ตอนที่ 62 : พรากจาก
อีธาน อธิบายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ไม่ถูกนัก
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจับจ้องไปยัง มอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่เกือบทั้งแถบของกำแพงเมือง นอกเหนือจากบริเวณนี้ก็ยังมีติดตั้งอยู่อีกหลายจุด ภาพที่ปรากฏบนจอนั้นก็คือลานกว้างทรงที่มีผิวดินอัดเรียบ มีเสาโลหะรูปตัวทียึดติดอยู่กับพื้น เบื้องหลังเป็นอาคารสีดำทรงสี่เหลี่ยมตั้งตระหง่านให้ความรู้สึกน่าหวาดหวั่นชวนขนลุกราวกับกำลังแผ่รังสีแห่งความตายออกมา มันสร้างจากเหล็กกล้าทั้งหลัง มีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของเซ็นโทร ทุกคนรู้จักสถานที่แห่งนี้ดีในนาม ...เฮเค
อีธานละสายตาจากหน้าจอที่ยังคงไร้ความเคลื่อนไหว มายังสถานที่จริงที่อยู่เบื้องหน้า
คุกเฮเค ได้ชื่อว่าเหี้ยมโหดทารุณมากที่สุด คนที่ถูกส่งมาที่นี่ล้วนขอร้องความตายเป็นการบทลงโทษทั้งนั้น มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมนักโทษความผิดร้ายแรง คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าออก แม้กระทั่งอีธานก็ยังไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปด้านใน
ตามปกตินักโทษที่ถูกส่งมายังเฮเค จะถูกตัดสินโทษโดยไม่มีการเปิดเผย เป็นคำพูดติดปากที่ว่า ‘เข้าไปแล้วจะไม่มีวันได้กลับออกมา’ แต่ครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ ...นักโทษกบฏวิกเตอร์ จะถูกพาออกมาจากคุกเพื่อพิจารณาคดีและรับโทษที่ลานด้านหน้า ท่ามกลางกล้องที่คอยจับภาพ ถ่ายทอดไปยังทั่วทุกแห่ง
อีธานไม่เข้าใจความคิดของท่านผู้บัญชาการที่มีคำสั่งเช่นนี้ออกมาเลยสักนิด มองยังไงก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำเรื่องโหดเหี้ยมต่อหน้าสาธารณชน แต่ถึงจะพยายามคัดค้านอย่างหนักเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เขาไม่มีอำนาจมากพอจะยับยั้งหรือแก้ไขอะไรได้ และถึงไม่พอใจแค่ไหนก็ยังต้องมายืนอยู่ที่นี่ในฐานะผู้มีส่วนในการจับกุมตัววิกเตอร์
“อากาศไม่ดีเลยนะ” เซท เอ่ยทัก ก่อนจะสาวเท้ามายืนข้างๆ
“นั่นสิ” ชายหนุ่มเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เวลานี้เต็มไปด้วยเมฆหมอกมืดมัว ไม่บ่อยนักที่เซ็นโทรจะมีสภาพอากาศเช่นนี้
“ให้ความรู้สึกหดหู่ชอบกล”
อีธานหันกลับมายังหัวหน้ากองกำลังพิเศษที่พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ทำไมถึงต้องทำเรื่องแบบนี้ ผมไม่เข้าใจจริงๆ”
“เราไม่ได้หวังผลลัพธ์โดยตรงหรอก เพราะคิดว่าต่อให้เราลงโทษวิกเตอร์ต่อหน้าสาธารณชน ยังไงซะกลุ่มของครูสก็คงไม่ปรากฏตัวออกมาแน่” เซทกล่าวตอบ
“งั้นคาดหวังอะไรกับเรื่องนี้ล่ะ?”
“เป็นการส่งสาส์นให้รู้มากกว่า บอกให้รู้ว่าคนที่ทรยศจะมีบทลงโทษยังไง จะไม่มีใครกล้าก่อเรื่องวุ่นวายอีก ...ผมรู้ว่าการกดให้เขายอมจำนนด้วยความหวาดกลัวอาจจะไม่ดีนัก แต่ต้องยอมรับว่ามันได้ผล”
อีธานส่ายหน้า ทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก
เสียงฝีเท้าที่ก้าวอย่างมั่นคงรวดเร็วดังเข้ามาใกล้จุดที่พวกเขายืนอยู่ เมื่อมองไปจึงได้เห็นว่าเป็น ลุค ลูกน้องคนสนิทของเซท
“หัวหน้าครับ” ลุคเอ่ยเรียก แล้วตรงเข้ามากระซิบอะไรบางอย่างข้างหูของหัวหน้ากอง
“งั้นเหรอ?” เซทตอบ ดวงตาที่คมกล้าเหมือนกับเหยี่ยวเหลือบมาทางอีธานแว๊บหนึ่ง
“ครับ จะให้ทำยังไงต่อครับ?” ลุคตอบกลับน้ำเสียงจริงจัง
“รอไปก่อน แล้วฉันจะบอกอีกที” เซทว่า
ลุคพยักหน้า ก่อนจะหันมายังอีธานที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก้มศีรษะลงต่ำเป็นเชิงทำความเคารพ
“ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีใช่ไหม?” อีธานทัก
ลุคจ้องมองคนถามนิ่งนานราวกับไม่เข้าใจคำถาม จนอีธานเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เจ้าตัวจึงสะดุ้ง รีบกล่าวตอบตะกุกตะกัก “คระ...ครับ สบายดีครับ!”
“งั้นก็ดี” ร่างสูงส่งยิ้มให้
“เอ่อ...ผมขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบเจ้าตัวก็ก้มหน้าก้มตาหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
อีธานมองตามร่างนั้นไป “นี่ผมคงไม่ได้ทำให้เขาไม่ชอบหน้าหรอกนะ”
เซทหัวเราะลั่นขึ้นมา “ไม่เลยๆ ...แม้จะน่ารำคาญไปบ้าง แต่เจ้านั่นก็มีส่วนน่ารักนะ ต่อไปคุณช่วยเอ็นดูเขาเป็นพิเศษหน่อยก็แล้วกัน”
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเซทถึงพูดฝากฝังลูกน้องของตัวเอง แต่อีธานก็พยักหน้าตอบรับกลับไป
ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ระดับสูง และผู้มีอำนาจในสภาเมือง ก็เริ่มทยอยเข้ามายังสถานที่ซึ่งจัดเตรียมไว้ แล้วหลังจากนั้นบานประตูเหล็กกล้าของเฮเคก็ค่อยๆ เปิดอ้าออก
วิกเตอร์ถูกพาตัวออกมายังลานด้านหน้า
ชายหนุ่มถูกลากตัวออกมา ดูอิดโรยไร้เรี่ยวแรง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ โลหิตสีแดงไหลผ่านร่องขมับเป็นแนวมาถึงแนวกราม เขาถูกจับพาดกับเสาเหล็กที่ตั้งอยู่ตรงกลาง ในสภาพคว่ำหน้าชันเข่ากับพื้น ถูกล็อคลำคอด้วยโซ่เส้นโต มีผู้คุมนักโทษพกกระบองไฟฟ้าสองคนขนาบข้าง ห่างออกไปไม่ไกลเป็นเหล่ากองกำลังเซ็นโทร ที่ตั้งแนวล้อมรอบเป็นครึ่งวงกลม กระชับปากกระบอกปืนเล็งตรงเข้ามาหาแบบพร้อมที่จะเหนี่ยวไกได้ทุกเมื่อ
เซ็นโทรเคยถูกหยามหน้าด้วยการช่วงชิงตัวผู้ต้องหาไปอย่างซึ่งๆ หน้าแล้วหนหนึ่ง ทุกอย่างในวันนี้จึงต้องมั่นใจว่าจะรัดกุมและไร้ข้อผิดพลาด
ศีรษะของวิกเตอร์ค่อยๆ ขยับไหว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเรียวสีเข้มจนเกือบดำนั้นจับจ้องไปยังจอภาพที่ปรากฏภาพของตัวเอง แล้วก็ส่งเสียงที่คล้ายกับเสียงหัวเราะออกมาครั้งหนึ่ง
“ต่อจากนี้จะเป็นการพิจารณาคดี ของ วิกเตอร์ อัลวาเรซ เลือดสีแดงในฐานะผู้ก่อการร้ายและให้ความช่วยเหลือกลุ่มกบฏ” เสียงพูดเฉียบขาดมีเอกลักษณ์ดังขึ้น
ผู้พูดก็คือ ออสติน ชายหนุ่มร่างเล็กคนเดียวกับที่เคยซักคำถามไล่ต้อนอีธานในการรายงานตัวต่อสภาเมือง อีธานค้นข้อมูลประวัติความเป็นมาของชายผู้นี้มาดูหลังจากวันนั้น ต้องบอกว่า ออสติน ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการไต่เต้าก้าวสู่ความสำเร็จ เขาไม่ได้เกิดในตระกูลที่ดีนัก ครอบครัวเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ระดับล่าง แต่ด้วยความพยายามมุ่งมั่นเจ้าตัวสอบเข้าเรียนในโรงเรียนที่จัดได้ว่าดีที่สุดของเซ็นโทร เรียนจบด้วยผลการเรียนระดับท็อป เริ่มเข้าทำงานเกี่ยวกับด้านกฎหมายในบริษัทเล็กๆ ก่อนจะสอบเข้ามาทำงานในสภาเมือง
อีธานชื่นชมในความสามารถและความมุ่งมั่นนั้น แต่ด้านทัศนคติที่เจ้าตัวประกาศชัดเจนทำให้พวกเขาคงไม่อาจทำงานด้วยกันได้ ยิ่งน้ำเสียงกับท่าทางหยิ่งผยองของออสตินในวันนี้ดูฉายชัดกว่าที่เคยทำให้อีธานยิ่งไม่ชอบใจ และดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่รู้สึก
“ไม่ชอบหน้าหมอนี่เลย ให้ตาย” เซทบ่นพึมพำให้ได้ยิน
เสียงพูดนั้นยังคงดังก้องกังวานไปทั่ว
“วิกเตอร์ ใช้แผนหลอกให้ตายใจ ส่งสายแฝงตัวเข้ามาสืบข้อมูลของเซ็นโทร อีกทั้งยังสนับสนุนด้านการเงินจำนวนมหาศาลให้พวกกบฏ มีความผิดชัดเจนและต้องรับโทษขั้นสูงสุดของเซ็นโทร” คนพูดเว้นจังหวะเล็กน้อย ก้าวเท้าไปยืนเบื้องหน้าของนักโทษ “จะยอมรับผิดหรือเปล่า?”
วิกเตอร์หัวเราะ เปล่งน้ำเสียงแตกพร่าที่เค้นออกมาจากลำคอ แฝงด้วยความเจ็บปวด “ฉัน...ไม่เห็นว่า...ตัวเองทำผิด ที่ตรงไหน...” เจ้าตัวยกศีรษะขึ้น ทำให้มองเห็นดวงตาสีเกือบดำคู่นั้นชัดเจน “เงินมากมายเกิดจากแรงงานของเลือดสีแดง เมืองแห่งนี้ก็สร้างจากแรงกายของเลือดสีแดง พวกเราตังหากที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเซ็นโทร ไม่ใช่เลือดสีน้ำเงิน”
“ว่าไงนะ...”
“คนพวกนั้นแค่ต้องการเรียกร้องสิ่งที่ควรได้เท่านั้น ...ไม่ได้ทำอะไรผิด...” วิกเตอร์พูดยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกกระบองไฟฟ้าจากผู้คุมรัวเข้าใส่ไม่ยั้ง
เสียงร้องอย่างเจ็บปวด กับเลือดสีแดงสดที่ชุ่มแผ่นหลังของวิกเตอร์ ปรากฏชัดเจนบนจอภาพ
“เศษสวะอย่างพวกแกกล้าพูดด้วยหรือว่ามีสำคัญ ช่างน่าขำเสียจริง” ออสตินมองเหยียดหยาม “ไมก้า ครูส ...แกจะหดหัวดูเพื่อนรักที่โตขึ้นมาด้วยกันอย่างวิกเตอร์ตายไปต่อหน้างั้นเหรอ? กลุ่มกบฏของแกก็แค่พวกรักตัวกลัวตาย ทิ้งพวกพ้องให้รับโทษโดยไม่สนใจใยดีสินะ”
“กลุ่มกบฏเลือดสีแดง หรือใครก็ตามที่รู้ตัวว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จงมอบตัวซะ...นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะรอดชีวิต เพราะหากกองกำลังของเซ็นโทรสืบสวนจนพบ เราจะคงมาตรการสูงสุดแบบไม่มีผ่อนปรนอีก”
ผู้คุมนักโทษกระชากเส้นผมของวิกเตอร์ หน้าของชายหนุ่มหงายขึ้น เลือดสีแดงเข้มคล้ำไหลออกมาจากมุมปาก ตาขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำ บ่งบอกถึงความอดกลั้นเจ็บปวดสาหัสที่ได้รับ
“ทางเราจะให้เวลาอีกสิบนาที หากไม่มีการติดต่อเพื่อขอมอบตัวจากแกนนำกบฏ ...วิกเตอร์จะต้องถูกตัดสินโทษที่การประหารชีวิตในทันที”
===+++===+++===+++
สวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลย ยังสบายดีกันดีอยู่ใช่ไหมคะ?
หลังจากที่ สั้นสั้น ได้พยายามในการเข็นเรื่องนี้อย่างหนัก แต่ก็มักจะมีอุปสรรคในชีวิตขัดขวางไว้เสมอ เรื่องนี้เลยยังไม่จบซะที แต่ก็ใกล้มากแล้วค่ะ จากนี้ไปก็จะทยอยมาอัพไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจบนะคะ หวังว่าจะมีคนอ่านมาถึงตรงนี้เนอะ
ขอบคุณค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

1,183 ความคิดเห็น
-
#1157 rttr (จากตอนที่ 62)วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2564 / 23:56สนุกมากกกกก#1,1570
-
#1115 nu_uu61 (จากตอนที่ 62)วันที่ 26 กันยายน 2563 / 02:54เกลียดอีออสติน มั่นหน้ามาก#1,1150
-
#284 mini_mickey (จากตอนที่ 62)วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560 / 08:41ดีใจที่กลับมาเค้าคิดถึงจีแอลมากๆเลย#2841
-
#284-1 สั้น สั้น(จากตอนที่ 62)3 กุมภาพันธ์ 2560 / 15:22ขอบคุณที่ยังรอคอยกันอยู่นะคะ ^^#284-1
-