ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฉันหรือเธอที่เผลอใจ

    ลำดับตอนที่ #12 : ทบทวน

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 61


          ระหว่างมื้ออาหารไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่กำลังจะตัดสินปัญหาชีวิตของทั้งเฟื่องฟ้าและบดินทร์ แต่กลับมานั่งถกกันเรื่องนางแบบที่จะมาเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาชิ้นล่าสุดของทางฝ่ายบดินทร์เสียแทน
         “ทำไมคุณว่าน้องต้นอ้อไม่เหมาะล่ะเฟื่อง”
         เฟื่องฟ้าเพียงแต่เหลือบสายตามองบดินทร์ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ พลางถอดแว่นออกวางไว้บนโต๊ะ ซึ่งเป็นลักษณะที่เขาเห็นจนชินตาในเวลาที่เธอต้องใช้ความคิดเพื่อเจรจาให้ได้มาในสิ่งที่เธอต้องการ แม้จะเพียงชั่ววินาทีที่เธอหลับตาลงเพื่อนวดเบาๆ บริเวณหัวคิ้ว แต่เขาก็ยิ้มไปแล้ว และทันทีที่เฟื่องฟ้าลืมตาขึ้นมองเขาก็รีบปรับสีหน้าให้เคร่งขรึมจริงจังดังเดิม 
         “แล้วคุณว่าผู้หญิงเปรี้ยวจนเข็ดฟันคนนั้นจะมาสวมชุดเรียบๆ แบบนั้นออกมาได้สง่าหรือเปล่าล่ะคะ เรื่องฝีมือเฟื่องไม่เถียงว่าเด็กคนนี้มีฝีมือ แต่บุคลิกของแกไม่เหมาะกับงานนี้หรอกนะคะ จริงอยู่ว่าต้นอ้อเป็นคนสวย สวยมากเสียด้วย แต่ดูยังไงก็ห่างไกลจากคำว่าสง่าค่ะ ให้แกแต่งเดรสสั้นน่ารักๆ ยังจะดูเหมาะกว่าเยอะเลย”
         บดินทร์ที่ละมือจากมื้ออาหารมาสักพักเช่นเดียวกับเฟื่องฟ้า เปลี่ยนเป็นนั่งกอดอกอยู่อีกฝั่งของโต๊ะตรงข้ามกับเฟื่องฟ้าและฟังในสิ่งที่เธอกำลังพูด แม้ว่าจะดูเคร่งเครียดแต่สายตากลับพราวระยับราวกับมีเรื่องถูกใจเกิดขึ้น ซึ่งเฟื่องฟ้าเลือกที่จะไม่สนใจ และออกจะขวางอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา
         แน่นอนว่าบดินทร์เห็นด้วยกับสิ่งที่เฟื่องฟ้าพูดมาทั้งหมด แต่เขาก็อยากจะเห็นสีหน้าจริงจังในเวลางานของเฟื่องฟ้า เขาจึงแกล้งรวนไปอย่างนั้นเอง และก็เป็นอย่างที่หวังไว้ 
         เฟื่องฟ้าเก็บจานชามลำเลียงมาที่อ่างล้างจาน ขณะที่บดินทร์ช่วยถือบางส่วนติดตามมาส่งให้ เธอเก็บล้างไปก็พูดถึงเรื่องงานไปด้วย โดยมีบดินทร์เป็นลูกมือ ทั้งสองไม่ทันได้สังเกตเสียด้วยซ้ำไปว่าบรรยากาศที่รายล้อมรอบตัว ไม่ใช่บรรยากาศของคู่รักที่กำลังง้องอนกันแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นบรรยากาศของคนที่มีแต่ความเข้าใจกันและกันเป็นอย่างดี 
         “เฟื่องไม่รู้ว่าคุณติดใจอะไรเด็กคนนี้นะคะคุณดิน แต่ในสายตาเฟื่อง เฟื่องว่าเด็กคนนี้ไม่เหมาะเลย อีกคนที่เสนอมาเฟื่องว่ายังเหมาะกว่า”
         เฟื่องฟ้าไม่ได้หันไปมองบดินทร์ที่เวลานี้ยืนเยื้องด้านหลังและกำลังมองดูเธอทำงานด้วยสายตาพราวระยับเพราะกำลังกลั้นเสียงหัวเราะ ด้วยความรู้สึกเหมือนเมื่อตอนยังเล็กเขาถูกมารดาดุหลังมื้ออาหาร ในเวลานี้เฟื่องฟ้าให้ความรู้สึกเหมือนคุณแม่ขี้บ่น ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะทำให้บดินทร์คิดไปว่าหากมีลูกด้วยกันเฟื่องฟ้าก็คงจะมีภาพเป็นอย่างนี้แน่นอน แต่เขาเพียงแต่เก็บความรู้สึกอันนั้นไว้ในใจ เท่านั้น
         “ผมก็แค่อยากได้ความเห็นจากคุณ”
         เฟื่องฟ้าถอนหายใจ เธอล้างและเก็บถ้วยชามในที่พักเหนืออ่างเรียบร้อย แต่ยังคงสาละวนเก็บล้างบริเวณนั้นอีกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงพูดต่อไป
         “คุณก็เป็นเสียอย่างนี้ ชอบชวนเฟื่องทะเลาะอยู่เรื่อย”
         “ผมเปล่านะ ผมอยากได้คำยืนยันจากคุณเท่านั้นเอง”
         “คุณดิน”
         “โอเคๆ ผมยอมแล้ว”
         บดินทร์ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเสมอไหล่ในท่ายอมแพ้ เพราะเวลานี้เฟื่องฟ้ามองเขาดวงตาเขียวปัดด้วยความโกรธกรุ่นนิดๆ และเขาไม่อยากให้เธอโกรธเลย
         “ผมยอมแพ้แล้ว ตกลงผมเลือกอีกคน แต่ผมว่าที่คุณไม่อยากให้ผมเลือกน้องต้นอ้ออีกเหตุผลคงไม่ใช่เพราะไม่อยากให้ผมใกล้เขามากกว่า ใช่ไหมล่ะ”
         “ก็ใช่นะสิ... อุ๊ย!”
         เฟื่องฟ้าพลาดไปเสียแล้ว กว่าจะรู้สึกตัวใบหน้าของเธอก็แดงจัดด้วยความอับอาย และเขาก็เข้าใกล้เธอเสียจนรับรู้ถึงลมหายใจ เขาขโมยหอมแก้มเธออย่างรวดเร็วแต่มือกลับอ้อยอิ่งอยู่แถวๆ ต้นแขน ซึ่งเฟื่องฟ้าได้กลายเป็นอัมพาตไปเสียแล้ว 
         บดินทร์เห็นเฟื่องฟ้าตกใจเสียจนยืนนิ่งให้เขาได้มีโอกาสสัมผัสตัวเธอ แต่เขาก็ไม่คิดล่วงเกินมากกว่านั้น แม้ว่าเขาจะยังอยากแกล้งเธออีกสักนิด จึงกระซิบเสียงเบาที่ข้างหูซึ่งแดงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะกดจุมพิตเบาๆ ที่ข้างแก้มอีกครั้งแล้ว
         “ผมเลิกหมดแล้วเฟื่อง ตอนนี้ผมมีคุณคนเดียว และจะเป็นแบบนั้นตลอดไป ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นทั้งชีวิตของผม”
         บดินทร์ผละออกห่างจากเฟื่องฟ้าไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเฟื่องฟ้าจะยังไม่ได้สตินัก กว่าเธอจะรู้ตัวว่าพลาดท่าให้กับผู้ชายเจ้าเล่ห์ไปแล้วก็กินเวลาไปหลายนาที จะพูดจาทักท้วงอะไรก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะเขาหายเข้าไปในห้องน้ำปล่อยให้เธอต้องคิดหนักกับการตัดสินใจที่จะส่งผลต่อทั้งชีวิต
         “คนเอาแต่ใจ”
         เฟื่องฟ้าเดินมองข้าวของที่มีเพิ่มขึ้นมาจากที่เคยมีแต่ของใช้ส่วนตัวของเธอแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ ก่อนจะจัดวางให้เป็นระเบียบ
         “คุณดิน”
         เฟื่องฟ้าเรียกบดินทร์ไว้ก่อนที่เขาจะเล่นซ่อนหาให้เธอคอยวิ่งไล่หาเขา แม้ห้องจะไม่กว้างมากนัก แต่เขาก็หลบหลีกเธอได้เก่งเหลือเกิน
         “หือ”
         บดินทร์ที่เวลานี้มีหยดน้ำเกาะพราวทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูเคียงเอวกับผ้าเช็ดผมเท่านั้น ทำให้เฟื่องฟ้าแทบพูดไม่ออก เธอต้องข่มใจตั้งสติก่อนจะพูดไปหน้าแดงไป
         “ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยค่ะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
         บดินทร์ยิ้มรับ เขารู้ว่าเวลานี้อย่างไรก็ต้องมาถึง ความจริงเขาควรจะเป็นคนออกปากถึงจะถูก แต่เมื่ออยู่ใกล้เฟื่องฟ้าแล้วเขากลับทำตรงข้ามทุกที แม้ว่าจะอึดอัดใจอยู่บ้างเพราะความคลุมเคลือในความสัมพันธ์ แต่เขาก็เลือกที่จะทำเป็นเฉยๆ เสีย
         เฟื่องฟ้านั่งนิ่งหลังตรงอยู่ตรงมุมรับแขกเล็กๆ เยื้องกับหน้าห้องน้ำนั่นเอง เธอมองตามบดินทร์ที่เดินลับหายเข้าไปในห้องนอนของเธอด้วยความรู้สึกหลากหลายผสมกัน เธอยอมรับว่าเธอรักผู้ชายคนนี้ แต่เธอไม่แน่ใจในความรู้สึกของเขา แม้ว่าเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเขาเพิ่งจะบอกว่าจะใช้เวลาทั้งชีวิตที่เหลืออยู่พิสูจน์ก็ตาม
         เฟื่องฟ้าถอนใจยาว เธอไม่แน่ใจว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอจะถูกต้องหรือไม่ เธอเชื่อในความรัก แต่เธอไม่แน่ใจในความรู้สึก 
         แม้ว่าบดินทร์จะเดินเข้าห้องด้วยใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มแบบที่เคยเป็น แต่ทันทีที่แน่ใจว่าอยู่ห่างจากสายตาของเฟื่องฟ้า ใบหน้าของเขาพลันปรากฏความเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ระหว่างที่แต่งตัวก็ได้แต่ภาวนาให้เขาและเฟื่องฟ้าสามารถตกลงกันได้ ในเวลาเช่นนี้ประสบการณ์ที่เคยมีมาดูราวกับช่วยเขาไม่ได้เลย
         เมื่อบดินทร์ออกจากห้องสายตาของเขาจับจ้องที่เฟื่องฟ้าที่เวลานี้นั่งนิ่งหลังไหล่ตรงแต่ศีรษะกลับหลุบต่ำลงมองดูกำปั้นที่ประสานอยู่บนตักด้วยท่าทีเหม่อลอย สองเท้าของเขาก้าวตรงไปก่อนที่สมองจะทันได้คิดเสียอีก 
         เฟื่องฟ้ามองเห็นเท้าเปล่าเปลือยที่ดูสะอาดสะอ้านด้วยการดูแลเป็นอย่างดีหยุดยืนอยู่ตรงหน้า แต่ดูเหมือนว่าความรู้สึกจะกลับมาไม่เต็มที่นัก เธอจึงยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้น กระทั่งได้รับรู้ถึงดวงตาที่ประสานมา
         บดินทร์หยุดยืนตรงหน้าเฟื่องฟ้า แต่เธอก็ไม่ขยับราวกับไม่รับรู้ถึงการมาของเขา เขาจึงคุกเข่าลงตรงหน้าเฟื่องฟ้า สองมือจับกระชับกับกำปั้นน้อยๆ ที่เล็กกว่าเขามาก แล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเฟื่องฟ้าที่เวลานี้ดูเลื่อนลอยคล้ายคนยังไม่ตื่นเต็มที่ เขาคลายมือทั้สองของเฟื่องฟ้าออกแล้วยกมือคู่นั้นให้สัมผัสสองข้างแก้มตัวเอง ก่อนจะกดจุมพิตลงกลางฝ่ามือทีละข้าง
         เฟื่องฟ้ามองมือของตัวเองในมือของบดินทร์ มองการกระทำที่เขาแสดงต่อเธอด้วยสายตาเลื่อนลอย แต่กลับชัดเจนที่สุด
         “เฟื่อง ผมขอโทษเรื่องวันนั้น แต่ด้วยความสัตย์ ผมคิดว่าผมหลงรักคุณมาสักพักแล้ว ผมพยายามที่จะไม่ดึงคุณลงมา คุณดูสูงค่าเกินไปสำหรับคนแบบผม”
         “คุณดิน”
         สายตาเฟื่องฟ้าที่รับรู้การมีตัวตนของบดินทร์และแววตาตื่นตระหนกของเธอเรียกรอยยิ้มจากเขาได้ทันที ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะแทรกตัวเข้าใกล้ชิดเฟื่องฟ้าและแนบศีรษะไว้ด้วยกัน
         “ผมรักคุณ เฟื่อง วันนั้นผมก็ไม่ได้เมาอะไรมากมาย แต่คุณน่ารักเหลือเกิน แล้ว...”
         บดินทร์ไม่ได้เล่ารายละเอียดอย่างอื่นอีกเมื่อเฟื่องฟ้าใช้มือปิดปากไม่ให้เขาพูดออกมา
         บดินทร์ได้เห็นใบหน้าเฟื่องฟ้าแดงก่ำอยู่ตรงหน้า ตาที่โตอยู่แล้วยิ่งโตมากกว่าเดิม แม้จะมองผ่านแว่นตาแมว เธอก็ยังดูน่ารักอยู่ดี เขาจับมือทั้งสองของเฟื่องฟ้าออกแล้วส่งยิ้มให้
         เฟื่องฟ้าไม่เข้าใจว่าทำไมมือทั้งสองข้างของเธอจึงตกอยู่ในอุ้งมือเขาเพียงข้างเดียวได้ และมือข้างที่เหลือของเขาได้ปลดแว่นออกจากใบหน้าของเธอเสียแล้ว
         “ผมคิดเอาเองได้ไหมว่าการที่คุณเงียบอย่างนี้ คุณเองก็มีความรู้สึกไม่แตกต่างไปจากผม”
         บดินทร์เห็นเฟื่องฟ้าอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็หุบลงแล้วก็พลันหน้าแดงจัดขึ้นมา เห็นอย่างนั้นแล้วเขาก็ยิ่งมันเขี้ยวแกมเอ็นดูเธอขึ้นไปอีก ทำให้เขาเผยรอยยิ้มกว้างขึ้นแล้วรั้งให้เฟื่องฟ้าตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา
         “เฟื่อง ผมรักเฟื่องได้ใช่ไหม นายดินที่ไม่มีอะไรดีคนนี้ จะรักเฟื่องแม่สาวชาวฟ้าคนนี้ได้ใช่ไหม”
         เฟื่องฟ้าหัวเราะคิกกับสิ่งที่ได้ยิน เธอเคยเห็นบดินทร์เกี้ยวพาผู้หญิงมาก็หลายครั้ง แต่ไม่นึกว่าเขาจะมาเกี้ยวพาเธอได้น่ามันไส้และน่าหยิกขนาดนี้
         “หัวเราะอะไรเฟื่อง”
         เฟื่องฟ้าหายเครียดไปแล้วเมื่อได้ยินคำบอกรักจากบดินทร์แม้ว่าเขาจะเจ้าชู้ แต่เธอก็ไม่เคยได้ยินเขาบอกรักใครหรือแสดงท่าทางเจ้าชู้อย่างน่ารักขนาดนี้ ตรงข้ามเขาแทบไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำเหล่าบรรดาผู้หญิงที่เข้ามาติดพันก็พร้อมและเต็มใจที่จะทำตามสิ่งที่เขาต้องการ
         “ก็คุณดิน ทำอย่างกับเป็นเด็กๆ คุณดินคิดว่าแค่พูดหวานๆ อย่างนี้แล้วเฟื่องจะยอมยกโทษให้หรือคะ?”
         บดินทร์มีสีหน้าประหลาดใจแต่ก็ไม่ได้คิดว่าเธอจะบอกปัดหรืออย่างไร เพราะในเวลานี้เฟื่องฟ้าก็ยังไม่ได้ผลักไสเขา ยังคงตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา แม้คำพูดที่ฟังดูเหมือนดูแคลนนั้นจะชวนให้ฉงนสักเท่าไรเขาก็ไม่คิดจะหาคำตอบ
         “ผมไม่ได้แค่พูดหวานๆ สักหน่อย ผมพูดจากความรู้สึกของผม ว่าแต่เฟื่องจะไม่ยกโทษให้ผมหรือ?”
         บดินทร์ไม่ยอมทิ้งประเด็นที่กำลังพูดอยู่ เขายังคงต้องการคำตอบจากเฟื่องฟ้า เขาเปลือยใจไปหมดแล้ว แต่เฟื่องฟ้ายังไม่ได้บอกความรู้สึกต่อเขาสักคำ ดังนั้นดวงตาของเขาจึงมีแววคาดคั้นเอาคำตอบที่ทำให้เฟื่องฟ้าต้องได้อาย
         “คนเจ้าเล่ห์แสนกลอย่างคุณไม่รู้หรอกหรือคะว่าเฟื่องรู้สึกอย่างไรกับคุณ ในเมื่อตอนนี้เฟื่องก็อยู่ในที่ๆ ไม่ควรอยู่ ยอมให้คุณกอดอยู่อย่างนี้”
         เฟื่องฟ้าพูดไปก็หน้าแดงไป เธอเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แต่ก็ยังคงมีคำพูดอีกหลายคำที่ทำให้บดินทร์ต้องเปิดยิ้มกว้างขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
         “ทำงานด้วยกันมาตั้งนาน ยังไม่รู้นิสัยเฟื่องอีกหรือไง... อุ๊ย!”
         เฟื่องฟ้าถูกบดินทร์ดึงตัวอย่างแรง เธอตกลงจากเก้าอี้มานั่งอยู่บนตักเขาที่เมื่อสักครู่ยังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ และถูกกอดรัดจากด้านข้างอย่างแรงด้วยความมันเขี้ยวอย่างตั้งใจกลั่นแกล้ง
         เฟื่องฟ้าหัวเราะกับการกอดรัดของบดินทร์ เพราะเขาไม่กอดเธอเปล่าแต่กับก้มลงฝังใบหน้าที่สากระคายด้วยไรหนวดและเครากับแก้มและคอของเธอทำให้เธอจั๊กจี้
         “ปล่อยเฟื่องเถอะค่ะ เหนื่อยแล้ว เฟื่องจะไปอาบน้ำ”
         บดินทร์หยุดแกล้งเฟื่องฟ้าแต่ยังคงกกกอดเธอไว้ไม่ยอมคลายอ้อมกอดที่เวลานี้เธอยกมือขึ้นจับมือใหญ่ที่กอดรัดเธอไว้
         “แล้วเรื่องของเรา”
         “แล้วคุณดินจะทำยังไงคะ”
         เฟื่องฟ้าตัดสินใจถามออกไป และมองสบนัยน์ตาเขานิ่ง
         “ก็อย่างที่ผมบอก ผมรักเฟื่อง และถ้าเฟื่องจะพอชอบผมอยู่บ้างก็กลับบ้านพร้อมผมนะ ไปอยู่กับผม”
         เฟื่องฟ้าถอนหายใจ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไรของวัน สุดท้ายเธอก็ยังไม่ได้ยินคำขอแต่งงานจากเขาอยู่ดี เขาเพียงแค่ชวนให้เธอไปอยู่กับเขา เธอไม่กล้าคิดว่าวันใดหากบดินทร์หมดรักเธอแล้วเธอจะเป็นอย่างไร 
         เฟื่องฟ้าไม่ทันได้ฟังว่าบดินทร์พูดอะไรต่อ เพราะมัวแต่ใจลอย เธอจึงต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอถูกเขาจูบเอาดื้อๆ เป็นการจูบที่ทำให้เฟื่องฟ้าต้องหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
         “คิดอะไร”
         “คะ?”
         “ผมถามว่าคิดอะไรอยู่ ผมพูดกับเฟื่อง แต่เฟื่องไม่ตอบผมสักที”
         “คุณถามอะไรเฟื่องหรือคะ?”
         บดินทร์รวบเฟื่องฟ้าเข้ามากอดแล้วกล่าวซ้ำอีกครั้ง
         “กลับบ้านเรากันเถอะนะ”
         “ไม่ค่ะ”
    ******************************************************************************************************************************
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×