ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : จากปากโกโดม
“ เรื่องมันร้ายแรงนักหรือไงฮะ” นักฆ่าคนเดียวในห้องเอ่ยปากถามเจ้ากวางหลังจากเห็นว่ามันกางข่ายเวทมนต์เสร็จเรียบร้อย
  คำตอบที่ได้กลับมีเพียงสายตาประหลาดๆจากเจ้ากวาง  ที่มีความหมายว่า ‘ ก็ร้ายแรงมากน่ะสิเจ้าโง่ ‘ คนถามจึงเลิกถามแล้วรอให้คนถูกถามเล่าเองดีกว่า
“ ว่าไงล่ะ เงียบทำซากอะไร รีบๆเล่ามาสักทีสิ” น้ำคำที่บ่งบอกถึงความรำคาญกับท่าทีอ้ำๆอึ้งๆทำให้คนถูกถามรีบตอบคำถามจากเจ้าหญิงคนสำคัญทันที
“เจ้าหญิงพะย่ะค่ะ ตอนที่พระองค์เองคงทราบดีว่าสถานการณ์ของเอเดนเป็นเช่นไร ร้ายแรงมากเพียงใด ฝนที่เคยนำพาความอุดมสมบูรณ์มายังแผ่นดินเอเดนกลับกลายเป็นฝนเลือดที่นำมาซึ่งสูญสิ้น ความอุดมสมบูรณ์ที่เคยมีกลับกลายเป็นความแห้งแล้ง กลางวันที่เคยยาวนานกลับเหลือเพียงเสี้ยว ปล่อยให้ราตรีกาลครอบงำอยู่นาน มหาสมุทรที่เคยสงบราบเรียบกลับปั่นป่วนบ้าคลั่ง คลื่นยักษ์พัดพาความหายนะให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณนั้น ความอดอยากเริ่มทวีคูณจนเกินการควบคุม ประชาชนเข่นฆ่ากันเองเพื่อความอยู่รอดของตน ดินแดนต่างๆก็พากันเข้ายึดเมืองอื่นซึ่งยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้เพียงน้อยนิด สงครามกำลังเกิดขึ้นอย่างที่ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดมันได้....”  น้ำเสียงก้องกังวานจากปากเจ้าโกโดม พ่อมดแห่งเดมอส ซึ่งฟังๆดูแล้วไม่ได้เหมาะกับตัวที่เล็กอย่างนั้นเลย ทำเอาเจ้าหญิงคนงามแต่นิสัยไม่สมหญิงเกือบปล่อยเสียงหัวเราะออกมา แต่เมื่อหันไปสบตากับสายตาดุๆ ก็ทำให้เธอต้องรีบกลั้นเสียงหัวเราะนั้นไว้อย่างรวดเร็ว
“มันไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับแหวนของท่านพ่อเลยนี่ แล้วไอ้การที่แหวนมันเกิดใช้การไม่ได้ขึ้นมา มันเกี่ยวกับเอเดนยังไง แกอย่ามาเล่าอะไรให้เสียเวลาของฉันเลยดีกว่าเจ้ากวาง” หลังจากที่กลั้นเสียงหัวเราะได้แล้ว ปากที่ไม่เคยสงบของเจ้าหญิงแห่งเดมอสก็เริ่มทำงานต่อ
“เฟริน  หุบปาก” คำสั้นๆง่ายๆแต่ได้ใจความใช้ได้ผลชะงัดนักกับคนที่ปากไม่อยู่สุข
“ว่าต่อไปโกโดม โคมุส” น้ำคำที่ออกคำสั่งอย่างเคยตัวบวกกับความเย็นยะเยือกในน้ำเสียงคนพูด คนที่ถูกสั่งจึงเล่าต่ออย่างว่าง่าย
“เสียงสาปแช่งแผ่นดินเอเดนไม่เพียงแต่จะนำมาซึ่งหายนะแก่ประชาชนเอเดนเท่านั้น มันยังก่อความไม่สงบไปถึงดินแดนเดมอสของเราด้วยกระหม่อม ด้วยพลังแห่งราชินีจันทราทำให้ทางเดมอสของเรานั้นทราบได้ว่าหายนะนี้เกิดจากผู้ใด.....”
ไม่ทันที่จะเล่าจบก็ถูกขัดขึ้นเสียก่อนด้วยเสียงจากใครไม่ได้ นอกจากเจ้าหญิงหัวขโมย
“แล้วใครล่ะ กล้าแหย่หนวดเสือเลยหรือเนี่ย”
“นายช่วยหุบปากของนายหน่อยก็ดี  ว่าต่อไปโกโดม” คาโลขัดเสียงเจ้าตัวดีอีกครั้ง  หน้าของผู้ที่ถูกว่ามุ่ยลงทันที
“ทันทีที่องค์จันทราทราบ พระองค์จึงรีบเข้าเฝ้าท่านจ้าวและเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ท่านจ้าวฟัง และนี่แหละกระหม่อมคือเหตุผลที่ท่านจ้าวรีบส่งหม่อมฉันมาอารักขาเจ้าหญิง และจัดการเรื่องทั้งหมด”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเฟรินล่ะ แกช่วยอธิบายให้มันเคลียร์ๆหน่อย ฉันไม่เข้าใจ” คนที่ถนัดแต่ใช้กำลังมากกว่าสมอง ทายาทตระกูลนักฆ่าชื่อดังเอ่ยขึ้นหลังจากคิดอยู่นาน
“เกี่ยวแน่นอน เพราะว่าคนผู้นั้นต้องการยึดครองแผ่นดินทั่วหล้า รวมถึงเดมอสด้วย มันมิใช่คนธรรมดาทั่วไป มันสามารถใช้เวทมนต์ดำของเราได้อย่างชำนาญ ท่านจ้าวสันนิษฐานว่ามันคงจะเป็นจอมปราชญ์หรือไม่ก็อยู่ในระดับเดียวกับมหาปราญช์เลโมธีก็เป็นได้ ดังนั้นหากผู้ใช้เวทย์ระดับสูงขนาดนี้ได้ตัวธิดาแห่งความมืดไป พลังเวทย์ของมันก็จะยิ่งมากทวีคูณ และที่สำคัญตอนนี้ ทั้งมงกุฎแห่งใจ คทาแห่งพลัง และแหวนแห่งปราชญ์ ก็ตกอยู่ในมือของมันเรียบร้อยแล้ว”
“เดี๋ยวๆ ที่แกว่าแหวนแห่งปราชญ์กับคทาแห่งพลังอยู่ในมือมันแล้วหมายความว่าไง ก็ในเมื่อแหวนยังอยู่ที่เลโมธี ส่วนคทานั่นน่ะ ฉันก็ทำมันหักไปแล้วด้วย” ปากที่หุบมานานของเฟรินเริ่มจะพูดจาที่มีสาระขึ้นบ้าง
“นั่นน่ะสิ แหวนนั่นเลโมธีก็เก็บรักษาอย่างดีซะขนาดนั้น ส่วนคทาพวกฉันก็เห็นมันหักไปต่อหน้าต่อตา แกเอาเรื่องอะไรมาพูดฮะ ท่านพ่อมด”
  คิลเริ่มว่าต่อด้วยนัยน์ตาสีม่วงประกายที่บ่งบอกถึงความสนุกกับเรื่องที่เพิ่งฟังไป
“คืออย่างนี้กระหม่อม ตอนที่คทาหักนั่นน่ะ พลังของคทาทั้ง 9 ส่วนหายไปใช่มั้ยล่ะกระหม่อม แต่พลังท่าจ้าวที่อยู่ในคทานั้นก็มีมากมายไม่จำเป็นต้องครบ 10 ส่วนก็มีพลังมหาศาล มันได้พลังทั้ง 9 ส่วนนั้นไปแล้วทำคทาอันใหม่ขึ้นมา ส่วนแหวนที่อยู่ที่เลโมธีนั้นเป็นของปลอม ของจริงน่ะตาแก่นั่นเก็บเอาไว้ในที่ที่อันตรายที่สุด แต่ก็ปลอดภัยที่สุด แต่มีหรอที่เรื่องแค่นี้จะตบตาผู้ใช้เวทย์ขนาดนั้นได้ เมื่อมันรู้มันจึงเอาแหวนไปอย่างง่ายดายในขณะที่พวกมนุษย์เอเดนหน้าโง่กำลังต่อสู้งี่เง่าชิงแหวนซึ่งหายไปแล้ว”
  “ที่ที่อันตรายที่สุด แต่ปลอดภัยที่สุด... มันที่ไหนหว่า” เจ้าตัวแสบแห่งป้อมอัศวินและเพื่อนนักฆ่าสมองไม่ได้เรื่องพูดขึ้นมาพร้อมกัน
“ก็ที่เดิมที่เก็บแหวนอยู่แล้วไงกระหม่อม”
“อ๋อ ก็ไม่พูดให้ชัดๆตั้งแต่แรก ปล่อยให้ฉันงงอยู่ได้ตั้งนาน” หัวขโมยในคราบเจ้าหญิงยังคงพูดต่อไปเรื่อย
“แล้วเรื่องเรมัคกับชามัลล่ะ” เจ้าชายรัชทายาทแห่งคาโนวาลถามขึ้นหลังจากจมอยู่ในห้วงคิดเป็นเวลานาน
“มันต้องการจัดการกับคนที่มีฝีมือของเอเดนก่อนเพื่อง่ายแก่การกำจัดคนอื่นถัดไป ส่วนเรื่องที่แหวนใช้การไม่ได้นั้น ก็เป็นผลจากเวทของมันซึ่งกำลังหาตัวธิดาแห่งความมืด หม่อมฉันเห็นว่ามันคงต้องการให้ชาวเอเดนที่อยู่ในสนามประลองรู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าหญิงเพื่อที่มนุษย์เหล่านั้นจะได้เข่นฆ่ากันเองเพื่อนำตัวของเจ้าหญิงมา เป็นการเบาแรงของมันน่ะกระหม่อม”
“หนอย ไอ้เลวนี่ มันจะมากไปแล้วนะ แน่จริงก็ออกมาสู้กันซึ่งๆหน้าสิวะ” ความโกรธพวยพุ่งออกจากตัวของธิดาแห่งความมืด มีควันดำๆรายล้อมรอบตัวเฟรินเอาไว้ สร้างความงุนงงให้กับคนในห้องเป็นอย่างมาก มีเพียงพ่อมดแห่งเดมอสเท่านั้นที่ยังคงนิ่งเงียบอยู่ ไม่มีความแปลกใจอะไรกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“เฮ้ย!! มันเป็นอะไรของมันฮะเจ้าคนแคระ” เสียงกึ่งตกใจกึ่งสนใจจากคิล ฟีลมัส เรียกให้เจ้าคนแคระละสายตาจากภาพของเจ้าหญิงของมันเพื่อที่จะมาสบตากับนัยน์ตาสีม่วง
“มันเกิดขึ้นแล้วล่ะ เจ้าคงไม่รู้สินะ ว่าธิดาแห่งความมืดมีพลังบางอย่างอยู่ พลังที่แม้แต่ตาแก่หน้าโง่เลโมธีก็ไม่อาจทานได้ พลังที่มากมายมหาศาลขนาดจัดการกับแผ่นดินทั้งหลายทั้งปวงได้ในชั่วพริบตา ตอนที่พลังในตัวเจ้าหญิงกำลังตื่นขึ้น ด้วยฝีมือของท่านจ้าวอย่างแน่นอน”
คำอธิบายจากปากของพ่อมดดำแห่งเดมอสนั้นทำเอาเพื่อนร่วมห้องทั้งสองของเฟรินนิ่งอึ้งไปนาน แล้วคนที่สงบสติได้ก่อนก็หันมาป้อนคำถามต่อ
“เอวิเดสปลุกพลังของมันขึ้นมาทำไม” น้ำคำห้วนสั้นแข็งกระด้างจากเจ้าชายแห่งคาโนวาลผู้ซึ่งตอนนี้กำลังทำสีหน้าปั้นยากกับภาพที่เห็นเอ่ยถามคนที่รู้ดีกว่า
“เพื่อตัวของเจ้าหญิงเอง และการเดินทางที่อันตรายที่สุด ซึ่งจะเกิดในไม่ช้านี้” ว่าแล้วโกโดมก็เดินไปหาเจ้าหญิงของมันพร้อมกับร่ายเวทอะไรบางอย่างควันสีดำนั่นก็ค่อยๆจางหายไป
ร่างบางที่เคยลอยขึ้นจากพื้นเพราะควันนั่นค่อยๆตกลงมาโดยมีอ้อมแขนใหญ่โตอันอบอุ่นรับไว้เช่นเดิม ภาพนั้นทำให้ผู้ที่กำลังดูเหตุการณ์อีกคนในห้องนึกขันอยู่ในใจ
‘เวลาอย่างนี้มันยังจะมาทำสวีทกันอีก’
“อ้าวคาโล แกมากอดฉันไว้ทำไมฟะ ปล่อยนะ หนอยไอ้นี่ หลงสเน่ห์ร่างสาวน้อยของฉันขนาดนี้เลยรึ” เมื่อสาวน้อยน่ารักแต่ปากไม่ดีรู้สึกตัว ตื่นจากภวังค์ก็โวยวายใส่คนที่อุตส่าห์รับมันไว้
‘รู้งี๊ปล่อยให้มันตกลงพื้นไปเลยก็ดี’
“อ้าวนั่นแกกำลังจะไปไหนน่ะเจ้ากวาง แล้วเมื่อกี๊ฉันเป็นอะไรไป รู้สึกว่ามันมีกลิ่นหอมประหลาดๆแล้วควันอะไรไม่รู้ก็ออกจากตัวฉัน แล้วฉันก็ฝันอะ ฝันว่าท่านพ่อเอวิเดสมาหา”
เจ้ากวางอมยิ้มที่มุมปากแล้วทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง แต่เสียงของเจ้าตัวดีขัดไว้อีก
“ฉันถามว่าแกจะไปไหน” น้ำเสียงออกคำสั่งที่ไม่น่าจะออกจากปากหัวขโมย แต่ตอนนี้มันกำลังออกจากปากของเจ้าหญิงคนสำคัญแห่งเดมอสและบารามอส
“ไปจัดการอะไรนิดหน่อยกระหม่อม ห้องนี้หม่อมฉันกายข่ายเวทมนต์ไว้แล้ว ไม่น่ามีอะไรให้ทรงกังวล พักผ่อนให้สบายเถิดพะย่ะค่ะ แล้วเดี๋ยวหม่อมฉันจะกลับมา” ว่าแล้วเจ้ากวางตัวน้อยก็หายวับไป ทิ้งไปคนทั้งสามงงกันไปตามระเบียบ
“เดี๋ยวฉันจะออกไปดูเหตุการณ์ข้างนอกก่อน พวกนายคอยที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันกลับมา” ยังไม่ทันที่จะถามว่ามันจะไปดูอะไร นักฆ่าแห่งซาเรสก็รีบเดินออกไปจากห้องทันที ทิ้งไว้เพียงความกระอักกระอ่วนจากเจ้าชายแห่งคาโนวาล
“นี่คาโล แกว่าเรื่องที่เจ้ากวางมันว่ามีคนคิดฆ่าฉันเยอะแยะ เป็นเรื่องจริงมั้ย” น้ำเสียงที่หวานแต่ปนไปด้วยความหดหู่เศร้าสร้อยที่หาฟังได้ยากจากปากของเจ้าตัวดีเอ่ยถามคาโลเจ้าชายน้ำแข็ง
“เรื่องความตายไม่มีใครเอามาล้อเล่น” คำตอบสั้นๆที่ยิ่งฟังแล้งยิ่งน่าน้อยใจจากคนตรงหน้า ทำให้สาวน้อยร่างบางรู้สึกแปลกๆ
“ถ้าถึงเวลาที่ฉันตาย นายจะอยู่เคียงข้างฉันมั้ย” เสียงที่ทำให้เจ้าชายน้ำแข็งเริ่มรู้แล้วว่าคนตรงหน้าไม่ได้ล้อเล่นเหมือนอย่างเคย แต่เขาเองก็ทำอะไรไม่ถูก จึงได้แต่นิ่งเงียบ
“ฉันพูดบ้าบออะไรออกไปเนี่ย โว้ย เสียเชิงชายหมด เกิดเป็นผู้ชายทั้งทีต้องเข้มแข็ง....เข้มแข็ง...เฮ้อ....นอนดีกว่า” เจ้าตัวดีเปลี่ยนสีหน้า ท่าทางแสร้งทำให้คนตรงหน้าคิดว่าตัวเองเข้มแข็งแล้วทำท่าจะลุกไปนอน
แต่ก่อนที่เฟรินจะได้ทำอะไร บุรุษซึ่งทำตัวเย็นชาโดยตลอดกลับดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอด แผ่นอกกว้างให้ความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยมีใครให้ได้ กลิ่นกายของคนที่กำลังโอบกอดเธอทำให้เธอรู้สึกเคลิบเคลิ้ม แล้วคำพูดที่เธอไม่เคยคิดจะได้ยินก็ดังจากปากของเจ้าชายน้ำแข็ง
“ฉันจะอยู่กับนาย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันสัญญา เฟริน เดอเบอโรว์” แล้วริมฝีปากนุ่มๆก็ประทับลงกับริมฝีอวบอิ่มเนิ่นนานราวกับเป็นเครื่องหมายแห่งคำสัญญา คำสัญญาที่แม้เพียงจะสั้นๆ แต่ความหมายของมันช่างมีมากมายกินใจอย่างบอกไม่บอก รู้เพียงว่านั่นคือคำที่บ่งบอกอย่างจริงจังว่า คนที่กำลังโอบกอดเธออย่างนุ่มนวลนั้นจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
“คาโล วาเนบลี ฉันจะไม่มีวันทำให้นายเสียใจ” คำประกาศมั่นจากร่างบางในอ้อมกอดพาให้หัวใจที่เคยเย็นชาดั่งน้ำแข็ง กลับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม้ต้องแลกด้วยชีวิต ฉันจะอยู่กับนายตลอดไป เฟริน.....
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
T o o lN n i lE just talk :
  ไม่รู้ว่าคาโลหลุดไปบ้างป่าว  แต่ก็พยามยามแต่งอย่างเต็มที่แล้วนะคะ เอาใจช่วยนู๋ตูนด้วย....
  คำตอบที่ได้กลับมีเพียงสายตาประหลาดๆจากเจ้ากวาง  ที่มีความหมายว่า ‘ ก็ร้ายแรงมากน่ะสิเจ้าโง่ ‘ คนถามจึงเลิกถามแล้วรอให้คนถูกถามเล่าเองดีกว่า
“ ว่าไงล่ะ เงียบทำซากอะไร รีบๆเล่ามาสักทีสิ” น้ำคำที่บ่งบอกถึงความรำคาญกับท่าทีอ้ำๆอึ้งๆทำให้คนถูกถามรีบตอบคำถามจากเจ้าหญิงคนสำคัญทันที
“เจ้าหญิงพะย่ะค่ะ ตอนที่พระองค์เองคงทราบดีว่าสถานการณ์ของเอเดนเป็นเช่นไร ร้ายแรงมากเพียงใด ฝนที่เคยนำพาความอุดมสมบูรณ์มายังแผ่นดินเอเดนกลับกลายเป็นฝนเลือดที่นำมาซึ่งสูญสิ้น ความอุดมสมบูรณ์ที่เคยมีกลับกลายเป็นความแห้งแล้ง กลางวันที่เคยยาวนานกลับเหลือเพียงเสี้ยว ปล่อยให้ราตรีกาลครอบงำอยู่นาน มหาสมุทรที่เคยสงบราบเรียบกลับปั่นป่วนบ้าคลั่ง คลื่นยักษ์พัดพาความหายนะให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณนั้น ความอดอยากเริ่มทวีคูณจนเกินการควบคุม ประชาชนเข่นฆ่ากันเองเพื่อความอยู่รอดของตน ดินแดนต่างๆก็พากันเข้ายึดเมืองอื่นซึ่งยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้เพียงน้อยนิด สงครามกำลังเกิดขึ้นอย่างที่ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดมันได้....”  น้ำเสียงก้องกังวานจากปากเจ้าโกโดม พ่อมดแห่งเดมอส ซึ่งฟังๆดูแล้วไม่ได้เหมาะกับตัวที่เล็กอย่างนั้นเลย ทำเอาเจ้าหญิงคนงามแต่นิสัยไม่สมหญิงเกือบปล่อยเสียงหัวเราะออกมา แต่เมื่อหันไปสบตากับสายตาดุๆ ก็ทำให้เธอต้องรีบกลั้นเสียงหัวเราะนั้นไว้อย่างรวดเร็ว
“มันไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับแหวนของท่านพ่อเลยนี่ แล้วไอ้การที่แหวนมันเกิดใช้การไม่ได้ขึ้นมา มันเกี่ยวกับเอเดนยังไง แกอย่ามาเล่าอะไรให้เสียเวลาของฉันเลยดีกว่าเจ้ากวาง” หลังจากที่กลั้นเสียงหัวเราะได้แล้ว ปากที่ไม่เคยสงบของเจ้าหญิงแห่งเดมอสก็เริ่มทำงานต่อ
“เฟริน  หุบปาก” คำสั้นๆง่ายๆแต่ได้ใจความใช้ได้ผลชะงัดนักกับคนที่ปากไม่อยู่สุข
“ว่าต่อไปโกโดม โคมุส” น้ำคำที่ออกคำสั่งอย่างเคยตัวบวกกับความเย็นยะเยือกในน้ำเสียงคนพูด คนที่ถูกสั่งจึงเล่าต่ออย่างว่าง่าย
“เสียงสาปแช่งแผ่นดินเอเดนไม่เพียงแต่จะนำมาซึ่งหายนะแก่ประชาชนเอเดนเท่านั้น มันยังก่อความไม่สงบไปถึงดินแดนเดมอสของเราด้วยกระหม่อม ด้วยพลังแห่งราชินีจันทราทำให้ทางเดมอสของเรานั้นทราบได้ว่าหายนะนี้เกิดจากผู้ใด.....”
ไม่ทันที่จะเล่าจบก็ถูกขัดขึ้นเสียก่อนด้วยเสียงจากใครไม่ได้ นอกจากเจ้าหญิงหัวขโมย
“แล้วใครล่ะ กล้าแหย่หนวดเสือเลยหรือเนี่ย”
“นายช่วยหุบปากของนายหน่อยก็ดี  ว่าต่อไปโกโดม” คาโลขัดเสียงเจ้าตัวดีอีกครั้ง  หน้าของผู้ที่ถูกว่ามุ่ยลงทันที
“ทันทีที่องค์จันทราทราบ พระองค์จึงรีบเข้าเฝ้าท่านจ้าวและเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ท่านจ้าวฟัง และนี่แหละกระหม่อมคือเหตุผลที่ท่านจ้าวรีบส่งหม่อมฉันมาอารักขาเจ้าหญิง และจัดการเรื่องทั้งหมด”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเฟรินล่ะ แกช่วยอธิบายให้มันเคลียร์ๆหน่อย ฉันไม่เข้าใจ” คนที่ถนัดแต่ใช้กำลังมากกว่าสมอง ทายาทตระกูลนักฆ่าชื่อดังเอ่ยขึ้นหลังจากคิดอยู่นาน
“เกี่ยวแน่นอน เพราะว่าคนผู้นั้นต้องการยึดครองแผ่นดินทั่วหล้า รวมถึงเดมอสด้วย มันมิใช่คนธรรมดาทั่วไป มันสามารถใช้เวทมนต์ดำของเราได้อย่างชำนาญ ท่านจ้าวสันนิษฐานว่ามันคงจะเป็นจอมปราชญ์หรือไม่ก็อยู่ในระดับเดียวกับมหาปราญช์เลโมธีก็เป็นได้ ดังนั้นหากผู้ใช้เวทย์ระดับสูงขนาดนี้ได้ตัวธิดาแห่งความมืดไป พลังเวทย์ของมันก็จะยิ่งมากทวีคูณ และที่สำคัญตอนนี้ ทั้งมงกุฎแห่งใจ คทาแห่งพลัง และแหวนแห่งปราชญ์ ก็ตกอยู่ในมือของมันเรียบร้อยแล้ว”
“เดี๋ยวๆ ที่แกว่าแหวนแห่งปราชญ์กับคทาแห่งพลังอยู่ในมือมันแล้วหมายความว่าไง ก็ในเมื่อแหวนยังอยู่ที่เลโมธี ส่วนคทานั่นน่ะ ฉันก็ทำมันหักไปแล้วด้วย” ปากที่หุบมานานของเฟรินเริ่มจะพูดจาที่มีสาระขึ้นบ้าง
“นั่นน่ะสิ แหวนนั่นเลโมธีก็เก็บรักษาอย่างดีซะขนาดนั้น ส่วนคทาพวกฉันก็เห็นมันหักไปต่อหน้าต่อตา แกเอาเรื่องอะไรมาพูดฮะ ท่านพ่อมด”
  คิลเริ่มว่าต่อด้วยนัยน์ตาสีม่วงประกายที่บ่งบอกถึงความสนุกกับเรื่องที่เพิ่งฟังไป
“คืออย่างนี้กระหม่อม ตอนที่คทาหักนั่นน่ะ พลังของคทาทั้ง 9 ส่วนหายไปใช่มั้ยล่ะกระหม่อม แต่พลังท่าจ้าวที่อยู่ในคทานั้นก็มีมากมายไม่จำเป็นต้องครบ 10 ส่วนก็มีพลังมหาศาล มันได้พลังทั้ง 9 ส่วนนั้นไปแล้วทำคทาอันใหม่ขึ้นมา ส่วนแหวนที่อยู่ที่เลโมธีนั้นเป็นของปลอม ของจริงน่ะตาแก่นั่นเก็บเอาไว้ในที่ที่อันตรายที่สุด แต่ก็ปลอดภัยที่สุด แต่มีหรอที่เรื่องแค่นี้จะตบตาผู้ใช้เวทย์ขนาดนั้นได้ เมื่อมันรู้มันจึงเอาแหวนไปอย่างง่ายดายในขณะที่พวกมนุษย์เอเดนหน้าโง่กำลังต่อสู้งี่เง่าชิงแหวนซึ่งหายไปแล้ว”
  “ที่ที่อันตรายที่สุด แต่ปลอดภัยที่สุด... มันที่ไหนหว่า” เจ้าตัวแสบแห่งป้อมอัศวินและเพื่อนนักฆ่าสมองไม่ได้เรื่องพูดขึ้นมาพร้อมกัน
“ก็ที่เดิมที่เก็บแหวนอยู่แล้วไงกระหม่อม”
“อ๋อ ก็ไม่พูดให้ชัดๆตั้งแต่แรก ปล่อยให้ฉันงงอยู่ได้ตั้งนาน” หัวขโมยในคราบเจ้าหญิงยังคงพูดต่อไปเรื่อย
“แล้วเรื่องเรมัคกับชามัลล่ะ” เจ้าชายรัชทายาทแห่งคาโนวาลถามขึ้นหลังจากจมอยู่ในห้วงคิดเป็นเวลานาน
“มันต้องการจัดการกับคนที่มีฝีมือของเอเดนก่อนเพื่อง่ายแก่การกำจัดคนอื่นถัดไป ส่วนเรื่องที่แหวนใช้การไม่ได้นั้น ก็เป็นผลจากเวทของมันซึ่งกำลังหาตัวธิดาแห่งความมืด หม่อมฉันเห็นว่ามันคงต้องการให้ชาวเอเดนที่อยู่ในสนามประลองรู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าหญิงเพื่อที่มนุษย์เหล่านั้นจะได้เข่นฆ่ากันเองเพื่อนำตัวของเจ้าหญิงมา เป็นการเบาแรงของมันน่ะกระหม่อม”
“หนอย ไอ้เลวนี่ มันจะมากไปแล้วนะ แน่จริงก็ออกมาสู้กันซึ่งๆหน้าสิวะ” ความโกรธพวยพุ่งออกจากตัวของธิดาแห่งความมืด มีควันดำๆรายล้อมรอบตัวเฟรินเอาไว้ สร้างความงุนงงให้กับคนในห้องเป็นอย่างมาก มีเพียงพ่อมดแห่งเดมอสเท่านั้นที่ยังคงนิ่งเงียบอยู่ ไม่มีความแปลกใจอะไรกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“เฮ้ย!! มันเป็นอะไรของมันฮะเจ้าคนแคระ” เสียงกึ่งตกใจกึ่งสนใจจากคิล ฟีลมัส เรียกให้เจ้าคนแคระละสายตาจากภาพของเจ้าหญิงของมันเพื่อที่จะมาสบตากับนัยน์ตาสีม่วง
“มันเกิดขึ้นแล้วล่ะ เจ้าคงไม่รู้สินะ ว่าธิดาแห่งความมืดมีพลังบางอย่างอยู่ พลังที่แม้แต่ตาแก่หน้าโง่เลโมธีก็ไม่อาจทานได้ พลังที่มากมายมหาศาลขนาดจัดการกับแผ่นดินทั้งหลายทั้งปวงได้ในชั่วพริบตา ตอนที่พลังในตัวเจ้าหญิงกำลังตื่นขึ้น ด้วยฝีมือของท่านจ้าวอย่างแน่นอน”
คำอธิบายจากปากของพ่อมดดำแห่งเดมอสนั้นทำเอาเพื่อนร่วมห้องทั้งสองของเฟรินนิ่งอึ้งไปนาน แล้วคนที่สงบสติได้ก่อนก็หันมาป้อนคำถามต่อ
“เอวิเดสปลุกพลังของมันขึ้นมาทำไม” น้ำคำห้วนสั้นแข็งกระด้างจากเจ้าชายแห่งคาโนวาลผู้ซึ่งตอนนี้กำลังทำสีหน้าปั้นยากกับภาพที่เห็นเอ่ยถามคนที่รู้ดีกว่า
“เพื่อตัวของเจ้าหญิงเอง และการเดินทางที่อันตรายที่สุด ซึ่งจะเกิดในไม่ช้านี้” ว่าแล้วโกโดมก็เดินไปหาเจ้าหญิงของมันพร้อมกับร่ายเวทอะไรบางอย่างควันสีดำนั่นก็ค่อยๆจางหายไป
ร่างบางที่เคยลอยขึ้นจากพื้นเพราะควันนั่นค่อยๆตกลงมาโดยมีอ้อมแขนใหญ่โตอันอบอุ่นรับไว้เช่นเดิม ภาพนั้นทำให้ผู้ที่กำลังดูเหตุการณ์อีกคนในห้องนึกขันอยู่ในใจ
‘เวลาอย่างนี้มันยังจะมาทำสวีทกันอีก’
“อ้าวคาโล แกมากอดฉันไว้ทำไมฟะ ปล่อยนะ หนอยไอ้นี่ หลงสเน่ห์ร่างสาวน้อยของฉันขนาดนี้เลยรึ” เมื่อสาวน้อยน่ารักแต่ปากไม่ดีรู้สึกตัว ตื่นจากภวังค์ก็โวยวายใส่คนที่อุตส่าห์รับมันไว้
‘รู้งี๊ปล่อยให้มันตกลงพื้นไปเลยก็ดี’
“อ้าวนั่นแกกำลังจะไปไหนน่ะเจ้ากวาง แล้วเมื่อกี๊ฉันเป็นอะไรไป รู้สึกว่ามันมีกลิ่นหอมประหลาดๆแล้วควันอะไรไม่รู้ก็ออกจากตัวฉัน แล้วฉันก็ฝันอะ ฝันว่าท่านพ่อเอวิเดสมาหา”
เจ้ากวางอมยิ้มที่มุมปากแล้วทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง แต่เสียงของเจ้าตัวดีขัดไว้อีก
“ฉันถามว่าแกจะไปไหน” น้ำเสียงออกคำสั่งที่ไม่น่าจะออกจากปากหัวขโมย แต่ตอนนี้มันกำลังออกจากปากของเจ้าหญิงคนสำคัญแห่งเดมอสและบารามอส
“ไปจัดการอะไรนิดหน่อยกระหม่อม ห้องนี้หม่อมฉันกายข่ายเวทมนต์ไว้แล้ว ไม่น่ามีอะไรให้ทรงกังวล พักผ่อนให้สบายเถิดพะย่ะค่ะ แล้วเดี๋ยวหม่อมฉันจะกลับมา” ว่าแล้วเจ้ากวางตัวน้อยก็หายวับไป ทิ้งไปคนทั้งสามงงกันไปตามระเบียบ
“เดี๋ยวฉันจะออกไปดูเหตุการณ์ข้างนอกก่อน พวกนายคอยที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันกลับมา” ยังไม่ทันที่จะถามว่ามันจะไปดูอะไร นักฆ่าแห่งซาเรสก็รีบเดินออกไปจากห้องทันที ทิ้งไว้เพียงความกระอักกระอ่วนจากเจ้าชายแห่งคาโนวาล
“นี่คาโล แกว่าเรื่องที่เจ้ากวางมันว่ามีคนคิดฆ่าฉันเยอะแยะ เป็นเรื่องจริงมั้ย” น้ำเสียงที่หวานแต่ปนไปด้วยความหดหู่เศร้าสร้อยที่หาฟังได้ยากจากปากของเจ้าตัวดีเอ่ยถามคาโลเจ้าชายน้ำแข็ง
“เรื่องความตายไม่มีใครเอามาล้อเล่น” คำตอบสั้นๆที่ยิ่งฟังแล้งยิ่งน่าน้อยใจจากคนตรงหน้า ทำให้สาวน้อยร่างบางรู้สึกแปลกๆ
“ถ้าถึงเวลาที่ฉันตาย นายจะอยู่เคียงข้างฉันมั้ย” เสียงที่ทำให้เจ้าชายน้ำแข็งเริ่มรู้แล้วว่าคนตรงหน้าไม่ได้ล้อเล่นเหมือนอย่างเคย แต่เขาเองก็ทำอะไรไม่ถูก จึงได้แต่นิ่งเงียบ
“ฉันพูดบ้าบออะไรออกไปเนี่ย โว้ย เสียเชิงชายหมด เกิดเป็นผู้ชายทั้งทีต้องเข้มแข็ง....เข้มแข็ง...เฮ้อ....นอนดีกว่า” เจ้าตัวดีเปลี่ยนสีหน้า ท่าทางแสร้งทำให้คนตรงหน้าคิดว่าตัวเองเข้มแข็งแล้วทำท่าจะลุกไปนอน
แต่ก่อนที่เฟรินจะได้ทำอะไร บุรุษซึ่งทำตัวเย็นชาโดยตลอดกลับดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอด แผ่นอกกว้างให้ความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยมีใครให้ได้ กลิ่นกายของคนที่กำลังโอบกอดเธอทำให้เธอรู้สึกเคลิบเคลิ้ม แล้วคำพูดที่เธอไม่เคยคิดจะได้ยินก็ดังจากปากของเจ้าชายน้ำแข็ง
“ฉันจะอยู่กับนาย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันสัญญา เฟริน เดอเบอโรว์” แล้วริมฝีปากนุ่มๆก็ประทับลงกับริมฝีอวบอิ่มเนิ่นนานราวกับเป็นเครื่องหมายแห่งคำสัญญา คำสัญญาที่แม้เพียงจะสั้นๆ แต่ความหมายของมันช่างมีมากมายกินใจอย่างบอกไม่บอก รู้เพียงว่านั่นคือคำที่บ่งบอกอย่างจริงจังว่า คนที่กำลังโอบกอดเธออย่างนุ่มนวลนั้นจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
“คาโล วาเนบลี ฉันจะไม่มีวันทำให้นายเสียใจ” คำประกาศมั่นจากร่างบางในอ้อมกอดพาให้หัวใจที่เคยเย็นชาดั่งน้ำแข็ง กลับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม้ต้องแลกด้วยชีวิต ฉันจะอยู่กับนายตลอดไป เฟริน.....
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
T o o lN n i lE just talk :
  ไม่รู้ว่าคาโลหลุดไปบ้างป่าว  แต่ก็พยามยามแต่งอย่างเต็มที่แล้วนะคะ เอาใจช่วยนู๋ตูนด้วย....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น