ตอนที่ 1 : New
"เธอดูหมกมุ่นกับการออกไปข้างนอกจังนะ" ชายหนุ่มกล่าว
แต่ตัวฉันเองกลับไม่อยากแม้แต่จะเหลือบมองหน้าของเขา
"ให้ตายสิ ถ้าเล่นเกมจ้องตาเธอแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยนะ" เขาเริ่มหัวเสียแล้วเดินออกจากห้องไป
. . . ส่วนฉัน
ได้แต่มองออกไปข้างนอกหน้าต่าง
โดยที่ไม่อยากรับรู้อะไร
ไม่อยากจดจำอะไรกับเรื่องที่เคยพลั้งมือทำ
..............................................................................
/เมื่อวาน/
ท่อนไม้ ไฟ กลิ่นไหม้ของฟางและน้ำมันรถยนต์ ยังคละคลุ้งในความทรงจำของฉันไม่หาย
หลังจากผ่านประสบการณ์เฉียดตาย การได้เริ่มต้นใหม่ในสภาพแวดล้อมดีๆ คือจุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิตของฉันนับแต่นั้นมา
ความเย็น และกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยที่ลอยฟุ้งอบอวลในรถลีมูซีนทำให้ฉันเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น
ภาพวิวดอกไม้และแสงแดดกำลังเคลื่อนผ่านตัวฉันไปช้าๆ
มันอาจไม่น่าตื่นตาสำหรับฉันที่อาศัยในชนบทเท่าไหร่
แต่มันน่าสนใจสำหรับตัวฉันในชีวิตใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
"คุณโอลิเวีย อีกสามร้อยเมตรเราก็จะถึงบ้านของเรากันแล้ว ตื่นเต้นไหม" ชายแก่สวมสูทสีดำคุยกับฉันอย่างเป็นมิตร
"ค่ะ
. . .บ้านของเรา" ฉันใจฟูเมื่อเอ่ยคำว่าบ้านได้อย่างเต็มปาก
รถแล่นผ่านซุ้มประตูที่ทำจากต้นไม้สีดำประดับประดาด้วยเถาวัลย์และดอกไม้
มันทำให้คิดถึงตัวฉันเอง
รถแล่นผ่านเข้าไปในเวิ้งไม้ เผยให้เห็นคฤหาสน์โบราณสีเหลืองทอง
เมื่อรถหยุด บานประตูข้างหน้าถูกเปิดออกช้าๆ
หญิงสาวผมดำยาวสลวยค่อยๆเคลื่อนที่ออกมาข้างหน้าจนกระโปรงผ้ากำมะหยี่ของเธอพลิ้วไหวตามจังหวะการเดิน
เธอปรายตาผ่านหน้าม้าหนาเข้มแล้วส่งรอยยิ้มให้ฉัน
"อาจจะดูไม่ค่อยเป็นทางการถ้าฉันขอกล่าวว่ายินดีต้อนรับ" เธอยื่นมือมาทักทายและช่วยพยุงฉันออกจากรถ
"ขอบคุณค่ะ" ฉันพูดอย่างเขินอาย
"เวลคัมดริ้ง" เธอยื่นแก้วรูปทรงสมมาตรที่ใส่น้ำสีน้ำตาลเข้มให้ฉัน
"ค่ะ" ฉันรับมันมา และดื่มมันไปหนึ่งจิบ
โชคดีที่รสชาติของมันไม่ขมเหมือนแอลกอฮอล์แต่กลับหวานเปรี้ยวจนน่าตกใจ
"ทำมาจากแอปเปิลจ่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง" เธอเอื้อมมือเพื่อรับแก้วคืน "ได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" มือของหญิงสาวเชยคางของฉันขึ้นแล้วมองสำรวจ
"คะ?"
ฉันไม่เข้าใจในเรื่องที่เธอถาม
ฉันไม่มีความทรงจำของอุบัติเหตุหรือความเจ็บป่วย
มีเพียงแต่ความรู้สึกแปลกในอกที่ไม่รู้ว่าคืออะไร
และฉันเป็นใคร?
"จำไม่ได้เหรอ . . .
. . . ไม่เป็นไรนะ เรามาเริ่มใหม่กัน" เธอวางมือที่บ่าแล้วพาฉันเดินเข้าคฤหาสน์ไป
ตัวฉันเองที่พึ่งสังเกตถึงความจริงที่ว่า ฉันสูญเสียความทรงจำ
เวลา สถานที่ ผู้คน
ฉันจำเรื่องราวก่อนที่จะมาถึงที่นี่ไม่ได้เลย
"เธอกลัวไหม" หญิงสาวหยุดเดินแล้วกระซิบที่ข้างๆหูของฉัน
"กลัวอะไรคะ" ฉันถามรุกเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอ
"กลัวการเริ่มต้นใหม่ที่นี่"
". . .ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น"
ฉันตอบออกไปทั้งที่ในใจยังว่างเปล่า
..............................................................................
เราเดินกันต่อไปบนโถงทางเดินที่มีกลิ่นไม้และกลิ่นปูนเก่า ลอยฟุ้งตลบอบอวลตลอดทาง
เมื่อเดินจนมาสุดทาง ฉันก็ได้พบกับบานประตูไม้แกะสลักรูปหญิงสาว
"นี่คือพี่น้องของเรา พวกเราสร้างปาฏิหาริย์กันที่นี่"
หญิงสาวเอื้อมมือลูบไล้บนแผ่นไม้อย่างแผ่วเบา
"คนที่สร้างปาฏิหาริย์เท่านั้นเหรอคะที่มีสิทธิ์อยู่บนบานประตูนี้" ฉันถาม
ส่วนเธอเงียบไปชั่วขณะ
"ทุกคนสร้างปาฏิหาริย์ค่ะ" หญิงสาวพูดด้วยแววตาสั่นคลอ
ไม่ทันที่ฉันจะรู้สึกตัว ประตูถูกเปิดออก
เผยให้เห็นด้านในของห้องนอนอันโอ่อ่ากว้างขวางถูกตกแต่งด้วยภาพวาดและตุ๊กตากระเบื้องแต่งตัวสวยงาม
"ที่นี่เรามีกฎเดียว คือเธอสามารถทำทุกอย่างตามที่ใจเธอต้องการ เพราะเราอยากจะเห็นศักยภาพของเธอเมื่อเธอได้ใช้เวลากับตัวเองมามากพอ
. . แต่เรามีข้อแม้เพียงอย่างเดียว " เธอยื่นหน้ามากระซิบฉันอีกครั้ง
"อย่าพูดกับเขา "
เขา?
ฉันเผลอหันหลังกลับไปมองในห้องโดยไม่รู้ตัว
ผู้ชาย!?
มีชายหนุ่มแต่งเครื่องแบบนักเรียนโบราณนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง
เขาส่งยิ้มให้ฉัน
และเมื่อหันหลังกลับมา
หญิงสาวก็หายไปเสียแล้ว . . .
ในห้องที่ตอนนี้มีเพียงฉันกับชายหนุ่มอยู่กันเพียงลำพัง
ความเงียบและความอึดอัดเข้ามาทักทายในบรรยากาศอันตึงเครียด
"เธอชื่ออะไร" เขาถามด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา
ฉันไม่ตอบ ทั้งเพราะกฎหนึ่งข้อที่ผู้หญิงคนนั้นบอก และก็เพราะฉันจำอะไรไม่ได้เลย
เรายืนจ้องตากันไม่กะพริบ เปลือกตาของเขาไม่เคลื่อนลงมาปิดดวงตาสีเขียวเข้มเลยแม้แต่น้อย
ฉันกะพริบตา
"เธอแพ้" เขาพูดขึ้น และในขณะเดียวกันที่ตัวฉันได้ถูกทำให้ลอยสูงขึ้นอย่างช้าๆ
ความรู้สึกเหมือนจมน้ำ ร่างกายด้านชา ไม่ยอมขยับตามจิตใต้สำนึกที่กำลังสั่งการอย่างตื่นกลัว
เรื่องที่เกิดขึ้นมันคืออะไร? ฉันลอยขึ้นได้อย่างไร? แล้วทำไมฉันหายใจไม่ออก!
"รู้จักวิธีรอดจากการจมน้ำหรือเปล่า . . ." เขาถามขณะมองช้อนเข้าไปใต้กระโปรงของฉัน
"คือการว่ายน้ำให้เป็นไงล่ะ" ชายหนุ่มยิ้มอย่างมีความสุข
ส่วนฉันกลับรู้สึกโมโหอย่างบอกไม่ถูก
แต่ความตาย ก็น่ากลัวเกินกว่าจะคิดเรื่องอื่นนอกจากการหาหนทางรอดจากสถานการณ์นี้
"สาวบ้านนอกนี่ชอบใส่กางเกงในแบบนี้เหรอ น่าสนใจดีนะ" มันยังคงยั่วโมโหฉันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉันโกรธ ฉันโมโห ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องทนยอมรับชะตากรรมอันน่าเจ็บปวดนี้
'ชะตากรรมที่ถูกย่ำยีอย่างไร้ค่า'
ฉันรู้สึกว่าตัวเองร่วงหล่นลงบนพื้นพรมหนานุ่มฟู
ฉันลืมตาและพยุงตัวขึ้นจากพื้น งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
'ฉันไม่ได้กำลังจะตายเหรอ? ฉันไม่ได้ลอยบนพื้นหรอกเหรอ?' คำถามมากมายอยู่ในหัวจนไม่ทันจะสังเกตเห็นประกายไฟที่กำลังโถมลุกโชนบนร่างของชายหนุ่ม
ร่างของมันถูกเผาด้วยไฟแบบเดียวกับที่ฉันเคยถูกกระทำ
เสียงปรบมือดังตามมาข้างหลัง จนดึงความสนใจของฉันออกจากร่างไหม้เกรียมตรงหน้า
และเจ้าของเสียงปรบมือ
คือหญิงสาวชุดดำ
"เธอทำได้เยี่ยมในการทดสอบ"
ความสับสน และคำถามพุ่งมาหาฉันเหมือนฝูงแร้งรุมทึ้งซากสัตว์
"ฉันชื่อมิเกล กริฟฟิท . . .
และยินดีต้อนรับสู่ . . .Girl's republic "
to be continue ...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
