะส่งคนมาลอบฆ่าองค์คังซีอีก เพื่อให้ทางราชสำนักเสียขวัญ จะได้ยึดต้าชิงได้ง่ายขึ้น

    พร้อมประกาศให้ประชาชนลุกฮื่อ โดยการบอกชาวฮั่นที่ยังภักดีกับหมิงว่า ต้านชิงกอบกู้หมิงกำจัดทรราชคังซีไปจากแผ่นดิน ขับไล่สุนัขแมนจูออกไปนอกด่าน ทำให้มีคนเข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ

    อู่ซันกุ่ยเคยเป็นขุนพลหมิงมาก่อนแต่ทรยศต้าหมิงไปเข้ากับต้าชิง ตอนสมัยที่ฮ่วงไท่จื่อเพิ่งครองราชย์ ตอนนี่ยังทรยศต้าชิงอีก (เหมือนแม้วเลย เห็นด้วยไหม)

    เขาได้กลับไปใส่ชุดขุนนางหมิงอีกครั้ง

    ในปี ค.ศ. 1673 หรือรัชสมัยคังซีปีที่ 13 อง์คังซีเครียดมาก

    เนื่องจากช่วงนั้นมีกบฎ ที่ ไตหวันโดยตระกูลจาง

    ซันฟานกับกบฎทางใต้ร่วมมือกัน ทางฝ่ายคังซีฮ่องเต้มีกำลังทหารไม่พอ จึงให้หว่างฝู่เซิ่นช่วย

    รบกับซันฟาน แต่เขากับไปช่วยซันฟานอีก ช่วงนั้นฮ่องเฮาเพิ่งสวรรคตไปหมาดๆ ทั้งความโศกเศร้าที่สูญเสียคนรัก ขุนนางที่ไว้ใจ ทรยศหักหลัง (หว่างฝู่เซิ่น) มีทั้งศึกเหนือศึกใต้

    ศึกเหนือคือมองโกลนำโดยเกอเอ่อตัน จะกล่าวในตอนต่อไป ทั้งความผิดหวังในตัวขุนนาง

    ความรู้สึกผิดที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน แผ่นดินลุกเป็นไฟ ทำให้ล้มป่วยไป ยังเกือบสละบัลลังค์อีกด้วยโชคดีที่ไทฮองไทเฮาเตือนสติทำให้มีใจฮึดสู้อีกครั้ง

    ปลายปีทางซันฟานเริ่มก่อกบฎ ทางซันฟานรุกมาเรื่อยๆจนเกือบถึงปักกิ่ง ฝ่ายองค์คังซีขาดกำลังพล เสบียงอาหาร งบไม่พอเพราะ ใช้งบส่วนหนึ่ง ปราบไต้หวันกับเดินทางไปมองโกล

     

    ถ้าซันฟานเข้ามายึดปักกิ่งทันทีเขาจะชนะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟ้าลิขิตหรืออู่ซันกุ้ยตัดสินใจพลาด เขาได้ตีเมืองใกล้เคียงก่อนทำองค์คังซีมีเวลาสะสมเสบียง ทหาร จนสามารถชนะได้ในที่สุด
    ร่วมเวลาในการปราบไต้หวันทั้งสิ้นแปดปี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×