ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : เกมที่เรียกว่าความรัก 3
“เฮ่อ!”
เฟื่องฟ้าทอดถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไรของวันก็ไม่อาจนับได้ นับตั้งแต่บดินทร์มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อเย็นวาน ทุกอย่างที่ได้พบได้เห็นดูแปลกตาไปหมด ไม่เหมือนกับบดินทร์ที่เฟื่องฟ้าเคยรู้จัก
เฟื่องฟ้าไม่ได้ลืมตาตื่นด้วยเสียงนาฬิกาปลุกดังเช่นทุกวันที่ผ่านมา เธอถูกปลุกด้วยกลิ่นหอมของข้าวต้มเครื่องอันคุ้นเคย เมื่อลืมตาตื่นและพยายามนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นาน ทำให้เธอผุดลุกขึ้นจากเตียง แต่อาการวิงเวียนก็ยังคงเข้าจู่โจมเธอจนต้องล้มลงนอนอีกครั้ง เมื่อรู้สึกดีขึ้นจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง และได้พบว่าผู้ชายที่เธอได้เผลอใจไปรักเขาเข้าแล้วกำลังก้มลงมองดูเธอด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือเปล่าเฟื่อง ผมเห็นคุณลุกขึ้นแล้วล้มไปนอนอีก”
เฟื่องฟ้าทำได้เพียงส่ายศีรษะช้าๆ จนเส้นผมหยิกยาวที่แผ่กว้างเริ่มกลับมารวมตัวกันล้อมกรอบใบหน้าของเธอ
“สงสัยจะเป็นความดันต่ำน่ะค่ะ เฟื่องเป็นบ่อยๆ นอนนิ่งๆ อย่างนี้ไม่นานก็หาย”
“แล้วตอนนี้?”
บดินทร์ยังมีสีหน้าไม่ค่อยแน่ใจนัก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลอย่างปิดไม่มิด แต่เขารู้จักเฟื่องฟ้าดีว่าคำที่เธอพูดมาเธอได้คิดดีแล้วและอย่าได้ไปเซ้าซี้เอาความอะไรกับเธอ เพราะคนที่จะพ่ายแพ้ไม่ใช่เฟื่องฟ้าอย่างแน่นอน
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ ว่าแต่คุณทำอะไรคะ หอมจัง”
เฟื่องฟ้าเลือกที่จะทำลืมๆ ไปว่าคนตัวโตตรงหน้ามาอยู่ที่นี่เพื่ออะไร และพยายามทำตัวให้ปกติที่สุดเหมือนกับเวลาที่เธอเคยอยู่กับเขาที่บริษัท เธอไม่อยากกระโจนเข้าหาเขา บีบคั้นหรือบังคับให้เขาพูดอะไรออกมา เธอยังไม่ไว้ใจความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอ แม้ว่าเวลานี้ความรู้สึกของเธอจะชัดเจนยิ่งกว่าทุกครั้งก็ตาม
บดินทร์ดูมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อเห็นได้ชัดว่าเฟื่องฟ้าไม่ได้ออกปากไล่เขา แต่กลับทำตัวเหมือนเดิม เหมือนก่อนที่จะมีเรื่องราวใหญ่โตที่ทำให้เธอหนีเขามา เขาจึงมีท่าทีกระตือรือร้นที่จะช่วยพยุงให้เฟื่องฟ้าลุกขึ้นนั่ง แม้ว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิด แต่การกระทำกลับเต็มไปด้วยความสุภาพไม่พยายามที่จะหาเศษหาเลยแม้แต่น้อย และแม้จะเก้อเขินกันอยู่ไม่น้อย แต่ทั้งคู่ก็พยายามที่จะไม่แสดงอะไรออกมา ราวกับกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างที่จะทำให้ความรู้สึกเก้อกระดากที่เกิดขึ้นคลี่คลายไป
“ถ้าอย่างนั้นคุณสนใจจะทานมื้อเช้าที่เตียงนี่หรือที่โต๊ะอาหารดีล่ะครับ”
บดินทร์กล่าวด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ซึ่งเป็นนิสัยของชายเจ้าชู้อย่างเขา และเฟื่องฟ้าก็รับมือกับคำพูดเกี้ยวพาทำนองนี้จากเขามาบ่อยเสียจนไม่ทำให้เกิดความขัดเขินแต่อย่างใด เธอจึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“ที่เตียงไม่เอาหรอกค่ะ เดี๋ยวมดมาเดินขบวนแล้วจะไม่นอนสบายกัน”
บดินทร์เองก็ยิ้มให้เฟื่องฟ้าเช่นกัน ตลอดช่วงเช้านับเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดีในความรู้สึกของเฟื่องฟ้าถ้าไม่เป็นเพราะคำพูดต่อมาของบดินทร์เมื่อเฟื่องฟ้ากำลังเตรียมตัวจะออกจากห้องพัก
“เฟื่อง ผมไม่ให้คุณหลีกหนีผมได้หรอกนะ แต่ผมจะให้เวลาคุณ ตั้งแต่วันนี้ผมจะคอยคุณอยู่ที่นี่ จนกว่าคุณจะพร้อมกว่านี้แล้วเราจะต้องมาคุยปัญหาของเรา แล้วก็อย่าพยายามหนีผมอีก เพราะผมคงจะไม่ใจเย็นได้เท่านี้อีกแล้ว”
บดินทร์ที่เคยเป็นคนมั่นใจในตัวเองอย่างไร เวลานี้เขาก็ยังคงเป็นเช่นนั้น แม้ว่าเมื่อก่อนหน้านี้เขาจะเคยเป็นผู้ชายเจ้าชู้ลอยชายที่ทำงานเก่ง แต่ตรงหน้านี้บดินทร์ที่เคยเหมือนคนลอยไปมาคนนั้นไม่ปรากฏให้เฟื่องฟ้าได้เห็นเลย คนที่เธอเห็นตรงหน้ามีแต่ความหนักแน่น มั่นคง และในดวงตาของเขามีแต่ความแน่วแน่และคำสัญญามากมายที่เฟื่องฟ้าไม่กล้าคาดหวัง เธอจึงเพียงแต่กล่าวลาเขาเบาๆ ก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปทำงาน
ตลอดเวลาที่เฟื่องฟ้าใช้เวลาเดินทางเธอได้แต่คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและบดินทร์ เธอพยายามหนี และเขาก็ติดตามกระทั่งมาพบเธอที่นี่ แล้วอย่างนี้เธอควรจะทำอย่างไรต่อไป เฟื่องฟ้าตัดสินใจไม่ถูก แต่ที่สำคัญเธอจะไม่ทิ้งงานที่เพิ่งเริ่มไปกลางครันอย่างแน่นอน
ดังนั้นตลอดการทำงานช่วงเช้าเพื่อนร่วมงานจึงได้เห็นเฟื่องฟ้าถอนหายใจนับจำนวนครั้งไม่ถ้วน
“มีอะไรกลุ้มใจอย่างนั้นหรือเฟื่อง”
จ้าวเหมยฮัวกล่าวถามออกมาในที่สุด และเฟื่องฟ้าเองก็ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร หลี่คังก็เป็นผู้ชายการปรึกษากับเขาก็เท่ากับยอมรับบดินทร์ไปแล้วกว่าครึ่ง เธอต้องการฟังความคิดเห็นจากผู้หญิงด้วยกันและจ้าวเหมยฮัวก็เข้ามาได้ถูกเวลาเหลือเกิน
เฟื่องฟ้าเล่าเรื่องย่อๆ ให้จ้าวเหมยฮัวฟังแล้วก็ต้องขบขันกับสีหน้าและท่าทางที่เพื่อนสาวแสดงต่อหน้าเธอ ทั้งๆ ที่ไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเฟื่องฟ้าเพิ่งจะทำสีหน้าเหมือนคนอมทุกข์ แต่เวลานี้เธอกลับมีสีหน้ากลั้นขำอย่างเต็มที แต่ก็เกรงว่าจะเสียมารยาทเธอจึงก้มหน้าลงและพยายามระงับอารมณ์ขันที่จู่โจมเธออย่างกะทันหัน
ใบหน้าจ้าวเหมยฮัวที่แต่งแต้มอย่างบางเบานั้นมีร่องรอยของความตระหนกและคาดไม่ถึง มือข้างหนึ่งยกขึ้นทาบอก ก่อนที่ใบหน้าของเหมยฮัวจะซับสีเลือดขึ้นด้วยความขัดเขิน ดวงตาเล็กทรงเมล็ดอัลมอลต์โตขึ้นพร้อมกับคำอุทาน
“ตายแล้ว เขาต้องรักเธอมากเลยเชียวเฟื่อง ลองถ้าเขาเป็นคนเดียวกับผู้ชายเจ้าชู้คนนั้นที่เธอเล่าให้ฉันฟัง”
เมื่อปรับอารมณ์และได้ยินสิ่งที่จ้าวเหมยฮัวกล่าว เฟื่องฟ้าก็มีใบหน้าแสดงความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งจ้าวเหมยฮัวต้องจับมือเฟื่องฟ้าไว้แน่นแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เธอไม่รู้หรือว่าผู้ชายเจ้าชู้น่ะ เขาจะทำทุกอย่างให้แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องตกอยู่ในเสน่ห์ของเขา ซึ่งส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นเรื่องบนเตียง แต่นี่เขาไม่พยายามจะใช้เล่ห์กลเอากับเธอ และยังแสดงความจริงใจออกมาขนาดนี้ ถ้าเขาไม่รักเธอ เขาก็ต้องมีความอดทนเป็นเลิศ”
เฟื่องฟ้าส่ายศีรษะช้าๆ อย่างไม่เชื่อถือนัก
“ไม่เลย เขาไม่ใช่คนอดทนอะไรนัก อะไรก็ต้องให้ได้ดั่งใจเขาไปเสียหมด เอาแต่ใจก็เท่านั้น แต่มันก็เพราะทุกคนพร้อมที่จะทำให้เขาด้วยความเต็มใจกันทั้งนั้น”
“ก็นั่นล่ะ ที่ฉันกำลังบอกเธอ ผู้ชายเจ้าชู้จะไม่อดทน แต่ถ้าผู้ชายเจ้าชู้รู้จักความรัก เขาจะมีความอดทนมาก เพราะเขาไม่ต้องการให้คนรักต้องเจ็บปวด ถ้าเป็นคนอื่นเขาจะไม่แคร์เลย”
“อย่างนั้นหรือ?”
เฟื่องฟ้ายังไม่ค่อยเชื่อถือในสิ่งที่จ้าวเหมยฮัวพูดนัก แต่ก็อดมีความสุขไม่ได้ ที่ได้รู้ว่าเธอยังเป็นที่ต้องการของเขา บดินทร์ บริรักษ์หรืออาจจะมากกว่านั้น
หลังจากที่เฟื่องฟ้าออกจากห้องพักไป บดินทร์ไม่ได้ทำเพียงแค่ย้ายตัวเองมาอยู่ที่ห้องเฟื่องฟ้าเท่านั้น หากแต่ยังขนงานมาทำที่ห้องเสียด้วยซ้ำไป ตลอดเวลาที่นั่งทำงานบ้างพักดูอะไรไปเรื่อยบ้าง ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย เฟื่องฟ้าเริ่มทำงานที่นี่ได้เกือบเดือนแล้วแต่ยังไม่เห็นมีอะไรที่ดูเป็นของที่เธอซื้อมาเพิ่มเติมสักชิ้น เครื่องเรือนในห้องชุดนี้น่าจะเป็นของที่มีอยู่เดิม แต่เมื่อเขาเดินดูภายในห้องครัวและห้องน้ำเขาจึงเริ่มเห็นความเป็นเฟื่องฟ้า
ทั้งภาพดอกไม้ วิวสวยๆ หรือแสงสีต่างๆ ที่มีลูกเล่นมองแล้วกระตุ้นสมอง สามารถเติมพลังความคิดให้กับเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี
“แม่เฟื่อง”
บดินทร์รำพึงถึงเฟื่องฟ้าก่อนจะกลับเข้าสู่โหมดการทำงานของตัวเองที่แม้แต่เฟื่องฟ้าก้าวเท้าเข้ามาในห้องยังถึงกับแทบเข่าอ่อน
เฟื่องฟ้าเปิดประตูเข้าห้องก็พบกับสภาพบดินทร์ที่นั่งหน้าเครียดอยู่บนพื้นห้องบริเวณชุดรับแขก เสื้อเชิ้ตถูกพับแขนขึ้นอย่างลวกๆ ดวงตากวาดไล่ไปยังจอคอมพิวเตอร์สองเครื่องที่ตั้งคู่กันบนโต๊ะ มีกองเอกสารแบ่งเป็นกองๆ และมีเครื่องหมายจากปากกาหลากสี มือทั้งสองมีทั้งเอกสารและปากกา
เฟื่องฟ้ามองดูก็รู้ว่าบดินทร์คงใกล้จะถึงที่สุดแล้ว เพราะปกติถ้าเขาเครียดขนาดนี้ต้องหาบุหรี่มาสูบ แต่เขากลับทำเพียงกัดด้ามดินสอเล่น ทำให้เฟื่องฟ้านึกถึงเรื่องที่เธอเคยทะเลาะกับเขาเมื่อนานมาแล้ว
‘คุณดินบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าสูบบุหรี่มวนต่อมวนแบบนี้ ถ้าเครียดมากก็เคี้ยวหมากฝรั่งแทนสิคะ สุขภาพเสียหมด’
‘แต่ผม...’
‘ไม่มีแต่ค่ะ แต่ถ้าเครียดขนาดนี้แล้วก็พักเสียเถอะค่ะ ไปหาอย่างอื่นทำแล้วค่อยมาคิดใหม่ คิดแต่เรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ งานมันไม่ก้าวหน้าหรอกนะคะ’
เฟื่องฟ้าเดินเข้าห้องมาได้สักครู่แล้วแต่ดูเหมือนว่าบดินทร์จะไม่รู้ตัวเลยเสียด้วยซ้ำ เธอจึงเดินเลี่ยงเข้าห้องครัวชงกาแฟมาให้บดินทร์
“พักเสียหน่อยเถอะค่ะ คุณทำงานหนักเกินไปอีกแล้ว”
บดินทร์ที่นั่งหน้ายุ่งกับจอคอมพิวเตอร์ละสายตามาพบกับแม่สาวแว่นตาแมวที่เมื่อเวลาทำงานเขาลืมเธอไปเสียสนิท และแม้ว่าเวลานี้เฟื่องฟ้าจะมาอยู่ตรงหน้าเขาก็ยังคงมีแววตาเหมือนจำเธอไม่ได้ไปชั่วขณะ ก่อนจะกลายเป็นจำได้ เฟื่องฟ้าจึงได้มีโอกาสเห็นรอยยิ้มดีใจแบบเด็กๆ ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนจากเขา
“เฟื่อง”
“คะ”
เฟื่องฟ้าเผลอยิ้มตอบบดินทร์ และเธอได้เห็นเขาถอนหายใจยาวก่อนจะดึงมือเธอเบาๆ ให้นั่งลงข้างๆ และซบลงกับไหล่ของเฟื่องฟ้าราวกับขอกำลังใจ
เฟื่องฟ้าทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะก่อนจะวางกาแฟไว้บนโต๊ะและนั่งเป็นนิ่งๆ ให้บดินทร์ได้อาศัยไหล่เป็นที่พักพิง
“เมื่อครู่ผมลืมคุณไปสนิทเลย”
บดินทร์พูดราวกับคนกำลังเพ้อ เสียงแผ่วเบาของเขาทำให้เฟื่องฟ้าต้องลอบมองดูเขาที่กำลังก้มหน้านิ่งอยู่กับไหล่ของเธอ เขาควานมือหามือเฟื่องฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ เพียงเพื่อจะจับเอาไว้และบีบกระชับเบาๆ แม้ไม่มีคำพูดใดแต่ก็เป็นการแสดงออกถึงการขอกำลังใจจากเฟื่องฟ้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธที่เขาจะจับมือเธอไว้
“ก็คุณทำงาน ถ้าเวลาทำงานคุณคิดถึงเฟื่องคุณก็ทำงานไม่ได้น่ะสิคะ”
ไม่รู้อะไรดลใจให้เฟื่องฟ้าพูดออกไปเช่นนั้น พูดเหมือนกับยอมรับในความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างกัน และแม้บดินทร์จะยังคงไม่ได้พูดอะไรเป็นเรื่องเป็นราว หากแต่เวลานี้เขากลับรู้สึกได้ถึงความอุ่นใจที่มีเฟื่องฟ้าอยู่ใกล้ อุ่นใจ สงบและเป็นสุข เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยได้รับจากผู้หญิงคนใดเลย
เมื่อก่อน แม้มีใครต่อใครคอยมาเติมเต็มในสิ่งที่บดินทร์ปรารถนา แต่กลับไม่มีใครเลยสักคนที่สามารถเติมช่องว่างในใจเขาให้เต็มได้
ผิดกับเฟื่องฟ้า เธอไม่ได้ทำอะไรที่เป็นพิเศษต่อเขาแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้เขาอยากอยู่ใกล้ แม้ในเวลางานที่เคร่งเครียดเธอก็ยังกล้าที่จะทักท้วงไม่เคยเออออเยินยอให้เป็นดังใจเขา เขาชอบที่เธอมีความสามารถ เขาชอบที่เธอกล้าตัดสินใจ ชอบอารมณ์ขันน้อยๆ ในการมองงานอย่างสร้างสรรค์
บดินทร์บอกกับตัวเองว่าสำหรับเฟื่องฟ้าที่ในเวลานั้นเธอเป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นลูกน้องคนสำคัญ เขาจะไม่แตะต้องเธอ แม้จะชอบใจอยู่มาก เพราะเขาไม่อยากสูญเสียเธอไป หากแต่เวลานี้เขาได้รู้สึกตัวเต็มที่แล้วว่าไม่มีใครสามารถมาแทนที่เธอได้เลย ความทุรนทุรายที่ไม่เคยเกิดก็ได้พบ ความไม่เป็นสุขและเป็นทุกข์เต็มหัวอกก็ได้พบ อย่างนี้แล้วจะไม่ให้มาตามติด เพื่อให้ได้มาได้อย่างไร
ยิ่งในเวลานี้เฟื่องฟ้าไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธบดินทร์ก็เบาใจ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของการพิสูจน์ความจริงใจที่เขามั่นใจที่สุดในชีวิตว่าเขาทำได้ เพราะเขาเลือกแล้วว่าผู้หญิงข้างๆ เขาคนนี้จะเป็นคนที่จะได้เห็นเขาในทุกเหลี่ยมมุมของชีวิต และจะมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา
เฟื่องฟ้าได้แต่มองท่าทางคล้ายออดอ้อนของบดินทร์ด้วยความประหลาดใจในนาทีแรก แล้วเธอก็พลันยอมรับในสิ่งที่เห็น เขาไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำเพื่อให้เธอเห็นใจ หรือเป็นเล่ห์กลที่สร้างขึ้นเพื่อให้เธอตามใจเขา หากแต่เป็นตัวตนของเขาจริงๆ ในมุมที่ไม่เคยมีใครได้เห็น
ทุกคนที่รู้จักบดินทร์ บริรักษ์จะรู้จักเขาในฐานะของชายหนุ่มที่มักจะมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า แม้เขาจะเอาแต่ใจ และเจ้าอารมณ์แต่รอยยิ้มของเขาก็ทำให้ใครๆ อยากเข้าใกล้ อยากคอยเอาอกเอาใจและตามใจเขา
เฟื่องฟ้าเองก็เคยหลงใหลไปกับรอยยิ้มของบดินทร์กระทั่งได้เห็นความเจ้าชู้ของเขาเธอก็เริ่มขยาด แต่บ่อยครั้งเธอก็ได้พบกับความเอาใจใส่ที่เขามีต่อเธอ แต่ก็เหมือนมีเรื่องบางอย่างรบกวนใจเขาทำให้เขามักจะแสดงท่าทีที่แตกต่างไปจากคนอื่น และออกจะเคร่งขรึมกับเธอมากกว่าทุกคน
เฟื่องฟ้าไม่เคยเข้าใจสายตาที่บดินทร์ใช้มองเธอเวลาเผลอ และบ่อยครั้งเธอเองก็ต้องประหลาดใจกับสายตาที่เต็มไปด้วยความยุ่งยากใจ เมื่อเธอเผลอไปมองเขา แต่เวลานี้เฟื่องฟ้าเหมือนกับจะจับได้แล้วว่าชายตรงหน้ากลัวอะไรและทำไมเธอจึงมีความแตกต่างจากคนอื่นๆ แม้เพียงเล็กน้อย แต่มันก็เป็นสิ่งที่คอยสะกิดใจเรื่อยมา กระทั่งหนีมาหนนี้ เฟื่องฟ้าก็ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาอาจจะติดตามมาและมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ รวมกับที่คุยกับเจ้าเหมยฮัววันนี้แล้วเฟื่องฟ้าก็อยากจะเข้าข้างตัวเองเหลือเกิน แต่เธอก็ไม่กล้า
เมื่อต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ห้องทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบราวกับไม่มีใครอาศัยอยู่ ไม่นานเฟื่องฟ้าก็ลุกไปเตรียมมื้อเย็นโดยที่เธอไม่ได้พูดอะไร และบดินทร์ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร อาหารเย็นที่ปกติมีเพียงเฟื่องฟ้า แต่วันนี้มีสมาชิกเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็นคนที่เธอจะต้องเตรียมอาหารให้อีกยาวนาน
บดินทร์ไม่ได้ทักท้วงอะไรเมื่อเฟื่องฟ้าผละออกห่างจากเขาไป เขาเพียงแต่มองตามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการตัดสินใจ ก่อนจะหันกลับมาสนใจงาน แต่ก็อดยิ้มให้กับถ้วยกาแฟตรงหน้าไม่ได้ เฟื่องฟ้าเป็นอย่างนี้เสมอ ไม่เคยพูดอะไรเกินความจำเป็น ถ้าอยากรู้ว่าเธอให้ความสนใจหรือไม่ต้องดูที่การกระทำ ก็อย่างที่เห็น เฟื่องฟ้าไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธเขาแม้ว่าเวลานี้เขาจะถึงเนื้อถึงตัวเธอ แต่ก็ยังไม่ได้ยินคำออกปากไล่สักครั้ง
******************************************************************************************************************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น