ตอนที่ 49 : บ่อนทำลาย
สายลมที่ร้อนระอุพัดผ่านเส้นผมสีบรอนด์ทองยาวให้ปลิวสยาย แสงแดดเจิดจ้าแผดเผาเปลือกตาปิดสนิทของร่างสูงโปร่งยืนนิ่งอยู่บนแนวกองหินสูงชันทอดยาวเหมือนแนวกำแพงซึ่งช่วยบังลมพายุให้กับแหล่งพำนักอาศัยที่อยู่ต่ำลงไปเบื้องหลังในลักษณะคล้ายแอ่งกระทะ
ดวงตาสีเงินเปิดขึ้นอย่างช้าๆ มองไปยังทะเลทรายแห้งแล้งกว้างไกลสุดตา สภาพอากาศซึ่งร้อนแทบจะเผาไหม้ผิวกายในตอนกลางวัน หนาวเหน็บไปจนถึงกระดูกในตอนกลางคืน ที่สำคัญก็คือมันกั้นที่นี่ออกห่างจากเซ็นโทรด้วยพายุทรายโหมกระหน่ำและระยะทางอันไกลโพ้น
กั้นตัวเขาให้ห่างจาก อีธาน!
จีแอลถอนแว่นกันแดดที่สวมออก โยนทิ้งลงพื้นพลางใช้เท้ากระทืบซ้ำจนแหลกละเอียด เปลวไฟแห่งความโกรธเผาไหม้จิตใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
แม้จะแค้นอีกฝ่ายแค่ไหน แต่เหนือกว่าก็คือเขาโมโหตัวเองที่ชะล่าใจ เพียงแค่เห็นหน้าซื่อๆ คำพูดห่วงใยก็หลงเชื่อแบบไม่เอะใจอะไรเลย จีแอลคนเดิมคงไม่มีทางยอมปล่อยให้ปืนอยู่ห่างเกินกว่าเอื้อมมือถึง แต่ตอนนี้แค่คำพูดไม่กี่คำของหมอนั่น เขาก็แทบจะเขวี้ยงอาวุธคู่กายทิ้งไปไกลๆ
เชื่อว่าตัวเองมองคนไม่ผิด เชื่อถือไอ้คนที่ห้ามไม่ให้เขาฆ่าใครว่าเป็นคนดี เชื่อการกระทำที่ทุ่มสุดตัวเพื่อปกป้องคนอื่น
โกหกทั้งเพ!
ในเมื่อดันโง่เองจะโทษใครได้ ทุกอย่างมันเป็นอย่างที่ถูกหมอนั่นพูดใส่หน้ามานั่นแหละว่า ‘ฉันไม่ได้ทรยศใคร ฉันไม่ได้เป็นพวกของนายตั้งแต่แรก’
“จีแอล”
แม้จะได้ยินเสียงคุ้นหูที่เอ่ยเรียก แต่จีแอลก็ยังคงยืนนิ่งไม่ได้หันไปมอง จนกระทั่งอาเธอร์เดินอย่างทุลักทุเลตามแนวหินที่ค่อนข้างขรุขระและสูงชันมาอยู่ในระนาบเดียวกัน
“มีอะไร?” จีแอลถาม
“นายจะตัดสินใจยังไง ตอนนี้ทุกคนรอฟังนายอยู่นะ”
ดวงตาเรียวยาวคู่สวยเบนไปจับจ้องคนที่มีรูปร่างเล็กกว่า
อาเธอร์เป็นชนเผ่าเลือดสีขาว ซึ่งด้วยเชื้อสายแล้วส่วนใหญ่แล้วจะมีรูปร่างที่ไม่ใหญ่โตนักเมื่อเทียบกับชนเผ่าอื่น ยิ่งเรื่องพละกำลังยิ่งน้อยกว่ามาก ดวงตาสีขุ่นฝ้านั้นสู้แสงแดดไม่ค่อยดีนัก เมื่อเข้าสู่วัยชราดวงตาจึงมักจะเป็นอวัยวะที่สูญเสียไปเป็นอย่างแรก ด้วยลักษณะทางกายภาพของร่างกายซึ่งดูอ่อนด้อยเมื่อเทียบกับชนเผ่าอื่น อีกจำนวนคนทั้งหมดในชนเผ่าก็มีเพียงไม่กี่ร้อยคน จึงกลายเป็นชนกลุ่มน้อยที่ไม่มีใครสนใจ
ท่ามกลางเทคโนโลยีทันสมัยที่อำนวยความสะดวกให้กับชีวิตได้เกือบทุกอย่าง ชนเผ่าเลือดสีขาวกลับไม่สนใจใยดีสักเท่าไหร่ พวกเขายังคงรักสันโดษ ใช้ชีวิตเรียบง่าย ยึดมั่นศรัทธาเพียงสิ่งเดียวเทพเจ้าของชนเผ่าเหมือนพวกคลั่งลัทธิ
“ฉันไม่ใช่ ลีโอนของพวกนาย บอกกี่ครั้งกี่หนแล้ว จะเมื่อก่อน ตอนนี้ หรือต่อไปข้างหน้าก็ไม่มีวันเป็นได้หรอก”
“ฉันรู้” อาเธอร์ถอนหายใจออกมา “แต่จะให้เปลี่ยนความคิดความศรัทธาของคนอื่นในเผ่า คงเป็นไปไม่ได้...ต่อให้พยายามแค่ไหน พวกเขาก็ยังเชื่อว่านายคือ ก็อด ออฟ ลีโอน อยู่ดี”
ตั้งแต่ถูกชนเผ่าเลือดสีขาวที่กำลังอพยพย้ายถิ่นช่วยชีวิตเอาไว้ เขาถูกดูแลอย่างดีในฐานะเลือดสีเงินคนสุดท้าย เป็นสายเลือดบริสุทธ์จากพระเจ้า และด้วยช่วงจังหวะเวลาทำให้เขากลายเป็นเทพเจ้าตามคำทำนายของชนเผ่าเลือดสีขาว ใช้ชีวิตโดยลืมเลือนชื่อเก่าที่ผู้ให้กำเนิดเคยเรียก อยู่ในฐานะ จีแอล หรือ ก็อด ออฟ ลีโอน
แม้จะรักสันโดษ เรียบง่าย เป็นชนกลุ่มน้อยที่เชื่อในลัทธิของตัวเองแบบไม่สนโลกภายนอก แต่ที่คนอื่นไม่รู้ก็คือชนเผ่าเลือดสีขาวไม่ได้สิ้นไร้เทคโนโลยีเสียทีเดียว มีกลุ่มคนรุ่นใหม่หลายคนเริ่มพัฒนาเครื่องมือเครื่องใช้ได้อย่างน่าทึ่ง อาเธอร์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่เพียงเท่านั้นสร้างยุทโธปกรณ์สำหรับป้องกันตัวเองเอาไว้ในระดับยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการยึดเอาแหล่งที่อยู่อาศัยที่ล้อมรอบไปด้วยสภาพอากาศแสนเลวร้ายแห่งนี้มาเป็นข้อได้เปรียบในการสร้างเกราะป้องกัน
เพียงแค่บอกความต้องการ คนพวกนี้ก็พร้อมจะเป็นกำลังให้ แต่สำหรับจีแอลเขายังไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับสงคราม ต่อให้มีกองทัพที่แข็งแกร่งในมือแต่ถ้าต่อสู้แล้วพ่ายแพ้ ย่อมไม่เกิดประโยชน์ อีกทั้งพวกเลือดสีขาวก็เป็นชนเผ่าที่ให้ความช่วยเหลือตัวเขาที่ขาดที่พึ่ง ต่อให้เป็นคนไร้หัวใจอย่างจีแอล ก็ยังไม่อยากให้คนพวกนี้ได้รับผลกระทบจนถูกกวาดล้างเพราะตัวเขา
จีแอล ในตอนนี้จึงมุ่งทุกอย่างไปที่การตามหาคนแห่งโชคชะตาที่จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ร่วมกันได้แทน มันเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดในการมีชิวิตอยู่ของเขา มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ต้องทำให้ได้
‘ลูกต้องมีชีวิตอยู่ ...มีชีวิตอยู่แทนในส่วนของพวกเราทุกคน’
“จีแอล...” อาเธอร์เอ่ยอีกครั้งเมื่อเห็นว่าจีแอลนิ่งเงียบไป
“ฉันมีอะไรคล้ายเทพเจ้าตรงไหนเหรอ? ฉันสามารถยิงหัวคนก้มหมอบแทบเท้าให้โดยไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ แบบนี้ยังจะเป็นเทพเจ้าได้หรือไง?”
“จะอะไรก็ตาม แต่สำหรับพวกเรานายเป็นคนที่สำคัญที่สุด”
จีแอลยิ้มที่มุมปาก “เพราะเอาแต่พูดแบบนี้ เมียนายถึงได้แค้นฝังหุ่นฉันไม่เลิกลาซะทีไง”
“เรื่องนั้นขอโทษด้วย...”
“ช่างมันเถอะ ยังไงซะไอ้คนที่จะหนี ต่อให้ไม่มีคนยื่นเข้ามายุ่ง ก็หาทางหนีได้อยู่ดี” จีแอลบอก “ถ้าจับกลับมาได้ ฉันจะตัดมือตัดขาซะเลย ดูสิว่าแบบนั้นจะไปไหนได้อยู่ไหม”
“ตัดใจจากหมอนั่นไม่ดีกว่าเหรอ? ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าจะมีแค่อีธานที่เลือดเข้ากับนายได้ น่าจะมีคนอื่นอีก เพียงแค่เรา...”
“ไม่” จีแอลขัดขึ้น “ฉันจะไม่เสียเวลาควานหาเพชรเม็ดเล็กๆ แค่เม็ดสองเม็ดในทะเลทรายอีกแล้ว”
“ทำไมต้องเป็นคนระดับหมอนั่นด้วยนะ เรื่องมันจะยุ่งยากน้อยลงมากแท้ๆ ถ้าเป็นเลือดสีน้ำเงินคนอื่น” อาเธอร์บ่นออกมา ก่อนจะวางมือบนไหล่ของจีแอล พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น “ตอนนี้เรื่องราวมันมาไกลกว่าแค่ตัวนายคนเดียวแล้วนะ”
จีแอลหรี่ดวงตาสีเงินของตัวเองลงเล็กน้อย
อาเธอร์กล่าวต่อไป “ไม่ใช่แค่นาย ไม่ใช่แค่พวกเรา...อีกแล้ว”
“เจ้าพวกนั้น มาที่นี่แล้ว?” จีแอลเอ่ยถาม
“ใช่” ชายหนุ่มเลือดสีขาวพยักหน้าตอบ ก่อนจะจ้องมองคู่สนทนาด้วยสายตาแน่วแน่ “แล้วครูส ก็อยากคุยกับนาย”
===+++===+++===+++===
อัพตอนสั้นๆ ก่อนจะไม่อยู่หลายวันนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์ด้วยค่ะ จะรีบมาต่อโดยเร็ว by สั้นสั้น
===+++===+++===+++===
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คิดว่า ชื่อจริงๆ เสียอีก
จีแอล ก็มีชื่อจริงๆ ด้วยนะคะ (เราจดไว้ แต่เราลืมแล้ว T-T)
ค้างงงงงรอต่อไป5555555