คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่3 อ่อนแอ
enjoy reading ^_^
//
วินเทอร์พาร์ท
ข้าเดินเข้าไปในโรงเรียนและมองซ้ายมองขวา สายพลันปะทะกับเอเธียสที่มองข้าอยู่ก่อนแล้ว ข้าตกใจสุดขีด เอเธียสและบ่าวรับใช้ของเขามองข้า พูดซุบซิบกันและสุดท้ายก็หัวเราะออกมา สายตาของเอเธียสมองข้าอย่างดูถูกเหมือนข้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจ
พวกเขาหัวเราะอยู่นานก็เดินจากไป ข้านึกแปลกใจที่วันนี้ไม่โดนตีแต่เช้า
“วินเทอร์! รอนานไหม”จิวถามข้า จิวมองไปที่พวกเอเธียส
“แปลกจริงๆ ปกติข้ากับเจ้าจะได้เข้าห้องปกครองแต่เช้าเพราะมีเรื่องชกต่อยกับไอ้องค์ชายรัชทายาทบ้าอำนาจนั่น”จิวขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“องค์ชายอาจจะกลัวเจ้าไปแล้วก็ได้”
“แน่นอน ข้าน่ะ ทั้งหล่อเหลาและแข็งแกร่ง สาวๆต้องกรี๊ดกร๊าดเมื่อข้าเดินผ่าน”จิวเอ่ยอย่างมั่นใจ
“มันก็จริง เจ้าเป็นที่นิยมจริงๆ”
“เห็นไหมข้าบอกแล้ว”จิวเอามือลูบใบหน้าของตนอย่างภูมิใจ
“เรื่องที่เจ้าไม่ชอบซักถุงเท้าต่างหากล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า”ข้าพูดและวิ่งหนีออกไป
“กลับมานี่เลยนะ! วินเทอร์!”จิววิ่งไล่ตามข้าทันที
//
พาร์ทบรรยาย
โรงเรียนประถม-มัธยมเดลาโรส
“พวกเจ้าสองคนเข้าห้องเรียนสายอีกแล้ว!”หญิงชราเอ่ยอย่างหงุดหงิด
“พวกเราขอโทษคุณครูนาตาลีครับ”เด็กทั้งสองยืนก้มหน้าสำนึกผิด
“ข้าจะเชิญท่านเอิล์วินและศาสตราจารย์ฌอนส์มาที่นี่เพื่อรับทราบพฤติกรรมของพวกเจ้า”
“อย่าทำแบบนั้นเลยนะครับครู พวกเราผิดไปแล้ว ให้พวกเราบำเพ็ญประโยชน์ก็ได้”เด็กทั้งสองมองหญิงชราตาแป๋ว
“ก ก็ได้ จิวไปล้างห้องน้ำ ส่วนวินเทอร์ไปเก็บขยะรอบโรงเรียนตอนเที่ยง ส่วนตอนนี้เข้าไปนั่งเรียนซะ”นาตาลีส่ายหน้าและหลีกให้เด็กทั้งสองเข้าห้องเรียน
“ขอบคุณครับครูนาตาลีคนสวย”วินเทอร์และจิวพูดกันก่อนจะเดินเข้าห้องไป ครูนาตาลีเป็นครูเพียงคนเดียวที่คอยช่วยเหลือ คอยเป็นห่วงและดีกับวินเทอร์และจิวมาโดยตลอด
เธอเป็นครูประจำชั้นของทั้งสองและมักจะโดนตำหนิจากครูท่านอื่นว่ามักจะให้ท้ายเด็กนักเรียนของเธอ
“พอข้าสอนจบแล้วก็ต้องกลับไปอ่านหนังสือทำการบ้านด้วยล่ะ โดยเฉพาะเจ้านะวินเทอร์”นาตาลีพูดก่อนที่เธอจะเปิดประตูห้องเรียนแล้วเดินออกไป
“นักเรียนทุกคนเปิดหนังสือหน้าล่าสุดที่พึ่งเรียนไป”อาจารย์เคธี่เดินเข้ามาก่อนจะหยิบสีชอล์คขึ้นมาเขียนบนกระดาน
“วินเทอร์ลุกขึ้นอ่านหน้านี้”เคธี่เรียกวินเทอร์ให้ลุกขึ้นยืนด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างห้วน
“ข ข้าลืมเอาหนังสือมา”วินเทอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
“ก็ยืมของเพื่อนข้างๆไปก่อนสิ”เคธี่เริ่มหงุดหงิด วินเทอร์ไม่เคยเอาหนังสือวิชาของเธอมาโรงเรียนหรือทำการบ้านวิชาเธอเลย วินเทอร์หันไปมองรอบๆตัวของเขาปรากฎว่าไม่มีใครสบตาเขาแต่กลับเลือกที่จะมองไปทางอื่นแทนนั่นทำให้เอเธียสและเคธี่ยิ้มอย่างพอใจ
“ค คือว่าข้าขอยืมหนังสือหน่อยสิ”วินเทอร์พูดอย่างเขินอายจนแทบจะทนไม่ไหวเขาโดนแบบนี้ทุกครั้งที่ถึงวิชาของเคธี่ เธอเห็นท่าทางเงอะงะของวินเทอร์อยู่นานก็เริ่มหงุดหงิดอีกครั้งเธอเอาแปรงลบกระดานเคาะที่กระดานจนเกิดดังลั่น
“เอาไปวินเทอร์”จิวเดินมาจากอีกฝั่งของห้องและยื่นหนังสือให้กับวินเทอร์ เขารับหนังสือมาจากจิว
“เจ้านั่งอยู่ตรงนั้นไม่ใช่หรือไง? ข้าบอกให้วินเทอร์ยืมเพื่อนข้างๆไม่ใช่เจ้า”เคธี่รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นที่เห็นคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือวินเทอร์
“แต่ท่านก็ไม่ได้ห้ามให้เดินเอาหนังสือไปให้นี่”จิวเถียงกลับ
“สมกับเป็นลูกท่านที่ปรึกษาสูงสุด ช่างเจรจาต่อรองดีจริงๆถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับข้าแบบนี้”เคธี่เดินเข้าไปหาทั้งสอง จิวเดินมาอยู่ข้างหน้าของวินเทอร์เพื่อกลั้นระหว่างทั้งสอง
วินเทอร์เริ่มรู้สึกกลัวจึงดึงแขนเสื้อของจิวเบาๆเพื่อให้เขาหยุดแต่จิวกลับไม่ยอมหยุดและจ้องเคธี่ด้วยสายตาโกรธเคืองกี่ครั้งแล้วที่ต้องทนเห็นวินเทอร์ถูกกลั่นแกล้ง
“ถอยไปเจ้าเด็กเมื่อวานซืน”เคธี่เริ่มใช้คำพูดรุนแรงใส่จิว
“จะให้ข้าหลีกให้ท่านหยิกไปทั่วตัวเพื่อนของข้าเหมือนครั้งก่อนๆน่ะเหรอ”จิวจ้องเคธี่ด้วยสายตาเชือดเฉือน
“ข ข้าจะขอยืมเพื่อนข้างๆมาให้ได้เจ้าเอาคืนไปเถอะ”วินเทอร์รีบยัดหนังสือใส่มือของจิว แต่จิวกลับโยนมันกลับไปที่โต๊ะของวินเทอร์ดังเดิม
“งั้นก็เลือกมาซะว่าถ้าเจ้ามีหนังสือเขาจะไม่มีแต่ถ้าเขามีหนังสือก็จะเป็นเจ้าที่ไม่มีทั้งวิชานี้”เคธี่ยื่นข้อเสนอทำให้วินเทอร์ดึงแขนเสื้อของจิวแรงกว่าเดิม จิวค่อยๆสูดลมหายใจเข้าและออกเพื่อให้ตัวเองใจเย็นขึ้น
“ความรักฉันนั้นเหมือนกุหลาบแดง บานผลิแข่งกลีบคู่ฤดูฝน
ความรักฉันนั้นเหมือนดนตรีสากล ไพเราะพ้นยามบรรเลงเป็นเพลงพา
ทะเลราเหือดแห้งแล้วหายไป แม้ภูผาสุรีย์ฉายละลายไหล
จะจงรักภักเธอเสมอไป เมื่อเลือดไปชีวิตมิปลิดปลง
บทกวีของโรเบิร์ต เบิร์น”จิวพูดก่อนจะเดินไปหยิบหนังสือแล้วยัดมันเข้าไปในมือของวินเทอร์และเดินกลับไปนั่งที่เดิมทำให้ความหงุดหงิดของเคธี่กลายเป็นความไม่พอใจเพราะจิวมักจะชอบหักหน้าเธออยู่บ่อยครั้งโดยที่เธอทำอะไรเขาไม่ได้เลยเพราะเขาจำสิ่งที่อยู่ในหนังสือได้
“มองอะไรอยู่เล่าอ่านซะสิ”เคธี่ขึ้นเสียงใส่วินเทอร์ เขาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่านอย่างทุลักทุเล
“ค ความ ความ ร รักฉันนั้น ม เหมือน เหมือน…”วินเทอร์หยุดอ่านและก้มหน้าก้มตาทำให้เริ่มมีเสียงหัวเราะดังขึ้นทั่วห้องโดยเฉพาะเอเธียส
“เงียบทำไมอ่านต่อสิ”เคธี่เริ่มขึ้นเสียงดังขึ้น
“ข ข้า ข้า”วินเทอร์ไม่กล้าพูดออกมา
“สงสัยเจ้าโง่นั่นคงจะอ่านไม่ออกเป็นแน่”เอเธียสตะโกนเสียงดังทำให้เสียงหัวเราะดังขึ้น
“เงียบก่อน ไหนเอามาดูซิ”เคธี่เดินเข้าไปใกล้วินเทอร์ทำให้เขาตกใจและตัวสั่นมากขึ้น
“แค่นี้ก็-“ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบเธอก็เหลือบไปเห็นกล่องดินสอของวินเทอร์ที่วาดรูปเธอเอาไว้พร้อมกับเติมเขาปีศาจให้เธอนั่นทำให้เคธี่หงุดหงิดจนถึงขีดสุด ตุบ! ทั้งห้องเงียบสงัดมองวินเทอร์ที่ถูกผลักลงไปกองอยู่ที่พื้น
“เฮ้ หยุดนะ นี่มันเกินไปแล้ว”จิวรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้จนมันล้มไปข้างหลัง พอเอเธียสเห็นแบบนั้นจึงเรียกให้บ่าวรับใช้มาขวางจิว
“อย่าพึ่งใจร้อนไปสิจิว เจ้าไม่อยากเห็นอะไรสนุกๆหรือไง?”เอเธียสชี้ไปที่วินเทอร์แล้วฉีกยิ้มอย่างสะใจ
“ข้าไม่สน ปล่อยข้า!”จิวตะคอกเสียงดังและดิ้นสุดแรงแต่ก็ไม่หลุดจากการกอบกุม
“กล้าดียังไงมาวาดรูปข้าแบบนี้ เจ้าหยามเกียรติข้าอย่างนั้นเหรอ!”เคธี่ตะคอกเสียงดังจนวินเทอร์สะดุ้งโหยงและตัวสั่นเทา
“ข้า ข ขอ-“ ตุบ! เคร้ง! กล่องดินสอทำจากไม้เก่าๆ ถูกจับปาลงพื้นอย่างแรง ไม่ ห้ามร้องไห้เด็ดขาด วินเทอร์พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
“จำใส่หัวทึบๆของเจ้าไว้ซะ! เด็กอย่างเจ้าไม่มีวันจะมีอนาคตที่ดีได้!”เคธี่ชี้หน้าของวินเทอร์พร้อมกับตะโกนใส่เขาเสียงดัง
“ข้า! ข้าจะบอกครูนาตาลีให้หมด อย่าคิดว่าจะรอดไปได้!!”จิวตะโกนเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราดก่อนจะผลักเอเธียสแล้วรีบวิ่งออกไปจากห้อง บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งไม่มีใครที่อยากจะยื่นมือเข้าไปช่วยวินเทอร์เลยแม้แต่คนเดียวเขาค่อยๆเก็บเศษชิ้นส่วนของกล่องดินสอที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณขณะที่ตัวเองก็ยังตัวสั่นไม่หายพอเคธี่เห็นแบบนั้นก็รู้ทันทีว่าคราวนี้ตนเองนั้นทำเกินกว่าเหตุจริงๆ
เธอรีบเดินออกไปจากห้องเช่นเดียวกัน เมื่อเก็บเศษของกล่องดินสอเสร็จแล้วก็เดินไปนั่งที่เดิมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้เขาทำได้แค่นั่งก้มหน้าก้มตา
“รีบมาเลยครับ”จิวจูงแขนครูนาตาลีเดินเข้ามา นาตาลีมองไปที่วินเทอร์เมื่อเธอเห็นลูกศิษย์ของเธออยู่ในสภาพแบบนั้นก็ไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปดูทันที เมื่อนาตาลีเดินเข้าไปก็เห็นซากกล่องไม้ที่พังและเด็กชายที่นั่งก้มหน้าก้มตาตัวสั่นระริกแบบนั้นเธอย่อตัวลง
“วินเทอร์ ได้ยินไหม?”นาตาลีถามเด็กชายแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับมามีเพียงแค่เสียงสะอึก ใครมันบังอาจมาทำให้ลูกศิษย์ของเธอตกใจกลัวแบบนี้
“คุณครูเคธี่ไปไหนแล้ว?”นาตาลีกดเสียงต่ำเพื่อข่มอารมณ์โกรธ จากหญิงชราที่แสนใจดีตอนนี้กลับตรงข้ามกัน
“ค ครูเคธี่เดินออกไปทางนั้นแล้วก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ค่ะ”เด็กหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่ทางเดินไปลงบันได ก่อนที่นาตาลีจะเดินตามออกไป
“วินเทอร์ เจ้าร้องไห้เหรอ?”จิวเดินเข้ามาหาวินเทอร์ที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาแต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
“...”วินเทอร์เงยขึ้นไปมองจิวทำให้เขาตกใจเพราะตอนนี้เพื่อนของเขาเหมือนกับว่ากำลังไร้จิตวิญญาณ วินเทอร์ลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องเรียนโดยไม่พูดอะไรออกมา
“เฮ้! ไอหัวขี้เลื่อยแกจะไปไหน?”เอเธียสตะโกนเสียงดังแต่วินเทอร์ก็ไม่ได้สนใจและหันกลับมามองเลย
//
วินเทอร์เดินเหม่อเลยจนมาหยุดอยู่ที่ภูเขาหลังโรงเรียนโดยที่เขาเองก็ไม่ได้รู้ตัวเลย เขาเดินไปนั่งลงบนพื้นหญ้าและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ข้านี่มันอ่อนแอจริงๆ”วินเทอร์ยิ้มบางๆให้กับความน่าสมเพชของตัวเองก่อนจะสังเกตเห็นเสี้ยนจากกล่องไม้บาดเข้าไปที่แขนของเขา เขาดึงมันออกมาอย่างหน้าตาเฉยโดยที่ไม่แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาเลยแม้แต่น้อย
“เด็กอย่างเจ้าน่ะมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่จะกลายเป็นนักสู้”เสียงของใครบางคนดังขึ้น วินเทอร์รีบหันไปมองทันทีและรีบลุกขึ้นยืน ผู้ที่เอ่ยทักทายเขาคือแวมไพร์วัยกลางคนที่มีผมหงอกเล็กน้อย มีดวงตาสีแดงแต่ไร้แวว แต่งตัวดูดีมีชาติตระกูล
“…”วินเทอร์ไม่ได้ตอบกลับแวมไพร์ปริศนาตนนั้นแต่จ้องมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ
“นี่เจ้าเด็ก ถ้ามีใครมารังแกจนแทบจะแตกสลายก็ต้องต่อยกลับเท่านั้น”สิ่งที่ผู้มาใหม่พูดทำให้วินเทอร์รู้สึกงงงวย
“แล้วทำไมจู่ๆท่านถึงเข้ามาคุยกับข้าล่ะ”วินเทอร์ถาม สีหน้าแวมไพร์ปริศนาที่ทำหน้าท่าทางหงุดหงิดอยู่ดีๆกลับกลายเป็นท่าทางดูใจดีทันที
“สวัสดีวินเทอร์”แวมไพร์ปริศนาพูดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้วินเทอร์
“ทะ ท่านเป็นใคร รู้ชื่อข้าได้ยังไง?”วินเทอร์ตกใจที่อีกฝ่ายเรียกชื่อตัวเองและถอยหลังอย่างระแวงท่าทีของเขาทำให้แวมไพร์ที่แก่กว่าถึงกับกุมขมับ
“เจ้านี่มันซื่อบื้อจริงๆเลยนะ จะตกใจข้าก็ตกใจมันซะตั้งแต่แรกสิ”แวมไพร์แปลกหน้ายิ้มส่ายหัวคำพูดของเขาทำให้วินเทอร์รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เด็กชายกอดอกและจ้องมองแวมไพร์แปลกหน้า
“ก็ข้าซื่อบื้อจริงๆแต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ ท่านต้อบตอบข้ามา”
“ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”
“แล้วท่านต้องการอะไร?”
แวมไพร์ปริศนาจ้องมองข้าก่อนที่สีตาของแวมไพร์ตนนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าหนึ่งข้างและสีแดงข้างหนึ่งซึ่งทำให้วินเทอร์ตกใจเป็นอย่างมาก หากแวมไพร์ผู้นี้สามารถเปลี่ยนสีตาได้ เขาอาจจะรู้เกี่ยวกับตาของข้าก็ได้ เด็กชายคิดในใจ
“นี่คือสีตาของข้าในตอนนี้ และนี่คือสีตาของข้าในวัยเด็ก”แวมไพร์ปริศนาพูดก่อนที่สีตาของเขาจะเปลี่ยนเป็นสีดำขลับไร้แววเหมือนของวินเทอร์ เป็นไปได้ยังไงกัน วินเทอร์รู้สึกประหลาดใจ
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังสงสัย แต่ข้าก็ยังไม่บอกเจ้าอยู่ดี ไอริสกับอาเธอร์ห้ามไม่ให้ข้าบอกเจ้า ไม่ต้องมาทำหน้าอ้อนข้าด้วยมันไม่ได้ผล”
“ท่านรู้จักพ่อแม่ข้า”
“เรื่องนั้นข้าก็ยังไม่บอกเจ้า แต่ถ้าเจ้าอยากรู้ก็จงทำตามที่ข้าสั่ง”
“ท่านบอกมาเลย”
“ดื่มนี่ซะ”แวมไพร์ปริศนายื่นขวดแก้วขนาดเล็กมาตรงหน้าวินเทอร์ ข้างในคือของเหลวสีเขียว
“ไม่น่ากินเอาซะเลย ข้าไม่กิน ข้าไม่รู้ว่ามันปลอดภัยหรือไม่ ท่านอาจจะวางยาพิษข้าาก็ได้”เมื่อวินเทอร์พูดจบแวมไพร์ปริศนาตรงหน้าก็เปิดขวดแก้วออกแล้วจิบมัน
“ข้าพิสูจน์ให้เจ้าดูแล้วนะ”
“ก็ได้ๆ ข้ากินก็ได้”ข้ารับขวดแก้วในมือของเขามาแล้วดื่มจนหมด
“อร่อยหรือไม่”
“อร่อย เหมือนน้ำตาลท่านมีอีกหรือไม่”วินเทอร์เงยหน้าขึ้นเพียงพริบตาเดียว แวมไพร์ปริศนาตรงหน้าก็หายตัวไป มาก็มาจะไปก็ไปแฮะ แปลกซะจริง
วินเทอร์พาร์ท
หลังเลิกเรียนข้าเดินมาทางหน้าโรงเรียนเพื่อรอจิวกลับบ้านพร้อมกันแต่…ปัก! ร่างของข้าเซล้มลงกับพื้น
“ไง ไอ้เลือดสีโคลนพวกข้าปล่อยเจ้าแค่วันเดียว เจ้ากลับทำตัวลอยหน้าลอยตาไม่เห็นหัวพวกข้า”เอเธียสเอ่ย
“องค์ชาย ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวานเป็นวันเกิดของมัน แม่ของมันให้ของขวัญมันเป็นเสื้อตัวที่เหมือนกับที่องค์ชายพึ่งซื้อเมื่อวานขอรับ”บ่าวรับใช้ของเอเธียสพูดขึ้นมา
“ถอดเสื้อกันหนาวมันออก”
“ขอรับ”บ่าวรับใช้สองคนช่วยกันถอดเสื้อกันหนาวของข้า ข้าดิ้นสุดแรงแต่ไม่สามารถสู้ได้ เสื้อกันของข้าถูกถอดออกและโยนไปให้เอเธียส เขาหยิบไม้ขีดไฟในมือขึ้นมา
“ย อย่า อย่าทำนะ ข้าขอร้อง”ข้าคุกเข่าขอร้องเขาอย่างไร้ศักดิ์ศรีเพราะว่านั่นคือของสำคัญสำหรับข้ามากจริงๆซึ่งเอเธียสก็มองข้าอย่างเหยียดหยามเช่นเดียวกันแต่นั่นไม่สำคัญ
“ดูสภาพเจ้าสิ…น่าสมเพชชะมัด”เขาย่อตัวลงและมองหน้าข้าด้วยรอยยิ้มที่ข้าแสนจะเกลียด
“อย่าทำแบบนี้เลยนะ…”ข้าอ้อนวอนทั้งน้ำตาซึ่งมันยิ่งทำให้เอเธียสชอบใจเข้าไปใหญ่
“ขอร้องอ้อนวอนข้าสิ ก้มลงให้หน้าผากของเจ้าแตะรองเท้าของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า”เอเธียสหัวเราะเสียงดัง ถ้าข้าทำแบบนั้นเขาจะไม่เผาเสื้อของข้าใช่ไหม? ข้าก้มตัวลงช้าๆแต่ยังไม่ทันที่จะก้มให้หน้าผากถูกรองเท้าของเอเธียสข้าก็ถูกเขาแตะเข้าที่หน้าอย่างจัง ปัก! เขาแตะแรงจนข้าหงายหลัง
“โอ้ย!”ข้าร้องอุทานด้วยความเจ็บ
“ดูสภาพเจ้าอ้วนนั่นสิ ฮ่าฮ่าฮ่า ควรจะสำเหนียกตัวเองไว้บ้างซะนะว่าขนาดตัวของเจ้ายังสะอาดไม่เท่ารองเท้าของท่านเอเธียสเลย ฮ่าฮ่าฮ่า”เควินพูดพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็หัวเราะตามไปด้วยและตัวข้าก็ได้แต่หวังอยู่ลึกๆในใจว่าจะมีใครมาช่วย แต่คนอย่างข้าคงไม่มีค่าพอให้ใครมาช่วย
“น่าเสียดายที่ข้าไม่ชอบไม่ให้ใครใช้ของที่เหมือนกับของข้า เสื้อตัวนี้ข้าคงต้องทำลายมันแล้วล่ะ”เอเธียสเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ไม้ขีดไฟในมือของเอเธียสถูกจุดและนำไปลนที่เสื้อกันหนาวของข้า
ไฟลุกไม้อย่างรวดเร็วเสื้อกันหนาวแสนสวยและอุ่นสบายที่ตอนนี้เหลือเพียงเศษขี้เถ้า ข้ามองมันพร้อมน้ำตาที่ไหลริน ทำไมตัวข้าถึงได้อ่อนแอและขี้แพ้ ตัวข้าเป็นได้แค่นี้จริงๆเหรอ
ถ้าข้าสู้แบบที่ท่านพ่อเคยบอกไว้แต่ไม่ชนะล่ะข้าจะทำยังไง แต่นั่นมันของขวัญของข้านะ ข้าจะยอมให้เขาพรากมันไปจากข้าง่ายๆเลยหรือ ในเมื่อครั้งนี้พรากของสำคัญของข้าไปก็อย่าหวังจะได้พรากอย่างอื่นไปอีก! ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นร่างกายของข้าร้อนขึ้นดั่งไฟ ข้าสบัดตนเองจากการกอบกุมของบ่าวรับใช้สองคนอย่างง่ายดาย
ข้าพุ่งเข้าไปโจมตีที่ใบหน้าของเอเธียสอย่างแรง หน้าของเขาเป็นแผลไหม้ดั่งถูกไฟลน เอเธียสล้มลง บ่าวรับใช้ของเอเธียสจึงเข้าไปพยุงเขา พวกเขาหวาดกลัวข้าที่ตอนนี้ตัวร้อนดั่งไฟและมีพละกำลังที่แข็งแกร่งเกินแวมไพร์เด็ก
ข้ารู้สึกดีได้เพียงชั่วครู่หลังจากนั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดแสนสาหัส ข้าปวดร้าวไปทั้งร่างกาย ภาพสุดท้ายที่ข้าเห็นคือจิวที่วิ่งเข้ามาพยายามจะพยุงข้าก่อนที่ข้าก็หมดสติไป
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
#WhoI'mI
#แวมไพร์ไร้นาม
#ดาร์กช็อกโกแลต
ความคิดเห็น