ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : คาดหวัง
นับตั้งแต่วินาทีที่เฟื่องฟ้าได้พบกับบดินทร์อีกครั้งเธอก็แทบจะเป็นใบ้และกลายเป็นหุ่นยนต์ในทันที เธอไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำว่าเธอกลับมาถึงที่พักได้อย่างไร และในเวลานี้เธอกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมหนา สองมือประสานกันนิ่งบนตัก และดวงตาของเธอก็ยังคงจับจ้องมือตัวเองราวกับเป็นสิ่งหายากและไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต กระทั่งมีอีกมือหนึ่งที่ใหญ่กว่า คร้ามเข้มและแข็งแรงกว่ายัดแก้วกระเบื้องอุ่นจัดให้ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาเลื่อนลอย
"“ดื่มซะเฟื่อง”"
นั่นเป็นคำสั่ง และเฟื่องฟ้าก็ปฏิบัติตามอย่างง่ายดาย โดยที่ดวงตาทั้งคู่ของเธอยังคงจับจ้องบนใบหน้าของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นทั้งเจ้านายและเป็นเจ้าของตัวเธอ ที่ทำให้เธอต้องหนีอย่างที่ไม่เคยคิดทำมาก่อน
เฟื่องฟ้าไม่มีคำพูดใดอีกหลังจากหลุดคำพูดเรียกขานชื่อบดินทร์เมื่อแรกที่พบกัน ดูราวกับว่าเธอกำลังช็อคกับการปรากฏตัวของเขา
บดินทร์ที่เคยโกรธกรุ่นเมื่อได้เห็นว่าเฟื่องฟ้าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง พลันแปรเปลี่ยนเป็นห่วงใยเมื่อได้เห็นดวงตาตระหนกของเธอ และยิ่งห่วงเธอมากขึ้นเมื่อเขาเอาตัวเธอมาจากหลี่คังโดยที่หลี่คังทำได้เพียงพยักหน้ารับเมื่อเขาบอกว่าเขาเป็นสามีของเฟื่องฟ้าและเธอไม่แม้แต่จะขัดขืน
"“เฟื่อง”"
น้ำเสียงของบดินทร์ที่ทอดอ่อนโยนกลับทำให้เฟื่องฟ้าสะดุ้งออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง และลอบมองดูเขาที่เวลานี้กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า เขาเอาแก้วโกโก้ร้อนออกจากมือเธอไปวางไว้ที่โต๊ะเตี้ยใกล้ตัว สองมืองของเขารวบมือทั้งสองของเฟื่องฟ้าไว้และไล้นิ้วบนหลังมือของเธออย่างแผ่วเบาและปลอบโยน ราวกับมือน้อยทั้งคู่นั้นเป็นนกน้อยที่ตื่นตระหนกต้องการการปลอบประโลม
“"เฟื่องอย่าทำอย่างนี้เลย รู้ไหม... ไม่มีคุณผมคิดถึงคุณเหลือเกิน”"
เฟื่องฟ้ามองสบตาบดินทร์ เธอได้เห็นดวงตาของชายที่ขึ้นชื่อเรื่องเจ้าชู้แปรเปลี่ยนไปจากเดิม เขาไม่ได้มีดวงตาซุกซนเช่นเดิม ดวงตาคู่นั้นในเวลานี้กลับหมองคล้ำคล้ายคนอดนอน ริ้วรอยที่ไม่เคยเห็นปรากฏขึ้นทั้งแนวหน้าผากและมุมปาก บดินทร์ในเวลานี้ดูแตกต่างจากที่เธอเคยเห็นมาก่อนอย่างมาก และเธอได้เผลอยกมือขึ้นสัมผัสไปตามริ้วรอยนั้น พร้อมๆ กับสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นแปลกใจระคนตกใจที่ได้เห็น
บดินทร์จับมือเฟื่องฟ้าที่สัมผัสใบหน้าเขา แล้วฝังจุมพิตลงกลางฝ่ามือนั้นก่อนจะนำมือนั้นมาแนบแก้ม สายตาเว้าวอน และออดอ้อนที่ไม่เคยเห็นทำให้ใจเธอสั่นไหว
“"เฟื่องได้โปรดอย่าทำร้ายผมอีกเลย”"
"“แต่เรา”"
“"ผมรักคุณ”"
"“เฟื่อง”"
เฟื่องฟ้าไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้สักคำเธอกำลังอยู่ในภาวะสับสนและโดยไม่คาดคิด เฟื่องฟ้าพลันรู้สึกได้ถึงอาการวิงเวียนที่กลับเข้าจู่โจมเธออีกครั้ง ทำให้บดินทร์ทำอะไรไม่ถูก นอกจากผวาเข้ากอดเธอไว้แนบอกด้วยความตื่นตระหนก ตกใจอย่างที่สุด
"“เฟื่อง โธ่! เฟื่องเป็นอะไรไป”"
บดินทร์ที่ไม่เคยรับมือกับผู้หญิงเป็นลมมาก่อนถึงกับจนหนทาง แม้ว่าจะพาเฟื่องฟ้ามานอนในห้องนอนแล้วก็ยังไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาไว้ใจที่สุดในเวลานี้คือมัลลิกา เขาจึงรีบโทรหามารดาทันทีด้วยความร้อนใจ
"“แม่ครับ”"
บดินทร์ดีใจเสียจนแทบตะโกนใส่โทรทัพท์ที่ติดต่อมารดาได้สำเร็จ มัลลิกาจึงได้ยินเสียงของลูกชายที่ไม่ได้ยินมากกว่าสัปดาห์ และแม้ว่าจะได้ยินเสียงที่เร่งร้อนเพียงใดมัลลิกาก็ยังอดหยอกพ่อลูกชายไม่ได้
“"ว่าไงพ่อลูกชายอยู่...”"
มัลลิกาพูดยังไม่จบเสียด้วยซ้ำก็ได้ยินเสียงลูกชายกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“"อย่าเพิ่งถามครับแม่ เฟื่องเป็นลม ผมต้องทำยังไงบ้างครับ”"
“"แกว่าอะไรนะ”"
มัลลิกาเองก็ถามเสียงสูงด้วยความคาดไม่ถึงเช่นกัน
“
"แม่ครับเฟื่องเป็นลม ผมต้องทำยังไงบ้าง”"
แม้จะสับสนกับสิ่งที่ลูกชายพูดไม่น้อยแต่มัลลิกาก็ได้บอกวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่ลูกชายกระทั่งอารมณ์ของเขามั่นคงขึ้นจึงได้ยินคำตอบที่ทำให้เธอรู้สึกอยากไปพบทั้งสองคนเสียในเวลานั้น เพราะอยู่ๆ บดินทร์ก็หายตัวไปร่วมสองอาทิตย์ สั่งงานผ่านทางโทรศัพท์และประชุมผ่านอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่เวลานี้ทั้งเขาและเฟื่องฟ้ากลับกำลังอยู่ด้วยกัน แม้ไม่รู้ที่มาที่ไป แต่ก็ได้แต่หวังว่าเรื่องจะลงเอยด้วยดี
บดินทร์มองเฟื่องฟ้าที่เวลานี้นอนในท่าที่สบายบนที่นอนเนื้อหนา ท่าทางการหายใจอย่างสม่ำเสมอทำให้เขาเบาใจ เขานั่งอยู่ที่ขอบเตียงและไล้มือไปตามดวงหน้าของเฟื่องฟ้าเพียงเพื่อจะปัดให้เส้นผมที่ระใบหน้าของเธอออกไป
"“ว่าไงตาดินตอนนี้อยู่ที่ไหน?”"
เสียงของมัลลิกาทำให้เขาตื่นจากภวังแต่ดวงตาของเขาทำได้เพียงจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าที่เวลานี้เขาได้ถอดแว่นตาแมวออกและมองใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นด้วยความรู้สึกรักใคร่ผูกพัน
"“สิงคโปร์ครับ ผมมาตามเฟื่อง ตอนนี้ผมพบเฟื่องแล้ว แต่เราคงต้องคุยกันอีกสักพัก”"
“"แล้วหนูเฟื่องเป็นอะไร ทำไมถึงเป็นลม”"
“"ผมก็ไม่รู้ฮะแม่ ตั้งแต่พบกันเฟื่องยังไม่พูดอะไรกับผมเลย แล้วนี่ก็เล่นเป็นลมหนีผมเสียอย่างนั้น ต้องให้ลุกมาคุยกันก่อนล่ะครับถึงจะรู้เรื่อง”"
ไม่มีคำตอบใดๆ จากคนเป็นแม่ มีเพียงความเงียบที่เข้าครอบครองพื้นที่การสื่อสารของคนทั้งคู่ กระทั่งในที่สุดมัลลิกาได้ตัดสินใจให้บดินทร์ทำตามที่ใจเขาปรารถนา
“"ตาดิน แม่ไม่รู้ความรู้สึกของเรากับหนูเฟื่องมากนักหรอกนะ แต่จะอย่างไร แม่ขอ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นแม่จะไม่ก้าวก่ายเลย แต่นี่เป็นหนูเฟื่องแม่อยากให้เราตรองความรู้สึกให้ดี ว่าเรารักเขาหรือเปล่า ถ้าไม่ แม่ก็อยากให้เราปล่อยหนูเฟื่องไป”"
มัลลิกาได้ยินเสียงถอนหายใจผ่านมาตามสายก็พอจะคาดเดาได้ถึงความรู้สึกของลูกชาย แต่เธอก็ไม่คิดที่จะคาดคั้นเอาความอะไรในเวลานี้ เพราะเท่าที่บดินทร์กำลังทำอยู่นี่ก็เท่ากับเป็นการยืนยันได้ถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อหญิงสาวคนนั้นอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
“"แม่ครับ แม่พูดเหมือนแม่ไม่รู้จักผมเลย”"
บดินทร์ทอดเสียงด้วยด้วยความเหนื่อยทั้งใจและกายจริงๆ เขานั่งหลังห่ององุ้มหันหลังให้เฟื่องฟ้าโดยไม่ได้รับรู้ถึงสายตาของเธอที่ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมอง
“"คนอย่างผมเคยหลงผู้หญิงก็เมื่อนานมาแล้ว และก็เพราะครั้งนั้น ผมถึงได้กลายเป็นพ่อพวงมาลัยอย่างที่แม่ชอบพูดไงครับ แต่กับเฟื่องมันไม่ใช่ ผมพยายามแล้วนะแม่ ว่าผู้หญิงคนนี้ยังไงก็แตะต้องไม่ได้ แต่เพราะเหตุการณ์วันนั้นผมถึงต้องเหมือนคนไม่มีวิญญาณก็เพราะเฟื่องหนีผมมานี่ล่ะ แล้วอย่างนี้แม่ยังว่าผมแค่หลงเฟื่องเขาอยู่หรือเปล่าครับ”"
มัลลิกามีรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแต่ก็ยังคงล้อลูกชายเสียงเครียดเช่นเดิม
"“แน่ใจหรือ?”"
“"แม่ครับ ผมไม่เถียงกับแม่แล้ว ผมเหนื่อย... เหลือเกิน”"
มัลลิกาทอดถอนใจด้วยความเป็นห่วงลูกชาย หลังจากวางสายไปแล้วหลายนาที ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับบดินทร์ในเวลานี้เป็นของจริง แต่เรื่องของใครก็ต้องแก้ปมที่ขมวดเป็นเกลียวด้วยมือของตัวเอง ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถมองเห็นค่าของสิ่งที่ต้องการนั้น
“เฟื่องฟ้าที่ลืมตาตื่นขึ้นและได้เห็นแผ่นหลังที่เคยเหยียดตรงห่อลู่คล้ายกับคนไร้เรี่ยวแรง ราวกับเป็นคนละคนกับที่เธอเคยเห็นจนเจนตามากว่า 5 ปี ก็ทำให้เธอรู้สึกเป็นห่วงชายตรงหน้าอย่างมาก แต่เธอก็ไม่อาจเชื่อได้แน่ว่าเขาจะหยุดลงที่เธอ กระทั่งเธอได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับมัลลิกา ใบหน้าที่ซีดเซียวพลันปรากฏร่องรอยของเส้นสายสีชมพูที่ค่อยๆ ซับสีแดงขึ้นเรื่อยๆ
"‘ผมพยายามแล้วนะแม่ ว่าผู้หญิงคนนี้ยังไงก็แตะต้องไม่ได้’"
คำพูดที่ความหมายกินนัยอย่างลึกซึ้งคำนั้น มันแปรความได้เพียงว่าชายตรงหน้านี้ได้มองเฟื่องฟ้าในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งมานานแล้ว และแม้จะพยายามอดทนแล้ว เขาก็ยังคงเผลอใจต่อเธอ
เฟื่องฟ้าเองไม่อยากเชื่อและไม่อยากเข้าข้างตัวเองมากนัก แต่ในเวลานี้เธออาจทำสิ่งใดได้นอกจากนอนมองหลังที่คุ้มงอลงราวกับคนท้อแท้ในชีวิตที่ค่อยๆ หันมา โดยที่เธอไม่มีโอกาสได้หลบสายตาของทั้งคู่ก็ได้ประสานกัน
"“เฟื่อง”"
บดินทร์มีรอยยิ้มขึ้นและเขาไม่รอช้าที่ยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าที่เขาคิดถึงมากว่าเดือน
"“ดีจริง คุณฟื้นแล้ว”"
เฟื่องฟ้ามองเห็นท่าทางของบดินทร์โดยตลอดและเธอได้แต่ยิ้มตอบรอยยิ้มซีดเซียวของเขาและไม่ปฏิเสธเมื่อเขาก้มลงวางศีรษะตัวเองให้หน้าผากสัมผัสกันและเมื่อเขากดจมูกลงข้างแก้มเธอก็ได้แต่หลับตานิ่ง
ไม่นานเธอก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสจากร่างกายของคนตัวโต ที่เวลานี่เลื่อนตัวเองมาอยู่ภายใต้ผ้าห่มเดียวกันและกอดเฟื่องฟ้าไว้โดยใบหน้าของเขาฝังอยู่กับหมอนใบเดียวกัน
“"ผมเหนื่อยเหลือเกิน อย่าหนีผมไปอีกนะเฟื่อง”"
เฟื่องฟ้าหันมองใบหน้าที่อยู่ใกล้เสียจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจ ดวงตาของเธอมีคำถาม แต่บดินทร์กลับส่ายศีรษะช้าๆ และกอดกระชับหญิงสาวให้แน่นเข้าอีก
“"พรุ่งนี้เราจะคุยกัน”"
“"ค่ะ พรุ่งนี้”"
เฟื่องฟ้าทำใจแล้วว่าวันนี้ทั้งเธอและบดินทร์ต่างก็เหนื่อยเกินกว่าที่เธอที่จะพูดคุยกันได้อย่างมีเหตุผล เธอจึงปล่อยวางและผ่อนคลายความเคร่งเครียดที่ขมวดขึ้นตั้งแต่ได้พบหน้ากันอีกครั้งก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราที่ยังคงมีคำพูดของเขาวนเวียนอยู่ในความทรงจำ
‘'ผมพยายามแล้วนะแม่ ว่าผู้หญิงคนนี้ยังไงก็แตะต้องไม่ได้’'
เฟื่องฟ้ายิ้มให้กับตัวเอง ก่อนจะหลับใหลไปพร้อมกับความคิดตัวเอง
‘
'ฉันเชื่อได้ใช่ไหมคะคุณดิน คุณจะหยุดลงที่ฉันใช่ไหมคะ’'
******************************************************************************************************************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น