SECRET OF JUSTICE รัฐคลั่ง คนอำมหิต - นิยาย SECRET OF JUSTICE รัฐคลั่ง คนอำมหิต : Dek-D.com - Writer
×
NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด

    SECRET OF JUSTICE รัฐคลั่ง คนอำมหิต

    เมฆเด็กหนุ่มธรรมดา ครอบครัวของเขาถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับแผนการครอบครองอำนาจ เขาจึงต้องสร้างตัวตนใหม่เพื่อแก้ไขเรื่องราวที่เกิดขึ้น

    ผู้เข้าชมรวม

    930

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    25

    ผู้เข้าชมรวม


    930

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    9
    หมวด :  สืบสวน
    จำนวนตอน :  41 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  10 ก.ย. 67 / 22:48 น.
    คำเตือนเนื้อหา NC

    มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ, มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง, มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องแต่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลและหน่วยงานจริง  และจัดทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น  โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

     

    บท โศกนาฏกรรมปี 49 

    ตอนที่ 0  ไม้ขีดไฟในป่าใหญ่

             กริ๊งๆ กริ๊งๆ กริ๊งๆ  เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นพร้อมแสงแดดยามเช้าที่ส่องผ่านช่องว่างของผ้าม่าน  เด็กหนุ่มค่อยๆเอื้อมมือไปปิดนาฬิกาปลุก ขณะที่เขาพยายามลุกจากเตียงอย่างเกียจคร้านในขณะที่ดวงตาของเขายังปิดสนิทอยู่  เด็กหนุ่มค่อยๆบิดขี้เกียจก่อนจะค่อยลากตัวเองเข้าห้องนํ้า  เพื่อทำธุระส่วนตัวและอาบนํ้า

          เด็กหนุ่มผมสีดำในตาสีนํ้าตาลเข้ม อายุ 15 ปี ค่อยๆสวมชุดนักเรียน  เสื้อเชิดแขนสั้นสีขาว และ กางเกงขาสั้นสีดำ ที่เตรียมไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน  เขาเปิดดูกระเป๋าเป้นักเรียนก่อนดูตรวจ  ว่าตัวเองจะไม่ลืมเกมการ์ดที่เขาจะเตรียมไปเล่นกับเพื่อนๆของเขาช่วงหลังเลิกเรียนเสมอ  เด็กหนุ่มสะพายกระเป๋าด้วยไหล่ขวาข้างเดียวก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของเขาที่อยู่ชั้นสองลงมาห้องครัวชั้นล่าง

           เขาเดินลงบันได  หน้าห้องครัวมีชั้นวางของสูงระดับเอว  เต็มไปด้วยรูปถ่ายครอบครัวใส่กรอบรูปต่าง ๆ ทั้งพลาสติก ไม้ และ เหล็ก เขาค่อยเดินเข้าไปในห้องครัวก่อนจะพบกับโต๊ะที่มีเมนู ไข่ดาวระเบิด หรือ ไข่ดาวทรงเครื่อง และ หมูทอดกระเทียม พร้อมกับเสียงรายงานข่าวประจำวันจากโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้

    " เมฆ  ตื่นแล้วหรอ  แม่ทำกับข้าวไว้แล้วนะลูกทานเลย เดียวแม่ไปอาบนํ้าก่อน วันนี้เดียวแม่ไปส่ง "

    " อ่าครับ  แล้วพ่อละแม่ "

    " พ่อไปแต่เช้าแล้ว น่าจะมีงานด่วนเข้าละมั้ง  ถ้าพี่สาวแกลงมาแล้วก็บอก ให้ฝนมันทานข้าวด้วยละ  แม่ไปอาบนํ้าก่อนนะ "

                  ผู้หญิงวัยกลางคนผมสีดำนํ้าตาล ดวงตาสีนํ้าตาลเข้ม เธอมีชื่อว่า นํ้า เธอรีบถอดผ้ากันเปื้อนก่อนเดินออกจากห้องครัวเดินไปฝั่งตรงข้ามก่อนไปทางขวามือเพื่อเข้าห้องส่วนตัวไปอาบนํ้าแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า เมฆ ค่อยเดินไปตักข้าวจากหม้อหุงข้าวใส่จานก่อนเดินมานั่งที่โต๊ะ แล้วเริ่มตักอาหารใส่จานตัวเอง

    " เมฆ พ่อกับแม่อะ " ฝนทักขึ้นมาเมื่อเจอน้องตัวเอง

    " พ่อไปทำงานละ วันนี้แม่ไปส่งแต่ไปอาบนำ้อยู่ "

    เด็กสาวมัธยมปลาย อายุ 18 ปี  ผมยาวสีดำนํ้าตาล ดวงตาสีเทาอ่อน  พยักหน้าก่อนจะเดินเอากระเป๋าว่างบนเก้าอี้  แล้วเดินไปหยิบจานมาตักข้าว

    " แล้วเย็นนี้พี่จะไปเรียน cello อีกไหม "

    " ว่าจะไปแต่เดียวดูก่อนว่ามีใครจะไปส่งไหม  ทำไมสนใจอยากไปเรียนcelloด้วยหรอ "

    " ไม่อะ  ถ้าจะฝึกเล่นทั้งที เล่นกีต้าไม่ก็ไวโอลินไม่ดีกว่ารึไง "

    " เหอะ  ไอ้น้องชายนายจะเข้าใจอะไร เสียงกีต้าร์มันสดใสเกินไป ส่วนไวโอลินเสียงมันก็เศร้าเกินไป ต้องcello สิทั้งอบอุ่นแต่ก็แฝงความเศร้าเอาไว้ต้องนี้สิถึงเป็นเครื่องดนตรีที่ฉันเลือก "

    " อะจ๊ะ  เต็มที่เลย ผมไปเล่นเกมการ์ดกับเพื่อนรอแล้วกัน "

    " แบบนั้นจีบสาวไม่ติดหรอกนะ เอาเถอะอย่างน้อยถ้าหน้าตานายก็พอจะดูได้สักครึ่งหนึ่งของฉันก็คงไม่มีปัญหาหรอก ฮ่า ฮ่า "

           เมฆได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะตักอาหารเขาปากอย่างไม่แยแส เขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น  เอาจริงๆแม้แต่เรื่องการเรียนเขาก็ไม่สนมันมากนั้น  ต่อให้การสอบของเขามันผ่านแบบคาบเส้น  สำหรับเขาผ่านก็คือผ่านไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น  แต่ต่างจากพี่สาวของเขาที่โดดเด่นทั้งเรื่องการเรียน หน้าตา กีฬา และ ดนตรี โดยเฉพาะด้านดนตรีพี่เริ่มเล่น cello ได้เพียงแค่สามเดือน  พ่อก็สามารถพาไปแสดงในงานเลี้ยงหัวหน้าของพ่อที่ได้เลื่อนตำแหน่งเมื่อปีก่อนได้ ตอนนี้ก็ฝึกซ้อมเตรียมไปลงประกวดงานแข่ง ถึงมันจะเป็นงานแข่งเล็กๆแบบเพาะกลุ่มก็เถอะ

           ระหว่างที่ทั้งสองกำลังทานอาหารอยู่นั้นเสียงรายงานข่าวจากวิทยุที่แม่เปิดทิ้งไว้ก็เริ่มรายงานข่าว  " ครับต่อไปเป็นข่าวที่เป็นกระแสจากเมื่อคืน ไฮโซขับรถสปอร์ตขับชนคนเสียชีวิตตายคาที ก่อนขับรถหลบหนี คุณศักดิ์สวรรค์ หรือ คุณ ฤทธิ์ ผู้ต้องสงสัยเข้ามอบตัวที่สถานีตำรวจราชนคร ช่วงเวลา 6 นาฬิกาของเช้าวันนี้  ในขณะนี้ทางตำรวจยังไม่มีการให้สัมภาษณ์หากมีความคืบหน้าทางเราจะรายงานให้ท่านผู้ฟังทราบเป็นระยะๆ "

    " พี่คิดว่าจะรอดคดีไหม "

    " ไม่แน่ สื่อให้ความสนใจแบบนี้ เผยๆบางทีตำรวจยศใหญ่ๆอาจลงมาดูคดีนี้ด้วยตัวเองก็ได้ "

    " ต้องขนาดนั้นเลยหรอ  หลักฐานก็มีถ้าเป็นคนอื่น น่าจะโดนปิดคดีไปแล้ว ไม่ออกข่าวด้วยซ้ำมั้ง "

    " ก็เพราะเป็นเขาไง ลูกเจ้าของธุรกิจห้างใหญ่แบบนั้น คดีไม่จบง่ายๆหรอก "

    " แม่เสร็จแล้ว  เราพร้อมไปกันรึยัง "  เสียงคุณแม่ตะโกนมาจากทางเดิน

    " ครับ ค่า " ทั้งสองคนรีบตะโกนกลับก่อนจะรีบกินข้าวที่อยู่ในจานให้หมดแล้วนำจานไปวางไว้ในอ่างล้างจาน ก่อนจะไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินไปรอหน้าบ้าน  ทั้งสองคนนั้นอยู่คนละโรงเรียน โรงเรียนของฝนอยู่ใกล้บ้านมากที่สุด พ่อและแม่เลยมักจะไปส่งฝนก่อนจะเลยไปส่งเมฆทีหลัง

    ณ สถานีตำรวจ ราชนคร เวลา 8 นาฬิกา

                  ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก เสียงเข็มนาฬิกาดังอยู่ในห้องที่เงียบสงัด ชายหนุ่มอายุประมาณ 25 ปี ทรงผม Pompadour ตัดไถข้าง เซ็ตผมหน้าปัดไปทางด้านหลัง สวมแว่นสีดำทรงกลม เสื้อเชิ้ตสีขาว พร้อมสูทและกางเกงขายาวสีฟ้า นั่งไขว่ห้างและกอดอกอยู่ในห้องคนเดียว ตรงข้ามเขามีโต๊ะที่เต็มไปด้วยเอกสาร พร้อมป้ายชื่อ ผบก.(ผู้บังคับการ) เกียรติศักย์ กนกรดา  ก๊อกๆ  แอ๊ด  เสียงเคาะประตูและเสียงประตูที่เปิดตามมาในเวลาไล่เลี่ยกัน

    " ขอโทษที่ให้รอครับ คุณ ฤทธิ์ ผมเป็นหัวหน้าทีมทนายความของคุณชื่อ ทนาย ธนันกรกานต์ ปัญญา เรียกผมว่า ทนายสรก็ได้ครับ ตอนนี้ผมทำการประกันตัวคุณเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถกลับได้แล้วครับ "

    ชายอายุประมาณ 30 ปี เซ็ตผมเรียบปัดข้าง สวมแว่นสายตาทรงกลม เขาใส่สูทและกางเกงสีเทาเข้ม เสื้อเชิ้ตด้านในสีฟ้าอ่อน ผูกเนคไท สีนํ้าเงินเข้ม เดินเข้าประตูมาพร้อมแนะนำตัวเอง

    " คุณเป็นคนของพ่อหรือแม่ผม "

    " เป็นคนของคุณพ่อคุณครับ "

    " ผบก.คนนี้ดูแลผมได้ดี  ถึงมันจะน่าเบื่อไปหน่อย ช่วยบอกเรื่องนี้ให้พ่อผมด้วยนะ พ่อผมรู้นี้ว่าควรตอบแทนคนแบบนี้ยังไง "

    " ได้ครับ "

    ฤทธิ์ ลุกจากเก้าอี้ก่อนจะเดินไปตบไหล่ทนายสร เบาๆ  ก่อนจะค่อยเดินผ่านทนายสรออกจากห้องไป ทันทีที่ก้าวออกมาจากห้องนั้นเสียงดังเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาทันที

    " ผู้บังคับการ ถ้ารีบปิดคดีแบบนี้ ฝั่งผู้เคราะห์ร้ายไม่มีโอกาสขอสู้คดีเลยนะครับ  แค่เวลายื่นเรื่องขอทนายยังไม่มีเลย"  เสียงจากนายตำรวจคนหนึ่งดังขึ้น

    " หลังฐานมันก็ชัดเจนพอแล้ว  แถมสื่อก็ให้ความสนใจในคดีนี้  นายทำงานมาหลายปีแล้ว  ยังไม่รู้อีกหรอ ว่าคดีนี้มันสำคัญแค่ไหน "

    " ก็เพราะสื่อสนใจไงครับ  เราถึงไม่ควรทำคดีแบบนี้  ถ้าพวกนักข่าวพวกนั้นจะไม่หาว่าเราทำคดี แบบชุ่ยๆ กันรึไง "

    " ทำตามที่ผมสั่ง  อย่าให้ผมรู้หรือได้ยินจากใครนะว่าคุณจะมายุ่งกับคดีนี้  เราไม่มีเรื่องต้องคุยก็แล้วออกไปซะ "

    ตำรวจนายนั้นเดินออกมาจากผู้บังคับการ  ก่อนออกมาเจอกับ ฤทธิ์ ทั้งคู่ยืนจ้องกันพักนึงก่อนที่ฤทธิ์จะหยิบนามบัตรของเขาใส่กระเป๋าเสื้อของนายตำรวจคนนั้น จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูด

    " หึ ผมชอบคนแบบคุณนะ  คุณชื่อ กับ ยศอะไรหรอ " ฤทธิ์ยังไม่ทิ้งท่าทีสบายๆของเขาตอนนี้เขาไม่ต่างจากกำลังเดินเล่นอยู่ที่บ้านของเขา

    " ตะวัน  สารวัตรตะวัน "

    " สารวัตร ผมว่าผมเป็นคนที่มองคนเก่งออกนะ  และรู้ว่าคุณเป็นคนมีความสามารถ  แต่เรื่องแบบนี้มันก็พอพูดคุยกันได้...ใช่ไหม  เราไม่เหมือนกับสัตว์ไม่จำเป็นต้องหันเขี้ยวใส่กัน เอาละไว้ผมจะลองสายจากคุณนะ  สารวัตร "

    ฤทธิ์ ตบไหล่สารวัตรตะวันเบาๆ ก่อนจะเดินผ่านไปหาผู้บังคับการ และเริ่มคุยกับทนายของเขาอีกครั้ง

    " คดีนี้ผมควรทำยังไงต่อ คุณทนาย "

    " ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องนี้ถ้าปิดข่าวไปเรื่อย ๆแล้วไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เรื่องนี้อาจไปไม่ถึงศาลครับ เดียวคนก็ลืมกันไปเอง  หรือ ต่อให้ถึงศาลก็สามารถยื้อเวลาจนคดีหมดอายุความได้ครับ "

    " นานเกินไป เดียวผมต้องไปทำสัญญากับธุรกิจที่ต่างประเทศ อีก2เดือนข้างหน้าผมไม่อยากหุ้นของบริษัทผมตกมากเกินไปตอนเซ็นสัญญา "

    " คุณ ฤทธิ์ สามารถให้สื่อเล่นข่าวอื่นได้ครับ  ปั่นกระแสสักหน่อย ถ้าให้ดีควรให้เล่นข่าวเดียวกันครับ แต่อาจต้องมีค่าใช้จ่ายสักหน่อย "

    " เดียวผมจัดการเรื่องนั้นเอง แต่บางทีอาจไม่ต้องก็ได้ในอีกสองสัปดาห์ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน นักข่าวคงไม่ว่างมาเล่นข่าวเรื่องของฉันแล้ว "

    ก่อนถึงหน้าประตูทนายสรใช้มือขวาง ฤทธิ์ ให้หยุดเดินก่อนจะจัดเนคไทของฤทธิ์ให้หลวมๆและเบี้ยว  ปลดกระดุมเสื้อสูทออก  และ ดึงชายเสื้อออกนอกกางเกงหนึ่งข้างออกเล็กน้อย  ทำเสื้อเชิ้ตให้ยับเล็กน้อย

    " ต้องขอโทษด้วยนะครับ ภาพแรกตอนออกข่าวไม่ควรดูดีจนเกินไปเพราะอาจโดนมองว่าได้รับการปฎิบัติเป็นพิเศษ  อาจไม่ส่งผลต่อคดี แต่มันอาจส่งผลภาพลักษณ์ในข่าว เราควรป้องกันการจับผิดจากสาธารณชนไว้ก่อน  และ ถ้าให้ดีผมว่าช่วงนี้ควรไปพักอยู่ที่โรงแรมก่อนดีกว่าครับ "  ฤทธิ์ ไม่พูดอะไรเขาปลดกระดุมแขนเสื้อออกบางเม็ด และ ขยี้ผมตัวเองเล็กน้อยให้เสียทรงนิดหน่อย ก่อนจะเดินออกไปทางประตูเดินหน้าอย่างผ่าเผย

    " ออกมาแล้ว ออกมาแล้ว!!! "   เสียงเอะอะ อึกทึก ผสมเสียงรัวชัตเตอร์ ดังขึ้นทันทีเมื่อ ฤทธิ์ เปิดประตูก้าวออกมาจากโรงพักพร้อมทนายตามประกบอีก 4 คน และ มีตำรวจคอยล้อมกันไม่ให้นักข่าวเข้าใกล้

    " คุณ ฤทธิ์ คะ จากเหตุการณ์ขับรถชนคนตาย มีความคิดเห็นทางคดีว่าไงคะ  "

    " คุณ ฤทธิ์ คะ ตกลงคุณเป็นคนขับรถ ในวันที่เกิดเหตุใช่ไหมคะ "

    " คู่กรณีเรียกร้องค่าเสียหายยังไงบ้างครับ "

    ทันทีที่นักข่าวจะรัวคำถามเข้าถาโถม หนึ่งในทนายก็ก้าวขึ้นมาด้านหน้าก่อนจะตอบคำถาม

    " คุณ ฤทธิ์ ยังไม่สะดวกในการให้สัมภาษณ์ เนื่องจากผลกระทบทางจิตใจ  และอาจส่งผลต่อการพิจารณาคดี ผมทนายสร เป็นผู้รับผิดชอบคดีของคุณฤทธิ์  ผมจะตอบคำถามทั้งหมดพร้อมกับ ผู้บังคับการ (ผบก.) แต่เราขอให้ คุณ ฤทธิ์ ที่พึ่งได้รับการประกันตัวได้กับไปพักก่อนนะครับ "  ทันทีที่พูดจบตำรวจและทนายช่วยกัน กันนักข่าวพา ฤทธิ์ ไปขึ้นรถเบนซ์สีดำก่อนจะขับออกไปจากสถานี

                  เมื่อรถเบนซ์สีดำขับออกจากสถานีตำรวจ นักข่าวก็มุ่งความสนใจไปหาทนายสร กับ ผู้บังคับการ ทันทีในระหว่างนั้น ชายวัยกลางคนอายุ 40 ปีหนวดเคราเข้ม ไว้ผมทรง Man Bun ไถข้างรวบผมไปข้างหลัง ก่อนมัดจุกบริเวณครึ่งศีรษะ ใส่เสื้อยืดสีขาวทับด้วยเสื้อยีนแขนยาว และ กางเกงยีนขายาว เขายืนอยู่หลังฝูงชน ก่อนมองไปที่ตำรวจนายหนึ่งที่ยืนอยู่หลังสุด ก่อนที่ทั้งสองคนจะผงกหัวขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้แก่กัน  ก่อนที่ตำรวจนายนั้นจะเดินเข้าไปในโรงพัก ชายหนุ่มวัยกลางคนเริ่มค่อยเดินถอยห่างจากฝูงชนแล้วค่อยๆเดินอ้อมไปประตูด้านหลังโรงพัก ก่อนจะเคาะประตู ก๊อกๆ ประตูจะเปิดออกมาพร้อมดาบตำรวจนายหนึ่ง

    " พี่แสง พี่มาอะไรวันนี้ งานโคตรยุ่งเลย " ดาบตำรวจนายหนึ่งเปิดประตูพร้อมกับบ่นใส่แสง

    " พี่มาหาไอ้ตะวัน มันอยู่ไหมโชค " แสงตอบ

    " ผู้กำกับหรอ พี่เข้ามาเลย ผู้กำกับเขาอยู่โต๊ะเขานั้นแหละ "

    แสงค่อยเดินเข้าประตูไป ก่อนตำรวจนายนั้นจะปิดประตู แสงเขาคุ้นชินกับที่นี้ เขาเดินตรงไปหาโต๊ะน้องชายเขา

    " ตะวันพี่มาละ "

    สารวัตรตำรวจอายุ 35 ปี เงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก

    " รอแปปพี่เดียวผมเปลี่ยนเสื้อนอกก่อน "

    ตะวันเปลี่ยนเสื้อชุดตำรวจออกแล้วเหลือเสื้อยืดตำรวจด้านใน ก่อนสวมเสื้อกันหนาวทับ และ ห้อยตราตำรวจไว้ทีคอแต่เก็บไว้ด้านในเสื้อ

    " เราออกด้านหลังกันเถอะด้านหน้าติดนักข่าวอยู่  ดาบ มีใครถามหาผมบอกผมไปกินข้าวกับพี่นะ "

    ตะวันหยิบกระเป๋าสะพายไหล่มาหนึ่งใบ ก่อนมาทั้งคู่เดินออกประตูหลังพร้อมกัน  ก่อนเดินไปขึ้นรถกระบะของแสง

    " เองเรียกพี่มาทำไมหรอ ตะวัน "

    ตะวันค่อยหยิบซองเอกสารสีนํ้าตาลอันหนึ่งออกมา  ก่อนจะหยิบเอกสารในนั้นออกมาวางไว้ระหว่างเขากับพี่

    " พี่รู้เรื่องคดีขับรถชนคนตายวันนี้ไหม "

    " ไม่รู้มากเท่าไหร่ แต่เห็นตอนเดินออกมาทางประตูหน้า "

    " ผมได้ข่าวตอนตีสี่ เลยรีบไปดูกล้องวงจรปิด ก่อนรู้ว่ารถออกออกมาจากโรงแรมเอเดนประมาณ 22.00 น. "  ตะวันโชว์รูปจากกล้องวงจรปิด ในรูปเห็นเป็นรถสปอร์ตสีแดง

    " ได้บันทึกวิดีโอไว้ไหม "

    " อยู่ในม้วนวิดีโอ "

    " หัวหน้าเองรู้ไหมว่าเองตามสืบคดีนี้อยู่ "

    แสงถามหยั่งเชิงตะวัน  แต่ตะวันได้แต่นิ่งเงียบไม่ยอมตอบ

    " ไม่รู้แหง่ๆ ไม่สิน่าจะไม่อยากให้แกสืบมากกว่า " แสงพูด

    จริงๆแล้วแสงพอจะรู้สถานการณ์ของน้องชายของเขาดีตั้งแต่ที่ตะวันโทรหาเขาแล้ว ที่ให้ไปที่สถานีก็คงเพื่อเป็นข้ออ้างที่จะได้ออกมาแอบสืบคดีได้  แต่เขาก็อดเป็นห่วงน้องชายของเขาไม่ได้

    " เราสืบกันเงียบๆก็ได้  ได้อะไรมาค่อยว่ากันอีกที "

    " หัวหน้าเอง ไม่ได้อยากให้เองทำคดีนี้ แถมคดีนี้โดนกักตัวแค่ 2ชม. "

    " ฮึ ได้อยู่ในห้องของผู้บงคับการด้วยนะ "

    " แล้วเองยังจะทำคดีนี้อีกหรอ  เองไม่เหมือนพี่นะเองมีไอ้นํ้าเมียเอง ไหนจะไอ้เมฆกับไอ้ฝนอีก " แสงพยายามปรามน้องของเขา  เขาไม่ให้ต้องการให้น้องของเขาต้องมาจบชีวิตในอาชีพการงานเหมือนกับตัวเขา

    " ผมกลัวว่าจะเจออะไรมากกว่านั้น  แถมผมปิดคดีแบบนี้ไม่ได้ "  เขาทั้งคู่นิ่งเงียบกันครู่หนึ่งตะวันเข้าใจความหมายที่พี่เตือนเขาดี เขาทำงานมาสิบกว่าปี เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นกับเขา แล้วเขาก็รู้ดีว่าปลายทางของเรื่องนี้อาจจบลงไม่ได้สวยนัก

    " ผมอยากให้พี่ไปส่งที่โรงแรมเอเดน ผมคิดเขาพวกนั้นยังไม่น่าจะมีเวลาพอไปจัดการกล้องกับพยานที่โรงแรม "  ตะวันพูดขึ้นอีกครั้ง " พวกนั้นน่าจะยุ่งอยู่กับการทำลายหลักฐานที่รถ ไม่ก็อาจทำลายรถทิ้งไปเลย พี่ไปสืบเรื่องรถให้หน่อยได้ไหม "

    " รถรุ่นอะไร " แสงถาม

    " HD NSX " ตะวันตอบ

    " เฮ้อ  ขากลับเดินกลับเองละกัน " แสงบ่นออกมาอย่างเหนื่อยใจ

    ตะวันยิ้มอย่างเบาใจ  ก่อนที่แสงจะพาตะวันไปส่งที่โรงแรมเอเดน

    โรงแรมเอเดน เวลา 8.00 น.

                  ตะวันเดินเขาไปในโรงแรม ที่นี้มีขนาดที่ใหญ่มาก นอกจากจะเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวแล้ว  ที่นี้มักจะมีการจัดประชุมและกิจรรมในวาระสำคัญต่าง ๆเรียกได้ว่าเป็นโรงแรมอันดับหนึ่งประจำเมือง  อีกทั้งยังมีคาสิโนและกิจกรรมผิดกฎหมายอีกเพียบ แต่เพราะมีเส้นสายกับนักการเมืองและตำรวจระดับสูงเลยไม่มีใครเตะต้องอะไรได้ พนักงานโรงแรมคนหนึ่งเดินเข้ามาหาตะวันอย่างนอบน้อม " ให้ช่วยอะไรไหมค่ะคุณลูกค้า "

                  ตะวันโชว์ตราตำรวจให้พนักงานคนนั้นดู ก่อนบอกพนักงานคนนั้นว่าเขาต้องการพบผู้จัดการ  พนักงานคนนั้นตกใจเล็กน้อยและบอกกับตะวันให้รอสักครู่ก่อนจะเดินหายไป  ใช้เวลาไม่นานนักชายหนุ่มรูปร่างดี สะดาดสะอ้าน ดวงตาเรียวเล็ก เดินเข้ามาหาตะวันพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลา  พร้อมกับสายหูฟังที่ติดกับวิทยุสื่อสารอยู่ทางใบหูด้านขวา

    " ผมเป็นผู้จัดการครับ ไม่ทราบว่าคุณตำรวจ  ให้เกียรติมาเยี่ยมที่นี้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ "

    " ผมอยากของดูภาพจากกล้องวงจรปิดนะครับ " ตะวันตอบกลับ

    " ต้องขอโทษด้วยครับ ทางเราไม่สามารถให้ดูได้หรอกนะครับ นอกจากคุณจะพกหมายศาลมาด้วย "

    " 55 คุณผู้จัดการนี้ตลกจังเลยนะครับ  พอดีกล้องที่ผมอยากดูศาลคงไม่ชอบถ้ารู้ว่ากล้องนั้นมันอยู่ส่วนไหนของโรงแรม "

    " ผมว่าทางเราไม่มีที่แบบนั้นหรอกครับคุณตำรวจ ผมคิดว่าคุณตำรวจคงมาผิดที่แล้วละครับ "

    " คุณผู้จัดการครับ คุณก็คงไม่อยากให้แขกของคุณต้องตกใจใช่ไหมครับ เราพบกันครึ่งทางได้ผมไม่ต้องใช่หมายศาล  แขกของคุณก็ไม่ต้องตกใจ "

    " 55 แบบนั้นก็แย่สิครับ แต่ผมคิดว่าผู้บังคับการ คงไม่เห็นด้วยกับคุณเท่าไหร่นัก คุณจะไม่ได้ดูกล้อง ไม่สิหมายศาลก็ไม่น่าจะได้ "

    " ไม่หรอกครับ ผู้บังคับการต้องเห็นด้วยกับผมแน่  พอดีผมทำงานให้คนคนเดียวกันนะครับ "

    ตะวันพูดอย่างใจเย็นก่อนจะหยิบนามบัตรของ ฤทธิ์ ยื่นให้ผู้จัดการดู  ก่อนจะพูดต่อ

    " คุณคงได้ข่าวของเจ้านายผม เมื่อเช้านี้แล้ว ไม่ต้องตกใจเขาส่งผมมาเช็กของเท่านั้น  ส่วนมันจะทำกำไรให้คุณได้มากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับตอนที่คุณเสนอราคาเท่าไหร่  แต่ผมต้องดูของก่อน "

    " คุณตำรวจ ถ้าเราจะทำธุรกิจกัน  ก็ควรไปคุยกันในห้องรับแขกจริงไหมครับ  ผมจะนำทางให้คุณเอง " ผู้จัดการหนุ่มพายมือก่อนจะเริ่มเดินนำทาง

    ตะวันหายใจออกฟอดใหญ่  เขาเองก็ไม่ได้มันใจนักว่าเรื่องที่เขาพูดจะทำให้ผู้จัดการหนุ่มคนนี้เชื่อได้  แต่ผู้จัดการคนนี้ก็ไม่มีเหตุผลให้ปฎิเสธเข้าในตอนนี้ เขาต้องเดินในไปในถิ่นของอีกฝ่าย  ผู้จัดการรู้ดีว่าเข้าไปมันง่ายกว่าตอนออกมาอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ตะวันรู้สึกกังวลก็คืนท่าทีสบายๆของผู้จัดการคนนี้  ตอนคุยเมื่อกี้ไม่มีสีหน้าของความกังวล หรือ ความตกใจเลย แม้แต่เหงื่อสักเม็ดก็ไม่ไหล

    ณ ตึกแถวแห่งหนึ่ง เวลา 09.00 น.

    " ไอ้ชาติ  เปิดประตูให้กูหน่อย "

    ประตูค่อยเปิดออกมาตามผู้ชายวัยกลางคน  หนวดเครารุนรัง สภาพไม่ได้อาบนํ้าเดินออกมา

    " ไอ้แสง อย่าส่งเสียงดังดิ เข้ามาก่อน  " แสงเดินตามเข้าไปในตึก

    " หัดอาบนํ้าบ้างนะเอง "

    " งานฉันมันตอนกลางคืน มาหาตั้งแต่เที่ยงวันแบบนี้  แล้วยังจะมาบ่นอีก "

    " แล้วเรื่องที่ให้ไปหาข่าวมาละ "

    " รอแปปหนึ่งเดียว ทไวท์ ก็มาส่งข่าวให้ "

    " ไอ้หนูนั้นยังทำงานเป็นสายข่าวให้แกอยู่หรอเนี่ย "

    " ก็ไม่เชิงจะเรียกว่าไม่ได้ทำให้ฉันแค่คนเดียวจะถูกกว่า เดียวนี้ทไวท์มันเป็นคนกลางคอยมารับงานไปแจกจ่ายให้คนในกลุ่มของมัน "

    " 55 เดียวนี้มีคนคบกับมันแล้วหรอ "

    " 55 ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน "

    หลังจากจบการสนทนาได้ไม่นาน  ก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามาภายในตึกแถว  พร้อมกับชายหนุ่มวัย 20 ปีผิวสีเข้ม ผมทรง shot ware ผมยาวหยักศกเล็กน้อย ผิวสีแทน เขาสวมเสื้อยืดสีขาว ทับด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีดำแดง

    " ลุงแสง ลุงชาติ ผมได้ข่าวมาแล้ว " ทไวท์ตะโกนเรียก

    " ได้เรื่องว่าไงบ้าง " แสงถามกลับ

    " ในเมืองนี้มีร้านที่พอรับซ่อมรถสปอร์ตรุ่น HD NSX นี้ได้มีแค่ 2 ร้าน  " ทไวท์พูด

    " ทั้ง 2 ร้านนี้เป็นร้านถูกกฎหมาย  ฉันว่าเราน่าจะไปหาในเมืองข้างเรามากกว่านะ " ชาติพูด

    " ถ้าเป็นแบบนั้น  ผมคงต้องใช้เวลามากกว่านี้  เมืองที่ติดกับเรามีทั้งหมด 3 เมือง แล้วไม่ได้มีคนของผมในเมืองพวกนั้นด้วย " ทไวท์พูด

    " ไม่จำเป็นหรอก เมืองเราเป็นเมืองที่มีภูเขาล้อมรอบเมืองถึงจะบอกว่าเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับเราก็ต้องใช้เวลาเคลื่อนย้ายตํ่าๆก็ 2-3 ชั่วโมง อีกอย่างคดีนี้ไม่ได้ต้องการทำลายหลักฐานว่าไม่เคยเกิดการชน  แต่เป็นการทำลายหลักฐานว่าใครเป็นขับต่างหาก " แสงพูด

    " แล้วถ้าแบบนั้นนายจะให้เราไปหาร้านพวกนี้มาทำไหม  ไม่ใช่ว่าร้านอะไรก็ทำลายหลักฐานพวกนั้นได้ไม่ใช่หรอก " ชาติพูด

    " นั้นสิครับ  บางทีเขาอาจใช้ลูกน้องของเขาเก็บวาดเองได้ด้วยซํ้า " ทไวท์ถาม

    " ไม่หรอก  ลองคิดดูว่าถ้านายมีเงินมีอำนาจขนาดนั้น  ถ้าเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นสิ่งแรกที่เราจะทำคือทำลายหลักฐานการชน  เพียงแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้คดีนี้เกิดมีกระแสในสื่อ  เลยทำให้ไม่สามารถทำลายหลักฐานการเกิดเหตุได้ " แสงพูด

    " แบบนี้นี่เอง หมายความว่ารถยังต้องเก็บไว้อยู่ในร้านที่สามารถซ่อมมันได้  แต่เพราะเกิดกระแสในข่าวเลยต้องเปลี่ยนจากซ่อมรถ เป็นทำลายหลักฐานว่าใครเป็นคนขับแทน " ชาติพูดเสริม

    " ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี " ทไวท์พูดพร้อมกับสีหน้าที่แสดงออกอย่างชัดเจน

    " เหตุการนี้เกิดเหตุช่วง 22.00 น. วานเมื่อนี้ มีข่าวตอน 6 .00 น. ของวันนี้  แต่จากข้อมูลของน้องชายแก่ให้มาได้ข่าวในช่วงเวลา 4.00 น.ของวันนี้  ฉะนั้นเหตุการณ์ที่ขึ้นจนถึงการเตรียมการเข้ามอบตัวมีเวลาทั้งหมดแค่ 6 ชม. " ชาติพูด

    " ลองมาคิดกันดูเล่นนะเมืองเราห่างจากเมืองใกล้ๆ 2-3 ชั่วโมงแสดงว่า ไปกลับอย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช่เวลา 4 ชม. มีเวลาการทำลายหลักฐาน 2 ชม. แต่จากเหตุการณ์ในปัจจุบันแสดงให้เห็นได้ว่ามีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถทำลายหลักฐานในช่วงเวลานั้นได้ " แสงพูด

    " ลุงแต่ถ้าแบบั้นเรียกช่างมาซ่อมในเมืองหรือใช้ร้านในเมืองมาซ่อม.. " ทไวท์พูดก่อนจะหยุดเหมือนนึกขึ้นได้  เขาเข้าใจแล้วว่าทำไหมลุงแสงถึงบอกให้เขาไปหาร้านที่ซ่อมในเมืองนี้ แทนที่จะสั่งให้ไปหาข่าวในเมืองใกล้ๆ  ต่อให้ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่ฟังมาแต่ถ้าคิดแบบเบื้องต้นการเริ่มต้นสืบคดีแบบนี้ก็ควรเริ่มจากการสืบหาจากร้านที่สามารถซ่อมรถแบบนี้เหมือนกัน

    " เรื่องนี้มีสาเหตุบางอย่างที่ทำให้สื่อสามารถรู้เรื่องคดีนี้เร็วมาก  แถมมีสื่อที่รับรู้เรื่องนี้จำนวนมากจนไม่สามารถปิดข่าวได้ แต่ตอนนี้เรายังไม่ต้องสนใจในเรื่องนี้เรามีร้านอยู่ 2 ร้านมีสามารถซ่อมรถสปอร์ต " แสงพูด

    " แล้วเราจะทำยังไงต่อ หรือ  ต้องหาจากทั้งสองร้านเลย " ชาติถาม

    " ในตอนนี้ยังไม่มีข่าวว่าเจอรถที่ก่อเหตุ  หมายความว่าร้านต้องเอาไปซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่ง " ทไวท์พูด

    " ใช่  ถึงจะไม่รู้ว่ามันเก็บรถไว้ที่ไหนแต่ไม่ใช่ไม่มีวิธี " แสงพูดก่อนจะยิ้ม ราวกับมีความคิดชั่วร้ายที่ก่อตัวขึ้นในหัวเขา

    ณ โรงแรมเอเดน เวลา 10.00 น.

    ตะวันยังคงคอยตรวจดูกล้องวงจรของโรงแรมปิดโดยมีพนักงานหนึ่งคนคอยช่วย และมีผู้จัดการคอยยืนประกบ

    " หยุดตรงนี้ก่อน " ตะวันพูดขึ้น

    ภาพที่เห็นคือภาพ ฤทธิ์ กำลังเดินเข้าไปในห้อง ห้องหนึ่งพร้อมกับพนักงานของโรงแรมที่เข็มรถที่มีกระเป๋าใบใหญ่นับสิบใบตามเข้าไปในห้อง

    " ขอดูภาพในห้องนั้นหน่อยได้ไหม "

    พอตะวันพูดจบพนักงานค่อยๆเปลี่ยนภาพของกล้องในห้องนั้น  ภาพที่ออกมาทำให้ตะวันถึงกับหน้าซีด เขาสับสนเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

    " ช่วยนำวิดีโอนี้บันทึกใส่ม้วนวิดีโอให้ฉันหน่อย "

    พนักงานหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองทางผู้จัดการเพื่อขออนุญาติ ผู้จัดการพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นสัญญาณ พนักงานเริ่มนำม้วนวิดีโอเปล่ามาบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดจนเสร็จ ก่อนนำม้วนวิดีโอส่งมอบให้ผู้จัดการ

    " เอาละครับสารวัตร....ถึงเวลาเราต้องคุยกันเรื่องธุรกิจแล้วครับ  " ผู้จัดการยิ้มการจะผายมือขวาไปทางประตูเพื่อเป็นการเชื้อเชิญให้สารวัตรตะวันเดินตามมา  สารวัตรมองเห็นกำไลสีเงินที่ขอมือขวาของผู้จัดการก่อนจะพยักหน้ารับด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย

    แต่ในใจเขากับตื่นตระหนก  เขาคิดตื้นเกินไป เขาเร่งรีบมาที่นี้เพื่อมาสืบหาข้อมูล แต่เขากับไม่ทันได้คิดว่าต่อให้เขาสามารถหาหลักฐานได้พบแต่เขาจะพาเอาหลักฐานออกไปจากที่นี้ได้ยังไง  ตอนนี้เขาทำได้แค่ตามน้ำไปก่อน

    ระหว่างที่สารวัตรตะวัน และ ผู้จัดการกำลังเดินไปห้องรับรอง  ก็มีแสงจากวิทยุสื่อสารกะพริบเล็กน้อยก่อนที่ผู้จัดจะกดหูฟังและพูดใส่ไมค์ที่ติดกับสายหูฟัง

    " กำลังฟังอยู่....ให้พาไปที่ห้องรับแขกก่อน " ผู้จัดการตอบกลับวิทยุสื่อสาร ตะวันถึงกับเกร็ง กล้ามเนื้อพร้อมที่จะต่อสู้ในทันทีที่แสงจากวิทยุสื่อสารกะพริบขึ้น

    " ต้องขอโทษด้วยนะครับ  วันนี้แขกเราเยอะเป็นพิเศษ เฉยเดินต่อได้เลยครับ " ผู้จัดการหันมาพูดก่อนจะพาเดินต่อไป  ตะวันค่อยๆคลายความตื่นตัวลง เมื่อกี้เขาพร้อมจะพุ่งตัวเข้าจู่โจมผู้จัดการคนนี้ทันที่เขาจบสนทนา  แต่จากการที่เขาดูพฤติกรรมและบทสนทนาของผู้จัดการคนนี้  ตะวันคิดว่าเขายังคงปลอดภัย

    เมื่อพวกเขาถึงห้องรับแขก  ผู้จัดการเชิญตะวันให้ไปนั่งเก้าอี้หนังยาวที่อยู่ฝั่งด้านในของห้อง  เมื่อตะวันเข้าไปนั่งตามที่ผู้จัดการบอก  เขาพึ่งรู้ตัวว่าตัวเขานั้นถูกโต๊ะตัวเล็กๆ และ เก้าอี้หนังยาวอีกหนึ่งตัวในฝั่งตรงข้ามเขานั้น  ข้ามทางประตูเข้าออกห้องอยู่  ทันใดนั้นตะวันก็เริ่มสังเกตเห็นว่าผู้จัดการคนนี้ทำการเคาะไมค์ที่หูฟังเขาเป็นจังหวะ  ที่แตกต่างกันตั้งแต่ที่เขาเริ่มก้าวเข้ามาในห้อง  ผู้จัดการเริ่มล็อคห้องพร้อมใส่แม่กุญแจ  และ โชว์ให้ตะวันเห็นว่าเขาเก็บลูกกุญแจไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านขวา  และ  ค่อยๆเดินมานั่งบนเก้าอี้นั่งยาวฝั่งตรงข้ามกับตะวัน  ระหว่างพฤติกรรมทั้งหมดนี้มือของผู้จัดการคนนี้ยังคงเคาะไมหูฟังอยู่  ก่อนที่เขาจะหยุดเคาะแล้วค่อยๆกอดอก  พร้อมกับนั่งนิ่งๆ ไม่ส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย

    ตะวันรู้สึกผิดปกติอย่างรุนแรง  เขาพยายามจะเริ่มต้นสนทนา  แต่ผู้จัดการคนนี้จะโยกมือข้างขวาขึ้นมาห้ามไว้  ก่อนที่นิ้วมือของเขาจะค่อยๆหุบลงที่ละนิด  จาก 5 นิ้ว เป็น 4  3  2  1 เมื่อเขากำมือครบทั้ง 5 นิ้ว ไฟในห้องก็ดับลง

    ตะวันตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับเกร็งกล้ามเนื้อ  และ  ประสาทสัมผัสที่ตื่นตัวสุดขีด พร้อมกับสายตาที่เริ่มปรับตัวให้คุ้นชินกับความมืด  แต่ก่อนที่เหตุการณ์ตะลุมบอนจะเกิดขึ้น  เสียงของผู้จัดการก็ดังขึ้นมาจากความมืด

    " สารวัตรเรามีเวลาไม่นาน ในตอนที่ไฟดับอยู่นี้จะไม่มีการบันทึกภาพหรือเสียง แต่สถานนี้จะมีอยู่เพียง 5 นาที "

    " แล้วถ้าผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนหลอกอยู่ละ "  ตะวันพยายามถ่วงเวลาพร้อมกับพยายามหาตอนต้นของเสียง

    " คุณอาจตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ถ้าผมบอกว่า ลูกน้องของคุณฤทธิ์ ตอนนี้มารออยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว และ ในระดับผู้จัดการทุกคนจะมีกำไลฉุกเฉินอยู่ที่ข้อมือข้างใดข้างหนึ่งทันทีที่กด จะมีกลุ่มเพื่อนๆของผมที่พวกเขาไม่น่ารักสำหรับคุณเท่าไหร่ จะกรูเข้ามาภายใน 2 นาที "

    " แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้คุณไม่ได้กดมันไปแล้ว "  ตะวันพอจะคาดเดาทิศทางของเสียงได้แล้ว  เขาพยายามใช่มือสำรวจสิ่งขีดขวางในทิศทางที่เขาได้ยินเสียง

    " เพราะตอนนี้คุณยังไม่โดนจับ แถมยังไม่เห็นเพื่อนของผมอยู่ที่นี้  อีกทั้งตอนนี้เราเหลือเวลาแค่ 3 นาที "

    ตะวันพุ่งตัวเข้าไปหมายจะคว้าตัวและข้อมือทั้งสองข้างของผู้จัดการ  แต่เขากับจับได้เพื่อข้อมือด้านซ้ายเพียงข้างเดียว  สถานการณ์ตึงเครียดกว่าเดิม  ตะวันเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง

    " พูดต่อซิ  ฉันยังฟังอยู่ "

    " ผมจะปล่อยคุณไป  คุณจะพอมีเวลาประมาณ 1 ชม.ก่อนที่คนพวกนั้นจะรู้ว่าคุณได้เทปนี้ไปแล้ว "

    " แล้วนายจะได้ประโยชน์อะไร "

    " เรื่องนั้นคุณคงไม่ต้องกังวลแทนผม " แก๊ก..เสียงของผู้จัดการยอมพูดไม่ทันได้กะพริบตากระบอกปืนเดสเสิร์ท อีเกิล ก็มาจ่ออยู่ชายโครงขวา

    " แล้วถ้าฉันมีทางเลือกอื่นละ " ตะวันพูด

    " นั้นมันก่อนที่คุณจะรู้ว่า  คนของคุณ ฤทธิ์ มาถึงที่นี้แล้ว "

    แม้ตะวันจะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผู้จัดการคนนี้พูดเป็นความจริงแค่ไหน  ถ้าลูกน้องของฤทธิ์มาถึงจริง ก็คงมาถึงตั้งแต่ตอนที่ผู้ชายคนนี้รับวิทยุตอนเดินพาเขามาที่นี้แล้ว

    "ตอนนี้เหลือแค่ 1 นาที คุณจะอัดผมจบสลบลงตรงนี้ หรือ จะเอาผมเป็นตัวประกัน ก็หนีออกไปจากที่นี้ไม่ได้อยู่ดี"

    ตะวันนิ่งคิดอยู่ครู่นึ่ง ขณะที่เวลาลดลงเรื่อย

    " ฉันตกลง " สิ้นเสียงของตะวัน  ทั้งคู่ก็แยกตัวออกจากกัน แสงไฟสว่างขึ้น  ทั้งคู่ปรับสายตากันเล็กน้อยก่อนที่ผู้จัดการจะชิงจังหวะในการเริ่มสนทนาออกมาก่อน

    " หวังว่าทางเราจะไดทำธุรกิจกับคุณ ฤทธิ์ อีกนะครับ  ส่วนเรื่องค่าให้บริการ  ทางเราจะส่งให้คุณฤทธิ์ในภายหลัง "

    ตะวันพยักหน้า เพื่อเป็นการตอบรับ

    " เชิญทางนี้ได้เลยครับ  ผมจะไปส่งคนที่ทางออก "  ผู้จัดการพูดพร้อมผายมือไปที่ประตู

    ทั้งคู่ค่อยเดินตามกันออกจากห้อง  ผู้จัดการพาตะวันเดินออกทางตะวันด้านหลัง  เมื่อถึงทางออกผู้จัดการหันมาพูดกับตะวัน

    " ถึงตรงนี้เราคงคุยกันได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร "

    " ข้อแลกเปลี่ยนคืออะไร "

    " ผมไม่รู้ว่าเรื่องที่คุณสืบคือเรื่องอะไร  แต่ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดผมจะให้ความร่วมมือในการแบ่งปันข้อมูล "

    " อยากถูกกันเป็นพยานรึไง "

    " ผมมีแผนของผม  แต่ถ้าคุณต้องการพยานผมก็หาให้ได้ "

    ตะวันหยุดคิดเล็กน้อย  นี้ไม่ใช่เรื่องที่แย่สำหรับเขา  แม้เขาจะไม่เชื่อใจในคนคนนี้และยังไม่เข้าใจในเจตนาที่แท้จริง  แต่การได้ข้อมูลจากด้านในก็เป็นเรื่องดีสำหรับเขา

    " ฉันรับข้อเสนอ "

    " เยี่ยม  ยินดีที่ได้ร่วมธุรกิจ  คุณสามารถติดต่อผมได้ที่ ร้าน ม้านั่ง "

    " แล้วให้เรียกนายว่าอะไร "

    " ฮันหยาง ไม่ก็หัวหน้าฮันก็ได้ " ทั้งคู่แยกย้าย ตะวันหลังจากที่ทราบชื่อ ฮัน เขาก็รีบออกไปจากที่นี้ทันที เขามองนาฬิกาข้อมือ เป็นเวลา 10.40 นาที หลังจากตะวันลับสายตา ไม่ช้าพนักงานสวมชุดช่างไฟฟ้าเดินมาหาฮันพร้อมกับเทปวิดีโออีก 2 ม้วน

    " เรียบร้อยแล้วครับ หัวหน้าหยาง "

    " ดีมาก ฉันมีงานให้นายอีกงาน ช่วยไปพาตัวหัวหน้าผู้จัดการมาให้ฉันที "

    " ผมจะจัดการให้ทันทีครับ "

                  ฮันได้เตรียมคนของเขาเข้ามาในโรงแรมนานแล้วคนในห้องกล้องวงจรปิดก็เป็นหนึ่งในนั้น เรื่องไฟฟ้าที่ดับนั้นก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาเตรียมการไว้แล้วเหมือนกัน แม้ฮันจะเสียดายอยู่ไม่น้อยที่อาจทำให้พนักงานคนอื่นที่ไม่ใช้คนของเขารู้ถึงวิธีการส่งสัญญาณโดยการส่งรหัสผ่านเสียงเปิดปิดวิทยุสื่อสาร  แต่นี้ก็เป็นครั้งแรกที่เขานำวิธีนี้มาใช่  แต่เขาคงต้องเตรียมวิธีอื่นไว้บ้าง ฮันเก็บเทปวิดีโอก่อนจะค่อยๆเดินไปหาลูกน้องของฤทธิ์อย่างใจเย็นในที่รับรองแขก  " สวัสดีครับ  ต้องขออภัยในความล่าช้า  ผมเป็นผู้จัดการของที่นี้มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ "

    ร้านไซเรน เวลา 10.00 น.

                  แสงลงจากรถกระบะ  ก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน  ในนั้นมีรถจอดรอซ่อมอยู่2-3 คัน พร้อมกับช่างซ่อมที่กำลังตั้งใจทำงานอย่างขะมักเขม้นอยู่อีกประมาณ 10 คน  แสงเดินเข้าไปในร้านพร้อมกับโชว์ตราตำรวจ แน่นอนว่ามันของปลอมแต่ว่าต่อให้เป็นตำรวจ  ก็ต้องตรวจอย่างละเอียดถึงจะรู้ว่ามันเป็นของปลอมแล้ว  คนส่วนใหญ่จะแยกออกได้ยังไง  

                  ทันทีที่แสงโชว์ตราตำรวจออกมา  ช่างทุกคนต่างหยุดมือจากงานที่กำลังทำอยู่พร้อมเดินมาล้อมแสงห่างจากตัวเขาประมาณ 7-8 ก้าว ก่อนที่จะมีคนคนนึงเริ่มประโยคสนทนา

    " มีอะไรรึเปล่าครับ คุณตำรวจ " เสียงจากชายวัยกลางคนอายุประมาณ 50 ปี เขาแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสีแดง สร้อยคอเป็นทองเส้นใหญ่ที่มี พระองค์ใหญ่ห้อยติดกับสร้อยคอ 3 องค์ เขาถือกระเป๋าแบบถือมือเดียวเดินออกมาด้านหลังจากกลุ่มช่าง

    " พอดีมีคนแจ้งมาว่า  ร้านนี้มีอะไหล่เถื่อนขาย  แถมมีแจ้งเรื่องมีการแอบเปลี่ยนอะไหล่เก่ากับอะไหล่จากรถที่มาซ่อม " ทันทีที่แสงพูดจบ  ชายวัยกลางคนกับมีท่าทีผ่อนคลายขึ้น

    " ไม่เอานะคุณตำรวจ มากล่าวหากันแบบนี้  ร้านผมก็เสียหายกันพอดี "

    " นี้เฮีย เฮียจะบอกว่าผมกล่าวหาเฮียรึไง  ผมแค่มาตรวจตามหน้าที่ "

    " นี้คุณตำรวจอย่าหาว่าผมเสียมารยาทเลย  คุณยศอะไร "

    " ทำไม  จะบอกว่าคุณแอบติดสินบนให้ตำรวจยศสูงไว้รึไง "

    " ไม่กล้าๆ เรียกว่ามีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีต่อกันมากกว่า "

    " แล้วถ้าผมบอกว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวมันช่วยเฮียไม่ได้ละ "  บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นเลยๆ

    " ผมว่าคุณคงอยากคุยกับคนบางคน "  แต่ชายวัยกลางคนพยายามหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อพยายามจะโทรหาใครสักคน

    แต่กับมีเสียงมือถือดังขึ้นขัดจังหวะ  แสงหยิบมือถือขึ้นมาก่อนกดปุ่ม แล้วนำมาแนบหู  แล้วหันหลังให้เจ้าของร้าน

    " อะไรนะ " แสงตะโกนเสียงดังก่อนทำเป็นเสียงเบาลงเล็กน้อย " เจอรถแล้ว...ตกลงว่าไม่เจอรถแต่มีสายข่าวที่รู้...อ่า อ่า แค่นี้ก่อนนะ  "  แสงพูด

    " จะเอายังไง  คุณตำรวจ  หรืออยากยังอยากให้ผมโทรหาใครแค่บางคนให้คุณคุยด้วย " เจ้าของร้านพูด ด้วยท่าทีแข็งกร้าว

    " ไม่จำเป็น  ตอนนี้ผมมีงานเข้ามาพอดี  ส่วนเรื่องที่คุณโดนร้องเรียน  ค่อยมาเคลียร์ วันหลังก็ได้ " แสงหันกลับมาพูดอย่างรำคาญใจ พร้อมกับโบกมือไปมาอย่างไปแยแส  พร้อมกับหันหลังกำลังจะเดินออกจากร้านไป  เจ้าของร้านไม่ได้รั้งแสงไว้  แต่เขาก็เรียกให้ช่างในร้านคนหนึ่งเดินไปดูว่าแสงขับรถจากไปรึยัง

    แสงกับขึ้นมาบนรถก่อนจะขับรถออกไป  หลังจากนั้นไม่นานแสงก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาทไวท์

    " เป็นไงบ้าง  มีอะไรเคลื่อนไว้ไหม "

    " ยังเลยลุง  ตอนนี้ผมจอดรถรอดูอยู่หน้าร้านไซเรนยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเลย "

    " มีคนเฝ้าจุดอื่นอีกไหม "

    " นอกจากผมก็มีอีกจุดสาม  มีหน้าร้านอีกจุดหนึ่งเลยจากผมไปปลอมเป็นรถขายกล้วยทอดอยู่  และก็มีหลังร้านอีกสองจุดเป็นรถขายน้ำหวาน กับรถขายหมูปิ้ง "

    " แล้วอีกร้านเป็นไงบ้าง "

    " ลุงชาติ กับลูกน้องผมก็กำลังเฝ้าอยู่เหมือนจะเริ่มทำตามแผนไปแล้วด้วย  แต่ยังไม่ได้ติดต่อมา "

    " โอเค เปลี่ยนรถแล้วจะกลับไปหา "

    " แล้วทำไมลุงถึงคิดว่าจะเป็นร้านนี้ "

    " ร้านนี้มันจ่ายเงินให้ตำรวจที่เป็นคนของ ผู้บังคับการ แล้วถ้าคดีนี้ผู้บังคับการมีส่วนเกี่ยวข้อง  ก็เป็นไปได้ที่มันจะต้องพยายามช่วยคดีนี้ไม่ทางไหนก็ทางหนึ่ง "

    " ลุงมีช่างออกมาจากร้านขับรถออกไปแล้ว "

    " มีทั้งหมดกี่คนที่ออกมา "  แสงค่อยๆจอดรถก่อนจะเดินออกจากรถไปขึ้นรถอีกรถหนึ่งที่เตรียมไว้

    " มี 5 คน  ผมกำลังจะตามออกไป "

    " โอเค บอกทางฉันเป็นระยะๆ " แสงเริ่มติดเครื่องรถก่อนขับออกไปอย่างช้าๆ

    " ตอนนี้มันผ่านโรงเรียนมัธยมปลาย  แล้วกำลังออกซ้าย ตรงไปทางสะพานขาว "

    " โอเค  ตอนนี้ฉันขับตามหลังนายมาแล้ว "

    " ด้านหน้าถ้าเลี้ยวซ้ายมันจะเข้าสะพาน  ถ้ามันเลี้ยวเข้าสะพานผมจะขับเลยตรงไป "

    " ได้เดียวฉันตามต่อเองทไวท์ "

    " ผมจะต้องขับวนไกลสักหน่อย  แต่จะพยายามขับห่างจากลุงไม่เกิน 20 นาที "

                  รถของช่างเลี้ยวเข้าสะพาน  ไปติดๆกันกับรถของแสง  พวกเขาขับตรงออกห่างจากตัวเมืองไปเรื่อย ๆ ยิ่งออกห่างจากตัวเมืองมากเท่าไหร่  รถก็ยิ่งบางตาลงเท่านั้น  แสงได้แต่ขับทิ้งระยะห่างจากรถที่เขาตาม  แต่ไม่กล้าทิ้งห่างมากเกินไป

                  เขารู้ดีว่าเสี่ยงที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว  แต่ถ้าเขาพลาดแล้วรถเกิดคลาดสายตา เขาอาจไม่มีโอกาสหาเบาะแสคดีรถสปอร์นที่น้องเขาอุตส่าห์ฝากฝังมา ทันใดนั้นรถก็รถของช่างก็เลี้ยวเข้าไปในทางเล็กเส้นหนึ่งมันเป็นถนนดินเปล่าไม่ได้ปูยางมะตอย  แสงถึงกับหยุดรถคิดอยู่ครู่หนึ่งทางมันเปลี่ยวเกินไปถ้าตามต่อไปอีกฝ่ายต้องรู้ตัวแน่แต่ถ้าทิ้งรถไว้ตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าถนนเส้นนี้จะยาวเข้าไปถึงไหน  แสงกดมือถือส่งข้อความแบบSMSให้ทไวท์ทราบที่เส้นทาง ก่อนที่จะตัดสินใจขับรถตามเขาไป

    โรงสี เวลา 11.00 น.

                  ไม่กี่อึดใจแสงก็เห็นรถของช่างจอดอยู่ด้านในโรงสีข้าวเก่าๆ สภาพบอกได้ชัดว่าที่นี้ไม่ได้ถูกใช้งานเป็นเวลานานแล้ว  แสงค่อยๆจอดรถและดับเครื่องอยู่ด้านนอกโรงสี  เขายังไม่ลงจากรถแต่สังเกตอยู่ในรถก่อนที่เขาจะหยิบกระเป๋าสะพายใบหนึ่ง และ กล้องฟิล์มหนึ่งตัว เขาเดินอ้อมไปด้านหลังฝั่งซ้ายโรงสีผ่านกระจกหนึ่งบานและกองแผ่นสักกะสีที่วางอยู่ค่อนหน้าตาก่อนหยิบเอานาฬิกาปลุกออกมาตั้งเวลา  ก่อนจะเดินไปด้านหลังฝั่งขวาเขาหยิบประทัดออกมาหนึ่งพวงก่อนจะจุดแล้วโยนลงพื้นก่อนจะวิ่งไปหลบวนไปทางหน้าตาบานเก่า แสงรีบเอาเอาแผ่นสังกะสีขนาดใหญ่ 2 แผ่นมาวางปิดหน้าต่าง

                  ปัง ปัง ปัง !!   เสียงประทัดดังขึ้น ทันที่ที่เสียงประทัดดังขึ้นแสงเอาก้อนหินทุบกระแทกหน้าต่าง ไม่กี่นาทีต่อมามีคนวิ่งออกมาจากด้านในโรงสี 3 คนวิ่งไปทางด้านหลังโรงสีฝั่งขวาตามเสียงประทัด  แสงมองนับจำนวนคนที่สิ่งออกไปมาจากโรงสี ก่อนจะเอามือลอดผ่านรูกระจกที่แตกปลดล็อคหน้าต่าง  แสงกระดดเข้าไปทางหน้าต่างการ  เขาเห็นช่างอีก 2 คน กำลังใช้นํ้าเกลือกับผ้าเช็ดรอบรถสปอร์ต HD NSX สีแดง แต่กับไม่เช็กคาบเลือดที่ติดอยู่ และที่กระโปรงมียุบเหมือนชนเข้ากับบางสิ่ง  แสงหยิบกล้องมาเริ่มถ่ายรูป  ทันใดนั้นเสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นอีกครั้ง ติ๊กๆ ติ๊กๆ " อะไรอีกเนี่ย   พวกนั้นออกไปมัวทำอะไรกันอยู่  เองออกไปดูอีกคนสิ " ช่างคนหนึ่งที่สวมหมวกอยู่สั่งให้อีกคนเดินออกไปดูต้นตอของเสียง

                  ตอนนี้มีเพียงแสงกับช่างหนึ่งคนที่ยังคงอยู่ด้านในโรงสี  ช่างที่เหลืออยู่เริ่มนำเอาถุงใสใบหนึ่งขึ้นมาในนั้นมีเส้นผมอยู่ในนั้นจำนวนหนึ่ง แสงค่อยถ่ายรูปสิ่งที่เกิดขึ้นเก็บไว้ทั้งหมด ไปจนขึ้นทะเบียนรถและใบหน้าของช่าง ไม่นานช่างทั้งสี่คนก็เดินเข้ามาภายในโรงสี ก่อนเดินมาหาคนที่สวมหมวกพร้อมกับเอาซากประทัดกับนาฬิกาปลุกมาให้เขาดู แสงรีบใช้ช่วงเวลานี้แอบเก็บรูปใบหน้าของแต่ละคนจนครบ  แสงรู้ว่าอีกฝ่ายรู้ตัวแล้ว เขาไม่อยากเสี่ยงอยู่ที่นี้นานกว่านี้ แสงเก็บกล้องเข้ากระเป๋าสะพายแล้วค่อยๆย่องไปหน้าต่างที่เขาเปิดไว้แต่ยังไม่พ้นจากที่ซ่อนเสียงมือถือเข้าก็ดังขึ้น  แสงขนลุกซู่ก่อนจะรีบตัดสายมือถือทิ้งก่อนจะรีบปิดเครื่อง ร่างกายเขาเย็นเฉียบ แต่เหงื่อของเขาไหลออกทั่วตัว ประสาทสัมผัสเตือนตัว อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    " ว่าไง  คนขี้อายตรงนั้นอะ  ไม่คิดจะออกมาคุยกันหน่อยหรอ!! "

    สถานนีตำรวจ 11.20 นาที

                  ตะวัน พยายามโทรหาพี่ชายของเขา  แต่หลังจากกดโทรแรกครั้งอื่น ๆก็ติดต่อไม่ได้เลย เวลาที่ฮันช่วยเขาออกมาตอนนี้เขาเหลือเวลาแค่ 20 นาที และเขารู้แล้วว่าคงมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพี่ชายของเขา  มันยิ่งทำให้เขาวิตกจนนั่งไม่ติดก้าวอีก  เขารีบเก็บของและเอกสารที่จำเป็นแล้วรีบ เดินไปขึ้นรถเก๋งสีเขียวอ่อนของเขาก่อนออกรถเขาได้โทรบอกภรรยาของเขาด้วยความร้อนรน หลังจากนั้นเขาก็ออกรถตรงไปที่ทำงานภรรยาเขาทันที ประมาณ 10 นาที เขาก็ถึงที่ทำงานภรรยาเขา   ทันทีที่ภรรยาขึ้นรถเขาก็บอกให้ภรรยาเขารีบโทรหา ลูกสาว และ ลูกชายของเขาทันที ภรรยาของเขาไม่ได้เข้าใจในสถานการณ์ดีนักแต่สามีของเขาเป็นตำรวจ เธอคิดไว้แล้วบางทีเรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นในสักวัน  เธอโทรหาลูกๆของเธอในทันที  แต่เธอติดต่อลูกชายของเธอไม่ได้ แต่เธอยังพอติดต่อลูกสาวของเธอได้อยู่ตะวันรีบขับไปรร.ของลูกสาวเขาทันทีอีก 25 นาทีก็น่าจะถึง  เขาได้แต่หวังว่าถึงคนของฤทธิ์จะรู้ตัวตนของเขาแล้วแต่เขาก็จะไม่ทำอะไรประเจิดประเจ้อต่อตัวเขาในตอนนี้

    โรงสี เวลา 11.20 นาที

    " ว่าไง  คนขี้อายตรงนั้นอะ  ไม่คิดจะออกมาคุยกันหน่อยหรอ!! "  ช่างที่ใส่หมวกระหว่างที่เขากำลังพูดเขาก็ให้สัญญาณให้ 2 คนเข้าไปตรวจดูตามที่มาของเสียง  และให้ 2 คนเดินไปดักรออยู่ที่ทางออกโรงสีด้านนอก และเขาคอยคุมเชิงอยู่ตรงกลางห้อง ช่างทุกคนหยิบเอาอุปกรณ์ช่างต่างไปเป็นอาวุธ

    " อะไรกัน ทั้งประทัด ทั้งนาฬิกาปลุก แกเป็นคนทำใช่ไหม "

    " อะไรกัน  เป็นเด็กรึไงทำผิดไม่ยอมรับผิด  หรือ แกเป็นเด็กจริงๆ "

    " มาๆออกมาเถอะ  ออกมาตอนนี้ลุงใจดีคนนี้  จะไม่โกรธ จะไม่ว่าอะไรด้วย "  ในระหว่างที่ช่างใส่หมวกกำลังพูดถ่วงเวลา ช่าง 2 คนก็เดินเข้าใกล้แสงเรื่อย ๆ  แสงรีบค้นดูในกระเป๋าว่ามีอะไรบ้าง  เขาหยิบเอาแอลกอฮอล์ในขวดแก้วออกมาขวดหนึ่งและหยิบเอาเหล้าออกมาอีกขวดหนึ่ง  เขารีบกระดกเหล้าอมไว้ในปากมือหนึ่งจุดไฟแช็กไว้มือหนึ่งถือขวดแอลกอฮอล์

                  ทันใดที่ช่างทั้ง 2 คนเห็นแสงไฟจากไฟเช็กของแสงทั้งสองก็รีบพุ่งเข้าชาร์จ  แสงพุ่งตัวออกมาจากที่ซ่อนแล้วพ่นเหล้าผ่านไฟแช็กใช่ช่างทั้งสอง  ทั้งสองกระโดดกลิ้งถอยหลังด้วยความตกใจ  แสงรีบปาแอลกอฮอล์ลงพื้นด้านหน้าจนแตกแล้วยกไฟแช็กลงกองแอลกอฮอล์บนพื้นจนไฟลุก  กองจะพุ่งตัวออกนอกหน้าต่างที่เขาเข้ามาเขาพุ่งชนจนแผ่นสักกะสีที่เขาเคยเอาวางปิดไว้กระเด็น  แสงกลิ้งไปกับพื้นก่อนหยิบก้อนหินใหญ่ก้อนเท่าฝ่ามือก้อนหนึ่งขึ้นมาและวิ่งออกไปทางออกโรงสี  ทันใดนั้นช่าง 2 คนที่ดักอยู่ทางออก เมื่อเห็นแสงพุ่งตัวออกมาจากโรงสีเขาทั้ง 2 ก็วิ่งเข้าไปหาแสงกะจะจู่โจมอีกฝั่งก่อนที่จะตั้งตัวได้  แต่คาดไม่ถึงหนึ่งในนั้นกับถูกแสงซัดก้อนหินใส่ศีรษะจนเลือดอาบ  ส่วนอีกคนด้วยความตกใจเขาหันไปดูเพื่อนของเขาตามก้อนหินปาเข้าใส่ กว่าเขาจะตั้งสติหันกับไปมองศัตรู  เขาก็พบกับหมัดที่กำลังพุ่งเข้ามาใส่หน้าของเขาจนหงายหลัง  แสงไม่หยุดรีบวิ่งพุ่งไปทางออกโรงสี แต่ช่างที่อยู่ด้านในโรงสีก็วิ่งออกมาตามมาติดๆ

                  แสงรีบวิ่งขึ้น เขาล็อคประตูก่อนจะรีบสตาร์ทรถ แม่มเอ๊ย! มาติดยากอะไรตอนนี้ แสงได้แต่สบถอยู่ในใจทันใดนั้นมีช่างคนหนึ่งวิ่งมาทันจนถึงรถพร้อมกับฟาดชะแลงเหล็กลงกระจกหน้ารถของแสงจนราว ทันใดนั้นแสงก็สตาร์ทรถจนติดก่อนจะขับรถถอยหลังอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะมองกระจกหลังซะอีก  หลังจากออกจากระยะของพวกช่างแสงก็พยายามจะกลับรถแต่เขากลับรถได้แค่ครึ่งทาง  เขาก็โดนรถกระบะสีดำปริศนาพุ่งชนใส่ด้านหน้าตัวรถ จนรถของแสงหมุนและหยุดขว้างอยู่กลางถนน  แต่รถไม่ทันหยุดหมุนดีช่างใส่หมวกเขาก็ขับรถออกมาชนเข้ากับบริเวณที่มีบนนั่งของรถ บึ้งงงง!!!  รถของแสงถึงกับกระเด็นล้มตะแคงกับพื้น

    เวลา 11.50 นาที บนรถตะวัน

                  ในระหว่างที่ตะวันขับไปรร.ของฝน เขาได้คุยกับนํ้าภรรยาของเขาว่าตอนนี้เขาไปพบเข้ากับข้อมูลหนึ่งมาแล้วมันเป็นข้อมูลที่อันตรายและเขาไม่ควรรู้  และระหว่างทางนั้นเขาก็ยังติดต่อเมฆไม่ได้มันยิ่งทำให้เขากังวลมากบวกกับเวลาที่ฮันให้กับเขาหมดไป 10 นาทีก่อนแล้ว

    " นํ้าช่วยส่งข้อความหาพี่ชายผมหน่อยว่า มีเรื่องไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น ช่วยไปรับและดูแลเมฆที "

    " แล้วเราไปรับฝนแล้วเราจะไปไหนกัน " นํ้าถาม

    " เราจะกลับไปบ้านก่อน เราจะต้องรีบไปเก็บของที่จำเป็นก่อน  ถ้ายังติดต่อพี่ชายผมไม่ได้เราจะกลับมารับเมฆ แล้วหนีไปหลบที่อื่นสักพัก " หลังจากตะวันพูดจบ  ทั้งสองคนก็ตกอยู่ในความเงียบก่อนที่นํ้าที่กำลังทำหน้าเครียดจะเริ่มถามคำถาม  " คุณ...พอจะบอกได้ไหม.. "  บึ้ง!! ไม่ทันพูดจบทั้งคู่ก็สั่นจากแรงกระแทกจากการโดนชน

    ตะวันหันไปมองหันหลังเห็นรถกระบะสีดำที่เป็นคันที่ชนเขาพยายามส่องไปเป็นจังหวะใส่เขาเพื่อเป็นสัญญาณให้เขาหยุดรถ  แต่ตะวันไม่สนใจจะหยุดรถ  เขากับพยายามเร่งเครื่องพร้อมกลับเปลี่ยนเส้นทางจากจะไปรร.ของฝนไปเส้นทางอื่น  แต่รถกระบะสีดำยังคงขับตามเขาต่อ

    " คุณจะไปไหนนะ "

    " เราจะต้องพามันไปทางอื่นก่อน  ผมไม่รู้ว่ามันเป็นพวกเดียวกับที่ผมคิดไหม แต่ผมไม่อยากพาไปทางรร.ลูก "

    ตะวันเร่งเครื่องขับไปทางถนนออกนอกตัวเมือง  เขาตรงไปทางถนนใหญ่ 4 เลน โดนมี 2 เลนเป็นฝั่งออกจากเมืองและมีอีก 2 เลนเป็นฝั่งเข้าไปในเมือง  โดยมีเกาะกลางถนนคันกลางทั้งสองฝ่าย

    ตะวันเร่งเครื่องตรงไปทางจุดกลับรถ  ก่อนจะดริฟท์รถเข้าจุดกลับรถข้ามไปฝั่งถนนเข้าเมือง  ตะวันหันไปมองกระจกหลังอีกครั้ง  แต่อีกฝั่งยังคงขับรถตามมาอยู่และมีรถเก๋งสีดำคันหนึ่งขับอยู่หน้ารถของตะวัน  พยายามชะลอความเร็วรถ ตะวันเห็นแบบนั้นเขาพยายามจะเปลี่ยนเลนไปทางซ้าย  แต่ทันไหนนั้นรถคันข้างหน้าก็เร่งความเร็วเปลี่ยนเลนมาทางเลนซ้ายเหมือนกัน  ตะวันถึงกับคิ้วกระตุก  เขาพยายามเปลี่ยนเลนเป็นเลนซ้าย รถคันด้านหน้าก็เปลี่ยนเลนมาบังเขาอีกครั้ง ตะวันเข้าใจได้ทันทีว่ารถคันข้างหน้าเป็นพวกเดียวจะคนที่กำลังตามเขาอยู่ แต่สถานการณ์กับเลวร้ายขึ้นอีก  เมื่อรถกระบะสีดำตามมาทันเขาแล้ว

                  ตะวันตะโกนขึ้น " เกาะเบาะแน่นๆ " เขาเยียบเบรกกะทันหันจนรถกระบะด้านหลังชนเข้ากับท้ายรถของเขา  หลังจากนั้นเขาก็รีบเร่งเครื่องออกไปทางเลนขวา จนขนาบข้างรถเก๋งสีดำ  ทันใดนั้นรถเก๋งสีดำขับมากระแทกจากด้านข้าง บึ้งง!! รถตะวันเซเล็กน้อย เขาลดความเร็วลง  ก่อนจะใช่ด้านหน้ารถฝั่งซ้ายกระแทกเข้ากับท้ายรถฝั่งขวาของรถเก๋งสีดำ  จนรถเก๋งสะบัดเสียหลักไปเลนขวา  ตะวันเปลี่ยนเลนออกทางซ้ายแล้วพยายามเร่งเครื่องทิ้งห่างจากรถเก๋งสีดำ แต่ด้วยสภาพรถของเขาทีพังยับ ไม่ช้ารถเก๋งสีดำก็ขับมาประชิดด้านขวาของเขาก่อนจะลดกระจกลงแล้วรัวยิงใส่รถของตะวัน 5 นัดยิงเข้าฝั่งขวา ปัง ปัง ปัง !! กระสุนทั้ง5นัดมีหนึ่งนัดยิ่งเข้ากระจกจนเป็นรอยร้าว

    " นํ้าในเก๊ะรถมีปืนอยู่ " ตะวันรีบตะโกนบอก  นํ้าพยายามเปิดเก๊กรถขึ้น ในเก๊กมีปืนลูกโม่แบบบรรจุ 5 นัด และ กระสุน0.38 ทั้งหมด 10 นัด ตะวันเคยสอนนํ้ายิงปืนมาบางแต่นี้เป็นครั้งแรกที่เธอต้องใช้มันในสถานการณ์จริง

    " แล้วทำไมไม่ใส่กระสุนไว้ " นํ้าร้องลั่น

    " แค่เอาปืนกับกระสุนไว้ใกล้กันก็ผิดกฎหมายแล้ว " ตะวันร้องอย่างตื่นตระหนก เขาไม่ใช่ไม่เคยปะทะกับคนร้าย  แต่การปะทะในแต่ละครั้งไม่เคยมีภรรยาของเขาต้องมาตกอยู่ในอันตรายแบบนี้

                  นํ้าพยายามจะใส่กระสุนอย่างทุลักทุเล บึ้ง !!  ทันใดนั้นรถเก๋งสีดำก็กระแทกรถของตะวันเข้าฝั่งขวา  ปืนลูกโม่หลุดจากมือนํ้าพร้อมกับกระสุนตกลงที่รองเท้า  นํ้าพยายามจะก้มตัวลงไปหยิบแต่ระหว่างนั้น  ตะวันเห็นอีกฝั่งกำลังจะยิ่งปืนใส่พวกเขาอีกครั้ง  เขาเลยหักรถเข้ากระแทกรถเก๋งอีกครั้ง  ปืนที่นํ้ากำลังจะคว้างได้ก็ไหลหลุดมือไปอีกครั้งตามแรงกระแทก  แต่พออีกฝั่งตั้งตัวได้ก็รัวยิงอีก 5 นัดใส่รถจนกระจกข้างคนขับแตก

                  นํ้าหยิบปืนและบรรจุกระสุนลง 1 นัด ก่อนจะเอาปืนจ่อไปที่อีกฝั่ง  ผู้ชายในรถเก๋งที่เป็นหนึ่งในมือปืนเห็นก็ก้มตัวลงหลบ  นํ้ารีบเปลี่ยนทิศทางของปืนเล็งไปที่ล้อรถก่อนจะยิงยางรถเก๋งทิ้ง ปัง!  รถอีกฝ่ายเสียหลักแต่ยังคงประครองรถได้แต่ก็ไม่สามารถไล่ตามตะวันได้อีกแล้ว  หลังจากผ่านช่วงเวลาระทึกพวกเขาทั้งสองพึ่งได้หายใจทั่วท้อง  ก่อนที่ตะวันจะขอให้นํ้าช่วยส่งข้อความบอกพี่ของเขา “ บอกเขาให้ไปรับเมฆทีเราจะไปรับฝนแล้วกลับไปเก็บของกันก่อน  แล้วถ้าเขายังไม่ติดต่อกลับมาเราจะไปรับเมฆอีกที ”

    โรงสี เวลา 11.55 นาที

                                แสงค่อยๆปลดเข็มขัดนิรภัยออก สภาพของเขาตอนนี้มีเลือดออกจากหน้าผากฝั่งซ้ายและมีบาดแผลตามแขนทั้งสองข้างของเขาเล็กน้อย   เขาได้แต่บ่นอยู่ในใจว่างานที่น้องเขาให้มา มันไม่คุ้มเอาซะเลยกลับไปได้จะต้องให้เลี้ยงเหล้ากับชดใช้ค่ารถ เขาหยิบเอากล้องออกมาจากกระเป๋า  ก่อนจะเอาม้วนฟิล์มหยิบออกมาใส่กระเป๋าเสื้อ  ก่อนจะเอาม้วนฟิล์มใหม่ใส่เข้าไปแทน ในระหว่างนั้น มีชายโกนหัว หนวดเคราคมเข้ม สั่งให้คนรัวยิงใส่รถของแสง  แสงรีบใช้เท้าถีบกระจกส่องหลังรถจนหลุดออกมา  เขาพยายามใช้ปืนเดสเสิร์ท อีเกิล สีเงินรัวยิงใส่กระจก 5 นัด ก่อนจะพยายามถีบกระจกหน้ารถออก ชายหัวโล้นสั่งให้หยุดยิงก่อนจะสั่งให้คนเอาปืนลูกซองออกมา แล้วสั่งให้ยิงไปที่รถของตะวัน ปัง นัดแรกถังนํ้ามันรถแตกแถมมีลูกปายบางลูกกระเด้งเข้ามาในตัวรถ ปัง !นัดที่สองกระเด็นเข้ามาในรถโดนที่ไหล่ซ้ายของแสงแต่เขาก็ถีบจนกระจกหลุดกระเด็น  แสงพยายามใช้กระจกส่องหลัง  ออกมาส่งดูนอกรถ เขาเห็น คนทั้งหมด 9 คน โดย มี 5 คนที่เป็นช่าง 4 คนที่ใส่เสื้อผ้าสีดำทั้งตัว และ มีหนึ่งในนั้นกำลังจ่อปืนลูกซองมาที่รถของเขา ทันทีที่แสงเห็นว่าคนนั้นกำลังจะยิงนัดที่สามมาใส่เขา เขารอพุ่งตัวออกหน้ารถที่ไม่มีกระจกสวนออกไปขณะที่ยิงนัดที่สามยิงออกมาพร้อมกับกระเป๋าสะพายที่มีกล้องอยู่ด้านใน  สะเก็ดไฟเกิดขึ้นนํ้ามันรถติดไฟทันทีแสง ยิง ออกไปอีก 2 นัดก่อนจะพุ่งตัวไปหาต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างทาง ตอนนี้เขาอยู่ฝั่งทางออกแต่รถของเขาพังไปแล้ว  แสงเปลี่ยนแม็กกาซีนปืน เขาเหลือกระสุนอยู่ 7 นัด  ต่อให้เขายิ่งแม่น 1 นัดต่อคนได้ แต่ก็ไม่พอต่อจำนวนของอีกฝ่ายอยู่ดี

    " ว่าไงกระสุนหมดแล้วรึไง " ชายหัวโล้นตะโกนทักขึ้น

    " เปล่า แค่กำลังคิดว่าจะยิงใครก่อนดี " แสงตะโกนตอบ

    " แกยอมแพ้เถอะ แกคิดจริงหรอว่าพวกฉันไม่รู้ว่ามีคนขับรถตาม " ชายหัวโล้นตะโกนพูดกับแสงแต่ก็ใช้มือบอกให้คนถือปืนลูกซองให้ค่อยๆเข้าไปชาร์จตัวอีกฝ่าย

    " ฉันว่าฉันเนียนแล้วนะ  ดูท่าฉันจะไม่ได้ทำงานสะกดรอยนานไปหน่อย "  ปัง! แสงโผล่ออกมายิงใส่คนถือปืนลูกซอง เข้าไหล่ขวาที่เป็นไหล่ประคองปืน แล้วรีบหลบเข้าที่กำบังทันที  ก่อนจะเอากระจกออกมาส่องดูอีกฝ่ายอีกครั้ง

    " ฉันบอกไปแล้วไงว่ากำลังคิดว่าจะยิงใคร " แสงตะโกนเพื่อยั่วยุอีกฝ่าย

    " ไม่เอานะ  นายไม่รู้หรอกว่าคดีนี้ตำรวจเป็นพวกเดียวกับใคร " ชายหัวโล้นให้สัญญาณคนเข้าไปลากตัวคนถือลูกซองออกไปพัก

    " พอดีฉันว่าฉันก็พอมีเส้นสายกับเรื่องพวกนี้อยู่บ้างนะ " แสงโผล่ออกมายิงใส่คนที่เป็นช่างกับคนใส่เสื้อดำอย่างละหนึ่งคน ช่างโดนยิงใส่ต้นขา ส่วนชายอีกคนโดนยิงเข้าที่ไหล่ซ้าย น่าเสียดายที่คนนั้นถนัดขวาและเขายังถือปืนได้อยู่ แสงได้แต่นับจำนวนกระสุนที่เหลืออยู่ในใจ เหลืออีก 4

    " ไม่เอาน่า  นายเอาหลักฐานมา  แล้วฉันจะปล่อยนายไป " คนหัวโล้นพยายามหว่านล้อม

    " ได้ๆ ของอยู่ในนี้ "  แสงยื่นกระเป๋าออกมาจากที่กำบังเล็กน้อย

    " นายต้องสั่งให้คนของนายวางอาวุธแล้วถอยไป "  แสงพยายามยื่นข้อเสนอ

    " แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าแก ไม่ได้เก็บหลักฐานไว้กับตัวอีก " ชายหัวโล้นยังไม่ประมาท

    " แล้วฉันจะมันใจได้ไงว่า แกจะปล่อยฉัน "  แสงตะโกนถามกลับไป  แสงได้แต่คิดว่าเขาจะทำยังไงดีเขาจะเข้าไปหลบในป่าข้างทางนี้ดีไหม  แล้วค่อยไล่เก็บทีละคน  แต่เขาก็ส่ายหัวนี้มันไม่ใช่ในหนังที่พระเอกจะเก็บเรียบได้ตอนนี้อีกฝ่ายยังเหลือคนที่ขยับได้ อีก 7 คน

                  ชายหัวโล้นพยายามสั่งให้คนอื่นกระจายเข้าไปรอบจากฝั่งต้นไม้ที่อยู่ติดกับป่า  ทันทีที่แสงเห็นมีความเคลื่อนไหว แสงก็ยิงดักไม่ให้มีใครเข้ามาในป่าได้ไปอีก 2 นัด แสงได้แต่สบถในใจ  หรือว่าเขาไม่มีทางอื่นนอกจากต้องเข้าป่าไปเก็บทีละคน  ทันใดนั้นรถเก๋งสีขาวขับเข้ามาก่อนจะดริฟรถทันหลังให้พวกแสง และ ชายหัวโล้น

    " ลุงมาเร็ว " ทไวท์ตะโกนเรียก แสงรีบโดยกระเป๋าสะพายออกไปก่อนจะพุ่งตัวไปขึ้นรถของทไวท์  โดยมีทไวท์ยิงปืนลูกโม่คุ้มกันให้

    " ไปๆ " แสงตะโกนอย่างเร่งรีบ ก่อนจะหันไปยิงปืนใส่พวกหัวโล้นด้วยกระสุน 2 นัดที่เหลือ  ทไวท์เร่งเครื่องขับออกไปทันที

    " ให้ตามไปไหมครับ " ช่างใส่หมวกถาม

    " ไม่ต้องผ่านคนเจ็บไปรักษาก่อน " ชายหัวโล้นเดินไปค้นกระเป๋าสะพายของแสงก่อนจะหยิบเอากล้องออกมาแกะดูม้วนฟิล์มแล้วเอามาส่องกลับดวงอาทิตย์  ก่อนที่เขาจะสบถอยู่ในใจว่าแล้วเชียว  หมอนี้มันแสบซะจริง

                  แสงได้แต่นอนพักสายตาอยู่บนรถก่อนที่ทไวท์จะเริ่มถาม  " ไปรพ.ไหมลุง "  แสงไม่พูดอะไรก่อนจะส่ายหน้าเขาหยิบเอาม้วนฟิล์มออกมาจากกระเป๋าเสื้อ " ฟากเอาให้ชาติจัดการให้ฉันที " แสงพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง

    " แล้วแกโทรมาหาฉันทำไมไอ้หนูต้องหนีตายเพราะแกแท้ๆ " แสงพูด

    " ผมไม่โทรหาลุงนะ " ทไวท์ตอบ

    แสงได้แต่สงสัยก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเครื่อง  ก่อนจะเห็นว่าแสงและนํ้าโทรมาหาเขาหลายสายแถมเป็นน้องเขาเองที่เป็นคนทำเขาเกือบตาย  เขากดดูข้อความก่อนจะถอนหายใจ และ กดส่งข้อความกลับให้น้องชายของเขา

    " ดูเหมือนฉันจะยังไม่ได้พัก พาฉันไปส่งที่รร.ของเมฆที่ "  แสงหลับตาเพื่อพักสายตาอีกครั้ง

    “ ลุงถ้าจะแก่แล้วสินะ ” ทไวท์พูดอย่างผ่อนคลาย

    “ หนวกหูนะ…ฉันยังแข็งแรงกว่าควายหนุ่มซะอีก  หึ หึ  ” แสงเริ่มผ่อนคลายด้วยเหมือนกัน

    โรงเรียนของฝน เวลา 12.15 นาที

                  ฝนนั่งรอพ่อและแม่ของเธออยู่บริเวณศาลาใกล้ป้อมยามประตูทางออกของโรงเรียน  เธอสับสนและกังวลนิดหน่อยหลังจากเธอได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเธอว่าพวกเขาจะมารับตัวเธอและน้องของเธอกลับบ้าน เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นมาก่อน  แถมนํ้าเสียงของแม่ก็ค่อนข้างจริงจัง  แต่ตอนนี้เธอก็แอบโมโหเหมือนกันที่พ่อกับแม่ของเธอมาช้ากว่าที่บอกไว้ตอนคุยกัน

                  เอี๊ยดด  เสียงเบรกรถดังขึ้นจอดวางหน้าประตูโรงเรียนทางออก  ทันทีที่ฝนได้ยินเสียงเธอก็เดินมันดูเพื่อเป็นรถของพ่อกับแม่ของเธอก่อนจะต้องตกใจกับสภาพรถที่พังยับเยิน  นํ้าแม่ของเธอลงจากรถมาหาฝน  ฝนได้แต่ตกใจ " แม่เกิดอะไรขึ้นทำไมรถมันพังแบบนี้ "  นํ้าใช้สองมือจับไหล่ของลูกสาวของตน " ตอนนี้แม่กับพ่อยังปลอดภัยดีลูกแต่ว่าเราต้องรีบกลับบ้านก่อนตอนนี้ " นํ้าเดินไปหายามที่ป้อมก่อนจะโชว์บัตรประจำตัวประชาชน และ บัตรข้าราชการ ให้ยามดูเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนว่าเธอเป็นผู้ปกครองของเด็กผู้หญิงคนนี้จริงๆ  ก่อนเธอจะรีบผ่านลูกสาวของเธอขึ้นรถเบาะหลังโดยที่เธอก็นั่งเบาะหลังด้วยเหมือนกัน

                  ทันทีที่ฝนขึ้นมานั่งบนรถเธอก็สังเกต ว่าสภาพรถแย่กว่าที่คิดทั้งกระจกที่แตก และ บางที่มีรูเล็กๆอยู่สองสามรู  แถมพอมันสังเกตดีๆพ่อและแม่ของเธอก็มีรอยบาดแผลและทั้งคู่ดูเหนื่อยล้ามากเหมือนกัน  เมื่อรถเริ่มออกตัวฝนก็รู้ทันทีว่าพวกเขากำลังกลับบ้านไม่ได้จะไปรับเมฆที่โรงเรียน

    " พ่อเราไม่ได้จะไปรับเมฆก่อนหรอ " ฝนถามอย่างร้อนใจ

    " เดี๋ยวอาแสง จะไปรับเมฆก่อนเขาส่งข้อความมาบอกพวกพ่อแล้ว "  ตะวันพยายามพูดด้วยอารมณ์ที่สงบที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้  แม้ว่าเขาและภรรยาพึ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดตายก่อนเมื่อ 10 นาทีที่แล้ว

    " แล้วมันเกิดจะไรขึ้น  ทำไมเราต้องกลับบ้านกันตอนนี้ " ฝนเริ่มถามด้วยความรู้สึกว่าตอนนี้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น

    " พ่อขอโทษด้วยนะ  แต่ตอนนี้เราต้องหนีไปซ่อนตัวสักพัก "  ตะวันพูดเสียงเบา  แต่ก็ดังพอเพียงที่ฝนจะได้ยิน

    " ไม่เป็นไรลูกเราจะผ่านมันไปได้ เราจะกลับไปเก็บของที่จำเป็น แล้วถ้าอาแสงยังไม่มาเดียวเราไปรับเมฆเองดีไหม " นํ้าเอามือกลุ้มมือลูกสาวก่อนจะพยายามปลอบโยนต่อลูกสาวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้

                  ขับรถต่อมาอีกไม่นานตะวัน นํ้า และ ฝน พวกเขาทั้ง 3 คนก็กลับมาถึงบ้านของพวกเขา  ทั้งสามแยกย้ายไปเก็บของของตัวเอง หลังจากเก็บของกันใกล้จะเสร็จตะวันก็ติดต่อไปหาชาติให้ช่วยเตรียมรถให้เขาด้วย เขาทองดูนาฬิกาอีกครั้ง เวลา 12.45 นาที  ตะวันหยิบเทปที่ได้จากฮันมาแต่เขาไม่รู้ควรทำยังไงกับมันดี  มันเป็นของที่พาอันตรายมาหาเขาแต่มันก็อาจกลายเป็นสิ่งมีช่วยชีวิตเขาได้ด้วย เขาส่ายหัวสะบัดความฟุ้งซ่านออกไปตอนนี้เขาต้องเอาครอบครัวของเขาไปอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน  ส่วนเรื่องของม้วนวิดีโอค่อยคิดหลังจากนั้น  หลังจากนั้นไม่นานลูกสาวและภรรยาของเขาเก็บของกันครบหมดแล้วแน่นอนของส่วนตัวของเมฆพวกเขาก็เก็บใส่กระเป๋าด้วยเช่นกัน  แม้แต่รูปภาพบนชั้นวางของบนทางเข้าก็เก็บเอาออกทั้งหมดเหลือแต่กรอบเปล่าไว้บนชั้นพวกเขารีบขนของขึ้นรถตอนนี้ท้ายรถหันเข้าทางบ้าน ของเขาส่วนหน้ารถหันไปทางประปูรั้วทางออกที่พร้อมจะขับออกไปได้เสมอแต่พวกเขาไม่ทนจะขนของเสร็จมีรถตู้ขับมาจอดปิดทางเข้าออกบ้านของตะวัน  

    ตะวันขนลุกจนถึงหนังหัวก่อนจะตะโกนให้ภรรยาพาลูกสาวเข้าไปหลบในบ้าน  ปังปังปัง !! เสียงปืนรั่วใส่บ้านของตะวันโชคยังดีที่รถยังพอกันกระสุนให้พอที่นํ้าจะฝนเข้าไปหลบในตัวบ้านได้สำเร็จ ตะวันรีบหยิบเอาม้วนวิดีโอมาเสียบใส่กางเกงด้านหลังก่อนจะปิดประตูบ้านล็อคกุญแจแล้วเอาตู้ใส่ลองเท้ามาวางขวางประตูบ้านไว้  ก่อนจะโยนปืนลูกโม่กับมือถือให้ภรรยาโทรเรียกตำรวจแล้วพากันไปแอบบนชั้นสอง  ส่วนตัวเขาหลบอยู่ในห้องครัวและส่องปืนเดสเสิร์ท อีเกิล สีดำไปหน้าทางเข้าประตูหน้า

    นํ้าพาฝนขึ้นไปห้องของตัวเองก่อนจะล้มโต๊ะเอามาเป็นที่บังกระสุนและเอาชั้นใส่เสื้อผ้าเล็กๆไปวางขวางบานพับประตูเพื่อให้คนที่จะเข้ามาในห้องเจอประตูได้ไม่เต็มทีและปิดประตู  ก่อนจะกดโทรหาตำรวจ

    " ครับ สถานีตำรวจราชนครครับ ต้องการแจ้งเรื่องอะไรครับ "

    " ฉันโทรจากบ้านเลขที่ 49/60 หมู่ 3   ถนน รัฐธรรม จะกลุ่มคนรัวยิงปืนใส่บ้านฉัน  "

    " ใจเย็นนะครับ คุณบอกจำนวนคนที่มาระดมยิงใส่บ้านคุณได้ไหม  "

    " ฉันไม่รู้  แล้วไอ้พวกเวรนั้นกำลังจะพังประตูเข้ามา ในบ้าน "

    " เราจะติดต่อให้สายตรวจไปหาคุณทันที  กรุณาซ่อนตัวเอาไว้นะครับ "

                  สิ้นบทสนทนา  ดาบตำรวจกำลังจะกดโทรหาตำรวจสายตรวจ แต่ไม่ทันจะได้พูด  ก็มีคนมากดมีวางสายของโทรศัพท์ตั้งโต๊ะมานายตำรวจคนนั้น  ก่อนที่นายตำรวจคนนั้นจะหันมองพบกับ ผู้บงการ  ก่อนที่ผู้บงคับการจะพูดว่า  " ไม่ต้องรีบเดียวผมจัดการเรื่องนี้เอง "

                  ระหว่างนั้นมีคนใส่ชุดสีดำใส่หมวกโม่งสีดำทั้งศีรษะเหลือแต่บริเวณดวงตาลงจากรถตู้ ทั้งหมด 5 คน เดินเข้าไปติดระเบิดที่ประตู มีหนึ่งคนอ้อมไปทางหน้าต่างฝั่งซ้าย ส่วนที่เหลือจะบุกจากด้านหน้าโดนหนึ่งในนั้นมีโล่กันกระสุน  เมื่อทุกคนพร้อมแล้วกลุ่มชายชุดดำกดระเบิดประตูทันที ก่อนคนที่เป็นโล่จะบุกเข้าไปก่อน  ตะวันโผล่ออกมายิงใส่โล่ 3 นัดก่อนที่เขาจะเปลี่ยนไปยิงใส่เท้าคนถือโล่ 1 นัด จนล้มแล้วเขาก็ยิงใส่คนที่ตามเข้ามาอีก 2 นัด นัดแรกยิงใส่ขานัดที่สองยิงเข้าไหล่ขวาก่อนเขาจะยิงใส่หัวของคนที่ถือโล่เข้ามาในตอนแรก  ก่อนเขาจะเปลี่ยนแม็กกระสุน  ทันใดนั้นหน้าต่างจากห้องนั่งเล่นถูกพังเข้ามาและมีคนหนึ่งคนพุ่งตัวเข้ามาในบ้านก่อนวิ่งชาร์จใส่ตะวันจนตะวันหลังชนติดกับขอบโต๊ะและปืนหลุดจากมือของเขา  ต่อด้วยการโดนจับคอแทงเข่าใส่ท้องจนล้มลงไปกับพื้น  และโดนนั่งคร่อมตัวแล้วชกใส่หน้าเขาไม่ยั้ง

                  ระหว่างนั้นชายใส่โม่งที่เหลืออีก 2 คนขึ้นไปตรวจชั้น 2 ของบ้าน  พวกเขาทั้ง 2 คนค่อยๆค้นไปที่ละห้องว่ามีคนแอบอยู่ไหม  ห้องแรกพวกเขาเปิดไปไม่มีอะไร  พวกเขาเดินไปห้องฝั่งตรงข้ามก่อนจะถีบประตูเข้าไปและไม่พบกับอะไร  พวกเขาเดินไปห้องที่ 3 ตอนนี้เหลือห้องนี้เป็นห้องสุดท้ายแล้ว คนแรกฝั่งประตูเข้าไปแต่ประตูติดเขาเปิดได้แค่ประมาณ 30 องศา ก่อนที่เขาจะถูกยิงใส่อก ปังปังปัง !! เพื่อนของเขาเข้ามาล็อคคอเขาทันทีแต่ไม่ได้ล็อคคอเพื่อลากตัวออกมา แต่เขาล็อคคอเพื่อใช่ร่างของคนที่ถูกยิงก่อนหน้านี้รับกระสุนทั้งหมด ก่อนจะยิงใส่ปืนและไหล่ขวาข้างที่ถือปืนของนํ้า ก่อนที่เขาจะจะปล่อยให้เพื่อนร่วมงานของเขาที่ถูกล็อคคอไว้ล้มลง

                  ตะวันได้ยินเสียงปืนจากชั้นสอง  เขารีบใช้มือคว้าหาของก่อนจะหยิบได้กระทะแล้วฟาดไปหัวคนที่กำลังนั่งชกเขาอยู่  ตะวันส่ายหัวสะบัดความมึนก่อนใช้กระทะฟาดใส่อีกครั้งขณะที่เขายังนั่งอยู่จนกระทะหลุดมือ  ทั้งคู่ค่อยลุกขึ้นยืนก่อนที่ตะวันจะหยิบมีดทำครัวมาเล่มนึง อีกฝ่ายก็หยิบเอามีดออกมาเหมือนกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะพุ่งใส่กันตะวันแทงออกไปก่อนใส่ท้องอีกฝ่ายหลบไปทางซ้ายก่อนจะแทงสวนมา  ตะวันไม่หลบเขากับเอามือซ้ายรับมีดที่แทงมาก่อนที่เขาจะแทงเข้าอกอีกฝั่งตายคาที  เขาดึงมีดออกจากมือซ้ายก่อนจะไปหยิบปืนเดสเสิร์ท อีเกิล ใส่กระสุน

    " วางปืนลง  " เสียงดังขึ้นจากชั้น 2 ก่อนที่ตะวันจะเห็น ลูกสาวและภรรยาของเขาถูกมัด  แล้วมีมือกระบอกมือ จ่ออยู่ที่ภรรยาของเขา  ตะวันค่อยๆเอามือที่ยังเจ็บอยู่ค่อยเอาม้วนวิดีโอออกมาจากหลังของเขา

    " พวกแกต้องการสิ่งนี้  ปล่อยลูกเมียฉันไป " ตะวันพยายามเจรจา

    " นายไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่เจรจาได้  วางปืน " ชายใส่โม่งตะโนอีกครั้ง

    ตะวันค่อยๆวางปืนลง

    " แตะมันออกห่างจากตัว  โยนม้วนวิดีโอไปด้วย " ชายใส่โม่งสั่งอีกครั้ง ก่อนที่ตะวันจะทำตามอย่างจนใจ

    " ปล่อยตัวลูกกับเมียฉันมาได้แล้ว " ตะวันตะโกนขึ้นอีกครั้ง  ก่อนที่คนชายใส่โหม่งจะให้สัญญาณให้นํ้าและฝนค่อยๆเดินลงมาจากบันไดทันทีที่นำและฝนเดินมาถึงตรงหน้าของตะวัน ปังปัง  กระสุนทะลุร่างของฝนและนํ้าทั้งคู่ค่อยๆทรุดตัวลงตะวันรีบเข้าไปประครองร่างทั้งคู่ก่อนที เขาจะถูกกระสุนยิงเข้าหัว  ร่างของนำและฝนล้มทับร่างของตะวันที่ไร้วิญญาณ  นํ้าพูดอย่างแพรวเบา" ขอโทษนะคะคุณ  แม่ขอโทษฝนด้วยนะ "  ฝนก็พูดด้วยลมหายใจที่รวยริน " แม่...หนูกลัวจังเลย "  " ไม่เป็นไรเป็นลูก...เราจะไม่เป็นไร "  ทั้งคู่หมดลมหายใจในอ้อมแขนของตะวัน  ก่อนที่ไฟจะลุกทั่วไปทั้งบ้านและชายที่สวมโม่งก็หายตัวไป

                  ตำรวจมาล้อมบ้านของตะวัน พร้อมกับรถดับเพลิงที่พยายามควบคุมไฟ แต่สิ่งที่แย่กว่านั้นคือ แสง ทไวท์ และ เมฆ ที่ถึงมาถึง ได้แต่มองภาพเปลวเพลิงที่กำลังท่วมบ้านทั้งหลัง 

    โรงแรมเอเดน

    " หัวหน้าหยาง  ผมพาคุณหลี่มาแล้วครับ " พนักงานช่างไฟฟ้าเดินเขามาพร้อมกับ พาผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเข้ามา

    " เป็นไงบ้างครับคุณหลี่ ผมรู้ว่าตอนนี้ครอบครัวคุณกำลังลำบากเพราะต้องเสียหัวหน้าครอบครัวจากอุบัติเหตุรถยนต์ " ฮันพูดขึ้น

    " เราลำบากกันจริงๆค่ะ  ถึงตอนนี้อีกฝ่ายจะเสนอค่าชดเชยมาแล้ว  แต่ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะรับมันดีไหม " คุณหลี่ตอบ

    " คุณอยากท้วงความเป็นธรรมให้สามีคุณหรอ "  ฮันถาม

    " ไม่รู้สิคะ  ว่าตามตรงไม่ใช่ไม่อยากแต่ เจ้าหนี้พนันที่สามีฉันไปติดเอาไว้ก็ตามมาทวงตลอด "

    คุณหลี่ตอบด้วยความเหนื่อยล้า

    " คุณควรจะรับเงินนั้น "  ฮันตอบ

    " แต่ว่า.. "

    " คนที่ตายไปแล้วก็ตายไป  คนที่ต้องมีชีวิตอยู่ก็ต้องอยู่ต่อ  นี้เป็นเงินประกันชีวิตที่สามีคุณทำกับผม  เอาเงินนี้ไม่ใช่หนี้ซะ แล้วเอาเงินชดเชยนั้นไปเริ่มชีวิตใหม่ " ฮันพูดพร้อมยืนซองเอกสารสีนํ้าตาลให้คุณลี่

    " ขะ..ขอบคุณคะ " คุณหลี่รับเงินพร้อมกับร้องไห้ก่อนจะเดินออกไป

    " ให้เธอสู้คดีต่อไม่เป็นผลดีกับเรากว่าหรอครับ " พนักงานช่างไฟฟ้าถาม

    " ไม่จำเป็นถาม เธอยังสืบคดีต่อไปอาจรู้ว่าฉันเป็นคนวางแผนให้สามีเธอฆ่าตัวตายก็ได้ "

    " แต่หัวหน้าทำแบบนั้นเพราะ ช่วยเขาจากหนี้พนันไม่ใช่หรอกครับ "

    " หลิว นายก็รู้ว่าที่เขาติดพนันก็เป็นแผนของเรา  ถึงส่วนใหญ่มันจะทำตัวเองก็เถอะ  "

    " แล้วเราจะทำอะไรต่อดีครับ "

    " รอดูไปก่อนเราพึ่งโยนความผิดเรื่องข้อมูลกล้องหลุดไปหาตำรวจ ให้เจ้าหัวหน้าผู้จัดการคนนั้น  แถมฉันยังได้ตำแหน่งมันมาแทนแล้วด้วยรอให้เรื่องเงียบลงซักหน่อยแล้วค่อยลงมือทำแผนต่อไป "

    " ครับผมให้ผมไปทำงานในตำแหน่งช่างไฟเหมือนเดิมไหมครับ "

    " ไม่ต้องนายไปทำงานแทนตำแหน่งเดิมฉันซะ  แล้วหาคนมาแทนตำแหน่งนายด้วยละ "

    " รับทราบครับ " หลิวรับคำสั่งก่อนเดินออกจากห้องไป

     

     

     

     


     

     

     

     


     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น