ตอนที่ 37 : ปลายกระบอกปืน
ภาพตรงหน้าของอีธานพร่ามัวไปด้วยฝุ่นควัน การได้ยินถูกกลบไปด้วยเสียงปืน ระเบิด และการสู้รบประทะกัน อาวุธของฝ่ายครูส ไม่ธรรมดาอย่างที่คาดเอาไว้ จรวดต่อสู้ทำลายรถถังถูกยิงเข้าใส่ฝ่ายผู้บุกรุกราวกับห่าฝน รถถังสองคันที่อยู่หน้าสุดและเป็นเป้าโจมตียิงจนลอยจากพื้นแล้วพลิกคว่ำ ส่วนอีกคันก็ระเบิดจนไฟลุกท่วม แบบที่ไม่เคยมีอาวุธใดทำได้มาก่อน
แต่...เซ็นโทรไม่ได้ส่งรถถังมาแค่คันเดียว แม้จะโดนทำลายไปสองคันเซทก็ยังสั่งให้บุกทะลวงเข้าไปตามแผนเดิม เพียงไม่นานรถถังติดอาวุธพิเศษของเซ็นโทรก็เริ่มยึดครองจุดหลักของถนน และเริ่มตั้งป้อมโจมตีอย่างจริงจัง กระสุนปืนกลและขีปนาวุธขนาดเล็กถูกยิงเข้าถล่มอาคารใต้ดิน ตามมาด้วยกองกำลังพิเศษที่เหมือนฝูงมดเริ่มกระจายกำลังบุกเข้าไปโจมตีจากด้านใน แรงประทะทำลายล้างส่งผลให้พื้นดินแตกร้าว โครงสร้างทั้งหมดสั่นสะเทือนอย่างหนัก บ่งบอกว่าชุมชนอาจจะพังถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ
ทุกอย่างรวดเร็วซะจนอีธานตั้งตัวไม่ติด
สะเก็ดระเบิดพร้อมกับเศษซากอาคารปลิวเข้าใส่อีธาน จีแอลไม่เห็นทีท่าว่าชายหนุ่มจะหลบจึงได้กระชากตัวไปอีกด้านหนึ่ง ให้พ้นจากแรงระเบิด
“ปล่อย!” อีธานกระชากแขนอีกฝ่ายออก
“อยากตายหรือไง?!” จีแอลว่ากลับ “หยุดทำตัวโง่ๆ ได้แล้ว...ตามฉันมาทางนี้!”
“ไปไหน?”
“ออกจากที่นี่น่ะสิ จะรอให้มันถล่มมาทับหรือยังไงล่ะ”
“อยากไปก็ไปคนเดียว!” อีธานตอบกลับ ตั้งท่าจะวิ่งย้อนกลับไปทางเดิม
“นายตั้งใจจะทำอะไร?!” จีแอลดึงเขาเอาไว้
“ในรถถังคันหนึ่ง เซทน่าจะอยู่ข้างใน ถ้าอธิบายเหตุผลให้เข้าใจ เขาน่าจะหยุดโจมตี” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองจีแอล
“แล้วจะช่วยอะไรได้” ชายหนุ่มร่างโปร่งแทบจะทึ้งผมยาวของตัวเองด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว “ต่อให้รถถังหยุดยิง พวกของครูสจะหยุดหรือยังไง? พวกเขาหลังชนฝาและไม่มีทางยอมถูกจับแน่”
อีธานพูดตอบไม่ออก
กระสุนสองสามนัดพาดเฉี่ยวมาทางที่พวกเขาทั้งคู่ยืนอยู่ทำให้ต้องหมอบต่ำลงกับพื้น ร่างของอีธานคร่อมอยู่บนตัวของจีแอล ในระยะห่างไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือดวงตาสีเงินคู่สวยกำลังจ้องมองเขานิ่ง
“อีธาน...ตอนนี้นายทำอะไรไม่ได้หรอก ตัดใจซะ” น้ำเสียงที่กล่าวออกมาจริงจังชัดเจน “ชุมชนที่นี่หายไป จะเป็นผลดีกับชนเผ่าของนายมากกว่า คิดดูให้ดีๆ”
อีธานบดกรามของตัวเอง นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ฉันจะไม่ตัดใจ ถ้ายังไม่พยายามถึงที่สุด ตอบมาว่านายใช้เส้นทางไหนเข้าออกที่นี่?”
“ชุมชนใต้ดินย่อมจะมีทางเข้าออกฉุกเฉินกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิดอยู่แล้ว” จีแอลตอบขณะที่ถูกร่างสูงฉุดขึ้นจากพื้น “ให้หนีไปแค่ไม่กี่คนคงไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะให้อพยพออกไปทั้งหมดคราวเดียว นายคิดว่ากองกำลังของเซ็นโทรที่เฝ้าอยู่บนพื้นดินจะตรวจตราไม่เจองั้นเหรอ? ครูสเองก็คงรู้ว่าจะมาอพยพเอาตอนนี้ก็สายเกินไป ถึงได้เริ่มโจมตีแบบสู้ตายไงล่ะ”
“ยังไงก็ไม่มีทางอื่นที่ดีกว่านี้ ถึงจะเสี่ยง แต่ก็ยังดีกว่าถูกถล่มตายกันหมดที่นี่นั่นแหละ...ยังไงครูสจะต้องตัดสินใจอพยพแน่” อีธานกล่าว
“ทำไมเชื่อมั่นนัก”
“เพราะ ฉันจะไปเป็นตัวประกันให้เขา!”
จีแอลเงยหน้ามองโครงสร้างของชุมชนใต้ดิน เขาประเมินมันด้วยสายตา ก่อนจะหันกลับมาจ้องมองชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของดวงตาสีน้ำเงินเข้ม
“เอาแต่พูดอยู่อย่างนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น” จีแอลถอนหายใจ “ตามมาทางนี้!”
อีธานวิ่งตามจีแอลผ่านเศษซากของตัวอาคารที่ถูกถล่ม ฝีเท้าของจีแอลว่องไวมาก จนอีธานเกือบจะถามไม่ทัน ทิศทางที่นำไปก็ห่างจากกระสุนหรือสะเก็ดระเบิดแบบเฉียดฉิวทุกครั้ง แต่ไม่เคยโดนราวกับว่าเขามีเรดาห์
จีแอลเลี้ยวเข้าไปทางตรอกด้านขวา จัดการกองกำลังพิเศษของเซ็นโทรหลายคนจนสลบ ก่อนจะเข้าไปในตึกด้านหนึ่ง มุ่งหน้าลงสู่ชั้นใต้ดินที่มีสภาพน่าแตกร้าวอันเป็นผลพวงจากการยิงประทะกัน
“อาคารนี้เชื่อมส่วนล่างกับศูนย์บัญชาการ” จีแอลบอก “ถ้าเจาะทะลุกำแพงไปอีกด้าน ก็จะออกไปถึงทางออกฉุกเฉินเร็วที่สุด”
“อือ”
“ฉันจะเปิดทางนี้ให้ คงใช้เวลาไม่นาน”
อีธานไม่ได้ถามว่าจีแอลจะใช้วิธีไหน แต่ในเมื่อเจ้าตัวบอกว่าทำได้ เขาก็ไม่สงสัยในจุดนั้น
“ฉันจะไปหาครูส” อีธานพยักหน้าครั้งหนึ่ง ในจังหวะที่กำลังจะก้าวเท้า เขาก็ถูกจีแอลคว้าไหล่และดันจนชิดกำแพง
จีแอลเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ ดวงตาสีเงินคู่สวยหรี่ลงขณะที่จ้องเข้ามาในดวงตาของอีธาน
“นายตายไม่ได้นะรู้ไหม?”
“ฉันรู้” อีธานใช้ปลายนิ้วแตะที่หางตาของอีกฝ่าย “ฉันจะตายโดยที่ยังมีเรื่องค้างคาใจ มีสิ่งที่รอให้สะสางมากมายแบบนี้ไม่ได้ ฉันไม่มีนิสัยเห็นแก่ตัวอย่างนั้น”
จีแอลยิ้มที่มุมปาก “นายตายทั้งที่ยังติดหนี้มากมายกับฉันไม่ได้ตังหาก นายค้างหนี้ฉันตั้งไม่รู้กี่หนแล้ว”
“จำไม่เห็นจะได้” อีธานตอบกลับ
“ฉันล่ะ อยากจะทวนความจำนายซะตอนนี้เลยจริงๆ” จีแอลเดาะลิ้น เล่นเอาคนฟังรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้ ...แต่ครั้งนี้ฉันยอมรับว่าเป็นหนี้นาย”
“ก็ได้” จีแอลจุมพิษที่ริมฝีปากของอีธานเบาๆ “รีบไปรีบมา...ที่รัก!”
อีธานออกวิ่งอีกครั้ง ในหัวเขาเต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่แน่ใจว่าทำไมจีแอลถึงยอมช่วย ต่อให้เป็นเพราะถูกขอร้องแต่ด้วยนิสัยอย่างจีแอลจะไม่ทำก็ได้ แค่จับอีธานบังคับให้ออกไปจากที่นี่เหมือนกับที่ผ่านๆ มาก็คงไม่ยาก
เหตุผลของจีแอลยังคงคลุมเคลือ ในขณะที่เหตุผลของอีธานชัดเจนอยู่ในใจ ...เขาไม่อยากให้มีใครตายมากไปกว่านี้ การตายไม่ช่วยอะไรเลย มันเป็นการสูญเสียที่เปล่าประโยชน์
อุโมงค์ทางเชื่อมนำอีธานกลับเข้าไปในศูนย์บัญชาการอีกครั้ง ดูเหมือนเซทจะรู้ฐานที่มั่นของครูสแล้ว การโจมตีจึงโหมกระหน่ำลงมาที่นี่แบบต่อเนื่อง ทุกครั้งที่มีแรงระเบิดโครงสร้างอาคารจะสั่นสะเสือนราวกับจะปริแยก อีธานมองความวุ่นวายโกลาหลภายในนั้นด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เหล่าเลือดสีแดงซึ่งเป็นหน่วยซุ่มโจมตีได้รับบาดเจ็บถูกลำเลียงเข้ามาอย่างต่อเนื่องและมีจำนวนมากกว่าที่คิดเอาไว้ เสียงระเบิดสั่นสะเทือนแก้วหู ส่วนเรื่องร้องด้วยความเจ็บปวดก็สั่นสะเทือนเข้าไปในใจ ผู้หญิงที่เป็นฝ่ายให้การปฐมพยาบาลทำงานกันอย่างหนัก ถึงอย่างนั้นก็ยังห้ามไม่ให้โลหิตที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวย้อมพื้นจนนองไปหมดได้
เมื่ออีธานก้าวเท้าเข้าไป สายตาเกือบทุกคู่ก็หันมามอง มันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ชวนให้เจ็บปวดราวกับลูกธนูที่พุ่งเข้าใส่อีธาน
ไหล่อีธานถูกคว้าจากด้านหลัง เมื่อหันไปก็เจอเข้ากับหมัดอันหนักหน่วงที่เหวี่ยงเข้าใส่ อีธานล้มลงไปกองกับพื้น ใบหน้าซีกซ้ายทั้งเจ็บทั้งชา รับรู้ถึงรสเลือดที่อยู่ในปาก เรี่ยวแรงอันน่าทึ่งนี้เขาจำได้ดีเพราะเคยสัมผัสมาก่อน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นร่างสูงใหญ่ของคนตรงหน้า และดวงตาสีแดงเข้มจัด
“แกเรียกพวกมันมาสินะ!” จัสตินว่า
อีธานไม่ได้โต้แย้งคำกล่าวหานั้น เพราะรู้ว่าพูดไปก็คงไม่มีประโยชน์
“ฉันจะคุยกับครูส”
“ไม่จำเป็น ยังไงแกก็จะตายตรงนี้อยู่แล้ว” จัสตินชักปืนออกมา เล็งเป้ามาที่ศีรษะของอีธาน
“ถอยไปจัสติน!” ครูสก้าวเท้าออกมา ดันร่างสูงใหญ่ให้ออกไปจากตรงหน้า พร้อมกับปืนในมือที่ถูกจับให้ลดวิถีลง
อีธานลุกขึ้นยืน ใช้กำปั้นเช็ดมุมปากที่มีเลือดสีน้ำเงินไหลซึมออกมา
“นายกลับเข้ามาในนี้ทำไม ในเมื่อออกไปจนเจอกับกองกำลังที่บุกมาแล้ว ป่านนี้น่าจะกำลังมีคนคุ้มกันหลายสิบคนพากลับเซ็นโทรด้วยซ้ำ” ครูสถาม
เหตุการณ์ที่พูดมาทำให้อีธานนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองเพิ่งจะถูกพวกของครูสระดมยิงเข้าใส่ ถ้าจีแอลไม่มาช่วยก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้
“นายต้องอพยพตอนนี้” อีธานกล่าว
“จะให้ออกไปโดนจับงั้นเหรอ? ถ้าต้องถูกจับไปทรมานสู้ตายซะที่นี่ไม่ดีกว่าหรือไง” ครูสพูด
อีธานไม่ตอบเรื่องนั้น เพราะเขาเองก็รับประกันไม่ได้เรื่องที่ทุกคนจะออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย ความเสี่ยงมีมากมายเกินไป แต่เปอร์เซ็นต์การรอดนั้นมีมากกว่าการยึดฐานที่มั่นและสู้อยู่ตรงนี้แน่
“ฉันจะเป็นตัวประกันให้” อีธานว่า
“ทำไม?”
“ไม่มีเหตุผลมากไปกว่า การที่ฉันไม่อยากให้พวกนายตายกันหมด”
ครูสย่นหัวคิ้ว ขณะเพ่งมองอีธานราวกับกำลังมองสิ่งที่แปลกประหลาด
“พาทุกคนไปที่อุโมงค์เชื่อมระหว่างอาคาร ที่นั่นมีคนเปิดช่องทางเพื่อไปยังทางออกฉุกเฉินไว้แล้ว ...ส่วนนายกับพรรคพวกจำนวนหนึ่งจับตัวฉันไปยื่นข้อตกลงกับกองกำลังด้านนอก ยื่นข้อเสนอเจรจากับหัวหน้ากองที่ชื่อ เซท”
อีธานมองไปรอบตัว สายตาที่มองเขายังเต็มไปด้วยข้อกังขา ไร้ซึ่งความเป็นมิตรอย่างสิ้นเชิง แต่อีธานไม่คิดจะโทษคนพวกนี้หรอก
“ถ้าคนที่ชื่อเซท ไม่ยอมรับเงื่อนไขล่ะ?”
มีความเป็นไปได้เช่นกันที่ผลจะออกมาเป็นอย่างนั้น เซท ได้ชื่อว่าเป็นชายที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดเสมอ เป็นคนตรงไปตรงมา เมื่อรับคำสั่งแล้วก็พร้อมจะทำหน้าที่เต็มกำลังโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด
“ฉันเองก็รับปากไม่ได้หรอกว่ามันจะเป็นไปตามแผนทั้งหมด แต่ตอนนี้ไม่มีทางออกอื่น”
“เชื่อใจหมอนี่ไม่ได้หรอกนะ! มันอาจจะมีแผนล่อให้เราออกไปติดกับก็ได้” เสียงทักท้วงดังระงม
“เงียบก่อน!” ครูสหยุดความโกลาหล หันไปกล่าวกับพรรคพวก “เขาจะใช้แผนการหลอกล่อไปทำไม ในเมื่อสามารถบุกเข้ามาจัดการเราได้อยู่แล้ว”
เพราะนั่นเป็นความจริง คนที่ค้านจึงคิดข้อแย้งไม่ออก
“จัสติน...นายรวมคนช่วยเคลื่อนย้ายคนเจ็บกับผู้หญิงไปตามที่หมอนี่ว่า” ชายผู้นำเลือดสีแดงหันไปสั่งการ “คนอื่นๆ ไปจัดการทำลายระบบทั้งหมดของที่นี่ เสร็จแล้วก็รีบตามไปสมทบกับพวกจัสติน”
“ครูส...” เสียงหลายคนพากันเรียกเขา “แต่ที่นี่คือฐานสำคัญของเรา...”
“ไม่ว่าอยู่ไหนก็สร้างตั้งชุมชนขึ้นมาใหม่ได้ แต่ถ้าไม่มีใครรอดก็เท่ากับสูญเปล่า” อีธานเอ่ยขัดขึ้น
“จริงอย่างที่หมอนี่ว่า...รีบทำลายระบบทั้งหมดซะ อย่าให้เซ็นโทรรู้ข้อมูลสำคัญของเราไปมากกว่านี้ แล้วพอถึงทางออกขอให้แยกย้ายกันไป ไม่ต้องเหลียวหลังกลับมามอง ยังไงซะขอให้คิดแต่ว่าต้องรอดให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องมีคนที่รอดไปเพื่อสานต่อสิ่งที่เราทำที่นี่!” ครูสออกคำสั่ง น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวสมเป็นผู้นำ “ไปทำตามที่สั่งได้แล้ว!”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เทียบแล้วจีเอลก็เห็นแก่ตัว ส่วนอีธานก็โลกสวย ทั้งสองยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ