ตอนที่ 76 : กบฏ
สำหรับคนทั่วไปการเข้าพบผู้บัญชาการวัลโด้ย่อมชวนให้หวาดหวั่น เพราะเขาเป็นคนที่มีสิทธิในการออกคำสั่งกองกำลังเซ็นโทรได้ทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นคนที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมไร้ปราณีที่สุด แต่สำหรับเซทแล้ว วัลโด้ไม่ได้น่าหวาดหวั่นเท่ากับชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กั้นกลางด้วยโต๊ะทำงานขนาดใหญ่เบื้องหน้าเขาตอนนี้
ท่าทางสงบนิ่ง สายตาแทบไม่บ่งบอกอารมณ์ คาดเดาความรู้สึกไม่ถูก มีภาพลักษณ์เยือกเย็นน่าเลื่อมใสศรัทธาอาบไล้อยู่ทั่วร่าง ทั้งที่คำสั่งโหดร้ายทารุณของวัลโด้ ก็ล้วนรับตรงมาจากเขาคนนี้
เลนเนิร์ด ผู้นำสูงสุดแห่งเซ็นโทร คือคนที่น่ากลัวที่สุดอย่างแท้จริง
“เป็นอย่างนั้นเอง” เมื่อได้ฟังรายงานจากเซท เขาก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แววตาแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย
“มันก็เลยต้องการตัวของอีธานนักหนาสินะ... เลือดที่สามารถเข้ากันได้งั้นเหรอ? ไม่อยากจะเชื่อ ...ไอ้เลือดสีเงินนั่นมันตัวประหลาดของแท้จริงๆ” วัลโด้ที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้น ใช้มือลูบไล้ปลายคางที่เต็มไปด้วยเครารกยาวของตัวเอง “อีธานเองก็น่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้วสินะ”
“คิดว่าน่าจะสงสัยอยู่ก็เลยย้ำให้นักวิจัยหญิงคนนั้นตรวจเช็คเรื่องนี้ครับ” เซทกล่าว “แต่ถึงอย่างนั้นเปอร์เซ็นต์ที่เรื่องนี้จะเป็นจริงได้ก็ยากมากครับ เรียกว่าแทบจะเป็นศูนย์...”
“ ‘แทบจะ’ ก็แสดงว่ายังมีโอกาสอยู่ดี” วัลโด้ว่า “หลังสงครามครั้งสุดท้าย เรามั่นใจว่าสามารถกวาดล้างพวกมันได้หมดสิ้นแล้ว มันก็ยังเหลือรอดมาถึงตอนนี้ ดังนั้นต่อให้เปอร์เซ็นต์มันจะต่ำขนาดต้องพึ่งปาฏิหาริย์แค่ไหน ต้องจัดการให้เด็ดขาดอยู่ดี”
เซทพยักหน้า แล้วรับฟังคำสั่งจากวัลโด้ต่อ
“เรื่องนี้ปิดเป็นความลับเอาไว้ก่อน จากนี้รีบเตรียมเคลื่อนกำลังพลไปยังฐานที่มั่นได้แล้ว เมื่อไปถึงที่นั่นด้านลูซี่ก็น่าจะเตรียมการเสร็จสมบูรณ์พอดี”
“ครับ”
“ตอนนี้หน้าที่หลักของแกก็คือ ต้องกำจัดไอ้เลือดสีเงินคนนั้นให้ได้เร็วที่สุด ปล่อยมันไว้ยิ่งจะทำลายความมั่นคงของเรา”
“ครับ” เซทตอบรับอีกครั้ง ในขณะที่ในใจของเขาหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ราวกับถูกถ่วงด้วยก้อนหินที่ถูกเพิ่มจำนวนมากขึ้น
หลังจากได้รับแผนขั้นตอนการทำงานแล้ว เซทก็ทำความเคารพทั้งสองคน ขณะที่กำลังจะถอยออกจากห้อง เลนเนิร์ดก็ขยับตัวลุกขึ้น สายตาจ้องมองมายังเซทนิ่งนาน น้ำเสียงที่เย็นชาน่าขนลุกเอ่ยขึ้นอย่างแช่มช้าหากแต่ชัดเจนทุกคำ
“ถ้าจัดการเลือดสีเงินคนนั้นไม่สำเร็จ ให้เปลี่ยนไปกำจัดคนที่จะสร้างความเสี่ยงต่อเราแทน”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้มจนเป็นปมบนหน้า “หมายความว่าอย่างไรครับ?”
วัลโด้ที่มีสีหน้าเครียดขึง เป็นฝ่ายตอบขึ้นแทน “ท่านผู้นำหมายถึงว่า...ถ้าฆ่าเลือดสีเงินคนนั้นไม่ได้ ก็ให้ฆ่าอีธานแทนซะ”
เข้าวันที่สี่ อีธานก็ยังต้องอยู่เหมือนนักโทษ ในห้องขังเล็กๆ ออกไปไหนไม่ได้
ความหงุดหงิดของเขาไตระดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนต้องพยายามควบคุมสติให้ตัวเองกลับมานิ่งสงบแบบที่เป็นอยู่เสมอ ต้องคอยบอกตัวเองว่าในเมื่อยังไม่ได้รับความไว้วางใจพอ ก็ต้องรอ...
...รอไปจนกว่าจะถึงช่วงเวลาที่รออีกไม่ได้นั่นแหละ
วันนี้อีธานจึงเริ่มต้นวันด้วยที่การพยายามชวนชายหนุ่มเลือดสีขาวที่ยืนเฝ้ายามอยู่หน้าห้องคุย หลังจากพยายามอยู่ครึ่งค่อนวันก็ได้รับการตอบกลับมาในที่สุด แม้จะดูไม่ค่อยอยากจะพูดมากนักแต่พอถามถึงเรื่องวัฒนธรรมและความเชื่อของเผ่าก็อธิบายอย่างตั้งใจทีเดียว
ซึ่งมันก็ช่วยให้ได้รู้ว่า หลายคนที่นี่เรียกขาน จีแอลว่า ...เทพลีโอน
จีแอลในฐานะเลือดสีเงินคนสุดท้าย ถือเป็นเทพเจ้าตามตำนานของชนเผ่าเลือดสีขาว ทั้งที่มีเทคโนโลยีและวิทยาการที่ก้าวไปไกล แต่ความเชื่อ ความศรัทธาที่ถูกปลูกฝังมายาวนานก็ยังคงอยู่ เป็นความขัดแย้งที่ทำให้อีธานรู้สึกทึ่งอยู่ไม่น้อย
“ตั้งแต่มีเทพลีโอนมาอยู่ที่เผ่าเราก็เจริญขึ้นเรื่อยๆ” เด็กหนุ่มร่างเล็กว่า ดวงตาสีขาวที่ดูกลมโตนั้นแสดงออกถึงความภัคดีที่ดูไม่ต่างจากความคลั่งไคล้ “ไม่มีโรคระบาด ไม่ต้องถูกกดขี่ เราไม่ต้องอพยพย้ายถิ่นไปไหนอีก เพราะที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้าประธานมาให้”
“ใช่แล้ว สิ่งที่ท่านจีแอลชี้นำล้วนแต่ถูกต้องเสมอ” หนุ่มเลือดสีขาวที่ดูจะอยู่มากกว่าเห็นพ้องด้วย
อีธานยิ้ม และถามต่อ “ไม่มีใครมีความคิดเห็นแตกต่างไปเลยสักคนเหรอ?”
“เรื่องอะไร?” เด็กหนุ่มถาม
“หมายถึง ไม่เห็นด้วยกับ...” อีธานพยายามเลือกใช้คำ “...เทพลีโอน”
“ไม่มีหรอก”
“แล้วถ้าสิ่งที่เขาคิดมันไม่ใช่เรื่องถูกต้องล่ะ?”
“ไม่ว่าอะไรที่ท่านจีแอลต้องการ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกอยู่แล้ว!” เสียงคนตอบแข็งกร้าวขึ้น จากนั้นก็มองมาด้วยแววตาจับผิดและไม่ไว้ใจ
ดูเหมือนอีธานจะเหยียบกับระเบิดเข้าซะแล้ว บทสนทนาต่อจากนี้คงสานต่อได้ยากขึ้น
“กำลังพยายามเป่าหูอะไรเจ้าพวกนี้อยู่” แล้วตอนนั้นเองที่ต้นเรื่องของบทสนทนาก็ก้าวเท้ามาพร้อมกับอาเธอร์ สองคนที่ยืนเฝ้าประตูท่าทางตกใจ รีบลุกขึ้นอยู่ก้มศีรษะทำความเคารพทั้งคู่ จากนั้นก็ถอยเท้าออกห่างไปหลายก้าว จ้องมองจีแอลด้วยความหวาดหวั่นและเปี่ยมศรัทธาไปพร้อมกัน
อีธานยันตัวลุกขึ้น “แค่ชวนคุยไปเรื่อยเท่านั้น”
“ต่อไปเปลี่ยนคนเฝ้าเป็นพวกเลือดสีแดง” จีแอลหันไปสั่งกับอาเธอร์ “พวกนั้นผ่านอะไรมากเยอะ รู้ทันคนมากกว่า”
สิ่งที่ได้ยินทำให้อีธานชักสีหน้า
“ไม่จำเป็นต้องเฝ้าก็ได้นี่นา” อาเธอร์รีบเข้ามาด้วยท่าทางผ่อนคลาย แตะไหล่อีธานเบาๆ เหมือนจะบอกให้เขาควบคุมอารมณ์เอาไว้ “ยังไงตอนนี้อีธานก็จัดว่าเป็นเพวกเดียวกับเราแล้ว เขาไม่ก่อเรื่องวุ่นวายหรอก”
จีแอลขมวดคิ้วใส่ชายร่างเล็ก “ต่อไปเวลามาเก็บตัวอย่างเลือด ก็ใช้พวกเลือดสีแดงมาทำแทนก็ดีนะ เพราะนายถูกกล่อมง่ายไปแล้ว”
อีธานเขม่นมองคนพูด ความรู้สึกโกรธที่สะสมมาหลายวันเริ่มแล่นริ้วขึ้นมา จนฉายชัดทางสีหน้า
ตอนกลางคืนเวลาอยู่ด้วยกันจีแอลแทบจะแสดงออกเป็นคนละคนกับที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันดูราวกับว่าความผูกพันเร่าร้อนจะเหือดหายไปทันทีที่แสงแดดสาดส่อง เพื่อเซ็กซ์แล้ว ยอมออดอ้อน พูดจาหวานหู ทำได้ทุกอย่าง แต่พอได้สิ่งที่ต้องการก็เฉดหัวเขาเป็นแค่เชลยไร้ค่าคนหนึ่ง จนอีธานเริ่มสงสัยแล้วว่าเขาเป็นตัวอะไรกันแน่ในสายตาของจีแอล
“ไม่เอาน่าๆ ” อาเธอร์รีบเข้ามาขวางหน้า จ้องมองจีแอลพร้อมกับขยับปากพึมพำบางอย่างที่แม้อีธานจะได้ยินไม่ถนัดแต่ก็พอจะเดาได้
‘...เราต้องการเซ็กซ์อันเร่าร้อนที่เต็มไปด้วยความรักนะ’
ร่างสูงบดกรามของตัวเอง หมุนตัวกลับไปทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง
อาเธอร์รีบร้อนตามมานั่งข้างๆ “อย่าเพิ่งหงุดหงิดไปเลยนะ แค่ช่วงนี้ทางเรามีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย จีแอลก็เลยอารมณ์ไม่ค่อยดี”
แล้วหมอนั่นมีสิทธิ์อารมณ์ไม่ดีได้คนเดียวหรือยังไง?! อีธานข่มอารมณ์ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ปาฏิหาริย์ ที่พวกนายต้องการน่ะ ไม่ใช่ต้องมาหวังกับฉันไม่ใช่เหรอ?”
“หมายความว่ายังไง?” อาเธอร์ถาม
“นายก็น่าจะรู้...สิ่งที่พวกนายต้องการมันต้องเกิดมาจากเจ้าตัวเอง ต่อให้ฉันรู้สึกกับเขาแค่ไหน แต่ถ้าเขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นด้วย มันก็ไม่มีทางทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ไม่ใช่เหรอ?... ยิ่งคนไม่เคยรักใครนอกจากตัวเองอย่างเขาคงจะยากหน่อย”
“หุบปาก!” สิ้นคำพูดปากกระบอกปืนในมือของจีแอลก็เล็งตรงมายังคนพูด
“ถ้าหงุดหงิดเรื่องนี้ ฉันแนะนำให้ยิงตัวเองดีกว่า” อีธานว่า
สายตาของหนุ่มเลือดสีเงินและสีน้ำเงินที่เขม่นมองกันนั้นดูราวกับจะมีไฟฟ้าแล่นประทะกัน จนอาเธอร์ที่เป็นคนกลางเริ่มร้อนรน “ไม่เอาน่า...อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ พวกนายเพิ่งจะญาติดีกันได้ไม่กี่วันเองนะ...”
“ออกไป” จีแอลชี้มือไปที่ประตู
“นายจะ...”
“ออกไป...เดี๋ยวนี้”
“ก็ได้ๆ” อาเธอร์ทำหน้าเหมือนจะเป็นลมก่อนจะรีบร้อนออกจากห้องไป
จีแอลเสยเส้นผมยาวของตัวเอง ขณะก้าวมาตรงหน้าอีธานที่นั่งอยู่บนเตียง
“นายยอมมานี่ ยอมกอดฉัน เพราะทดสอบดูแล้ว และคิดว่าเรื่องที่ฉันต้องการไม่มีทางเกิดขึ้นได้สินะ”
“เปล่า”
“งั้นทำไม?”
“ฉันไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่ามันจะทำให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมาหรือเปล่า” อีธานตอบไปตามที่คิด “ฉันเพียงแค่ต้องการนาย ต้องการจนทนไม่ไหวเท่านั้น”
นัยน์ตาสีเงินเรียวสวยดูราวกับจะเปล่งประกายออกมาได้นั้น จับจ้องมายังอีธานนิ่งนาน
“ปากหวานขึ้นเยอะเลยนะ” จีแอลเอ่ยขึ้นในที่สุด พร้อมกับเหยียดยิ้มที่ดูเย้นหยัน “คิดว่าทำดีกับฉันแล้ว ฉันจะยอมปล่อยให้นายเป็นอิสระงั้นสิ”
สิ่งที่ได้ยินทำให้อีธานรู้สึกปวดร้าวในใจ เหมือนกับมีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นแตกเป็นผงอยู่ตรงนั้น รู้สึกเหมือนกำลังโดนเหยียดหยาม จนต้องหัวเราะแห้งแล้งอย่างดูถูกตัวเองออกมาครั้งหนึ่ง
ต่อให้พูดสิ่งที่คิดออกไปอย่างจริงใจแค่ไหน หากคนฟังไม่เชื่อมันก็กลับกลายเป็นของไร้ค่าไม่ต่างกับขยะอยู่ดี
นี่มันเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มคิดว่าพบเจอสิ่งที่สูงชันยิ่งกว่ากำแพงของเซ็นโทร มันก็คือ... กำแพงอันแข็งแกร่งของคนคนนี้ บางทีชาตินี้อีธานอาจจะไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายเลยก็เป็นได้
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

1,183 ความคิดเห็น
-
#1122 nu_uu61 (จากตอนที่ 76)วันที่ 26 กันยายน 2563 / 12:40พ่อพระเอกน่ากลัวอะ จะให้ฆ่าลูกตัวเอง แหะๆ ยิงตัวเองทิ้งเถอะค่า เลวขนาดนี้#1,1220
-
#326 mini_mickey (จากตอนที่ 76)วันที่ 8 กรกฎาคม 2560 / 08:36สมควรแล้วละเลือกทิ้งจีแอลไปเองนะตอนนี้ก็ต้องยอมทำทุกอย่างแล้วละอีธาน#3261
-
#326-1 สั้น สั้น(จากตอนที่ 76)10 กรกฎาคม 2560 / 20:29ใช่เลยค่า#326-1
-
-
#319 Gancha. (จากตอนที่ 76)วันที่ 8 กรกฎาคม 2560 / 03:59โธ่อีธาน งื้อ แอลใจร้ายไปแล้วววววว#3191
-
#319-1 สั้น สั้น(จากตอนที่ 76)10 กรกฎาคม 2560 / 20:27อีธานโดนกรรมตามสนอง T-T#319-1
-