ตอนที่ 38 : ปลายกระบอกปืน
เซท รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกที่ถูกทาง
เซท เป็นชายร่างสูง สมบูรณ์แบบด้วยกล้ามเนื้อที่ถูกฝึกฝนอยู่เสมอ ดูแข็งแกร่งล่ำสันแต่ก็ดูปราดเปรียวคล่องแคล่วในเวลาเดียวกัน เส้นผมตัดสั้น ดวงตาเหมือนนกเหยี่ยวมีสีน้ำเงินอมเทา ส่งให้โครงหน้าโดยรวมดูดุดันน่าเกรงขาม
ภายในรถถังซึ่งจอดอยู่ตรงกลางเป็นจุดที่เซทอยู่ในเวลานี้ มันมองเห็นภาพรวมทั้งหมดได้เป็นอย่างดี เบื้องหน้าเป็นอาคารที่แข็งแกร่งกว่าส่วนอื่นชัดเจน แม้จะยิงถล่มมาเป็นเวลาพักใหญ่ก็ยังคงโครงสร้างหลักโดยรวมอยู่ได้ ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่หน่วยภาคพื้นซึ่งได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษกระจายตัวเข้าไปปราบปรามภายในอาคารอื่นๆ ต่างรายงานว่าไม่พบผู้คนอยู่ในนั้น ดูเหมือนพวกกบฏจะรวมตัวกันทั้งหมดอยู่ที่นี่ ...ที่ศูนย์บัญชาการ
แม้จะรู้ฐานที่มั่นสุดท้าย แต่เนื่องจากที่นี่อยู่ใต้พื้นดินค่อนข้างลึก การประเมินแผนผังแบบชัดเจนด้วยระบบคอมพิวเตอร์จึงไม่แม่นยำนัก เซทไม่อยากเสี่ยงส่งคนของเขาเข้าไปโจมตีแบบสุ่มสี่สุ่มห้า จึงตัดสินใจเรียกหน่วยภาคพื้นกลับมาก่อนเพื่อรอรับคำสั่ง
“หัวหน้ากองครับ” เพราะมีสัญญาณไฟกระพริบแสดงการติดต่อปรากฏขึ้น เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมรถจึงเอ่ยเรียกเซทถาม พลางชำเลืองมองเขาว่าจะสั่งการอย่างไร
“ให้พูดมา” เมื่อเซทตอบรับ เจ้าหน้าที่คนเดิมเลยจัดการเปิดลำโพง พร้อมกับฉายภาพผ่านจอมอนิเตอร์ตรงหน้า
กองกำลังพิเศษในชุดสีดำคนหนึ่ง ปรากฎขึ้นที่หน้าจอ
“หาคุณอีธานไม่พบครับ”
“ทำไมไม่พบ?” เซทถามน้ำเสียงเข้มขึ้น
“มีชายคนหนึ่งพาตัวไป พวกเราที่ตามไปโดนจัดการทั้งหมดหลายคน ตอนนี้ยังไม่รู้รายละเอียดมากกว่านั้นครับ”
“ผู้ชายคนเดียว จัดการกองกำลังพิเศษไปหลายคนเลยงั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ” ชายคนเดิมตอบ
เซท นิ่วหน้าจนหว่างหว่างคิ้วเกิดเป็นร่องเล็กๆ เขาคิดถึงเรื่องการบุกชิงตัวประกันก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ ตอนนั้นแม้จะคุมกันอย่างดี แต่ก็ยังมีคนบุกมาช่วยตัวประกันที่เป็นชายแก่เลือดสีขาวไปได้ แถมจัดการทั้งหมดด้วยเวลาเพียงไม่นาน เซทเองก็ถูกเรียกตัวไปสมทบจึงช้าไปหนึ่งก้าว เมื่อไปถึงก็ไม่เห็นตัวผู้บุกรุกแล้วแม้แต่เงา
อาจจะเป็นคนเดียวกัน ...ศักยภาพของชายคนนี้น่าทึ่งมาก ขนาดว่าเลือดสีน้ำเงินหลายคนก็ยังเอาไม่อยู่ ไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นชนเผ่าไหน
“หัวหน้ากองครับ มีสัญญาณติดต่อ...”
“อะไรอีก?”
“เอ่อ คราวนี้จากฝ่ายตรงข้ามครับ บอกว่าต้องการเจรจากับหัวหน้ากองโดยตรง”
“เราไม่มีความจำเป็นต้องเจรจา” เซทตอบกลับ
“แต่...” คนพูดชะงักเล็กน้อยเหมือนจะดูให้แน่ใจว่าเซทจะไม่พ่นไฟใส่ จากนั้นจึงกล่าวต่อ “ทางนั้นดูเหมือนจะมีตัวประกันครับ”
ตัวประกันที่ว่าไม่ใช่ใครอื่น ...แต่คือ บุตรชายคนโตของท่านผู้นำคนปัจจุบัน อีธาน แซฟเฟลอร์
เซท มองไปที่ชายในจอภาพ ขณะที่ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดของเจ้าตัวเหมือนจะจ้องกลับมา
เซท ก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งหัวหน้ากองตั้งแต่เมื่อปีก่อน ถือว่าเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยได้รับตำแหน่ง เขาไม่ได้ดีใจหรือเสียใจ เพราะจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็แค่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองและมุ่งมั่นให้มันออกมาดีที่สุดเท่านั้น ความไม่กะตือรือร้นจะสร้างผลงานจนเกินเหตุ แต่กลับทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้นถือเป็นจุดเด่นของเขา
หนึ่งในคนที่สนับสนุน เซท ก็คือ อีธาน ...ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน ปกติเซทไม่ได้สนใจคนในสภาเมืองนัก ฝ่ายบริหารส่วนใหญ่เอาแต่ออกคำสั่ง สนใจแต่ผลลัพธ์ ไม่คำนึงถึงขั้นตอนปฏิบัติที่แสนยุ่งยากโหดร้ายสักเท่าไหร่ แต่ อีธาน แตกต่างออกไป
ชายหนุ่มดวงตาสีน้ำเงินเข้มคนนี้เข้าร่วมฝ่ายบริหารตั้งแต่อายุยังไม่ถึงยี่สิบ จากนั้นไม่นานก็ก้าวขึ้นมาเป็นสมาชิกสำคัญของสภาเมือง ถูกวางตัวเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งในอนาคตต่อจากผู้เป็นพ่อ
ทั้งที่น่าจะหยิ่งผยอง แต่อีธานกลับเป็นคนหนุ่มที่ให้ความรู้สึกนิ่งสงบ ราวกับรอบตัวนั้นมีสายน้ำไหลเวียนชวนผ่อนคลาย ความคิดอ่านและอุดมการณ์มีความแตกต่างกับคนรุ่นก่อนหลายส่วน แม้จะถูกค้านก็ไม่หวั่นไหวที่จะแสดงมันออกมา มีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวแบบที่หาได้ยาก แต่ก็ไม่ได้เถรตรงซะจนเกิดปัญหากับคนอื่น ที่สำคัญอีธานไม่ได้กระหายอำนาจอยากก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดจนตัวสั่น ในจุดนี้เองที่เซทคิดว่าคล้ายกับตัวเอง เขากับอีธานจึงพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันอยู่หลายครั้ง ถึงจะเรียกไม่ได้ว่าเป็นเพื่อน แต่ก็อยู่ในระดับที่เคารพซึ่งกันละกัน
“เอาไงดีครับ” เสียงลูกน้องที่คุมรถถังเอ่ยถามเซท “เจ้าพวกนั้นต้องการให้เราถอนกำลังทั้งหมดออกห่างจากที่นี่ในทันที ไม่อย่างนั้นจะฆ่าตัวประกัน”
“ถอยไม่ได้” เซทตอบ
“แต่ว่านั่น...นั่น...เป็นลูกชายของท่านผู้นำ นะ...ครับ...” เสียงที่เอ่ยหวาดหวั่นซะจนติดขัด
เซทบดกรามตัวเอง กรอดๆ
“เปิดประตูรถ”
“อะไรนะครับ?” เจ้าหน้าที่หันมาหาเซท
“พวกนั้นต้องการเจรจาใช่ไหมล่ะ...ฉันจะออกไปคุยกับมันเอง สั่งกองกำลังภาคพื้นเข้าประจำตามจุดต่างๆ เตรียมพร้อมใช้แผนโจมตีเพื่อชิงตัวประกันเอาไว้ แล้วคอยดูสัญญาณจากฉัน!”
เซทกระโดดออกไปจากยานพาหนะ เหยียบพื้นภายในชุมชนใต้ดินแห่งนี้เป็นครั้งแรก ท่ามกลางฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจ่าย และเปลวไฟที่ลุกไหม้ในบางส่วนที่มีเศษซากการระเบิด กลิ่นดินปืนฟุ้งในอากาศ เบื้องหลังของเขามีกองกำลังพิเศษอาวุธครบมือยืนประจำตำแหน่งคอยฟังคำสั่ง
ห่างออกไปประมาณสามสิบเมตร เซทเห็นอีธานโดนจับมัดคุกเข่าอยู่ในวงล้อมของกลุ่มเลือดสีแดง อาวุธหลายชิ้นจ่อไปที่ศีรษะ
“เราไม่รับข้อต่อรองอะไรทั้งนั้น ทางที่ดีคือมอบตัว และปล่อยตัวประกันซะ” เซทตะโกนบอกอีกฝ่าย
“ถ้าจะโดนจับก็สู้ตายไปพร้อมๆ กับตัวประกันนี่ไม่ดีกว่าหรือไง” ชายผมยาวที่มีผิวค่อนข้างเข้มตอบกลับมา เซทจำได้มันทันทีว่าคนพูดก็คือ ไมก้า ครูส
ทั้งที่ได้รับการยืนยันว่าตายไปแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังอยู่รอดจนสร้างชุมชนได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แม้จะยังไม่รู้รายละเอียดมากนักแต่ที่นี่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง และคนจุดชนวนให้เกิดการจราจล สร้างความวุ่นวายหลายแห่งในเซ็นโทรก่อนหน้านี้
“สั่งให้ลูกน้องถอยออกจากที่นี่ เดี๋ยวนี้!”
เซทตะโกนตอบในทันที “เราจะไม่ถอย”
“ต่อให้ตัวประกันตายก็ไม่ไม่สนหรือยังไง?”
“นั่นมันเรื่องสุดวิสัย” เซทตอบ
บรรดาลูกน้องของครูสเริ่มแสดงความหวั่นไหวออกมาทางสีหน้า เมื่อเห็นว่าการเจรจาไม่มีวี่แววจะได้ผล มีแต่เพียงครูสที่ยังคงท่าทางนิ่งสงบ ราวกับคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้ได้แต่แรกแล้ว
“ฉันจะนับถึงสาม ถ้าไม่วางอาวุธ และยอมมอบตัวเราจะโจมตีต่อทันที” เซทชูมือขึ้น
เมื่อเห็นสัญญาณจากเซท อาวุธที่ติดตั้งอยู่บนรถถังเบนกระบอกปืนไปทางทิศของเป้าหมาย บรรดากองกำลังในชุดสีดำก็เคลื่อนตัวมาประจำการที่ด้านหน้า พร้อมกับประทับปืนในตำแหน่งพร้อมยิง
“หนึ่ง” ชายหนุ่มเริ่มนับ ถ้าเลือกได้เขาอยากจะช่วยตัวประกันโดยวิธีละมุนละม่อมเพื่อความปลอดภัยมากกว่านี้ แต่หากทำแบบนั้นก็เท่ากับการไม่ทำตามหน้าที่ที่ว่าให้กวาดล้างชุมชนแห่งนี้ให้ราบโดยไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น
“สอง” เซทกล่าวต่อ
ไม่มีทีท่าว่าฝ่ายตรงข้ามจะมอบตัว เซทบดกรามตัวเอง ตัดสินใจไขว้มือไปด้านหลังส่งสัญญาณให้หน่วยกองกำลังพิเศษที่ซุ่มอยู่อ้อมไปเพื่อจัดการฝ่ายตรงข้ามและช่วยอีธาน
“สะ...” แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยคำสุดท้าย คำพูดของเขาก็ถูกขัดจังหวะ
“หัวหน้ากองเซท! ฟังผม!” อีธานตะโกนขึ้น เขาจ้องมองตรงมา แม้จะอยู่ในระยะค่อนข้างห่างแต่ก็ยังเห็นแววตาสีน้ำเงินที่มุ่งมั่นของเจ้าตัวได้ชัดเจน “คำสั่ง CC1 ...ฟังที่คนพวกนี้พูด ถอนกองกำลังออกไปเดี๋ยวนี้!”
สิ่งที่ได้ยินทำให้เซทชะงัก รหัส CC1 ใช้เป็นคำสั่งด่วนสำหรับยกเลิกแผนปฏิบัติการทั้งหมด อันเนื่องมาจากความผิดพลาดของข่าวกรอง มีการเข้าใจผิดในการโจมตี หรือไม่ก็คือมีผู้บริสุทธิ์อยู่เป็นจำนวนมาก
เรื่องนี้มีอะไรผิดพลาดงั้นเหรอ?
“หัวหน้ากองครับ?...เอายังไงต่อครับ” เสียงเรียกที่ส่งผ่านเครื่องมือสื่อสารที่ติดอยู่บริเวณหูด้านซ้ายดังขึ้น “หรือว่าจะให้ติดต่อไปที่เซ็นโทร เพื่อขอคำยืนยันดีครับ?”
เซทนิ่งคิดแว๊บหนึ่ง ก่อนจะกล่าวตอบ “ไม่ต้อง...คนที่เซ็นโทรไม่ได้อยู่บนปัจจัยแวดล้อมเดียวกับเราในตอนนี้ เพราะอย่างนั้นให้ฟังคำสั่งฉันเท่านั้น”
“ครับ”
เซทจ้องมองดวงตาสีน้ำเงินเข้มคมกล้าของชายที่ถูกจับอยู่กับฝ่ายศัตรู อีธานไม่ใช่คนเดียวที่สามารถจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำได้ มีคนเหมาะสมอีกหลายคนที่อยู่ในตัวเลือกลำดับรองลงมา ...แต่คนพวกนั้นไม่มีใครมีแนวความคิดที่เหมือนอีธาน
เซทผ่อนลมหายใจ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจกำหมัดเป็นการส่งสัญญาณสั่งให้หยุดการเคลื่อนไหวในทุกส่วน
“ทางเราจะไม่โจมตี จะถอนกำลังกลับ เพียงแต่มีเงื่อนไข” เซทกล่าว “นอกจะต้องส่งมอบตัวประกันทันทีแล้ว ครูส จะต้องยอมมอบตัวด้วย”
“ว่าไงนะ?!” เสียงจากอีกฝ่ายได้ยินชัดเจน
“เงียบก่อน” ครูสปรามคนของตัวเอง
“เราจะถอนกองกำลังออกจากที่นี่ แต่ต้องส่งตัวประกันมาพร้อมกับครูส ...นี่เป็นตัวเลือกเดียว” เซทย้ำ
“ตกลง” ครูสตอบโดยแทบไม่ใช้เวลาคิด ท่ามกลางเสียงค้านของคนอื่น ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะภักดีกับครูสมากทีเดียว
“ดี” เซทหันหลังกลับ เขาออกคำสั่งให้เคลื่อนกองกำลังถอยห่างออกไปเป็นการแสดงความจริงใจ ตอนนี้จึงเหลือแค่เพียงเขาที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเผชิญหน้ากับกลุ่มของครูสในระยะใกล้
อีธานถูกกระชากให้ลุกขึ้นจากพื้น ตัวที่ถูกมัดอยู่นั้นถูกปลดให้เป็นอิสระ ร่างสูงก้าวเท้าออกมาพร้อมกับครูส ในขณะที่เลือดสีแดงคนอื่นๆ ถอยไปทางด้านหลัง ก่อนจะหายตัวเข้าไปภายในอาคารศูนย์บัญชาการ
ระยะห่างระหว่างครูสกับอีธาน และ เซท ค่อยๆ แคบลงเรื่อยๆ จนเหลือเพียงไม่ถึงห้าเมตร ซึ่งตอนนั้นเองที่เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวมาจากทางด้านล่าง พื้นที่ยืนอยู่สะเทือนอย่างรุนแรงจนเกิดรอยแยกขนาดใหญ่
เซทขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่การโจมตีของฝ่ายเซ็นโทรแน่นอน กองกำลังที่เขานำมาถูกเรียกขึ้นมาประจำตำแหน่งหมดแล้ว และหากไม่มีคำสั่งก็จะไม่มีทางเริ่มโจมตี แถมแรงระเบิดขนาดใหญ่นี้เกิดมาจากทางด้านล่าง ...ไอ้คนพวกนี้กำลังวางแผนอะไรอยู่
“บ้าจริง!” ร่างสูงใหญ่ของเซทรีบตรงเข้าไปหาอีธานกับครูส แต่...ช้าไปก้าวหนึ่ง
เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นพร้อมกับยานพาหนะคันหนึ่งเล่นปราดเข้ามาขวางหน้า มอเตอร์ไซค์รูปทรงปราดเปรียวสีดำสนิท โครงที่ครอบอยู่เป็นกระจกแบบพิเศษปิดทั้งคัน คนขับสวมแว่นตาปิดบังใบหน้า เห็นเพียงเส้นผมสีทองยาวสยาย ยังไม่ทันที่จะจอดสนิทดี กระจกก็เปิดออกพร้อมกับร่างของอีธานถูกกระชากให้ขึ้นไปบนมอเตอร์ไซค์คันนั้น
อันที่จริงจะเรียกว่าเป็นการฉุดกระชากก็ไม่ถูกนัก เพราะเซทเห็นว่าตัวอีธานจะไม่ได้ต่อต้านอะไร
ไอ้หมอนี่...หรือว่า?!
“สะกัดมันไว้” เซทรีบตะโกนออกคำสั่ง โดยที่มือของเขาก็คว้าปืนออกมายิงออกไปอย่างรวดเร็ว กระจกที่หุ้มตัวรถเกิดรอยร้าวเพียงเล็กน้อย แต่ชัดเจนว่ามันแข็งแกร่งในระดับที่กระสุนธรรมดาเจาะไม่เข้า แต่หากใช้อาวุธนักคนข้างในก็คงจะพลอยไม่รอดไปด้วยแน่
เสียงระเบิดจากใต้พื้นที่ยืนอยู่ดังขึ้นอีกหน คราวนี้เกิดรอยแยกใหญ่กว่าเดิม โครงสร้างโดยรวมทั้งหมดสั่นสะเทือนรุนแรง บ่งบอกว่าที่นี่กำลังจะถล่มในไม่ช้า เซทต้องจบเรื่องนี้ลงในเร็วที่สุด
มอเตอร์ไซค์สีดำแล่นอย่างรวดเร็ว มันมุ่งไปอีกด้านพร้อมๆ กับห่ากระสุนที่ตามไล่ล่าราวกับเงา
ที่นี่เป็นพื้นที่ปิด ยังไงก็ไปไหนไม่รอด ...เซทคิด พร้อมกันนั้นยานพาหนะคันเพรียวก็ทำในสิ่งที่คิดไม่ถึง มันหันหัวกลับมา พุ่งเข้าใส่กลุ่มกองกำลังที่กำลังโจมตีอยู่ เซทเบิกตากว้างขึ้น ความเร็วของเครื่องยนต์ที่ถูกเร่งแบบสูงสุด เกิดควันสีขาวฟุ้งในอากาศ ก่อนส่วนหน้าตัวรถจะลอยขึ้นจากพื้น ล้อของมันประทะเข้ากับตัวของรถถังที่จอดขวางทางอยู่ และไต่ผ่านไปราวกับว่าเป็นภูเขาวิบาก
พื้นที่ปิด? ...ไม่ใช่! ที่นี่ยังมีทางออก เป็นทางออกขนาดใหญ่ที่เซทบุกทะลวงมันมากับมือ!
เซทกำหมัดแน่น เขาได้แต่ยืนมองยานพาหนะสองล้อพุ่งทยานไปตามทางที่สูงชันราวกับหน้าผา มองดูตัวประกันถูกชิงไปแบบต่อหน้าต่อตา
“เวรเอ๊ย!”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สำเร็จๆๆ