ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฉันหรือเธอที่เผลอใจ

    ลำดับตอนที่ #5 : เป็นห่วง?

    • อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 60


     ถึงเวลาจะผ่านมาหลายสัปดาห์ แต่เฟื่องฟ้าก็ยังอดเป็นห่วงลูกน้องในบริษัทไม่ได้อยู่นั่นเอง
    การที่เคยต้องดูแลเอาใจใส่ลูกน้องและเจ้านาย ทำให้เฟื่องฟ้ารับรู้ถึงสิ่งที่ขาด ไม่รู้ว่าป่านนี้ ระบบระเบียบที่เธอเคยวางรากฐานเอาไว้จะเป็นเช่นไร
    จะมีใครคอยเติมน้ำตู้ปลาหน้าห้อง หรือให้อาหารเจ้าเงิน เจ้าทอง ปลาอโรวนาตัวโตบ้างหรือเปล่า 
    ไม้ดอกกระถางเล็กที่ปลูกไว้จะมีใครให้น้ำ พาออกไปผึ่งแดดบ้างไหม
    หรือแม้แต่ชาสมุนไพรยามบ่ายสำหรับเจ้านายขี้โมโห และนอนยากคนนั้น จะมีใครทำให้หรือไม่
    ในที่สุดเฟื่องฟ้าก็อดไม่ได้ เธอจึงหมุนโทรศัพท์ติดต่อเข้าบริษัท โทรหาลูกน้องคนสนิท
    “สวัสดีครับบริษัทXXX ครับ”
    “สวัสดีจ๊ะนายขม”
    “พี่เฟื่อง! โอย... ดีใจจัง พี่อยู่ไหนฮะ รู้ไหมว่าตอนนี้บริษัทกำลังป่วนได้ที่เลย”
    “ใจเย็นๆ แล้วเล่ามาซิ ว่าเกิดอะไรขึ้น”
    “ก็ตั้งแต่พี่ไม่อยู่ แล้วมีข่าวว่าพี่ลาออก คุณดินก็เปลี่ยนไปเยอะเลย ไอ้ที่เคยโมโหร้ายอยู่แล้ว ตอนนี้ใครก็เข้าหน้าไม่ติดสักคน งานที่เสนอก็ดูเหมือนจะไม่ถูกใจเขาไปซะทุกอย่าง พวกเราหัวปั่นกันน่าดูเลยพี่เฟื่อง อารมณ์คุณดินอย่างกับพร้อมจะระเบิดตลอดเวลา”
    ขมรายงานเฟื่องฟ้าราวกับต้องการระบายความอัดอั้นตันใจเสียมากกว่า ในขณะที่เฟื่องฟ้าได้แต่ฟังและพยายามหาทางช่วยเหลือ
    “แล้วไอ้งานที่ทำตอนนี้มันมีปัญหาอย่างไรล่ะ ที่ว่าเขาไม่พอใจเหลือเกินน่ะ”
    “ก็พวกผมระดมสมองแล้วก็เขียน Story board ส่งไป แต่คุณดินบอกว่ามันขาดเสน่ห์ ผมอยากโทรหาพี่เฟื่องใจจะขาด แต่ติดต่อไม่ได้เลย”
    เฟื่องฟ้าถอนหายใจอย่างหนักหน่วงทันที
    ไม่ว่าอย่างไร เจ้าพวกลูกน้องของเธอก็ยังไม่ยอมโตสักที อะไรก็ต้องให้ถึงมือเธอเสมอ แม้แต่เวลานี้ แล้วอย่างนี้จะพัฒนาตัวเองได้อย่างไรกัน เฟื่องฟ้ายังมองไม่เห็นทางแม้แต่น้อย แต่จะให้ทิ้งไปเสียเธอก็ทำใจไม่ได้
    “เอาล่ะขม ฟังพี่นะ เธอจะมาหวังพึ่งคนที่ออกจากบริษัทแล้วอย่างพี่ไม่ได้หรอกนะ ตอนนี้เธอต้องลงมือแล้วขม เป็นเวลาที่เธอจะได้พิสูจน์ฝีมือ ตลอดเวลาที่เธอทำงานกับพี่ เธอเรียนรู้การแก้ปัญหากับพี่มาไม่น้อยนะขม”
    “แต่พี่เฟื่องฮะ ก็พวกนั้นมันไม่ยอมทำตามเลย มันบอกว่าเรื่องอะไรจะต้องมารับคำสั่งจากผม”
    “แล้วตอนนี้มีคนมารับตำแหน่งพี่หรือยัง?”
    “ยังฮะ”
    เฟื่องฟ้าถอนหายใจพลางบีบนวดขมับตัวเอง ไม่ใช่เธอไม่รู้ แต่ไม่เคยมีใครแสดงออกอย่างเปิดเผยนักถึงเรื่องที่พวกเขาไม่พอใจที่เธอเลือกขมมาเป็นผู้ช่วย
    แต่เวลานี้มันเกิดขึ้นแล้ว พิษร้ายที่ชื่อว่าความริษยา กำลังเล่นงานบริษัท เพราะขมเป็นเพียงผู้ชายเชยๆ ที่สุภาพและไร้อำนาจ แต่ก็มีความคิดในการทำงานที่สามารถสร้างผลงานที่เป็นที่พอใจแก่ลูกค้า งานของขมจึงมักจะได้รับเลือกเสมอ
    “เอาอย่างนี้นะขม เธอเรียบประชุมเลย ไปขอความเห็นชอบจากคุณดิน แล้วก็บอกทุกคนว่าคุณดินให้ทุกคนเสนอความคิด ให้ทุกคนแข่งกัน ใครชิงความสนใจจากลูกค้าได้ คนนั้นเป็นหัวหน้าทีมในงานนั้น”
    “ผมลองแล้วนะพี่เฟื่อง แต่ไม่มีใครสนใจ บอกว่าตอนนี้ทำอะไรเสนอไปคุณดินเธอก็ไม่เอา”
    “ไอ้เด็กพวกนี้นี่ มันยังไงกันนะ ตอนนี้มีใครอยู่ตรงนั้นบ้าง”
    เสียงของเฟื่องฟ้าเริ่มแสดงความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบัง แต่ขมก็ชินเสียแล้ว เพราะทั้งเฟื่องฟ้าและบดินทร์ต่างก็เป็นคนที่โมโหร้ายด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็หายโมโหง่ายๆ ได้เช่นกัน ขมจึงสามารถตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด
    “ก็ครบทีมล่ะครับ”
    “งั้นก็เรียกทุกคนมา เปิด Speaker phone เลย”
    เฟื่องฟ้าลืมไปเสียสนิทว่า เธอไม่ต้องการให้บดินทร์ได้รับรู้ว่าเธออยู่ที่ใด แต่เวลานี้เธอกำลังโมโหลูกน้องที่เธอฝึกมาเองกับมือมากกว่า จึงเป็นเหตุให้คนที่บังเอิญเดินผ่านหน้าห้องต้องหยุดยืนฟัง เมื่อได้ยินเสียงเธอ
    บดินทร์หงุดหงิดจนไม่อาจนั่งทำงานหรือวางเฉยต่อไปได้ จึงคิดที่จะออกไปเล่นกีฬาคลายความตึงเครียดที่เกาะติดในใจเขาให้จางลง แต่ก็ได้เห็นพวกลูกน้องของเฟื่องฟ้าพากันมุงที่โต๊ะของนายขมที่ได้ชื่อว่าเป็นมือขวาของเฟื่องฟ้า เขาจึงหยุดยืนดูด้วยความสนใจ
    นาทีแรกบดินทร์ตั้งใจจะเดินผ่านเลยไป ถ้าไม่ติดว่าทุกคนกำลังตั้งใจฟังเสียงที่แผดก้องจากโทรศัพท์ แล้วเขาก็ได้ยินเสียงของคนที่ทำให้เขาเป็นทุกข์หนักดังมาราวกับฟ้าผ่า
    “มาครบแล้วใช่ไหม? เจ้าพวกบ้า”
    นั่นเป็นคำพูดแรกที่บดินทร์ได้ยิน พร้อมกับเสียงตื่นเต้นดีใจของทีม แต่คนที่ดีใจปนน้อยใจกลับกลายเป็นบดินทร์ เขาสัมผัสได้ถึงอาการหัวใจเต้นรัวเร็ว เพราะตื่นเต้นดีใจผสมผสานกับความน้อยใจที่คนที่เฟื่องฟ้าโทรหาไม่ใช่เขา
    บดินทร์อยากจะไปกระชากโทรศัพท์แล้วพูดกับเฟื่องฟ้า แต่อยากรู้ว่าเธอโทรมาเพราะอะไร จึงยืนนิ่งและตั้งใจฟัง
    น้ำเสียงที่แผดก้องเหมือนเวลาที่เฟื่องฟ้าโมโหเมื่องานไม่เป็นไปอย่างใจเธอกำลังเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เธอหายไปเกือบเดือน แต่ผิดกันก็ตรงที่เวลานี้เธอไม่ได้อยู่ตรงนี้เท่านั้น
    เฟื่องฟ้าจักการอบรมลูกน้องให้บดินทร์เรียบร้อย และหลังจากนั้นเขาก็ได้เห็นทุกคนกลับประจำโต๊ะ และเริ่มทำงานกันอย่างแข็งขัน โดยที่ทุกคนไม่ทันสังเกตเห็นเขาเสียด้วยซ้ำไป
    เสียงจากโทรศัพท์ได้เรียกสายตาจากบดินทร์อีกครั้ง
    “เอาล่ะทีนี้ พี่ขอคุยกับขมหน่อย คนอื่นๆ ไปทำงานได้แล้ว ถ้าพี่โทรมาอีกแล้วรู้ว่าพวกเธอยังทำตัวเป็นเด็กขี้อิจฉา แต่ไม่ยอมแสดงฝีมืออีกพี่จะฟ้องคุณดิน”
    คำพูดประโยคนั้นบดินทร์ได้ยินและรู้อยู่เต็มอกว่าเฟื่องฟ้าพูดเพียงเพื่อขู่ลูกน้องเท่านั้น แต่เขาก็ดีใจที่เธอยังคิดถึงเขาอยู่บ้าง แม้จะอยู่ในฐานะเพียงเพื่อนร่วมงานกันก็ตาม
    เมื่อขมปิด Speaker phone และฟังเฟื่องฟ้าพูด บดินทร์ได้แย่งเอาโทรศัพท์จากมือขม พร้อมกับส่งสัญญาณให้ขมเงียบ และตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอพูด
    “เอาล่ะทีนี้ขมคงจะจัดการต่อได้ดี พี่เชื่อว่าอย่างนั้นนะ แล้วขมช่วยพี่ดูแลเจ้าเงินเจ้าทอง เอาต้นไม้ไปตากแดดบ้างนะเดี๋ยวมันจะตาย แล้วก็อย่าลืมให้คุณเลขาฯ คุณดิน ชงชาสมุนไพรให้เธอดื่มตอนบ่ายด้วยล่ะ คงไม่ค่อยได้นอนหรอก ถึงได้มาพาลหงุดหงิดใส่พวกเราน่ะ”
    เฟื่องฟ้าได้ยินเสียงถอนหายใจ แต่ไม่ได้รับคำตอบรับ ก็เลยหัวเราะออกมาก่อนจะต้องตัวชาดิก มือไม้อ่อนขึ้นมากะทันหันเพียงเพราะได้ยินเสียงของคนที่เธอกำลังพยายามหนี
    “ถ้าเป็นห่วงผมแล้วคุณทิ้งผมไปทำไมล่ะเฟื่อง”
    ทั้งน้ำเสียงและประโยคแสดงความสนิทสนมทำให้ขมที่ยืนใกล้ๆ ทำอะไรไม่ถูก เกิดอาการไม่แน่ใจพอๆ กับพนักงานหลายคนที่อยู่ในบริเวณเดียวกันที่พากันเงียบกริบ ตั้งแต่บดินทร์เดินเข้ามา
    ทุกคนมีสีหน้าไม่แตกต่างกันมากนัก ขณะที่ขมพยายามทำตัวลีบเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วเดินไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนที่เมื่อหลายชั่วโมงก่อนเพิ่งจะทะเลาะกันด้วยเรื่องงานด้วยสีหน้าตื่นๆ
    “พี่เฟื่องแอบไปมี Something wrong กับบอสตั้งแต่เมื่อไร”
    “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ก็อยู่กับพวกแกตลอด”
    แล้วทุกคนต่างพากันทำท่าเหมือนกับกำลังปรึกษาเรื่องงาน แต่พยายามเงี่ยหูฟังกันสุดฤทธิ์
    เฟื่องฟ้าตกใจ ด้วยไม่นึกว่าบดินทร์จะอยู่ใกล้ๆ และมารับสายเธอนี้ จึงทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ได้แต่ฟังเขาพูดอยู่ฝ่ายเดียว
    “เฟื่องฟ้าอย่าเพิ่งวางนะฟังผมก่อน”
    ราวกับรู้ใจเฟื่องฟ้าที่กำลังพยายามตัดใจวางโทรศัพท์ในมือ และด้วยความเคยชินกับการทำตามคำสั่งของบดินทร์ เธอจึงยังคงถือโทรศัพท์ค้างและฟังในสิ่งที่เขาบอก
    บดินทร์ถอนหายใจยาว และพยายามรวบรวมคำพูด แต่สิ่งที่เขาพูดออกไปมีเพียง
    “กลับมาเถอะนะเฟื่อง”
    “แต่เฟื่องไม่มีหน้าไปพบคุณดินหรอกค่ะ”
    นั่นเป็นคำพูดประโยคแรกที่เฟื่องฟ้าพูดกับบดินทร์และเป็นความในใจของเธอ
    “กลับมาเถอะ คุณไม่อยู่ผมทำงานไม่ได้ อะไรที่คุณเคยทำก็ไม่มีใครทำให้ผมได้เหมือนคุณ ผมไม่อยากเสียคุณไปนะเฟื่อง”
    “แล้วจะให้เฟื่องกลับไปในฐานะอะไรคะ เฟื่องทนไม่ได้หรอกที่จะมานั่งดูคุณเจ้าชู้ไปเรื่อยๆ”
    “พูดเรื่องนี้มาก็ดี ตอนนี้ผมไม่มีใครนะเฟื่อง ตั้งแต่มีคุณ ผมบอกเลิกกับทุกคนหมดแล้ว ขอแค่ให้คุณกลับมา”
    เฟื่องฟ้าแค่นหัวเราะด้วยความไม่เชื่อถือทันที เธอรู้จักบดินทร์มากว่าห้าปี เห็นเขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แล้วจะมาหยุดลงที่เธอ ผู้หญิงเชยๆ ที่ไม่มีอะไรน่าดึงดูดอย่างเธอ อย่างไรเธอก็เชื่อไม่ลง
    “อย่ามาหลอกเฟื่องเลย ตอนนี้ยังใหม่อยู่ อีกไม่นานคุณก็เบื่อ”
    “เฟื่องอย่าดูถูกน้ำใจผม จริงอยู่ที่ผมเป็นคนเจ้าชู้ แต่คุณเป็นคนที่ผมอยากอยู่ด้วยตลอดชีวิต อ๊ะ... อย่ามาเถียง คำพูดนี้ผมไม่เคยพูดกับใคร และผมไม่เคยให้สัญญากับใคร แต่กับคุณมันแตกต่าง ผมต้องทำอย่างไรคุณถึงจะเชื่อ แล้วกลับมาหาผมเฟื่อง”
    เฟื่องฟ้าไม่อยากเชื่อคำพูดของบดินทร์นัก แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่เขาพูดราวกับเธอเป็นสิ่งมีค่าสำหรับเขา
    “ความรักเหมือนโรคา บันดาลให้ตามืดมล
    ไม่ยินและไม่ยล อุปะสัคคะใดใด
    ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผิขังไว้
    ก็โลดจากคอกไป บ่ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
    ถึงหากจะผูกไว้ ก็ดึงไปด้วยกำลัง
    ถึงห้ามก็ยิ่งคลั่ง บ่หวลคิดถึงเจ็บกาย” 
    (มัทนะพาธา พระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว)
    เฟื่องฟ้ารำพึงกับตัวเอง แต่บดินทร์ก็ได้ยินทุกถ้อยคำ เขาเข้าใจในความหมายดี และเข้าใจด้วยว่าเธอกำลังคิดเช่นไร
    “เฟื่องอาจไม่เชื่อว่าผู้ชายเจ้าชู้อย่างผมก็รักเป็น และผมรู้ตัวเองดีว่าผมรักใครเพียงแต่คุณจะยอมรับมัน”
    “เฟื่องเชื่อไม่ลงหรอกค่ะคุณดิน เฟื่องไม่อยากเป็นหนึ่งในผู้หญิงของคุณ เราจากกันแต่ตอนนี้ดีกว่าถลำลึก และในท้ายที่สุดคุณก็ไปกับคนอื่นๆ เฟื่องว่าเฟื่องยอมถอยออกมาแบบนี้ล่ะดีแล้วค่ะ ที่สำคัญตอนนี้คุณอาจแค่รู้สึกผิดกับเฟื่องเท่านั้นเอง”
    “ไม่นะเฟื่อง... ปัดโธ่... เฟื่องทำไงคุณถึงจะเชื่อว่าผมรักคุณ”
    ความอัดอั้นตันใจทำให้บดินทร์พูดออกมาจนได้ ไม่เฉพาะเฟื่องฟ้าที่ตกใจ แม้แต่พนักงานที่อยู่ในห้องทุกคนก็พากันตกใจ ทุกคนต่างมองตากันและสื่อสานกันผ่านสายตาราวกับมีโทรจิตติดต่อกันได้
    เฟื่องฟ้ายกมือขึ้นกุมหัวใจตัวเองที่เต้นโลดเร็วและแรง ขณะเดียวกันก็พยายามเอ็ดตัวเอง
    ‘อย่าบ้านะเฟื่อง เท่านี้ก็ดีใจแล้ว ไม่เอาหรอก เฟื่องไม่ยอมเป็นผู้หญิงของคุณดิน’
    แต่ในท้ายที่สุดเฟื่องฟ้าก็ตัดสินใจวางเดิมพันกับบดินทร์ด้วยหัวใจของตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เธอรู้ว่าความรักไม่ใช่เกม และบดินทร์เป็นผู้ชายที่ชอบเอาชนะ แต่ก็ขี้เบื่อ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจยื่นข้อเสนอกับเขา
    “คุณดินคะ เฟื่องไม่กลับไปหาคุณดินหรอกค่ะ”
    “เฟื่อง!”
    บดินทร์ตกใจ และคิดไปถึงข้อความในจดหมาย
    “เพราะมันใช่ไหม?”
    เฟื่องฟ้างุนงงอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก จึงถามออกไปด้วยความสับสน
    “มันไหน? ใครคะ?”
    “ก็พี่ฟุ้งอะไรของคุณนั่นไง”
    เฟื่องฟ้าหัวเราะกิ๊กขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่ยังอยู่ในภาวะตึงเครียดแท้ๆ แต่แค่คิดว่าเธอเป็นคนรักของฟุ้งเฟื่องได้ ก็ทำให้เธอขันเหรือเกินแล้ว
    ‘คุณดินนี่ ไม่เคยอ่านประวัติเฟื่องเลยสิท่า’
    พอบดินทร์ได้ยินเสียงหัวเราะจากเฟื่องฟ้า เขาก็คิดได้ว่าคงได้พูดอะไรที่ทำให้เธอขบขันเข้าให้แล้ว เมื่อประมวลอย่างรวดเร็ว เขาจึงถึงกับยิ้มออกมาได้
    “คุณไม่มีใคร?”
    “ค่ะ”
    เฟื่องฟ้าตอบตามตรง แต่ก็ยังคงหัวเราะอยู่นั่นเอง
    “ถ้าอย่างนั้นผมจะหาคุณจนเจอ แล้วผมจะไม่ให้คุณหนีผมไปไหนได้อีกเลย ผมสัญญา”
    “ทำได้ก็ลองดู”
    เฟื่องฟ้าพูดเพียงเท่านั้นแล้วก็วางสายไป เธอจะไม่พูดอะไรที่เป็นการกระตุ้นให้เขาอยากค้นหาเธอไปมากกว่านี้ และจะไม่ให้ข้อมูลอะไร เธอรู้ว่าบดินทร์เป็นคนชอบเอาชนะ แต่ความขี้เบื่อของเขาจะทำให้เขารามือไปเอง หรือไม่ก็คงพยายามหาเธอ ถ้าหากว่าเขารักเธออย่างที่บอกจริงๆ
    “คำตอบจะเป็นอย่างไร ถ้าถึงเวลานั้นคุณไม่เปลี่ยนไป และยังพูดคำนั้นกับเฟื่องได้ เฟื่องจะเชื่อคุณค่ะ คุณดิน”
    หลังจากบดินทร์วางสายไปหลายนาที เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมจ้องมองโทรศัพท์ไม่วางตา ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องไม่ไปออกกำลังกายอย่างที่คิดไว้แต่แรกด้วยท่าทางที่ผิดไปจากเดิม
    ผิดกับลูกน้องที่ต่างพากันรวมกลุ่มอย่างรวดเร็ว ราวกับจอกแหนที่แตกออกเพราะหินก้อนโต
    “นายขม รู้อะไรมาเล่ามาซะดีๆ”
    นายขมถูกเพื่อนๆ ซักไซ้ราวกับนักโทษ ในขณะที่ขมได้แต่บอกว่า
    “จะไปรู้อะไรได้ไง ก็ทำงานด้วยกัน ไม่เคยเห็นคุณดินกับพี่เฟื่องหวานกันสักที”
    “แล้วไอ้ที่พวกเราได้ยิน”
    “ฉันก็เพิ่งได้ยินพร้อมพวกแกนั่นล่ะ”
    ระหว่างที่ทุกคนกำลังคาดคั้นนายขม บดินทร์ตัวต้นเรื่องก็เดินผ่านมาอีกครั้ง เขาเพียงแต่เคาะประตูเรียกร้องความสนใจก่อนจะวางระเบิดก้อนโตในห้องอีกครั้ง
    “ก็อย่างที่พวกคุณได้ยิน ถ้าเฟื่องติดต่อมา พยายามถามให้ผมด้วยว่าเขาอยู่ที่ไหนแล้วผมจะให้รางวัล แต่ตอนนี้พวกคุณไปคิดงานให้ผมได้แล้ว เฟื่องเขาสั่งแล้วนี่ อีก 2 ชั่วโมงผมจะกลับมาดูผลงานพวกคุณ”
    บดินทร์เดินจากไปด้วยท่าทางเย็นลงกว่าเดิมมาก แต่พนักงานกลับรู้สึกราวกับว่า เขากำลังกลายเป็นนักล่าอีกครั้ง ในเมื่อบดินทร์ได้ชื่อว่าเป็นนักวางแผนที่ดีที่สุด และไม่เคยพลาดมือสักครั้ง เมื่อเขาอารมณ์เย็นและมีสติครบถ้วนไม่ใจร้อนวู่วามอย่างที่เคยเป็น
    “พี่เฟื่องผมว่าพี่หนีคุณดินไม่พ้นหรอกครับ”
    ขมได้แต่คิดในใจ แต่พอมองหน้าเพื่อนๆ ก็รู้ว่าทุกคนต่างก็คิดเหมือนๆ กันก่อนจะพากันแยกย้ายไปทำงานแข่งกับเวลา 2 ชั่วโมง
    ******************************************************************************************************************************
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×