ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฉันหรือเธอที่เผลอใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : พลาด

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 60


    เขียน สิงหาคม 2554

         ภายในห้องนอนหรูหราขนาดใหญ่ หญิงสาวนอนเปลือยกายคว่ำหน้าซบหมอนนุ่มเผยให้เห็นเพียงลาดไหล่กับเส้นผมยาวที่แผ่สยายปกคลุมทั้งแผ่นหลัง

         ใบหน้าเล็กยามหลับใหลราวกับนางฟ้าน้อยๆ นั้น ปลุกให้ชายหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำอดใจไม่ไหว เขาเดินตรงไปคุกเข่าข้างเตียง บรรจงเกลี่ยเส้นผมนุ่มสลวยที่บดบังใบหน้า เผยให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์อย่างชัดเจน

              ชายหนุ่มพิศมองใบหน้าของหญิงสาวด้วยความปรารถนา เพราะเธอช่างแตกต่างจากเวลาทำงานร่วมกันมาก

              “เฟื่องฟ้า” ในเวลางานดูเข้มแข็ง มุ่งมั่น และดุชนิดลูกน้องต่างพากันกลัวหงอ แล้วยังชอบแต่งตัวด้วยสูทสตรีสีทึบทึม สวมแว่นตาทรงตาแมวที่ยิ่งเสริมให้เธอดูเหมือนครูฝ่ายปกครองนั่นอีก

              แต่เวลานี้เฟื่องฟ้ากลับกลายเป็นเพียงหญิงสาวอ่อนวัยไร้เดียงสาเมื่อเขากอดเธอด้วยความเสน่หา

              บดินทร์พิศมองใบหน้ายามไร้แว่นตาและหลับใหลด้วยความดื่มด่ำ เขาไม่เคยรู้สึกถึงความรักใคร่ หรือแรงปรารถนาได้ถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่เขาพยายามเสาะหาใครสักคนมาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปมาทั้งชีวิต กลับไม่เคยมีใครทำให้ใจเขาหวั่นไหวได้ แต่เพียงเพราะความพลั้งเผลอและลืมตัวชั่วขณะกลับกลายเป็นโซ่ตรวนรัดรึงมัดใจเขาไว้ และตัวเขาเองก็ยินยอมพร้อมใจที่จะถูกพันธนาการด้วยความเต็มใจ

              บดินทร์เคลื่อนกายลงนั่งเคียง เฝ้ามองเฟื่องฟ้าอยู่นาน เก็บเกี่ยวจดจำใบหน้าน่ารักที่ไม่เคยมองอย่างจริงจังสักครั้ง ซึ่งในความทรงจำมีเพียงสีหน้ามุ่งมั่น กับแว่นตาแมวที่ทำให้นึกถึงอาจารย์ฝ่ายปกครอง กระทั่งเธอเริ่มเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นอาการที่แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังฟื้นตื่นจากนิทรา

              “อืม...ม เมื่อยจัง”

              ทันทีที่เฟื่องฟ้าทอดถอนใจแล้วพลิกกาย ดวงตาคู่สวยก็ผลันลืมตาตื่น แม้จะมีร่องรอยองความสับสนไม่แน่ใจในนาทีแรก แต่เมื่อเธอจับภาพชายตรงหน้าได้ คิ้วทั้งคู่ก็ขมวดขึ้นทันที ดวงตาหรี่ปรือหลับลงและลืมขึ้นมองอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ

              ดวงตาของเฟื่องฟ้ามีแต่ความสงสัย แต่ไม่มีคำถามใดหลุดจากปากของเธอ กระทั่งบดินทร์ที่นั่งเคียงเธอ เอื้อมมือดึงผ้าห่มขึ้นคลุมทรวงอกอิ่มที่เวลานี้มีเส้นผมบดบังไม่มิดด้วยความอ่อนโยน

              “ตื่นแล้วหรือเจ้าหญิง”

              เฟื่องฟ้ายังคงมึนงงกับสิ่งที่เห็นและประหลาดใจกับสิ่งที่เจ้านายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอ สีหน้าของเธอแสดงออกอย่างเปิดเผย ซึ่งทำให้บดินทร์อดใจไม่อยู่ เขาก้มลงจุมพิตเธอไล่ตั้งแต่หน้าผาก ดวงตา  คิ้ว คาง และมาจบลงที่ริมฝีปากอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ

              ดูเหมือนว่าเฟื่องฟ้าจะยังคงสับสนและไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่ไม่น้อย จึงยอมให้บดินทร์จุมพิตเธอได้ดังใจปรารถนา ทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายควบคุมตัวเองอย่างหนัก เขาสัมผัสเธอด้วยหน้าผากของเขาที่คลึงเคล้ากับหน้าผากของเธอ พร้อมกับอาการถอนหายใจอย่างหนัก เขาสานสายตากับเธออย่างอ้อยอิ่ง เต็มไปด้วยความรู้สึก

              “วันนี้คุณนอนพักที่นี่นะคนดี แล้วกลางวันผมจะกลับมาทานข้าวด้วย”

              บดินทร์หอมแก้มเฟื่องฟ้าอีกครั้ง ก่อนจะผละจากไปแต่งตัว โดยมีสายตาของเฟื่องฟ้าติดตามไป แต่เมื่อเขาหันกลับมามอง เฟื่องฟ้าให้รู้สึกราวกับเป็นความผิดของตัวเองที่มองเขา จึงแกล้งหลับตาเสีย และเธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดีมีความสุข

              ก่อนบดินทร์จะออกจากห้องไป เขากลับมานั่งใกล้เฟื่องฟ้าอีกครั้ง ใจเขาไม่อยากห่างเธอแม้แต่น้อย แต่วันนี้มีงานสำคัญที่เขาจะหยุดไม่ได้เสียด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้หัวหน้างานต้องมานอนอยู่แบบนี้ เขายิ่งขาดงานไม่ได้ใหญ่ เพราะคนที่รู้เรื่องงานมีเพียงเขาและเธอเท่านั้น

              “ผมไปทำงานก่อนนะเฟื่อง”

                   บดินทร์ก้มลงหอมแก้มเฟื่องฟ้าอีกครั้งแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างมีความสุข

              ผิดกับเฟื่องฟ้า ทันทีที่ประตูปิดลง เธอกลับลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียง ร่องรอยในสิ่งที่เธอคิดไว้ปรากฏเต็มสองตา ความทรงจำเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาค่อยๆ ลำดับในสมองอย่างชัดเจน

                         เฟื่องฟ้าไปเลี้ยงฉลองโปรเจคที่เพิ่งทำสำเร็จอย่างสวยงามกับเจ้านายหนุ่มซึ่งก็คือบดินทร์และลูกน้อง ระหว่างที่เธอกำลังสนุกกับงานเลี้ยงเธอเผลอไปหยิบเอาแก้วเครื่องดื่มรสแรงของเจ้านายมาดื่มแล้วก็รู้สึกว่าสติจะเลอะเลือน แต่อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างกันกลับแจ่มชัดเสียจนเธอหน้าแดงซ่านอย่างช่วยไม่ได้

                   แล้วกิริยาท่าทางที่บดินทร์ปฏิบัติต่อเธอเมื่อครู่ก็ยิ่งบอกให้เฟื่องฟ้าได้รับรู้ว่าเวลานี้เธอกลายเป็นหนึ่งในผู้หญิงของเขาเสียแล้ว

              “ต้องไปให้เร็ว” 

              นั่นคือความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวของเฟื่องฟ้า เธอจึงจัดการตัวเองอย่างรวดเร็วและพร้อมออกเดินทางทันที

              เมื่อเฟื่องฟ้าเดินออกจากห้อง เธอก็แทบสะดุดขาตัวเองเพราะที่นี่คือบ้านของบดินทร์ เธอเคยเอางานมาส่งให้เขาครั้งหนึ่ง ที่สำคัญส่วนที่เธออยู่นี้เป็นบริเวณที่เธอไม่เคยขึ้นมาก่อน มีโอกาสเพียงแค่ได้มองขึ้นมาเท่านั้น

              ระหว่างนั้นเองเฟื่องฟ้าได้พบกับคุณแม่ของบดินทร์เข้าด้วยความบังเอิญ

              “สะ... สวัสดีค่ะคุณมัลลิกา”

              “สวัสดีจ๊ะ พ่อลูกชายแม่ไปไหนเสียล่ะ”

              “เอ่อ... ไป... ไปทำงานแล้วค่ะ”

              สายตาของมัลลิกาที่ทอดมองเฟื่องฟ้าอย่างรู้เท่าทันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เฟื่องฟ้าหน้าแดงจัดด้วยความอับอาย กลับกลายเป็นความพึงพอใจ เพราะมัลลิการู้ดีว่าลูกชายของเธอเจ้าชู้ขนาดหนัก มีหญิงสาวมากหน้าหลายตามาติดพันมากมาย

              แต่กับเฟื่องฟ้าคนนี้มองอย่างไรก็ไม่ใช่แบบที่บดินทร์ชอบ เธอปราดเปรียวเกินไป เข็มงวดเกินไป แต่จะเพราะเหตุใดที่ทำให้ทั้งคู่มาลงเอยแบบนี้ก็สุดจะคาดเดา

              แล้วยังได้มาเห็นท่าทางเดือดร้อนใจ ตื่นกลัว และหวั่นไหวของเฟื่องฟ้า มัลลิกาให้เกิดอาการที่เรียกได้ว่าเอ็นดูขึ้นมาเสียเฉยๆ
    เพราะถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นที่มาติดพันลูกชาย แล้วเดินออกมาพบมัลลิกาแบบนี้คงจะยิ่งชูคอเป็นนางหงส์เป็นแน่ แต่กับเฟื่องฟ้า เธอยิ่งดูเจียมตัวมากกว่าที่เคยเห็นในบริษัทเสียอีก

              “แล้วนี่หนูจะไปแล้วหรือ?”

              “ค่ะ วันนี้... วันนี้เฟื่องมีโปรเจคใหญ่ที่ต้องนำเสนอค่ะ”

              เฟื่องฟ้าโป้ปดบนพื้นฐานของความจริงได้อย่างคล่องปาก แน่นอนว่าวันนี้มีการเสนอโปรเจคจริง แต่เธอไม่ได้ต้องการไปบริษัทอย่างที่ปากบอกไปสักนิด

              “อย่างนั้นหรือ”

              มัลลิกาแสดงอาการเข้าใจในทันที แล้วคิดแต่เพียงว่า เด็กคนนี้ห่วงงานมากกว่าตัวเองเสียอีก จึงแอบมีรอยยิ้มพอใจขึ้นมาเพียงชั่ววินาทีที่เฟื่องฟ้าไม่ทันได้สังเกต

              “แล้วไม่ทานข้าวเช้าก่อนหรือ?”

              “ขอบคุณค่ะ แต่เฟื่องต้องรีบไปค่ะ”

                   น้ำเสียงร้อนรนของเฟื่องฟ้าสะดุดหูมัลลิกามากแต่เพราะปกติเฟื่องฟ้าเป็นคนขยันทำงาน และจริงจังกับหน้าที่เธอจึงไม่ติดใจซักถามแต่อย่างใด

              ทันทีที่เฟื่องฟ้าออกจากบ้านและอยู่บนรถแท๊กซี่ เธอได้ถ่ายโอนข้อมูลเบอร์โทรต่างๆ ลงเครื่อง แล้วโยนซิมโทรศัพท์ทิ้งไป จากนั้นเธอรีบติดต่อเจ้าหน้าที่คอนโดของเธอให้ติดประกาศให้เช่าห้องพักของเธอ

              เมื่อเฟื่องฟ้ากลับถึงคอนโด เธอจัดการเก็บข้าวของ ซึ่งมีจำนวนเพียงน้อยนิดใส่กระเป๋าเดินทาง เพียงไม่กี่นาทีห้องทั้งห้องของเธอก็ดูราวกับเป็นห้องเปล่าๆ อีกครั้ง

              “โชคดีนะที่เราไม่ใช่คนช่างซื้อของ”

              เฟื่องฟ้าบ่นกับตัวเองเบาๆ เมื่อไปติดต่อเจ้าหน้าที่ เธอบอกให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปทำความสะอาดห้องอีกครั้ง

              “คุณเฟื่องมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ ดูคุณรีบร้อนจัง”

              “ก็นิดหน่อยค่ะ ยังไงฝากคุณจัดดูแลห้องให้เฟื่องด้วยนะคะ เฟื่องไม่อยากขาย ให้คนอื่นมาเช่าน่าจะดีกว่า”

              “แล้วคุณเฟื่องจะไปไหนหรือครับ”

              “ย้ายที่ทำงานค่ะ ที่ใหม่มันไกลจากที่นี่ตั้งโขเชียว เฟื่องเลยต้องย้าย แต่เฟื่องชอบที่นี่ไม่อยากขาย”

              “ครับ แล้วจะให้ผมติดต่อคุณได้ยังไงครับ”

              “แล้วเฟื่องจะติดต่อมานะคะ”

              “ครับ ถ้าอย่างนั้นก็โชคดีครับคุณเฟื่อง”

              “ขอบคุณค่ะ”

              เฟื่องฟ้าเดินออกจากคอนโดก็เป็นเวลาใกล้เที่ยง ซึ่งบดินทร์ที่เคยยิ้มแย้มอารมณ์ดีในตอนเช้ากลับกลายเป็นบูดบึ้ง เมื่อติดต่อเฟื่องฟ้าไม่ได้เสียที

              ในที่สุดบดินทร์จึงโทรเข้าบ้านและได้รับคำตอบที่ทำให้เขาหัวเสียมากขึ้น

              “สวัสดีค่ะ บ้าน...”

              “คุณแม่หรือครับ”

              “จ๊ะ ว่าไงจ๊ะ เมื่อคืนยังไงถึงพาหนูเฟื่องมาค้างที่บ้านได้ฮะ”

              “คุณแม่พบเฟื่องแล้วหรือครับ”

              “พบแล้ว ได้คุยกันนิดหน่อย ว่าแต่คนนี้เอาจริงหรือไง ถึงพามาบ้าน”

              “ครับแม่ ว่าแต่เฟื่องล่ะครับ ผมติดต่อไม่ได้เลย”

              “อ้าว! ก็หนูเฟื่องออกไปเมื่อซักแปดโมงได้มั๊ง เห็นบอกว่าวันนี้มีโปรเจคใหญ่ ขาดไม่ได้นี่นา นี่ยังไปไม่ถึงบริษัทหรือนั่น”

              “ครับ ถ้าอย่างนั้นเท่านี้ก่อนนะครับแม่”

              “จ๊ะ”

              มัลลิกาวางโทรศัพท์ด้วยความกังวลใจ เพราะเท่าที่สังเกตดูเฟื่องฟ้าไม่ใช่คนที่คิดตัดสินใจทำอะไรด้วยอารมณ์ เธอดูเป็นคนมีเหตุผล แต่แววตาที่ไม่เป็นสุขคู่นั้นทำให้มัลลิกาอดรู้สึกใจหายไม่ได้

              “เด็กคนนั้น”

              ดวงตาของมัลลิกาค่อยทอแสงพราวระยับด้วยความชอบใจ เราะถ้าบดินทร์เดือดร้อนใจและพยายามติดตามหาเฟื่องฟ้าก็เป็นไปได้ว่าลูกชายที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้จะถูกปราบเสียที และถ้าเป็นเฟื่องฟ้า ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรโดดเด่นคนนั้นด้วยแล้ว เธอก็จะสนับสนุนเต็มที่ คิดแล้วมัลลิกาก็นั่งยิ้มและดูท่าจะสบายใจกว่าทุกวัน

              เฟื่องฟ้าจัดการตัดการติดต่อทุกทาง เธอไม่ต้องการติดต่อกับใคร ในเวลานี้เธอต้องการอยู่เพียงลำพัง เธอยังไม่อยากเผชิญหน้ากับบดินทร์ ความผิดพลากครั้งนี้ทำให้เธอเกิดความตื่นกลัว ความอับอายที่เกิดขึ้นทำให้เธอไม่สามารถทำใจที่จะทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอได้ และคิดว่าการหายไปเงียบๆ น่าจะเป็นความคิดที่ดีในเวลานี้ 

              ที่สำคัญเฟื่องฟ้ากลัวใจตัวเอง เธอรู้ตัวเองดีว่า หากเธอรักใคร เธอจะทุ่มเทให้กับคนๆ นั้นเพียงคนเดียว แต่สำหรับบดินทร์ที่เธอรู้จักแล้ว ทำให้เธอไม่สามารถทำใจได้ ผู้ชายเจ้าชู้มากเสน่ห์อย่างเขาไม่มีทางที่จะหยุดลงที่เธอได้อย่างแน่นอน เธอไม่อยากเป็นอย่างผู้หญิงคนอื่นที่ต้องมาเจ็บช้ำ เพราะมาหลงรักผู้ชายอย่างเขา ถึงแม้ว่าเฟื่องฟ้าจะเป็นคนดุและเฉียบขาดในสายงาน แต่เธอก็เป็นคนหัวเก่า ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมในการครองเรือน แม้วัยของเธอจะเลยสามสิบมาแล้ว จนเธอตัดใจว่าจะเป็นสาวแก่ แต่กลับมามาเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้า ก็ทำให้เธอเกินจะทำใจยอมรับได้ 

              แล้วสิ่งที่บดินทร์แสดงต่อเฟื่องฟ้าเต็มไปด้วยความเอาใจใส่ รักใคร่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขามาก่อน ยิ่งทำให้่เธอยอมรับได้ยาก หากแต่ใจเธอก็เกินจะต้านทานไหว ถ้าปล่อยให้นานไปเธออาจจะเผลอใจไปรักเขาเข้าสักวัน สู้ให้เธอจากไปเสียแต่ตอนนี้ยังดีเสียกว่า

              เฟื่องฟ้าจัดการกระทั่งขายรถแล้วขึ้นรถไฟเที่ยวแรกเพื่อกลับบ้านที่จากมานาน

              บดินทร์ติดต่อฝ่ายบุคคล เพื่อติดตามหาที่อยู่ของเฟื่องฟ้า แต่เมื่อติดตามไปจนถึงที่พักกลับพบว่า เธอได้จากไปแล้ว แม้แต่รถเธอก็ขายทิ้ง สร้างความหงุดหงิดใจแก่เขาเป็นอย่างมาก

              ไม่เคยมีใครปฏิเสธเขาบดินทร์  บริรักษ์ ผู้หญิงมากมายที่รายล้อมรอบตัวเขา ล้วนแล้วแต่ปรารถนาจะครอบครองเขา แล้วนี่เฟื่องฟ้ากลับตัดความสัมพันธ์กับเขาทุกทาง ทั้งๆ ที่เขาและเธอผูกพันกันถึงขนาดนั้น

              แม้ว่าใจจะเป็นทุกข์ที่เฟื่องฟ้าจากไป แต่ความมีทิฐินั้นมีมากกว่า บดินทร์จึงแสร้งทำเป็นไม่ใส่ในความรู้สึกนั้น และคิดเสียเพียงว่าเฟื่องฟ้าก็เป็นผู้หญิงอีกคนที่บังเอิญผ่านเข้ามาในชีวิตเขาเท่านั้น

              ถึงจะหลอกตัวเองให้คิดเช่นนั้น แต่บดินทร์ก็รู้ตัวดีว่าความรู้สึกว่างเปล่าคล้ายกับทำสิ่งสำคัญหล่นหาย ได้ทิ่มแทงความรู้สึกอย่างชัดเจน

    ********************************************************************************************************************************

    กลับมาแล้วนะคะ ครั้งนี้จะพยายาม ตะล่อมพาเฟื่องฟ้ากลับมาสู่อ้อมอกของบดินทร์ให้ได้ ลุ้นไปพร้อมกันนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×