ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ที่ทำงานใหม่ เพื่อนใหม่
เฟื่องฟ้าได้แต่ยืนมองชายตรงหน้าด้วยดวงตาสับสน
คุณหวางเป็นเพื่อนร่วมงานคนแรกที่เฟื่องฟ้ารู้จักเมื่อมาถึงบริษัท แต่เธอกลับไม่ชอบสายตาที่เขามองมาสักนิด มันมีทั้งการดูถูกนิดๆ เหยียดหยามหน่อยๆ แต่ในเวลานี้เขากลับมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเธอ ที่หน้าห้องพักของเธอ
“คุณหวาง? มีอะไรหรือคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่แวะมาทักทายคุณ ผมเองก็อยู่ที่นี่ แต่ผมชั้น 15”
‘นั่นไง’ เฟื่องฟ้าคิดได้เพียงเท่านั้น เพราะเธอรู้ดีว่าชั้นที่เธอพักเป็นห้องเช่าราคาไม่แพงนัก พออยู่ได้สบายและปลอดภัย แต่ตั้งแต่ชั้น 10 เป็นต้นไปจะเป็นห้องพักราคาแพงที่เหมาะสำหรับพวกผู้บริหารที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ซึ่งเขาจะเหมาพื้นที่ทั้งชั้น
แต่สำหรับคุณหวาง เขามีตำแหน่งไม่ได้แตกต่างจากเฟื่องฟ้ามากนัก แต่กลับเลือกที่พักขนาดนั้น เฟื่องฟ้าก็คิดเพียงว่าฐานะเขาคงดีมากมาก่อนเท่านั้น
เฟื่องฟ้ากลับมาสนใจคุณหวางที่ยังคงพูดอยู่ตรงหน้า โดยที่เธอไม่แสดงทีท่าว่าจะเชิญเขาเข้าห้องแต่อย่างใด
“เห็นว่าคุณเพิ่งมาใหม่ก็เลยอยากจะชวนคุณไปทางมื้อเย็นด้วยกัน”
เฟื่องฟ้าไม่ตอบรับในทันที เธอเพียงแต่ยิ้มเย็นก่อนจะตอบกลับไปอย่างสุภาพที่สุด
“ขอบคุณค่ะคุณหวาง แต่ดิฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่อย่างคุณว่า ก็เลยยังจัดการอะไรไม่เรียบร้อย ไว้โอกาสหน้าดีกว่านะคะ”
“อย่างนั้นหรือครับ”
สีหน้าของคุณหวางไม่เปลี่ยนไปสักนิด เขาเพียงแค่รับคำและขอตัวกลับในเวลาต่อมา เพียงแต่ว่าเฟื่องฟ้ากลับรู้สึกติดใจ และสงสัยในการมาของเขาไม่น้อย ด้วยลักษณะท่าทางแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาจะมาสนใจอะไรในตัวเธอ แต่มันเหมือนกับว่าเขามาเพื่อประเมินเธอเสียมากกว่า
เฟื่องฟ้าไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคุณหวางสักนิด เธอรู้เพียงว่าดวงตาของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่ไว้ใจและต้องคอยระวังตัวให้มากเท่านั้นเอง
และเพียงเพราะการมาเยือนของคุณหวางนี่เองที่ทำให้เฟื่องฟ้าถึงกับต้องจัดการกับกลอนประตูเสียแน่นหนา เพื่อให้เธอรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในเวลาต่อมา
“เฟื่อง”
เสียงแหลมเล็กของเด็กหญิงวัยไม่เกิน 5 ขวบ เรียกรอยยิ้มจากเฟื่องฟ้าได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนั้นเธอได้ย่อกายลงคุกเข่าอ้าอ้อมแขนออกรับร่างกลมป้อมที่โผเข้าสวมกอดเธอด้วยความรักใคร่ เด็กหญิงจุมพิตเฟื่องฟ้าทั้งซ้ายขวาด้วยความคิดถึงราวกับไม่พบกันเสียนาน ทั้งๆ ที่ทั้งสองเพิ่งจะแยกกันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง
“คิดถึงเฟื่องจังค่ะ”
จินนี่ หรือหลี่เหมยลี่ ลูกสาวตัวน้อยของประธานบริษัทถูกชะตาและตกหลุมรักเฟื่องฟ้ามาก เด็กน้อยที่มักจะเอาแต่ใจ และชอบหาเรื่องกลั่นแกล้งพนักงานกลายเป็นเด็กหญิงว่าง่ายขึ้นมาทันทีเมื่ออยู่กับเฟื่องฟ้า ทำให้เหล่าพนักงานในบริษัทพากันจับกลุ่มนินทาและพากันวิจารย์เฟื่องฟ้าอย่างออกนอกหน้า
หลายคนมีปฏิกิริยาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งโดยส่วนมากแล้วกลุ่มนี้มักจะเป็นผู้หญิง ที่คิดว่าตนเองนั้นจะสามารถมัดใจเจ้านายหนุ่มได้
ในขณะที่หลายคนมักจะเอาอกเอาใจเฟื่องฟ้า โดยที่เธอไม่เข้าใจนักว่าจะมาเอาใจเธอด้วยเรื่องอะไร
“แล้ววันนี้ไม่มีเรียนเปียโนหรือคะ?”
เฟื่องฟ้าจูงมือจินนี่พาเดินไปด้วยกันขณะเดียวกันก็หันไปทักทายคุณหลี่เจ้านายหนุ่มที่มองเธอและลูกสาวคุยกันด้วยสายตาเอ็นดู
“ไม่มีค่ะ วันนี้หนูอยากให้เฟื่องสอนการบ้านให้”
หลี่เหมยลี่กอดแขนเฟื่องฟ้าเอาแก้มแนบแขนพลางส่งสายตาออดอ้อนที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นนัก ทำให้เฟื่องฟ้าต้องยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“อย่ากวนพี่เขาสิลูก”
หลี่คังเอ่ยทักลูกสาวเบาๆ ทำให้เขาถูกลูกสาวค้อนเอาด้วยไม่ยอมช่วยพูดให้เธอ
“ป๊ะอ่ะ ก็หนูอยากให้เฟื่องสอนให้นี่นา”
หลี่เหมยลี่แอบหลังเฟื่องฟ้าทันทีโดยที่มือหนึ่งเกาะมือเฟื่องฟ้าอีกมือจับกระโปรงเฟื่องฟ้าเสียแน่น ทำให้เฟื่องฟ้าและหลี่คังพากันหัวเราะด้วยความขบขันกับท่าทางพยศเล็กๆ ของหลี่เหมยลี่
“เฟื่องสอนจินนี่ก็ได้ค่ะ”
“เห็นม๊า”
“แต่มีข้อแม้นะคะ”
“ข้อแม้ อะไรคะ?”
หลี่เหมยลี่รอฟังคำตอบจากเฟื่องฟ้าด้วยดวงตาเป็นประกายพลางพยักหน้าหงึกหงักตลอดเวลาทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ฟังข้อแม้จากเฟื่องฟ้าด้วยซ้ำ
“อืม...”
เฟื่องฟ้าทำท่าคิดได้น่าเอ็นดูเหลือเกินในสายตาหลี่คัง ด้วยท่าทางที่เอียงคอนิดๆ ใช้นิ้วชี้แตะปลายคางพลางทำคิ้วขมวดมุ่น ซึ่งไม่ว่าอย่างไรสิ่งที่เห็นนี้มองก็รู้ว่าเธอแกล้งทำเพื่อยั่วลูกสาวตัวน้อยของเขา
“ก็ แค่จินนี่ช่วยพี่ทำงานนิดหน่อย...”
เฟื่องฟ้ายังพูดไม่จบด้วยซ้ำเมื่อหลี่เหมยลี่ตอบตกลง และพากันเดินเข้าห้องทำงาน
หลี่คังได้แต่ถอนใจด้วยความอ่อนใจ เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรลูกสาวจึงติดเฟื่องฟ้าแจขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้เอาใจหลี่เหมยลี่ด้วยซ้ำ บางครั้งยังดุแถมยังเอ็ดเอาบ่อยๆ เวลาทำผิดอีกต่างหาก แต่ลูกสาวก็ดูจะพอใจและเชื่อฟังเฟื่องฟ้าอยู่มาก
ภาพที่เฟื่องฟ้าจูงมือจินนี่และเดินคุยกับหลี่คังออกมาจากลิฟต์พร้อมๆ กันชวนให้ใครก็ตามที่เห็นเหตุการณ์จินตนาการกันไปไกล รวมถึงการจับกลุ่มนินทาที่ไม่มีทีท่าว่าจะยุติเอาง่ายๆ
ในเมื่อหลี่คังประธานหนุ่มเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว ไม่ค่อยออกมาจากห้องประธานคนนั้น กลับเดินอมยิ้มน้อยๆ มากับลูกสาวแสนร้ายกาจและพนักงานคนใหม่ที่ดูจะเข้ากับเด็กหญิงได้ดี ผิดกับแต่ก่อนมาที่เขามักจะเดินมากับลูกสาวตามลำพังและไม่ค่อยแสดงสีหน้าอื่นใดนอกจากความเฉยชา
แม้หลี่คังจะเป็นพ่อม่ายแถมซ้ำยังมีลูกติดที่ขึ้นชื่อเรื่องความแก่นแก้วร้ายกาจ แต่ก็มีหญิงสาวจำนวนไม่น้อยแวะเวียนกันมาสานสัมพันธ์อย่างไม่ขาดสาย ถึงจะเคยเจอฤทธิ์เดชของหลี่เหมยลี่กันมาบ้างแล้วก็ยังคงไม่ละความพยายาม ซึ่งเฟื่องฟ้าก็ได้แต่ปลงว่า อยู่ที่ไหนก็มีแต่ผู้หญิงเที่ยวตามตื้อผู้ชายกันทั้งนั้น
‘น่าเบื่อ’ เป็นคำที่เฟื่องฟ้านึกออกได้ในเวลานี้
ในสายตาของหลี่เหมยลี่ เฟื่องฟ้าเป็นเพียงผู้หญิงเรียบๆ ที่ออกจะเข้มงวดลักษณะเหมือนแม่ครูแก่ๆ ผิดกับหน้าตาที่ไม่ถือว่าสวยจัดแต่ก็มองเพลินไม่เบื่อ ที่สำคัญ เฟื่องฟ้าให้เกียติเธอไม่เคยมองเธอเป็นเพียงเด็กหญิงเล็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ตรงข้ามเฟื่องฟ้ากลับพูดกับเธอด้วยเหตุผล เหมือนเธอเป็นผู้ใหญ่เสมอกัน
หลี่เหมยลี่ไม่เคยถูกเฟื่องฟ้าบังคับ ผิดกับพวกผู้ใหญ่คนอื่นๆ ที่มักจะอ้างหลี่คังเพื่อบังคับให้เธอทำอย่างที่พวกเขาต้องการ ซึ่งหลายครั้งเธอไม่ต้องการจะทำ จึงทำให้เธอมักจะถูกฟ้องให้หลี่คังทำโทษเธอบ่อยครั้ง เป็นเหตุให้เธอต้องการที่แก้แค้นพวกเขา นานวันเข้าเธอจึงกลายเป็นเด็กดื้อร้ายกาจในสายตาทุกคน
ผิดกับเฟื่องฟ้า เธอถามเหตุผลกับหลี่เหมยลี่เสมอว่าเพราะอะไรจึงทำเช่นนั้น และที่สำคัญเฟื่องฟ้าไม่เคยตีหลี่เหมยลี่หรือว่ากล่าวด้วยคำพูดรุนแรงสักครั้ง มีแต่กลั้นหัวเราะอย่างสุดกำลังและในท้ายที่สุดก็พยายามอธิบายบอกถึงผลดีผลเสียที่หลี่เหมยลี่กำลังจะทำแล้วให้หลี่เหมยลี่ตัดสินใจเอง เฟื่องฟ้าไม่เคยห้ามแต่ก็ไม่เคยยุยงส่งเสริมให้แกล้งใคร
ผิดกับบรรดาผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาหาหลี่คัง แรกๆ ทุกคนพยายามเอาอกเอาใจหลี่เหมยลี่ แต่เธอไม่ชอบที่คนพวกนั้นต่อหน้าบิดาก็ทำอย่างหนึ่งเมื่อไม่มีบิดาอยู่ตรงนั้นก็มองเธอราวกับจะกินก็ไม่ปาน หนำซ้ำยังเอาแต่ฟ้องบิดาให้ทำโทษเธอ โดยมองว่าเธอเป็นเพียงเด็กเล็กๆ ที่ไม่ประสีประสาอะไร
หลี่เหมยลี่ไม่ได้ชอบเฟื่องฟ้าในทันทีที่ได้พบ เพราะมีความรู้สึกว่าเฟื่องฟ้าเป็นเหมือนแม่ครูดุๆ คร่ำครึหัวโบราณ แต่พอนานวันเข้า เธอได้เห็นเฟื่องฟ้าต่อว่าเพื่อนร่วมงานเสียงดังแต่ไม่นานก็กลับมาคุยด้วยดีได้เหมือนเดิมหลังจากปรับความเข้าใจกัน เธอสังเกตเฟื่องฟ้าอยู่หลายวันจึงค้นพบว่าเฟื่องฟ้าไม่เคยว่าใครโดยไม่มีเหตุเลยสักครั้ง และทุกครั้งเฟื่องฟ้าจะชี้แจงก่อนทุกครั้ง และนั่นเองที่ทำให้หลี่เหมยลี่เกิดความประทับใจในตัวเฟื่องฟ้า
ไม่นานหลี่เหมยลี่ก็เบื่อที่จะหาเรื่องแกล้งคนโน้นคนนี้แล้วถูกเฟื่องฟ้าตักเตือน เธอตัดสินใจถามการบ้านเฟื่องฟ้าในเรื่องที่เธอไม่เข้าใจ แรกๆ ก็วิ่งไปวิ่งมาระหว่างห้องโต๊ะเฟื่องฟ้ากับห้องหลี่คัง แต่หลังๆ กลายเป็นว่าเธอไปเอาเก้าอี้มานั่งแล้วนั่งทำการบ้านหรือไม่ก็อ่านหนังสือเสียตรงโต๊ะเฟื่องฟ้านั่นเอง
มีบ่อยครั้งที่หลี่เหมยลี่อ่านหนังสือแล้วนึกภาพไม่ออกเฟื่องฟ้าก็จะจัดการเรียกภาพมาให้ดู โดยที่งานของเฟื่องฟ้าไม่เคยสะดุด เธอไม่เคยโดนดุ ซ้ำยังได้เห็นรอยยิ้มพอใจบนใบหน้าของเฟื่องฟ้าบ่อยครั้งเข้าก็ตกหลุมรักเฟื่องฟ้าเข้าเต็มเปา
“เฟื่องมีแฟนหรือยังคะ?”
“ฮือ?”
เฟื่องฟ้าเงยหน้าขึ้นจากการร่างภาพ Story board งานโฆษณาชิ้นใหม่ที่เธอเป็นเจ้าของโปรเจคด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงง ก่อนจะทำท่าคิดที่หลี่เหมยลี่เห็นว่าน่ารักดี เฟื่องฟ้าเงยหน้าขึ้นมองด้านบนราวกับต้องการได้ยินเสียงคำตอบนั้นหรือได้รับแรงบันดาลใจจากเบื้องบนก่อนจะเอียงคอเล็กน้อย นิ้วชี้เคาะที่ปลายคาง ไม่นานเธอก็คลี่ยิ้มออกมา
“จะเรียกว่าแฟนคงไม่ได้หรอกค่ะ”
“หมายความว่ายังไงกันคะ?”
“เพราะเขาเป็นคนที่ฉันกำลังรออยู่ค่ะ”
คำตอบนั้นทำให้เด็กหญิงอายุ 5 ขวบอย่างหลี่เหมยลี่ไม่เข้าใจ และมันได้แสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจนจนเฟื่องฟ้าอดหัวเราะไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมไป
เฟื่องฟ้าถอดแว่นตาแมวของเธอออก ทำให้หลี่เหมยลี่ได้เห็นดวงตากลมโตที่มีแววหวานปนเศร้าลึกได้อย่างชัดเจน
เฟื่องฟ้าเรียกหลี่เหมยลี่ให้มาใกล้ๆ เธอก่อนจะอุ้มขึ้นนั่งตักและกอดด้วยความเอ็นดู
“จินนี่ถามเฟื่องทำไมหรือคะ?”
หลี่เหมยลี่ไม่จำเป็นต้องคิดคำตอบเสียด้วยซ้ำ เธอจึงพูดออกไปเสียงดังพอที่จะทำให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่อยู่ในระแวกเดียวกันได้ยิน
“หนูชอบเฟื่อง หนูอยากให้เฟื่องอยู่กับหนูตลอดไป ถ้าเฟื่องมาเป็นแฟนป๊าก็ยิ่งดี”
คำตอบของหลี่เหมยลี่ทำให้หลายคนที่ได้ยินบทสนทนาพากันกลั้นหายใจเพื่อฟังคำตอบกัน โดยที่เฟื่องฟ้าไม่ทันได้รู้สึกตัวสักนิดว่าช่วงเวลานี้เพื่อนร่วมงานของเธอทำงานกันเงียบเหลือเกิน
เฟื่องฟ้าเพียงแค่ถอนหายใจออกมายืดยาวแล้วกอดหลี่เหมยลี่พลางลูบศีรษะเล็กๆ นั้นด้วยความเอ็นดู
“หนูอยู่กับป๊าสองคนไม่มีความสุขหรือคะ?”
“มีค่ะ”
“แล้วทำไมหนูถึงอยากให้เฟื่องเป็นแฟนป๊าล่ะคะ?”
“ก็มีผู้หญิงมาหาป๊าที่บ้านทุกวัน หนูไม่ชอบคนพวกนั้นนี่คะ?”
“...”
เฟื่องฟ้ามองเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่พยายามหาทางออกให้กับปัญหาของตัวเองด้วยสายตาสงสารจับใจ เรื่องแบบนี้ไม่ว่าประเทศไหนก็เหมือนกันหมด อยากได้พ่อแต่ไม่ต้องการลูกที่ติดมาอย่างนี้ถ้าพ่อไม่เห็นแก่ลูกก็คงจะเจ็บกันไปไม่น้อยทีเดียว
“แล้วถ้าเฟื่องมาเป็นแฟนป๊า ผู้หญิงพวกนั้นก็จะได้ไม่มายุ่งกับป๊ะของหนู”
เฟื่องฟ้าหัวเราะขบขันกับความคิดของเด็กหญิงตรงหน้า เธอเข้าใจเจตนาของหลี่เหมยลี่ดีและเธอจะไม่ยอมโดดลงไปเพียงเพราะความสงสารเด็ดขาด
“ทำแบบนั้นน่าสงสารป๊าออก”
เฟื่องฟ้าเว้นจังหวะ เธอสบตากับหลี่เหมยลี่อย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมาในขณะเดียวกันก็พยายามอธิบายเรื่องสามัญที่ง่ายที่สุดแต่ทำความเข้าใจยากที่สุดให้กับเด็กอย่างหลี่เหมยลี่ฟัง โดยไม่แน่ใจเสียด้วยซ้ำว่าเด็กหญิงตรงหน้าจะเข้าใจทั้งหมดหรือไม่
“คนสองคนจะเป็นแฟนกันนะจินนี่ ต้องรักกันก่อน ต้องได้มีโอกาสเรียนรู้นิสัยใจคอกัน แล้วเฟื่องกับป๊าของหนูก็เป็นเพียงเจ้านายกับลูกน้อง เราไม่ได้รู้จักกันมากกว่านั้น เป็นแฟนกันไม่ได้หรอก ที่สำคัญนะจินนี่ อย่างที่เฟื่องบอกคนจะเป็นแฟนกันต้องรักกันเสียก่อน”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ค่ะ สำหรับเฟื่อง ป๊าของหนูเป็นเจ้านายที่ดี เฟื่องไม่ได้รักป๊าของหนู แต่ถ้าหนูเหงาอยากมีเพื่อนคุย เฟื่องก็จะเป็นเพือนแก้เหงาให้ได้ค่ะ”
หลี่เหมยลี่พยายามใช้สายตาอ้อนวอนขอร้องให้เฟื่องฟ้าเปลี่ยนใจ แต่เฟื่องฟ้าทำเพียงยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองแล้วทำเสียง ’ชู่’ เบาๆ ให้หลี่เหมยลี่เงียบเสียงลงเพื่อฟังเรื่องที่เข้าใจยากยิ่งกว่า
“คนไม่ได้รักกันอยู่ด้วยกันมันไม่มีความสุขหรอกนะจินนี่ ตอนนี้หนูยังเด็กเหลือเกินอาจยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เฟื่องพยายามจะบอก แต่เมื่อหนูโตขึ้นกว่านี้ รู้จักความรักมากกว่านี้ หนูจะเข้าใจในสิ่งที่เฟื่องบอก แต่จินนี่ฟังเฟื่องนะคะ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร สิ่งที่จะยังคงเป็นความจริงอยู่ตลอดไปก็คือ ป๊าของหนูจะยังคงรักหนูอยู่เสมอ ไม่มีใครสามารถมาแทนที่หนูได้หรอกค่ะ”
“จริงหรือคะ?”
“ค่ะ เชื่อเฟื่องนะคะ”
หลี่เหมยลี่พยักหน้ารับและอาศัยอกอุ่นของเฟื่องฟ้าเป็นที่แอบอิงด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ ขณะที่เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่บริเวณเดียวกันต่างพากันมองเฟื่องฟ้าด้วยสายตาที่ประหลาดใจและแตกต่างไปจากเดิม เพราะพนักงานหลายคนอยากได้ในสิ่งที่หลี่เหมยลี่เพิ่งยืนข้อเสนอให้เฟื่องฟ้า แต่เธอได้ปฏิเสธไปอย่างไม่เหลือเยื่อใย
หลี่คังเองก็ต้องถอนหายใจยาว เขาไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังลูกสาวคุยกับเฟื่องฟ้า เพียงแต่เขาเดินออกมาและทันได้ยินบทสนทนานั้น เขายอมรับว่าเขาตกใจไม่น้อยที่หลี่เหมยลี่มัดมือชกทั้งเขาทั้งเฟื่องฟ้า แต่คำตอบที่ได้รับก็ทำให้เขาต้องยิ้มกับตัวเอง คำตอบที่สมกับเป็นเฟื่องฟ้าทั้งชัดเจนและมั่นคง
จริงอยู่ว่าหลี่คังเองก็ถูกใจเฟื่องฟ้าไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือแม้แต่กระทั่งการวางตัว แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกของเขาที่มีต่อเฟื่องฟ้าก็เป็นเพียงเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันเท่านั้น
ประสบการณ์ในชีวิตของหลี่คังทำให้เขาพอมองเห็นว่าการวางตัวของเฟื่องฟ้านั้นมักจะเว้นระยะห่างกับเพื่อนร่วมงานทุกคนและบ่อยครั้งที่การวางตัวของเธอทำให้เขาเข้าใจในทันทีว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงตัวเปล่า ดูเหมือนว่าพันธะนั้นของเธอจะเหนียวแน่นและมั่นคงเสียจนเธอพยายามกันตัวเองให้ห่างจากผู้ชายทุกคนที่แวดล้อมรอบตัว
หลี่เหมยลี่หลับไปแล้วบนตักของเฟื่องฟ้า แต่เฟื่องฟ้าก็ยังคงสามารถกกกอดเด็กหญิงแนบอก พร้อมๆ กับเขียนงานต่อไปด้วยได้ ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้หลายคนรู้คำตอบที่เฝ้าถามหากันมานาน ว่าเป็นเพราะอะไรหญิงต่างชาติคนนี้จึงทำให้เด็กหญิงร้ายกาจกลายเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ขึ้นมาได้
******************************************************************************************************************************
ปล. เก่า 54 กลับมาแล้วค่า ขอโทษอย่างมากมายที่หายไปนานนะคะ พอดีเพิ่งฝ่าน้ำท่วมออกมาได้ค่ะ หวังว่าเพื่อนๆ จะยังไม่ลืมแม่เฟื่องนะคะ
ปล. เก่า 54 กลับมาแล้วค่า ขอโทษอย่างมากมายที่หายไปนานนะคะ พอดีเพิ่งฝ่าน้ำท่วมออกมาได้ค่ะ หวังว่าเพื่อนๆ จะยังไม่ลืมแม่เฟื่องนะคะ
ปล.ใหม่ 60 กำลังพยายามตามเก็บงานที่ห่างไปนาน ได้เวลาทำงานอดิเรกที่ห่างไปนานเสียที อารมณ์ล้วนๆ หวังว่าจะต่อติดนะนี่นะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น