ตอนที่ 26 : แผนการโจมตี
อีเลียต ยืนมองตัวเองบนผนังห้องโถงที่เป็นกระจกใสโปร่งแสง และเห็นชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีฟ้าสดจ้องกลับมา
หลายหนเขาก็นึกหงุดหงิดที่ได้เห็นสีตาตัวเอง เขาน่าจะมีตาสีน้ำเงินเข้มมากกว่าจะมีสีแบบนี้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นการติดต่อขอพบพ่อแท้ๆ ของตัวเองอาจจะไม่ต้องเสียเวลารอเป็นชั่วโมงๆ อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้
น่าโมโห...
แม้อีเลียตจะมีรูปร่างไม่สูงใหญ่เท่าอีธาน แต่ด้านสติปัญญาเขาคิดว่าตัวเองก็ไม่ด้อยไปกว่าพี่ชายแน่นอน แถมยังสามารถจัดการเรื่องต่างๆ ได้เด็ดขาดกว่าด้วยซ้ำ เพราะจิตสำนึกความเห็นอกเห็นใจในตัวเขามันตายด้านไปนานแล้ว
แต่คนที่ถูกเลือก ก็เป็นอีธานที่อายุห่างแค่สองปีเสมอ
อีธานเป็นลูกรัก ทำอะไรก็ได้รับคำชื่นชม ในขณะที่เขาเป็นได้แค่ลูกที่ไม่มีใครสนใจ เหมือนติดป้ายห้อยคอไว้ว่า พร้อมจะก่อเรื่องสร้างปัญหา
แน่นอนว่าความรู้สึกตอนที่ยังอายุน้อยกว่านี้คือความอิจฉาในตัวพี่ชาย แต่ตอนนี้อีเลียตไม่แยแสมันแล้ว แถมคิดว่าก็ดีเหมือนกันที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องยุ่งยากของสภาเมือง เพราะเขาก็เกลียดขี้หน้าพวกคนแก่หัวโบราณกระจุกตัวกันอยู่ในห้องประชุมนั้นเหมือนกัน
“โอ้...ไม่นึกว่าจะเจอคุณที่นี่” เสียงที่เอ่ยขึ้น ทำให้อีเลียตเหลือบตามอง
ชายในชุดสูทสีดำอายุประมาณปลายสามสิบ ก้าวผ่านประตูเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่กองกำลังเซ็นโทรขนาบข้าง เขามีรูปร่างสูง ผมตัดสั้นเรียบร้อยเสยส่วนหน้าไปด้านหลัง โครงหน้ายาวที่ดูชัดเจนคมเข้ม เคราที่คางและบริเวณริมฝีปากตัดแต่งอย่างดี มีดวงตาสีแดงเข้มจนเกือบดำ และมีไฝเม็ดเล็กๆ ที่ใต้ตาขวาเป็นจุดดึงดูดสายตา
คนเอ่ยทักส่งยิ้มมาให้...หมอนี่คือ วิกเตอร์ ที่ใครๆ เรียกกัน
“ส่งผมแค่นี้ก็ได้ครับคุณเจ้าหน้าที่” วิกเตอร์หันไปกล่าวกับคนที่อยู่ข้างๆ ด้วยท่าทางนอบน้อม
เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นชายเลือดน้ำเงินสองคนมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินย้อนกลับไปทางเดิม และบานประตูอัตโนมัติของห้องปิดกลับลงมาอีกครั้ง ภายในห้องโถงสำหรับรับรองแขกจึงเหลือแค่อีเลียตกับวิกเตอร์
วิกเตอร์เป็นหนึ่งในเลือดสีแดงเพียงไม่กี่คนที่ได้รับสิทธิให้ผ่านเข้าออกเซ็นโทรได้ตลอดเวลา เป็นคนที่มีอิทธิผลกว้างขวางในอันเดอร์กราวซิตี้ พอมีเหตุการณ์สำคัญอะไรเลยมักจะถูกตามตัวมาขอความร่วมมือด้านข่าวสาร เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่ถูกเรียกตัวมาเรื่องผู้ก่อการร้าย อยู่ที่นี่ติดต่อกันมาหลายวัน
“เรื่องเมื่อวานคงทำให้คุณลำบากไปบ้าง กลับไปผมจะสั่งสอนลูกน้องให้หนักๆ เป็นการลงโทษ” วิกเตอร์กล่าว พร้อมด้วยรอยยิ้ม
ดูท่าหมอนี่รู้เรื่องความวุ่นวายที่ลานประมูลเถื่อนของตัวเองแล้ว อาคารส่วนใต้ดินข้าวของอุปกรณ์ต่างๆ เสียหายไม่น้อย แถมลูกน้องคนสำคัญคนหนึ่งของเขาก็โดนยิงตายไปด้วย แต่นั่นมันยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่สุด...อีเลียตอยากรู้นักว่าถ้าวิกเตอร์ได้รู้ว่าในลานประมูลทาสของตัวเอง ดันมีเลือดสีน้ำเงินคนสำคัญอยู่ในฐานะทาส จะยังเหยียดยิ้มประจบสอพลอที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวได้อยู่หรือเปล่า
...เรื่องนี้สามารถทำให้วิกเตอร์จบทุกอย่างที่สร้างมากับมือลงได้ง่ายๆ เลยทีเดียว
วิกเตอร์ยังคงยิ้ม ก้าวเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้น “แม้ว่าคุณอีเลียตคงไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ แต่รับรองว่าครั้งหน้าเราจะไม่ให้มีเรื่องผิดพลาดขึ้นอีกแน่นอน”
ดวงตาสีฟ้าสดชำเลืองมองไปยังอีกฝ่าย “ยังคิดว่าจะมีครั้งหน้าได้อีกหรือไง?”
“คิดสิครับ...ไม่ว่าใครก็ชอบความสนุกสนาน ผมแค่จัดความบันเทิงตามที่พวกชนชั้นสูงต้องการเท่านั้นเอง” วิกเตอร์วางมือลงบนเอวของอีเลียต ก้มศีรษะลงมาเล็กน้อย “ว่าแต่ ของขวัญที่ผมส่งไปให้เมื่อคราวก่อน ใช้การไม่ได้แล้วหรือครับ คุณถึงต้องไปที่ลานประมูลเอง”
อีเลียตปัดมือของอีกฝ่ายทิ้ง
“มันเรื่องของฉัน!” เขาตอบ “แล้วต่อไปถ้าฉันไม่ได้บอก ไม่ต้องส่งอะไรมาอีก!”
วิกเตอร์หัวเราะเบาๆ “ถ้าไม่ชอบขนาดนั้น จะคืนมาก็ได้นะครับ ผมรับคืนทั้งนั้นล่ะ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหน”
“...!” อีเลียตผลักอกอีกฝ่าย ดวงตาสีฟ้าสดบ่งบอกความโกรธเกรี้ยวชัดเจนแบบไม่ปิดบัง
“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าครับ?” น้ำเสียงทุ้มกล่าวขึ้น ทำให้ทั้งสองคนในห้องหันไปมอง
โจเซฟก้าวเท้า เขาอายุประมาณสี่สิบต้นๆ รูปร่างไม่สูงนักแต่ก็ดูสมส่วนปราดเปรียว ตัดผมสั้นเกรียนโครงหน้าดูธรรมดา ดวงตาเล็กมีสีออกน้ำเงินอ่อนม่นๆ แต่งกายเรียบร้อยหัวจรดเท้าด้วยเสื้อผ้าโทนสีเข้ม
วิกเตอร์ถอยเท้าไปด้านหลังห่างจากร่างของอีเลียตอย่างรวดเร็ว
“เปล่าหรอกครับ ผมแค่ทักทายคุณอีเลียตก็เท่านั้น”
“หรือครับ?” โจเซฟหันไปถาม
อีเลียตส่งเสียงตอบรับในลำคอ “ไม่มีอะไรหรอก”
“งั้นผมขอตัวก่อนดีกว่า” วิกเตอร์กล่าวลาด้วยรอยยิ้มและท่าทางนอบน้อม ...เรียกว่าเสแสร้งได้เป็นปกติซะจนน่าทึ่ง
หลังวิกเตอร์ออกไปแล้ว โจเซฟยังคงถามต่อ “หมอนั่นไม่ได้กวนใจคุณใช่ไหมครับ?”
“ไม่มีอะไรกวนใจฉันไปมากกว่าการต้องรออยู่แบบนี้หรอก...พ่ออยู่ไหน?”
“ท่านติดงานครับ ตอนนี้คงปลีกตัวมาไม่ได้”
“แม้ว่าเรื่องที่ฉันจะบอกจะสำคัญแค่ไหน ก็ไม่สนใจหรือไง?”
“คงต้องให้คุณอีเลียตบอกผมแทนนะครับ แล้วผมจะไปเรียนท่านให้”
อีเลียตเหลือบตามองเพดาน หัวเราะออกมาครั้งหนึ่งด้วยท่าทางเหลืออดและสมเพชตัวเอง
“ไปบอกเขาว่าฉันเจอตัว...”
“เจอ...อะไรนะครับ?” โจเซฟย้อนถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปกลางคัน
อีเลียตมองผ่านคนถามไปด้านหลัง มองเห็นภาพสะท้อนของตัวเองกำลังจ้องมองกลับมา ด้วยดวงตาสีฟ้าสดที่ดูเย็นเยียบไม่ต่างจากน้ำแข็ง
“เปล่า” อีเลียตตอบ
“คุณอีเลียต?”
“ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร” ชายหนุ่มหมุนตัวกลับ และก้าวเท้าออกไปจากห้องทั้งอย่างนั้น
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์จ้า