ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แวมไพร์ไร้นาม

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่2 เด็กปีศาจ

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 65


    enjoy reading ^_^

     

     

    //

     

     

    วินเทอร์พาร์ท

    ข้ากอดท่านแม่ไว้แน่นราวกับกลัวว่าท่านจะหายไป

     

    “ฝันดีท่านแม่”

     

    “ฝันดีเด็กน้อย”ท่านแม่พูดพลางห่มผ้าให้ข้าก่อนจะเดินออกไป 

     

    ข้าหลับตาลงพลันนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาตั้งแต่ข้าเกิด 

             

              วันนั้นเป็นวันที่อากาศหนาวเย็นยะเยือกเพราะเกิดพายุหิมะถล่มอย่างหนัก พายุหิมะที่ห้าพันปีจะเกิดเพียงครั้งหนึ่ง ท่านแม่เกิดอาการปวดท้องคลอด หมอตำแยไม่สามารถมาที่บ้านของเราได้ 

              ท่านแม่ปวดท้องมากจนร้องไห้ไม่หยุด ท่านพ่อทนฟังเสียงร้องที่เจ็บปวดของท่านแม่ไม่ได้จึงอุ้มท่านแม่ฝ่าพายุไปที่บ้านของหมอตำแยด้วยตัวเอง ถึงท่านพ่อจะเป็นมนุษย์แต่ก็มีพละกำลังที่แข็งแกร่งมากจนชาวบ้านลือกันไปทั่วว่าท่านพ่อมีเชื้อสายของพวกปีศาจ 

               เมื่อไปถึงบ้านของหมอตำแยท่านแม่ก็คลอดข้าอย่างอยากลำบากเมื่อข้าคลอดออกมาท่านแม่เกิดหัวใจวายแต่สุดท้ายหมอตำแยก็ยื้อชีวิตของท่านแม่ไว้ได้ ท่านแม่เล่าให้ข้าฟังว่าตอนนั้นท่านพ่อกอดข้าไว้แน่นและร้องไห้เสียงดังด้วยความดีใจ ท่านคงกลัวว่าจะเสียท่านแม่ไป ตอนที่ข้าเกิดมาข้ามีตาสีฟ้าแต่เมื่อพายุหิมะสงบลง ตาของข้ากลับเปลี่ยนเป็นสีดำขลับไร้แววซึ่งต่างจากแวมไพร์ธรรมดาที่มีตาสีน้ำตาลอ่อนเมื่อยังไม่ค้นพบพลังชีวิต ทำให้หมอตำแยที่ทำคลอดให้ท่านแม่หวาดกลัว เธอนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าให้ชาวบ้านคนอื่นฟัง ข้าถูกเรียกขานว่าเด็กปีศาจ 

              ไม่มีเด็กคนไหนในหมู่บ้านอยากเล่นกับข้าเลยยกเว้นจิวเพราะเขาเป็นลูกของท่านลุงเจแดนซึ่งเป็นเพื่อนกับท่านพ่อมานาน เวลาที่ท่านลุงเจแดนมาหาท่านพ่อก็จะพาจิวมาด้วยทำให้เราทั้งสองสนิทกันมากสำหรับข้าข้าคิดว่าจิวคงเป็นเพื่อนที่จริงใจและไม่หักหลัง

     

     

     

     

    //

     

     

     

     

    พาร์ทบรรยาย

     

    “วินเทอร์! เจ้าอยู่ที่ไหน”จิวตะโกนเรียกวินเทอร์

     

    “ข้าอยู่ตรงนี้”วินเทอร์ที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตะโกนตอบ

     

    “เจ้าไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น ออกมาสิ”จิวยื่นมือมาหาวินเทอร์เพื่อให้อีกฝ่ายลุกได้ง่ายขึ้น วินเทอร์จับมือของจิวแล้วยื่นขึ้นแต่ก็ต้องล้มลงอีกครั้งเพราะแรงถีบจากด้านหลัง

     

    “เจ้านี่มันหลอกง่ายจริงๆเลยเจ้าโง่”เอเธียสพูดกับวินเทอร์ เป็นเขาเองที่ถีบวินเทอร์จนล้ม

     

    “นี่มันหมายความว่าไงจิว”วินเทอร์ตัวสั่นเทามองไปที่จิวที่กำลังมองเขาอยู่แล้วด้วยสายตาเย็นชาที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน จิวเดินเข้ามาใกล้วินเทอร์แล้วย่อตัวลงให้อยู่ระดับเดียวกัน

     

    “ก็หมายความว่าเจ้ามันทั้งโง่ทั้งประหลาดยังไงล่ะ! เจ้าคิดว่าชีวิตนี้เจ้าจะได้รับความรักจริงๆน่ะเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า ฝันกลางวันอยู่หรือไง”จิวหัวเราะลั่นแต่สายตาของเขาก็ยังเย็นชาอยู่เหมือนเดิม วินเทอร์เริ่มน้ำตาคลอเบ้า ที่ผ่านมาไม่ว่าเขาจะโดนกลั่นแกล้งแค่ไหนแต่เขาจะไม่ยอมให้ผู้ที่กลั่นแกล้งเขาได้เห็นน้ำตาของเขาแม้แต่หยดเดียว แต่ทำไม? คราวนี้ก็แค่โดนถีบ แต่ความเจ็บปวดกลับแล่นไปทั่วร่างกายเข้าไปจนลึกถึงหัวใจ ในที่สุดเขาก็ร้องไห้ออกมา มันไม่ใช่เรื่องจริง มันไม่ใช่เรื่องจริง อย่าไปเชื่อนะวินเทอร์ เจ้าต้องเข้มแข็งสิ

     

    //

     

    ฮือก! วินเทอร์สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายพลันเอามือขึ้นมาสัมผัสบนใบหน้าของตัวเอง ความเปียกปอนบนใบหน้าและหมอนทำให้รู้ว่าเขาละเมอร้องไห้ตอนนี้ตัวของเขาก็ยังสั่นอยู่ 

     

    เขานั่งบนเตียงและใช่ความคิดก่อนจะพยายามข่มตานอนต่อแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เขาเปิดหน้าต่างและกระโดดออกไปเพื่อเดินเล่นโดยหวังว่ามันจะช่วยให้จิตใจของเขาสงบลงได้ เมื่อยืนอยู่หน้าบ้านก็เห็นว่าอาเธอร์กำลังดูดาวอยู่บนหลังคา ดึกดื่นป่านนี้ก็ยังดูดาวอยู่อีกเหรอท่านพ่อ เขาคิดในใจก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนหลังคาและไปนั่งข้างๆอาเธอร์

     

    “ทำไมเจ้ายังไม่นอนอีกล่ะลูกชาย ดึกแล้วนะ”ท่านพ่อถามข้าขณะที่ตาของเขาก็ยังมองดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า

     

    “ข้าฝันร้ายมันทำให้ข้านอนไม่หลับ”

     

    “ฝันของลูกคงจะโหดร้ายกับลูกมาก พ่อพูดถูกไหม?”อาเธอร์หันมาลูบหัวลูกชายเพื่อปลอบใจ

     

    “ข้ามันขี้แพ้ท่านพ่อ ไม่ใช่แค่นั้นข้ายังโง่ด้วย”วินเทอร์ก้มหน้าลงกับหัวเข่าของตัวเอง

     

    “ตอนนี้โลกของลูกกำลังวุ่นวายสินะ”

     

    “ท่านพ่อพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ”วินเทอร์หันมามองพ่อของเขาด้วยความไม่เข้าใจ อาเธอร์นึกเอ็นดูในความใสซื่อของลูกชาย

     

    “เจ้ามีโลกของเจ้าส่วนข้าก็มีโลกของข้า เพียงแต่โลกของข้ามีแต่ผู้ที่ข้ารักและเลือกที่จะให้อภัย”อาเธอร์ลูบหัวลูกชายที่กำลังมองเขาตาแป๋วอีกครั้ง

     

    “ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ท่านพ่อชอบพูดอะไรง่ายๆให้ยากขึ้น”วินเทอร์บ่นอุบอิบ ท่าทางเขาจะไม่เข้าใจที่อาเธอร์พูด

     

    “ก็อย่างเช่นเอเธียสเขาก็มีโลกของเขา ตอนที่เขากลั่นแกล้งลูกลูกก็เข้ามาอยู่ในโลกของเขา แต่หลังจากนั้นเขากลับบ้านไปตอนนี้เขาอาจจะลืมไปแล้วว่าเขาทำอะไรไว้มันก็เท่ากับว่าลูกได้อยู่ในโลกของเขาเพียงชั่วคราว”

     

    “แล้วโลกของข้าเป็นยังไง”

     

    “ตอนนี้โลกของลูกอาจจะไม่เป็นของลูกอีกต่อไป”

     

    “ทำไมล่ะท่านพ่อ?”วินเทอร์เขย่าแขนของอาเธอร์

     

    “ในโลกของลูกตอนนี้มีแต่ผู้ที่กลั่นแกล้งลูก ลูกไม่สามารถเอาพวกเขาออกไปจากโลกของลูกได้แต่สิ่งที่ลูกทำได้ก็คือให้อภัยและสลัดความกลัวทิ้งไป หากลูกทำได้เจ้าก็จะได้โลกของเจ้ากลับคืนมา”

     

    “ข้าทำไม่ได้หรอกท่านพ่อ ข้ามิใช่ผู้ที่เก่งกาจเช่นท่าน”วินเทอร์พูดอย่างหมดหวัง

     

    “หากลูกคิดแบบไหนเจ้าก็จะเป็นแบบนั้น ลูกไม่ใช่ผู้ที่เก่งกาจเพียงแต่มีความพยายาม ความพยายามจะทำให้ลูกประสบความสำเร็จ”

     

    “ถ้าข้าพยายามแล้วข้าจะทำอะไรได้บ้างล่ะ”

     

    “ลูกลองมองดาวบนท้องฟ้าสิ”อาเธอร์ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า

     

    “มันทำไมเหรอท่านพ่อ?”วินเทอร์สงสัย

     

    “ลูกลองนับมันดู”

     

    “ข้านับไม่ได้หรอก ใครจะไปนับได้กันล่ะ”

     

    “ความสามารถของลูกและสิ่งที่ลูกทำได้ก็เหมือนกับดาวบนท้องฟ้า จะมีมากมายได้ก็ต่อเมื่อลูกพยายามและกล้าที่จะลองเสี่ยงแม้สุดท้ายไม่มันจะไม่เป็นอย่างที่ลูกต้องการแต่สิ่งที่ลูกได้มาเสมอก็คือบทเรียน”

     

    “แต่ถ้าข้าเจออุปสรรคที่อยากจะฝ่าฟันล่ะท่านพ่อข้าจะต้องทำยังไง? ท่านบอกข้าที”

     

    “ในเมื่อชีวิตคือการต่อสู้ก็จงอย่ากลัวที่จะเผชิญหน้าและสู้กับมันอย่างไม่ยอมแพ้”

     

    “ข้าอยากจะเป็นคนดีและสมบูรณ์แบบเช่นท่าน”วินเทอร์มองพ่อของเขาตาเป็นประกาย เด็กชายไม่เคยคิดว่าพ่อของเขามีข้อบกพร่องเลยสักนิด

     

    “พ่อไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบหรอกลูก พ่อเคยโหดร้ายและเห็นแก่ตัว สักวันหนึ่งถ้าลูกโตขึ้นแล้วลูกอาจจะไม่อยากให้อภัยพ่อก็ได้”อาเธอร์ลูบหัวลูกชาย

     

    “ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด?”เด็กชายมองพ่อของเขาด้วยแววตาที่ไร้เดียงสา

     

    “เอาเป็นว่าพ่ออยากให้ลูกเติบโตขึ้นโดยที่ลูกไม่จำเป็นต้องเหมือนกับพ่อ”อาเธอร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่ก็อ่อนโยน

     

    “ทำไมท่านพ่อถึงไม่อยากให้ข้าเป็นเหมือนกับท่านพ่อล่ะ?”เด็กชายมีแต่ความสงสัย 

     

    “เด็กน้อย พ่อคงต้องรอให้ลูกเติบโตและเข้าใจสิ่งต่างๆมากขึ้นแต่ตอนนี้ลูกควรไปนอนได้แล้ว”อาเธอร์ยิ้มให้กับวินเทอร์

     

    “ฝันดีท่านพ่อ”วินเทอร์กระโดดลงจากหลังคา ข้าหวังว่าเจ้าจะเติบโตขึ้นอย่างราบรื่นและไม่เป็นอย่างข้านะลูกชาย อาเธอร์คิดพลางหันกลับไปมองดวงดาวบนท้องฟ้าด้วยสายตาอันเศร้าหมอง

     

     

     

     

    //

     

     

     

    “กริ๊งๆๆๆๆ”เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น วินเทอร์ที่งัวเงียตื่นขึ้นมาเริ่มที่จะน้ำตาคลอเบ้า

     

    “ช เช้าแล้ว ข ข้าต้องไปโรงเรียนอีกแล้ว ไม่เอานะ”วินเทอร์พูดเสียงสั่นก่อนจะมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มและร้องไห้ฟูมฟายอยู่แบบนั้น

     

    “วินเทอร์ ลูกแต่งตัวเสร็จหรือยัง?”อาเธอร์เปิดประตูเข้ามาเพราะวินเทอร์ยังไม่ออกไปทานข้าวสักทีแต่เขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น

     

    “เป็นแบบนี้อีกแล้ว...”อาเธอร์พึมพำก่อนจะเดินไปปิดนาฬิกาปลุกแล้วอุ้มวินเทอร์ขึ้นมาโดยที่เจ้าลูกชายตัวอ้วนจ้ำม่ำยังคงม้วนตัวเองอยู่ในผ้าห่ม

     

    “ท ท่านพ่อ ข้า อึก ไม่อยากไปโรงเรียน ฮืออออ”เด็กชายโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มแล้วร้องไห้อย่างหน้าเอ็นดู พออาเธอร์เห็นก็อดเอ็นดูไม่ได้

     

    “เรื่องนั้นพ่อพอจะรู้ว่าทำไม แต่การศึกษาทำให้ลูกพ่อมีอนาคตที่ดีนะ”อาเธอร์พูดพลางอุ้มลูกชายไปที่ห้องน้ำส่วนวินเทอร์ก็ยังคงงอแงเหมือนเดิม

     

    “ข้าโง่ขนาดนี้เรียนไปก็เหมือนไม่ได้เรียน ท่านพาข้าไปลาออกเถอะนะ น้าาา”วินเทอร์ถูกผู้เป็นพ่อวางลงบนเก้าอี้ตัวเล็ก

     

    “พ่อจะไปทำแบบนั้นได้ยังไงเล่า เจ้าอยากเห็นพ่อตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านเรื่องที่ตัวเองเป็นอาจารย์แต่ลูกกลับไม่เรียนหนังสืออย่างนั้นหรือ?”อาเธอร์พูดเชิงหยอกล้อขณะที่เขาบีบยาสีฟันให้วินเทอร์ให้เขาอารมณ์ดีขึ้นแต่วินเทอร์กลับงอแงมากกว่าเดิม

     

    “ข้าไม่อยากไปจริงๆนะท่านพ่อ พวกเขาแกล้งข้าเกินไปแล้ว”วินเทอร์งอแงเสียงดัง

     

    “เอาน่าลูก ลูกจะยอมเสียอนาคตเพราะคนพวกนั้นเลยหรือไง วันนี้ไม่ใช่วันสุดท้ายของชีวิตสักหน่อยถ้าพรุ่งนี้โลกกำลังจะแตกไว้พ่อจะคิดอีกที ฮ่าฮ่าฮ่า”อาเธอร์เดินเข้ามาแล้วจับคางของวินเทอร์ให้เงยหน้าขึ้นเพื่อแปรงฟันให้เขา

     

    “อัน ไอ้ อ อก เอย อ๊ะ อ้าน อ้อ (มันไม่ตลกเลยนะท่านพ่อ)”วินเทอร์จ้องอาเธอร์ด้วยสีหน้าหงุดหงิด อาเธอร์มักจะชอบพูดอะไรขำขันให้ผู้อื่นหัวเราะเสมอแต่คนอื่นกลับไม่หัวเราะด้วย นั่นทำให้ดูเป็นส่วนที่ทำให้เขาตลกขึ้นมาจริงๆ

     

    “เอาล่ะ ชูมือขึ้น เร็ว”อาเธอร์บอกให้ลูกชายชูมือขึ้นเพื่อที่เขาจะได้ถอดเสื้อออกได้ง่าย

     

    “ท่านไม่เห็นจะต้องทำอะไรแบบนี้ ข้าห้าขวบแล้วนะ”วินเทอร์พูดอย่างหงุดหงิดแต่ก็ยอมยกมือขึ้น 

     

    “ฮ่าฮ่าฮ่า ห้าขวบก็ยังเด็กสำหรับพ่ออยู่ดีนั่นแหละ”อาเธอร์พูดอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับถอดเสื้อของวินเทอร์ออกแล้วเปลี่ยนตัวใหม่ให้ก่อนจะย่อตัวลงจุ๊บลงไปที่หน้าผากของเด็กชาย

     

    “พ่อไม่อยากให้ลูกคิดจะถอยหลังชีวิตของลูกนะ ลูกน่ะท้อได้แต่ห้ามถอยเด็ดขาด เจ้าใจไหม?”อาเธอร์พูดพร้อมกับบีบแก้มของวินเทอร์ไปมา

     

    “พอแล้วๆแก้มข้ายืดหมดแล้ว ชีวิตข้าอาจจะหยุดอยู่แค่ตรงนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้”วินเทอร์พูด

     

    “ให้ตายสิ นี่เด็กห้าขวบจริงๆใช่ไหม”อาเธอร์ยีหัวของวินเทอร์อย่างแรงด้วยความหมั่นเขี้ยว

     

    “เล่นแก้มข้าไม่พอเล่นหัวข้าอีกข้าจะโกรธท่านพ่อแล้วนะ”วินเทอร์พูดอย่างหงุดหงิดแต่อาเธอร์กลับคิดว่ามันดูน่ารัก

     

    “ชีวิตลูกไม่หยุดแค่นี้หรอก เจ้าน่ะเป็นนักสู้มานานแล้ววินเทอร์ ถึงตอนนี้ลูกจะเถียงพ่อแทบขาดใจแต่วันหน้าลูกจะเชื่อที่พ่อพูด”อาเธอร์ย่อตัวลงอีกครั้งและอ้าแขนให้กับวินเทอร์ เด็กชายไม่รอช้าพุ่งเข้าไปกอดผู้เป็นพ่อ เพียงแค่การอุ้มไปแปรงฟัน แต่งตัวและคำพูดให้กำลังใจของอาเธอร์ในทุกๆเช้ากลับทำให้วินเทอร์มีกำลังใจมากเหลือเกิน

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    #WhoI'mI

    #แวมไพร์ไร้นาม

    #ดาร์กช็อกโกแลต

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×