ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกจอมราชัน

    ลำดับตอนที่ #3 : 2 ดาบของราล์ฟ

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 48


    คนขายดาบกำลังพูดกับชายร่างใหญ่ท่าทางอันธพาลใส่บทสีน้ำตาลที่ขาดรุ่งรุย เสื้อและกางเกงทำจากผ้าเนื้อหยาบ

    เมื่อราล์ฟเดินเข้าไปดูดาบก็พอดีกับที่ชายหนุ่มร่างใหญ่เดินออกจากร้านไปพร้อบดาบเล่มหนึ่ง คนขายดาบจึงหันมาสนใจราล์ฟที่เพิ่งเข้ามาอยู่

    “สนใจดาบเล่มไหนหรือเจ้าหนู”

    “คือ ข้ายังไม่มีดาบที่สนใจเลยน่ะลุง ลุงช่วยแนะนำข้าหน่อยซิ” พูดพลางละสายตาจากดาบหันมามองคนตรงหน้า

    “แล้วผู้ชายข้างๆเจ้าละมาด้วยกันหรือเปล่า” คนขายดาบถึงเอมอสที่ยืนอยู่ข้างหลังราล์ฟ

    “อ้อ นั่นน้าชายข้าน่ะ มาเป็นเพื่อน” ราล์ฟโกหกเหมือนตอนที่เจอโดมินิค

    “แล้วเจ้าซื้อดาบในโอกาสใดหรือ”

    “อะ เอ่อ วันเกิดข้าน่ะลุง พ่อข้าเลยให้เงินมาซื้อของที่ข้าอยากได้” ตอบกลับไปแบบไม่เต็มเสียงนัก

    “อือ แล้วเจ้าสนใจดาบแบบไหยละ” คนขายพยักหน้าเข้าใจแล้วหันมาถามเรื่องดาบ

    “คือ เอาแบบที่ไม่หนักมากน่ะลุง” คนขายดาบพยักหน้าเข้าใจอีกทีแล้วถามต่อ

    “แล้วชนิดดาบละเจ้าหนู ดาบเดี่ยว หรือ ดาบคู่”

    “ดาบเดี่ยวลุง”

    “อือ เจ้าเดินไปดูดาบทางด้านนั้นนะ แล้วก็เลือกดาบที่เจ้าชอบละกัน” คนขายดาบตอบพลางชี้ให้ราล์ฟดู

    ที่ชั้นวางดาบด้านในราล์ฟจึงเดินไปดูตามที่คนขายบอก



    ส่วนคนขายดาบก็หันมาทางเอมอสที่ยืนนิ่งตั้งแต่เมื่อกี้

    “แล้วท่านสนใจดาบเล่มไหนหรือเปล่า”

    “อ้อ คือ ข้ามีดาบประจำตัวอยู่แล้วน่ะท่าน”เอมอสที่ยืนนิ่งมาตั้งต่เมื่อกี้ตอบกลับไป

    พอดีกับที่ราล์ฟเดินกลับมาเรียกคนขายดาบให้ไปดูดาบพร้อมเอมอส

    “ลุงๆ ดาบอันนั้นน่ะ ลุงช่วยหยิบให้ข้าหน่อยได้รึเปล่า ข้าอยากดูใกล้ๆน่ะ แต่หยิบไม่ถึง”

    เอมอสพูดพลางชี้ไปที่ดาบอันหนึ่งที่อยู่บนที่วางด้านบนขึ้นไปเกือบสุดเพดาน

    “อ้อ ได้สิเจ้าหนู รอแปบนะ” พูดเสร็จแล้วหายกลับไปด้านหลังร้านไปเอาบันไดมาหยิบดาบให้ราล์ฟดู

    “เอ้า เจ้าหนู ใช่เล่มนี้รึเปล่า”

    “ใช่แล้วลุง ขอบคุณมาก” พูดพลางรับดาบมาถือดู



        ตัวดาบเป็นสีเงินวาววับทั้งหมดบอกถึงการดูแลรักษาที่ดี ด้ามจับเหมาะมือมีเม็ดทับทิมสีแดงติดอยู่ที่ด้ามดาบสีดำสนิททำจากไม้เนื้อดี น้ำหนักของดาบถือว่าเบามากสำหรับดาบชนิดเดียวกันทั่วๆไป จะมีก็แต่ความยาวที่ยาวจนเกินไปสำหรับเค้าแต่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเพราะเมื่อเค้าโตขึ้นดาบก็จะพอดีกับตัวเค้า ดาบเล่มนี้จึงเหมาะกับเค้าพอดี



    “เจ้าหนูนี่ตาถึงแฮะ” คนขายดาบพูดขึ้นทำให้เค้าหยุดความคิดเกี่ยวกับดาบแล้วหันไปถามคนขายทันทีด้วยความสงสัย

    “หมายความว่าไงหรอลุง ที่ว่าข้าตาถึงน่ะ”

    “อ้อ ก็ดาบอันเนี้ยมีคนบอกว่าป็นดาบในตำนาน”ว่าแล้วจึงเล่าต่อให้ราล์ฟที่ฟังอย่างตั้งใจเต็มที่

    “flame sword ชื่อของมันแปลว่าเพลิงฟีนิค เป็นดาบธาตุไฟที่ไม่มีวันหัก ด้ามดาบทำจากไม้มะฮอกกานีเคลือบสีดำ

    มีทับทิมสีแดงติดอยู่โดยลงมนต์ธาตุไฟไว้ในตัวทับทิม ส่วนตัวดาบทำจากเหล็กชนิดหนึ่งที่หายากมาก

    และได้รับการตีจากชั่งตีที่มีฝีมือในยุคนั้นและลงมนต์กำกับอีกทีทำให้ดาบไม่มีวันหัก และจะมีพลังพิเศษอยู่ที่ตัวดาบ

    ซึ่งเจ้าของจะสามารถมองเห็นรังสีสีแดงที่ห่อหุ้มดาบไว้ แต่ใช่ว่าเจ้าของทุกคนจะสามารถมองเห็นได้

    เพราะเจ้าของที่มองเห็นได้จะต้องมีพลังเพียงพอที่จะควบคุมดาบและดาบต้องยอมรับเจ้าของคนนั้น

    ดาบจึงจะแสดงพลังให้เห็น ซึ่งคนที่เห็นพลังนั้นคนสุดท้ายก็เมื่อพันกว่าปีก่อนโน่นแนะ

    แต่อย่างว่าตำนานก็คือตำนานเจ้าจะเชื่อก็ได้ไม่เชื่อก็ได้”

    “หรอ ลุง แต่ข้าชอบดาบอันนี้ ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ค่อยเชื่อตำนานอะไรนั่นก็เถอะ

    แต่ก็นะตำนานมักมีพื้นฐานจากความจริงเสมอใช่ไหท่านน้า”ราล์ฟหันกลับไปถามเอมอสพร้อมสกิดให้รู้ตัวว่าถามอยู่

    “อะ อ้อ ใช่ๆ ถูกของท่าน เอ้ย ราล์ฟ ตำนานมักมีพื้นฐานจากความจริงเสมอแหละ” เอมอสพูดตะกุกตะกัก

    “สรุปเจ้าหนูจะเอาดาบเล่มนี้ใช่ไหม” คนขายดาบถามราล์ฟ

    “ใช่แล้วลุง แล้วดาบเล่มนี้ราคาเท่าไรละลุง” ราล์ฟถามกลับ

    “อือ ดาบเล่มนี้ราคา 2800 ทิวส์ 17 ดอส (100 ดอส = 1 ทิวส์)

    “โฮ้ แพงจังลุง ลดหน่อยซิ” ราล์ฟคราง ส่วนเอมอสกำลังคิดว่า

    ‘ท่านราล์ฟหน่อท่านราล์ฟ ตัวเองเป็นถึงองค์ชายรัชทายาทแต่มานั่งต่อรองราคาดาบ ทรงรู้องค์เองบ้างไหมเนี่ย เฮอะกลุ้ม’

    “ตกลงเจ้าหนู ข้าลดให้ก็ได้เห็นแก่เจ้าที่พูดกับข้าถูกคอดี เหลือสัก 2700 ทิวส์ละกันนะเจ้าหนู” คนขายพูดขัดความคิดเอมอส

    “ขอบคุณลุง ท่านน้า____” เรียกเอมอส

    “อะ เอ่อ ครับ เอ้ย มีอะไรราล์ฟ” ตอบตะกุกตะกัก เหงท่อกาฬแตกพลั่ก

    “จ่ายตั่งให้หน่อย ข้าไม่ได้เอาเงินมา เดี๋ยวกลับไปแล้วคืน”

    “เอ่อ ได้” ว่าแล้วจึงควักเงินออกมาจ่ายให้คนขายดาบ คนขายดาบจึงรับดาบจากราล์ฟเดินไปหลังร้าน

    ‘ไอ้หนูนั่นทำไมถึงต้องยืมเงินจากน้าทั้งๆที่พ่อก็ให้เงินมาซื้อดาบแท้ๆแถมยังต้องคืนเงินน้าตัวเองอีก

    ทำไมไม่ให้น้าซื้อให้เป็นของขวัญแทนเล่า แล้วยังท่าทีที่น้าของเจ้าหนูมันแสดงออกมาดูจะให้ความเคารพเจ้าหนูไม่น้อยเลยทีเดียว

    จริงๆแล้วเจ้าหนูนั่นเป็นใครกันแน่ ลูกเศรษฐีหรือ ลูกขุนนางกระมั่ง’

    คนขายดาบคิดไปเรื่อยๆแล้วสรุปเอาเองเพราะมันไม่ใช่เรื่องของตัวเองจึงไม่ควรสอด



    ~~~ทางด้านราล์ฟ~~~



    “นี่เอมอส ทำไมร้านขายดาบร้านนี้ถึงโทรมกว่าร้านอื่นละทั้งๆที่ด้านหน้าก็ตกแต่งได้สวยดีแท้ๆ”

    “อาจเป็นเพราะขายดายได้ไม่มากก็ได้พะย่ะค่ะ  ครับ”

    ต้องแก้คำใหม่หลังจากที่ราล์ฟส่งสายตามาให้ทำนองว่าไม่ต้องมีพะย่ะค่ะ

    “ขอโทษ ครับ” เอมอสกล่าวกลับไป

    “ครับก็ไม่ต้อง ชังมันเถอะ” ราล์ฟโบกมือไปมาไม่ถือสาแล้ววกกลับเรื่องเดิม

    “แต่ข้าว่ามันไม่ใช่ขายไม่ได้นะ เพราะเมื่อกี้ก็มีคนเข้ามาซื้อดาบนี่เจ้าก็เห็น”

    “เอ่อ อันนี้ข้าก็ไม่รู้ ทะ ราล์ฟลองถามคนขายดูสิ” พูดเหมือนยังไม่ชินกับคำพูด

    “เอ้า ดาบเจ้า”เจ้าของดาบกลับออกมาพร้อมปลอกดาบสีมันวาว

    “เอ่อ ลุง ข้ามีเรื่องอยากจะถามลุงหน่อย คือ ____”

    “มีอะไรจะถามก็ถามสิเจ้าหนู” คนขายพูกขัดราล์ฟที่มัวแต่อ้ำอึงไม่กล้าถาม

    “คือ ถามแล้วลุงอย่าโกรธข้านะ คือ ทำไมร้านลุงข้างในร้านมันโทรมจังอะ” ราล์ฟถามส่งสายตาประหม่า

    “555 จะถามแค่เนี้ยหรอเจ้าหนู แล้วทำไมข้าต้องโกรธเจ้าด้วย” คนขายดาบตอบสียงร่าเริงตบบ่าราล์ฟ

    “แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่ร้านข้าคนเดียวหรอกนะเจ้าหนู ร้านอื่นๆแถวนี้ด้านในก็โทรมเหมือนกัน เพราะอะไรรู้ไหม”

    ถามแบบไม่คิดว่าราล์ฟจะตอบได้อยู่แล้ว พอราล์ฟส่ายหน้าไม่รู้ คนขายจึงพูดต่อ

    “เพราะว่าพวกอันธพาลแถวนี้นะซิ ชอบมาขูดรีดเงินจากพวกข้า”

    “หรอแล้วทำไมลุงไม่ไปร้องเรียนละ” ราล์ฟส่งสัยจึงถามคนขายดาบไป

    “ก็พวกอันธพาลนะสิเล่นเดินป้วนเปี้ยนเฝ้าท่าเรืออย่างกับอะไรดี

    พอพวกมันเห็นว่าเป็นคนที่อยู่ในละแวกนี้ก็จะไม่ให้ข้ามไปหรือถ้ามีธุระจะไปพวกมันคนใดคนหนึ่งก็จะตามไป

    เฝ้าด้วยเพื่อกันไม่ให้พวกข้าไปร้องเรียน ทำให้ไปร้องเรียนไม่ได้นะเจ้าหนู”

    “แต่ข้าไม่หยักจะเคยเห็นพวกอัธพาลเลยนิลุง บ้านข้าก็ต้องข้ามเรือเหมือนกัน”

    พูดไปทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้มาทางเรือแต่วิ่งหนีทหารแล้วหลงข้ามสะพานในป่ามาต่างหาก

    ส่วนเอมอสก็ยืนครุ่นคิดอยู่คนเดียวไม่เข้าร่วมวงสนทนาแต่ก็เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

    “โอ้ย เจ้าไม่เห็นก็ไม่แปลกหรอกเจ้าหนู พวกอันธพาลน่ะพลางตัวอยู่กับฝูงชน

    เจ้าที่เป็นคนอื่นมาไม่เคยรู้จักจึงไม่แปลกหรอกที่จะไม่เห็นพวกมันเดินอยู่แถวท่าเรือ

    แต่เจ้าก็เคยเห็นพวกมันครั้งหนึ่งนิ” บ่นออกมาเสร็จ

    ก็หันมาถามราล์ฟที่ตีหน้างง’ข้าไปเคยเห็นที่ไหนหรือ’

    พร้อมส่งสายตาเป็นคำถามไปให้เอมอสที่งงเหมือนกันว่าตนไปเจอมาที่ไหน

    เมื่อคนขายดาบเห็นท่าทีของคนทั้งสองก็เลยบอกไปว่า

    “โธ่ ก็คนที่เจ้าเห็นเมื่อกี้นี้น่ะแหละ ที่เดินสวนกับพวกเจ้าน่ะ”

    “อ้อ แต่ข้าเห็นว่าเค้ามาซื้อดาบนิลุง ไม่ได้มารีดเงินจากลุงซักหน่อย”

    ราล์ฟร้องอ้อขึ้นและทำหน้าประมาณว่านึกออกแล้ว ส่วนเอมอสเมื่อรู้แล้วก็กลับไปสู่ความคิดของตัวเองต่อ

    “เหอะๆ เจ้าว่าพวกนั้นมาซื้อดาบหรอเจ้าหนู” คนขายดาบถามเสมือนว่าไม่เชื่อหูตัวเอง

    “ก็ใช่นะสิลุง ข้ายังเห็นเค้าถือดาบออกจากร้านไปอยู่เลย” ราล์ฟที่ยังไม่เข้าใจก็พูดต่อไป

    ส่วนเอมอสที่เข้าใจแล้วจึงพูดแทรกขึ้นมาว่า

    “หรือว่าคนพวกนั้นมาเอาดาบของท่านไปโดยไม่จ่ายเงิน” ถามไปทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

    “ใช่ๆ อย่างที่ท่านพูดน่ะแหละ พวกมันนอกจากรีดเงินข้าแล้วยังเอาดาบที่ข้าขายไปอีก” ส่วนราล์ฟก็พยักหน้าเข้าใจที่เอมอสพูด

    “แต่พวกมันคงไม่มาขอดาบจากลุงบ่อยหรอกใช่ไหม” ถามไปพร้อมกับกังวลแทนคนตรงหน้า

    เค้าเป็นถึงองค์ชาย ต้องคอยดูแลทุกข์สุขของประชาชนแต่กลับไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยสักนิดแย่จริงๆ

    “ก็ไม่บ่อยมากหรอกแต่พอดาบพังมันก็มาเอาเล่มใหม่จากข้าก็แค่นั้น” พูดเหมือนไม่ค่อยกังวล

    “ท่าทางลุงดูไม่กังวลเลยเวลาเจ้าพวกนั้นมาขอดาบเล่มใหม่” ราล์ฟทำท่าทางสงสัย

    “อ้อ ก็ส่วนมากพวกมันจะดูดาบไม่เป็น ก็เลยเชื่อคำพูดที่ข้าแต่งขึ้นทุกคำที่ข้าพูดบรรยายดาบที่ข้าหยิบให้พวกมัน

    ทั้งๆที่ดาบอันนั้นตีขึ้นจากเศษเหล็กแถมยังตีแบบหยาบๆอีกด้วย” พูดเสร็จก็หัวเราะออกมากับความคิดของตัวเอง

    “อ่าวแล้วลุงจะกลุ้มทำไมที่ดาบโดนอันธพาลเอาไป”

    “ก็พวกมันบางคนนะสิ ดูดาบเป็นเวลามาเอาดาบเลยหลอกไม่ได้

    แถมยังเลือกดาบเองอีกไม่ฟังข้าสักนิด มันเลยได้ดาบดีไป” จากเสียงหัวเราะเมื่อกี้ก็เปลี่ยนเป็นหดหู่ลง

    ราล์ฟและเอมอสหันมามองหน้ากันต่างก็สงสารคนขายดาบ

    “เอ่อ นี่ก็เย็นแล้ว เจ้าหนูรีบไปข้ามเรือเถอะ เดี้ยวพอมืดแล้วพวกอันธพาลมันจะสุมหัวกันหาเรื่องชาวบ้าน

    ข้าเองก็ต้องปิดร้านแล้วไม่งั้นจะซวยไปด้วย” พูดเสร็จก็ไปหยิบดาบที่พิงไว้ข้างกำแพงส่งให้ราล์ฟ

    ฝ่ายราล์ฟเมื่อรับเอาดาบมาก็มองไปด้านนอกจึงเห็นว่าร้านส่วนมากกำลังจะปิดแล้วและคนก็น้อยลงมากจากที่เห็นเมื่อตอนบ่ายแก่ๆ

    “เอ่อ งั้นพวกข้าลาละ” เอมอสพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน

    “อือ โชคดี วันนี้ได้คุยกับพวกเจ้าข้าสนุกมากลาก่อน เจ้าหนูอย่าลืมแวะมาละ”

    คนขายตะโกนมาจากในร้านตอนที่พวกเค้าเดินออกมาเสร็จแล้วจึงปิดร้านลง

    ส่วนราล์ฟกับเอมอสก็รีบไปที่ท่าเรือเพื่อข้ามเรือซึ่งคนน้อยมาก คงเพราะใกล้จะมืดแล้วเมื่ออยู่ในเรือราล์ฟจึงพูดถามเอมอสทันที

    “เจ้าคิดว่าไง”

    “ทรงถามถึงสิ่งใดหรือพะย่ะค่ะ” ถามทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว

    “อย่ามาทำเป็นไม่รู้หน่อยเลยเอมอส ก็เรื่องอันธพาลนั่นน่ะ”

    พูดพลางส่งสายตาเคืองๆไปทำนองว่าไม่ต้องพูดราชาศัพท์กับข้าเมื่ออยู่นอกเขตพระราชวัง

    “เอ่อ ขอโทษ พะ” กลืนคำพูดสุดท้ายไปเมื่อราล์ฟส่งสายตาเคืองๆมาอีกรอบ

    “เฮ้อะ แล้วตกลงเรื่องอันธพาลเจ้าว่าไง ข้าว่าให้ท่านพ่อจับสั่งขังเลยดีกว่า” หันไปขอความเห็นจากเอมอสที่นั่งอยู่ด้านข้าง

    “แต่เราไม่มีหลักฐานนะ องค์... ราล์ฟ จะไปเอาผิดกับพวกนั้นไม่ได้”หลังจากที่พูดจบเรือก็กระทบฝั่งทั้ง 2 คนจึงลงจากเรือ

    “งั้นเจ้าว่าข้าควรทำไงดี” ราล์ฟถามเพื่อขอความเห็นจากคนด้านข้าง

    ส่วนเอมอสนั้นคิดว่า ‘องค์ชายที่เล่นไปวันๆเริ่มจะรู้จักห่วงราษฎรบ้างแล้วโตขึ้นคงเป็นกษัตริย์ที่ดี’

    แต่ปากกับพูดตอบออกไปว่า

    “ราล์ฟก็ควรหาหลักฐานมายืนยันให้ได้ก่อน”

    “หรอ แล้วถ้าข้าไปเห็นเองเนี่ยถือเป็นหลักฐานได้รึเปล่า” ถามไปอีกรอบระหว่างที่เดินจะเข้าเขตพระราชวังก็ถูกทหารกันไว้

    แต่เมื่อทหารเห็นว่าป็นใครจึงเปิดทางให้เข้าไป

    “ก็ต้องมีพยานรู้เห็นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปพะย่ะค่ะ” พูดพลางเดินเข้าไปในเขตพระราชวังพร้อมราล์ฟ

    “หรอ งั้นข้าแค่จัดฉากขึ้นมาก็สินเรื่องจริงไหม แล้วให้เจ้ากับข้าเป็นพยานรู้เห็น

    เอ้อ แล้วก็ไม่ต้องพูดกับข้าแบบนั้นอีกเวลาอยู่กับข้า เจ้าเก็บไปพูดเวลาอยู่ต่อหน้าท่านพ่อกับในพิธีก็พอ”

    พูดเสียงเจ้าเล่ห์เหมือนนึกอุบายอะไรออก

    “ครับ แต่การจัดฉากก็เหมือนเราไปหลอกเค้าน่ะแหละพะย่ะค่ะ อีกอย่างเราไม่มีคนเจ็บมายืนยันการกระทำของพวกเค้าด้วย”

    พูดเสร็จก็ได้รับสายตาเคืองๆจากราล์ฟทันที

    “ข้าบอกให้เจ้าพูดกับข้าธรรมดาๆไงเอมอส” พูดพลางหยุดเดินเอมอสจึงต้องหยุดตาม

    “ค่ะ คือ กระหม่อมไม่ชินน่ะพะย่ะค่ะ” เอมอสกลัวราล์ฟจนพูดคำราชาศัพท์ไปเต็มที่ลืมคำสั่งทั้งหมด

    แต่เหตที่กลัวหาใช่กลัวโดนอาญา แต่กลัวโดนนำเรื่องส่วนตัวของตัวเองไปเผยแพร่ต่อสาธารณะต่างหาก

    “นี่คือการพูดแบบคนธรรมดาของเจ้าหรือเอมอส” พูดพลางส่งสายตาประมาณว่าลองพูดอีกทีได้โดนแฉ่ความลับแน่

    เอมอสจึงรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าราล์ฟพร้อมก้มหน้าลงทันที

    “คือ ข้าขอ อะ โทษ คือ มันไม่ชินน่ะ พะ คือ ถ้าท่านจะให้ข้าพูดคนธรรมดานั่นก็ได้อยู่หรอก พะ ครับ

    แต่จะให้พูดแบบทัดเทียมกับท่านข้าพูดไม่ได้หรอก ครับ”

    “งั้น... ก็แล้วแต่เจ้าละกันแต่ห้ามพูดแบบพิธีการกับข้าอีกเวลาที่ไม่ได้อยู่ในพิธีหรือต่อหน้าท่านพ่อ”

    ราล์ฟพูดขึ้นหลังจากยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง

    “ครับ ข้าตกลง” เอมอสใจชื่นขึ้นมาหน่อยที่ความลับของตนยังไม่ถูกเปิดเผย

    “งั้น เจ้าก็ลุกขึ้นซะทีสิ ข้าอยากกลับห้องจะตายอยู่แล้ว”

    “ครับ” เอมอสพูดพลางลุกขึ้นแล้วเดินตามไปส่งราล์ฟที่ห้องบรรทมแล้วจึงกลับห้องของตนเองที่อยู่อีกทาง



    .....................................

    100% แล้วขอรับ เดี้ยวจะมาอัพต่อนะขอรับ จะสอบกลางภาคแล้ว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×