ตอนที่ 31 : แผนการโจมตี
อีธานอยู่ที่เมืองใต้ดินของเขต N มาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว
นับตั้งแต่ถูกจีแอลพาตัวออกจากเซ็นโทร ระยะเวลาทั้งหมดผ่านมาเกือบจะหนึ่งเดือนเต็ม มันทำให้อดแปลกใจไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดกองกำลังของเซ็นโทรถึงยังหาตัวเขาไม่พบ เหตุการณ์ในลานประมูลใต้ดินของวิกเตอร์ อีเลียตก็เห็นอีธานแล้ว ถ้าบอกให้สืบจากจุดนั้น น่าจะตามหาได้ไม่ยาก
...แต่จนป่านนี้ ทุกอย่างก็ยังคงเงียบ
ชายหนุ่มใช้มือลูบต้นแขนที่เคยฝังอุปกรณ์ระบุตำแหน่งเอาไว้ มันยังคงเหลือรอยแผลเป็นบาดอยู่บนผิว ...อีธานลองไตร่ตรองถึงสาเหตุที่เซ็นโทรยังหาตัวเขาไม่เจอ คาดได้อย่างเดียวก็คืออาจจะมีเรื่องสำคัญกว่าทำให้ทางนั้นต้องเบี่ยงเบนความสนใจจากการควานหาตัวเขาออกไปก่อน
ตอนนี้คิดได้แต่เพียงว่าอาจจะเกิดเรื่องฉุกเฉิน เรื่องร้ายแรงที่ต้องทุ่มเทความสนใจไปทางนั้น และนั่นมันทำให้อีธานรู้สึกหวั่นวิตกมากขึ้น เพราะมีเรื่องมากมายที่ชนเผ่าเลือดสีน้ำเงินอย่างเขาต้องเตรียมรับมือ ทั้งเรื่องที่ภายในองค์กรอาจจะมีไส้ศึก การซ่องซุ่มกำลังของครูส และสุดท้าย...ตัวตนของเลือดสีเงินที่ยังคงหลงเหลืออยู่
ทั้งหมดนี้อาจจะทำให้เซ็นโทรขาดสมดุลความมั่นคงที่มีมาตลอดอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว
นับตั้งแต่จับตัวอีธานมา จีแอลแทบจะไม่เคยปล่อยให้เขาห่างจากสายตาเลยสักครั้ง ยกเว้นแค่ตอนที่เขาหนีออกไปด้วยความช่วยเหลือของโจอี้ แต่มาตอนนี้จีแอลไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเป็นวันที่สามแล้ว บ่งบอกชัดเจนว่าจีแอลคิดว่าที่นี่เป็นสถานที่ปิดซึ่งการหนีออกไปเพียงลำพังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จึงไม่ห่วงนั่นเอง
คำพูดทิ้งท้ายไว้ของหมอนั่นก็คือ “ช่วยรออยู่เฉยๆ อย่าทำอะไรบ้าๆ เด็ดขาด”
“แล้วจะให้รอไปถึงเมื่อไหร่!” อีธานได้แต่หงุดหงิด เพราะต้องรอคำตอบที่จีแอลตกลงเอาไว้ว่าจะให้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่เฝ้าสังเกตชุมชนแห่งนี้อยู่เงียบๆ
จากที่ดู บางวันที่นี่จะคึกคักไปด้วยผู้คนราวกับเกิดการจราจลย่อมๆ แต่บางวันคนเหล่านั้นก็จะพร้อมกันหายหน้าหายตาไปหมดราวกับเมืองร้าง มีบางครั้งที่เขาเห็นเสบียงอาหารถูกขนเข้ามาจากด้านนอก ปริมาณของมันมากในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากมายไปกว่าการกักตุนสินค้าสำหรับค้าขาย การสะสมแบบค่อยเป็นค่อยไปนี้ ตรวจสอบได้ยาก
รอคนที่ไม่รู้ว่าเชื่อใจได้แค่ไหน ยังไงก็สู้หาทางหนีที่ไล่เอาไว้ก่อนดีกว่า ยิ่งหลายทางยิ่งดี
อีธานมีสองตัวเลือกในใจ นั่นก็คือ เคธี่ กับ โจอี้
เคธี่ เป็นคนเสนอความช่วยเหลือว่าจะพาเขาออกไปจากที่นี่ แม้จะไม่น่าไว้วางใจ แต่ยังไงก็นับว่าเป็นข้อเสนอที่อาจจะประสบความสำเร็จได้มากที่สุด ส่วนตัวเลือกที่สองแม้จะเป็นแค่เด็กหัวขโมยขี้โกหก อาจจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก แต่อีธานกลับไว้ใจมากกว่า เพราะอย่างน้อยโจอี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับชุมชนแห่งนี้โดยตรง
ไปหาโจอี้ก่อนก็แล้วกัน ...ทันที่ตัดสินใจจะออกไปพบกับโจอี้ บานประตูก็เปิดออก พร้อมกับร่างโปร่งของจีแอลที่ยืนขวางทางเข้าออกอยู่
“จะไปไหน?”
“สูดอากาศ” อีธานตอบทันทีด้วยท่าทางเรียบเฉย รอมาสามวันหมอนี่ก็ไม่มีทีท่าจะมา แต่ดันโผล่ตอนนี้ ...ดูราวกับว่าหมอนี่นั่งจับตาดูเขาอยู่ในใจอย่างนั้น
“บอกแล้วไงว่าอย่าเพ่นพล่านไปทั่ว”
อีธานขบกราม เขารอเฉยๆ ไม่ทำอะไรมาตลอด เพราะงั้นมันตรงข้ามกับคำว่าเพ่นพล่านไปทั่วที่โดนกล่าวหาอย่างสิ้นเชิง
จีแอลเดินผ่านเข้าไปทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงนอน ท่อนขายาวยกขึ้นเขว้กันอย่างสบายๆ แต่แววตาสีเงินปราศจากความขี้เล่นเหมือนปกติ
“เกิดอะไรขึ้น?” อีธานถาม
“มานั่งนี่ก่อน” อีกฝ่ายตบมือปุๆ ลงบนเตียงนอน
ชายหนุ่มร่างสูงทำตามอย่างไม่อิดออด
“นายนี่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซ็นโทร ดูจะว่าง่ายขึ้นเยอะเลยนะ” จีแอล
อีธานไม่อยากจะเถียงด้วย เขาเข้าเรื่องที่อยากรู้ทันที
“แผนการณ์ของครูสคืออะไร?”
“นายนี่ไม่คิดจะเป็นห่วงไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบฉันบ้างเลยเหรอ?” จีแอลบ่น
“ไม่จำเป็นนี่...เราไม่ใช่เพื่อนกันด้วยซ้ำ” อีธานตอบ
“โอ้ย...ฟังแล้วปวดใจจัง” ร่างโปร่งว่า พลางหัวเราะด้วยความรู้สึกแห้งแล้ง จนทำให้อีธานเริ่มคิดว่าตัวเองอาจจะพูดแรงเกินไปหน่อย แต่ระหว่างที่คิดจะแก้ไขคำพูดของตัวอง อีกฝ่ายก็กล่าวออกมาก่อน
“ครูส กำลังวางแผนหาพรรคพวกเลือดสีแดง” จีแอลกล่าว
“รวบรวมกำลังคน?”
“ในเมื่อเครื่องมือและอาวุธมีประสิทธิภาพสู้เลือดสีน้ำเงินไม่ได้ พวกเขาก็ตั้งใจจะสู้ด้วยกำลังคน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเซ็นโทรที่แข็งแกร่งก็สั่นสะเทือนได้เหมือนกัน ช่วงนี้จึงเกิดการก่อการร้ายในหลายๆ จุด” จีแอลว่าต่อ ท่าทางไม่สะทกสะท้านในขณะที่อีธานรู้สึกหนักอึ้งในใจ
“เป็นการแสดงตัว” อีธานพึมพำ
“ใช่”
“การทำแบบนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากมายนัก เลือดสีแดงที่อันเดอร์กราวซิตี้ ส่วนใหญ่ไม่อยากจะต่อกรกับเซ็นโทรอยู่แล้ว”
“นายประเมินทุกอย่างด้วยพื้นฐานเดิมๆ” จีแอลกล่าว “ก่อนอื่น นายรู้ไหมว่าจุดแตกหักในการต่อต้านครั้งนี้มาจากอะไร?”
อีธานขมวดคิ้วกับคำถาม
“การที่เลือดสีแดงลุกหือขึ้นต่อสู้น่ะ...จะบอกใบ้ให้ มันก็คือสิ่งที่พวกนายยึดครองเพียงลำพัง” จีแอลเหยียดยิ้มที่มุมปาก
“อิสรภาพ?”
“นั่นก็ถูก” จีแอลยกนิ้วขึ้น “แต่อีกอย่างที่พื้นฐานกว่านั้นก็คือ ...น้ำ”
“น้ำ?!” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเบิกกว้างขึ้น
“ใช่แล้ว” จีแอลหรี่ลงเล็กน้อย “น้ำ ที่พวกเลือดสีน้ำเงินยึดครองไปเกือบทั้งหมด น้ำบริสุทธิ์ ที่บ่งบอกฐานะและความต่างของชนชั้น เป็นสิ่งที่พวกนายนึกไม่ถึงใช่ไหมล่ะ?”
จริงอย่างที่จีแอลกล่าวมา น้ำเป็นปัจจัยพื้นฐาน มันบ่งบอกคุณภาพชีวิต ...และพวกเลือดสีน้ำเงินไม่เคยแบ่งปันสิ่งนี้ให้ใคร
“ไมก้า ครูส ...ทำในสิ่งที่นายนึกไม่ถึง ซึ่งมันสร้างศรัทธาอย่างแรงกล้าให้กับทั้งชนเผ่าเลือดสีแดง รวมไปถึงชนเผ่าเลือดสีขาวด้วย”
“นายหมายถึงอะไร?” อีธานถามด้วยความไม่เข้าใจ
“คิดว่าที่นี่ใช้อะไรเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานล่ะ”
“น้ำเหรอ?” อีธานตกใจกับสิ่งที่ได้ยินอย่างมาก
จีแอลหัวเราะเบาๆ “น้ำบาดาลปริมาณมากที่ปนเปื้อนสารพิษ ถูกนำมาเข้าระบบเพื่อผลิตพลังงาน และผลพวงจากกระบวนการทั้งหมดนั้นมันให้กำเนิด ความหวังอันเปี่ยมล้น นั่นก็คือ...”
อีธานกลืนน้ำลายเหนียวผืดลงคอ
“...น้ำบริสุทธิ์!”
อีธานไม่อยากจะเชื่อใจสิ่งที่ได้ยิน ไม่อยากจะเชื่อว่าการพัฒนาของชนเผ่าเลือดสีแดงจะก้าวไกลมากขนาดนี้ ลองถ้าสามารถผลิตพลังงานด้วยตัวเอง สามารถมีน้ำบริสุทธิ์ได้เหมือนกับที่เซ็นโทรมี ความเชื่อมั่นนี้ยิ่งใหญ่มากพอที่จะทำให้ทุกคนเกิดศรัทธา ...ถ้าบอกว่า ไมก้า ครูส จะใช้จุดนี้ในการรวบรวมกำลังพล ก็จะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีก
“เมื่อไหร่?...พวกเขามีกำหนดการลงมือโจมตีเมื่อไหร่”
“ยังไม่แน่นอน” จีแอลตอบมาแค่นั้น
อีธานไม่แน่ใจว่าจีแอลไม่รู้จริงๆ หรือแค่ไม่ยอมบอกกันแน่ แต่ต่อให้ไม่บอก อีธานก็คาดการณ์ได้ว่าการโจมตีเซ็นโทรน่าจะอยู่ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ...อีธานต้องออกไปจากที่นี่ ต้องกลับไปเพื่อแจ้งข่าวนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อหาทางป้องกัน
“เราตกลงกันแค่เรื่องนี้นะอีธาน ฉันแค่บอกข่าวให้นายรู้...เท่านั้น” จีแอลกล่าว ราวกับจะรู้ว่าอีธานคิดอะไรอยู่
“พาฉันออกไป!”
“ไม่มีทาง” จีแอลส่ายหน้า “จะให้ปล่อยนายไปแจ้งข่าวพรรคพวก เพื่อส่งคนมาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชุมชนนี้งั้นเหรอ?”
“ฉันไม่ทำอย่างนั้นแน่! แต่ฉันจะต้องป้องกันการเกิดสงคราม การประทะกันมีแต่การสูญเสียเท่านั้น อีกอย่างต่อให้ที่นี่ผลิตพลังงานได้ แต่ก็ยังขาดเทคโนโลยีทันสมัยอีกมาก ไม่มีทางที่กำลังคนจะต่อกรกับยุทโธปกรณ์ของเซ็นโทรได้หรอก”
“จะบอกว่าแค่ให้นายกลับไปจะหยุดการทำสงครามได้งั้นเหรอ?...มันไม่มีทางหรอก” ชายหนุ่มผมยาวมองหน้าอีธานก่อนจะหัวเราะออกมา “ต่อให้นายไม่ แต่พ่อนายก็จะทำ คนของนายก็จะทำ ...ถ้าพวกเขารู้แผนการณ์ รู้เรื่องของที่นี่ พวกเขาจะต้องยกกองทัพมาทำลายล้างแน่นอน ต่อให้นายยืนขวางกระบอกปืนเอาไว้ก็เถอะ”
จริงอย่างที่หมอนี่ว่าทุกคำ
“ฉันทำได้ดีกว่าการยืนขวางกระบอกปืนแน่นอน”
“ยังไงล่ะ? นายจะหยุดการมันยังไง?”
“ยังไม่รู้...แต่ว่าฉันจะไม่อยู่เฉยๆ รอดูให้มันเกิดขึ้นหรอก!”
จีแอลถอนหายใจ ไม่พูดอะไรตอบกลับมาอีก
อีธานกำหมัดแน่น หัวสมองเหมือนมีเกลียวคลื่นตีวนด้วยความสับสน เขาจ้องมองร่างโปร่ง ดวงตาสีเงินที่เรียบเฉยเหมือนทุกสิ่งที่กล่าวมาไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองสักนิด ดูราวกับจีแอลไม่สนใจจริงๆ ว่าใครจะอยู่หรือจะตาย
“ถ้าฉันตกลงล่ะ?”
จีแอลขมวดคิ้ว กับสิ่งที่ได้ยิน
“ถ้าฉันยอมทำนายตามที่ต้องการล่ะ จะยอมปล่อยฉันไปหรือเปล่า?”
ริมฝีปากได้รูปคลี่รอยยิ้มบางๆ “นายจะสื่อถึงเรื่องอะไร อีธาน?”
ชายหนุ่มกัดฟันกรอดก่อนจะกล่าว
“ถ้าฉันยอม เอา นายล่ะ ...จะปล่อยฉันไปไหม!?”
ดวงตาสีเงินหันมาจ้องตาอีธานนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
“ดูเหมือนฉันจะประเมินความทะนงตัวของนายสูงไปหน่อย” จีแอลยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ทำให้อีธานรู้สึกอึดอัดในอก “ก็ได้ที่รัก...ถ้านายทำให้ฉันพึงพอใจได้ล่ะก็ ฉันจะยอมพานายกลับเซ็นโทร...สักครั้ง”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

.... เฮ้อออออ
อ่านตอนนี้...จีแอลแม๊นแมน เหมือนตัวเองไม่เสียหายอะไรแล้ว ถถถ