ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฉันหรือเธอที่เผลอใจ

    ลำดับตอนที่ #6 : เกมที่เรียกว่าความรัก 1

    • อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 60


    หลังจากบดินทร์ได้พูดคุยกับเฟื่องฟ้าแล้ว อารมณ์ร้อนๆ ที่คุกรุ่นในอกมากว่าเดือนก็คล้ายจะได้รับการเยียวยา
    เพียงแค่ได้ยินเสียง เพียงแค่ได้พูดคุย และได้รับรู้ถึงเหตุที่เฟื่องฟ้าหนีเขาไป ทำให้บดินทร์รู้สึกมีความหวังขึ้นมา เพราะอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธตัวเขา แต่เธอไม่ต้องการเป็นผู้หญิงของเขา ซึ่งความนัยนั้นมันชัดเจนเหลือเกิน
    เฟื่องฟ้าคือผู้หญิงที่อยู่ในกรอบประเพณีอันดีงาม และมีความคิดอ่านในเรื่องการดำเนินชีวิตคล้ายผู้หญิงโบราณ จะผิดก็เพียงการทำงานเท่านั้นที่เธอเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ เธอจึงมีทัศนคติในการมีความจงรักภักดีต่อผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี แต่เธอก็เติบโตมาในยุคสมัยใหม่ที่ไม่ต้องการมีบ้านเล็ก นั้นหมายความว่า ถ้าเธอไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวของผู้ชายคนนั้น เธอยอมที่จะเจ็บปวดเพื่อหลีกหนีห่างไกลจากชายคนนั้นหรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เธอยอมที่จะเจ็บปวดครั้งเดียว ดีกว่ามองชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี ทำให้เธอต้องเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า
    “ใจเด็ดเหลือเกิน แม่เฟื่อง”
    บดินทร์นั่งยิ้มเล่นไฟแข็คในมือ แล้วก็หวนไปคิดถึงคำพูดที่ได้ยินจากเฟื่องฟ้าเป็นประจำ
    ‘เอาอีกแล้วนะคุณดิน เฟื่องบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าสูบบุหรี่ติดต่อกันแบบนี้ แล้วเมื่อไรจะหายป่วยเสียที เครียดมากนัก ก็หมากฝรั่งในถาดนั่นน่ะค่ะ เฟื่องเตรียมไว้ให้แล้ว ไม่รักตัวเองเลยนะคุณดิน’
    บดินทร์ขยำซองบุหรี่แล้วโยนทิ้งลงถังผงข้างตัวอย่างไม่ไยดี
    “ไม่ชอบให้สูบบุหรี่สินะ”
    บดินทร์นั่งหัวเราะขำตัวเองที่เป็นไปได้ขนาดนี้ กับผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาแทบจะไม่รู้จักเธอ
    แต่บดินทร์รู้ดีว่าที่เขากำลังทุรนทุรายอยู่นี้เป็นเพราะอะไร
    ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยรู้รสรักมาก่อน แน่นอนในเมื่อเขาถูกบอกว่าเป็นชายเจ้าชู้รักสนุก มีหรือที่เขาจะไม่รู้จัก หากแต่เจ้าความรู้สึกนั้น ความห่วงหาอาทร มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเขา ไม่ว่าจะกับผู้หญิงคนใดที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต
    ผิดกับเฟื่องฟ้า การได้รักเธอเป็นเหมือนน้ำผึ้งต้องห้าม เพียงแค่ลืมตาตื่นก็กลายเป็นดังความฝัน ตัวตนเฟื่องฟ้าที่เคยใกล้ชิดพลันห่างไกลทิ้งไว้แต่เพียงความทรงจำ
    บดินทร์เพิ่งจะเข้าใจว่าเพราะอะไรเขาถึงรับเฟื่องฟ้าเข้าทำงาน ทั้งๆ ที่เธอดูออกจะแสนเชยและจืดชืด และเพราะอะไรเขาจึงมักมีความสุขเสียทุกครั้งที่ได้ปะทะคารมกับเธอ
    บดินทร์ไม่เคยตรองดูว่าเจ้าความรู้สึกนั้นคืออะไร กระทั่งเฟื่องฟ้าจากไปราวกับเงา เขาจึงได้รับรู้เสียจนเต็มอก
    เพิ่งจะเข้าใจความรู้สึก เพิ่งจะเข้าใจว่าสิ่งที่เฟื่องฟ้าทำให้ ที่เธอคอยดูแล คอยบ่นว่าเขา มันทำให้เขาเฝ้ามองเธออย่างไม่รู้ตัว และค่อยๆ ซึมซับถึงความห่วงใยจากใจจริงของเธอ และเริ่มรักเธออย่างช้าๆ
    “มาลองดูกันนะเฟื่อง ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก ผมรู้ว่าหลังจากนี้ ไม่ว่าอย่างไร คุณจะไม่มีใครและผมจะหาคุณจนเจอ ผมจะบอกคุณว่าผมรักคุณเหลือเกิน แต่ผมมันโง่เองที่หลงอยู่กับภาพลวงที่คุณสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองจากผม”
    บดินทร์ติดต่อหาสิงห์อีกครั้งและได้รับผลรายงานที่ทำให้เขาเกือบดีใจ แตก็ต้องหดหู่ลงอีกครั้ง
    “ผมรู้ที่อยู่คุณเฟื่องแล้วครับคุณดิน แต่ดูเหมือนจะช้าไป ตอนนี้คุณเฟื่องไม่อยู่ที่น่านครับ”
    “หมายความอย่างไร?”
    สิงห์ไม่ได้อึกอักอะไรยังคงรายงานสิ่งที่สืบทราบมาอย่างใจเย็น แต่ก็อดหวั่นใจในอารมณ์ร้อนวู่วามของบดินทร์ไม่ได้
    “เท่าที่ทราบดูเหมือนว่าคุณเฟื่องจะออกเดินทางไกลครับ แต่บอกปลายทางไม่ได้ครับ”
    “...”

    เฟื่องฟ้าถอนหายใจยาว เอนกายนอนบนเก้าอี้นวมนุ่มด้วยความอ่อนแรงหลังจากพูดคุยกับบดินทร์อีกครั้งหลังจากที่ห่างกันมาสักพัก
    “คุณดิน แล้คุณจะลืมฉัน”
    เฟื่องฟ้าหลับตาลงแล้วหวนคิดไปถึงวันก่อนออกเดินทาง เธอเดินไปบอกพี่ชายและพี่สะใภ้ว่าเธอได้งานใหม่แล้ว และจะต้องย้ายออกไปอีกครั้ง
    ทั้งสายตาห่วงใยและใครรู้ของฟุ้งเฟื่องทำให้เฟื่องฟ้าโผเข้ากอดพี่ชายแน่น เธอไม่เสียใจในสิ่งที่เธอตัดสินใจ เธอเป็นแบบนี้มานานแล้ว อิสระแต่อยู่ในกรอบประเพณีอันดีงาม 
    “ไม่ต้องห่วงเฟื่องหรอกค่ะ นกน้อยของพี่ฟุ้งกำลังสยายปีกบินออกจากรังอีกครั้งเท่านั้นเอง”
    ฟุ้งเฟื่องกอดน้องน้อยนิ่ง แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจพลางลูบศรีษะกลมทุยด้วยความรัก
    “พี่เลี้ยงเรามาผิดใช่ไหม?”
    “ไม่หรอกค่ะ พี่ฟุ้งดูแลเฟื่องดีออก ให้ทั้งวิชาความรู้ และบ้านที่อบอุ่นขนานี้”
    “แต่น้องก็ยังจะไป”
    “น้องแค่ออกไปทำตามความรักและความฝัน สร้างสรรค์งานจากจินตนาการไม่รู้จบอย่างที่พี่ฟุ้งเคยพูดไงคะ”
    “แต่มันไกลเหลือเกินนะครั้งนี้”
    “โถ... แค่สิงคโปร์เอง น้องไปทำงาน ไปหาแรงบันดาลใจ เมื่อไรที่น้องอิ่มตัว น้องจะกลับมาแน่นอนค่ะ”
    “ไม่ใช่เพื่อหนีใครหรอกนะ”
    เฟื่องฟ้าจำได้ว่าเวลานั้น เธอถึงกับสะดุดลมหายใจ สีหน้าที่ตื่นตระหนกเพียงพอแล้วที่จะทำให้พี่ชายมั่นใจว่าน้องสาวของเขากำลังคิดหนีจริงๆ จากใครสักคนที่เธออาจจะมีใจให้
    “พี่ฟุ้ง!”
    ฟุ้งเฟื่องเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงปิดบังใบหน้าน้องสาว พลางพูดไปด้วยน้ำเสียงคล้ายจะตักเตือนสั่นสอนดั่งพ่อครู
    “เฟื่องโตแล้ว พี่คงทำได้แต่เพียงเฝ้าดู พี่เชื่อว่าน้องน้อยของพี่จะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีงาม แต่เฟื่อง เรื่องของความรัก เฟื่องต้องใช้หัวใจก่อนสมองนะ ตรองดูก็แล้วกันและคิดให้จงหนัก คนเราทุกข์ที่สุดก็เพราะความรัก สุขที่สุดก็เพราะความรัก อย่าให้ความรักที่มากมายมาทำร้ายเรา อย่าเล่นตลกกับมัน อย่าตั้งแง่เอากับมัน อะไรจะเกิดก็ให้มันเป็นไป อย่าหนี แต่ถ้าต้องการความช่วยเหลือ สองมือของพี่ก็พร้อมที่จะปกป้องเฟื่องเสมอ”
    เฟื่องฟ้าน้ำตาไหลพรากราวกับเด็กเล็กๆ กอดพี่ชายไว้แน่น
    ทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรแท้ๆ แต่ก็เอาใจใส่เฟื่องฟ้าจนเหมือนจะรู้จักรู้ใจเธอเสมอ ฟุ้งเฟื่องเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด เขาเปิดใจกว้างให้เธอได้คิดได้ตัดสินใจด้วยตัวเองเสมอมา แต่เมื่อไรที่เธอต้องการหลักไว้เพื่อพักพิง เธอจะมีเขาเสมอ ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและบดินทร์ให้เขาฟัง
    แน่นอนฟุ้งเฟื่องโกรธบดินทร์มาก แต่เขาก็เข้าใจน้อง เขารู้ว่าหากเฟื่องฟ้าไม่มีใจและคอยคาดหวังก็คงไม่คิดทำอะไรอย่างการหนีเช่นที่กำลังทำอยู่นี่
    แต่เป็นเพราะหลังจากนี้สิ่งที่เคยเป็นมันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
    เพราะเฟื่องฟ้ารู้แล้วว่าตัวเองได้เผลอใจไปรักเจ้านายหนุ่มนานแล้ว แต่เพิ่งจะรู้ตัว เธอรู้แต่เพียงว่าเธอพอใจกับฐานะผู้เฝ้ามอง และคอยดูแลเขา แต่มาเวลานี้เหตุการณ์มันเกินเลยและดูเหมือนว่าเฟื่องฟ้ากำลังจะกลายเป็นผู้หญิงอีกคนของบดินทร์ ซึ่งเธอไม่อาจตีหน้ายิ้มแย้มเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้
    “เฟื่องไม่อยากคาดหวังค่ะพี่ฟุ้ง คุณดินเจ้าชู้เหลือเกิน เขาคงหยุดอยู่ที่เฟื่องไม่ได้หรอกค่ะ ในเมื่อผู้หญิงที่อยู่รอบตัวคุณดินแต่ละคนเฟื่องสู้ไม่ไหวสักคน”
    นั่นเป็นความในใจและความคิดของเฟื่องฟ้าที่ทำให้ฟุ้งเฟื่องตัดสินว่าจะคอยเฝ้ามอง และจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว ถ้าบดินทร์คิดติดตามเฟื่องฟ้าเพราะความรักก็ดี หรือไม่ติดตามเพราะเห็นเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่บังเอิญผ่านเข้ามาในชีวิตก็ดี เขาจะไม่ทำอะไรทั้งสิ้น เขาจะรอคอยน้องน้อยและช่วยเหลือตามแต่น้องจะร้องขอเท่านั้น

    เฟื่องฟ้าที่นอนทอดสายตาไปไกลในห้องพักสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีคนมากดดกริ่งหน้าประตู
    “ใครกันนะมาเอาเวลานี้”
    เฟื่องฟ้าก้มดูเวลาพบว่าเย็นจัดมากแล้ว เธอเดินไปเปิดประตูและพบว่าเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งพบกันในวันนี้ยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตูนี่เอง
    “คุณหวาง”
    ชายหนุ่มหน้าตี๋ตามเชื้อชาติเผ่าพันธุ์แต่งตัวราวกับหลุดออกมาจากแมกกาซีนยืนยิ้มเสแสร้งอยู่ที่หน้าประตู
    ******************************************************************************************************************************
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×