ตอนที่ 2 : ลักพาตัว
อีธาน ยืนมองผู้คนจำนวนมหาศาลอยู่บนระเบียงสูง ทั้งหมดกำลังก้าวเท้าเข้าสู่ลานกว้างของตัวอาคารสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่และโอ่อ่า อันเป็นสถานที่จัดประชุมของคณะกรรมการบริหารแห่งมหานคร หรือเรียกอีกอย่างว่าการประชุมของชนเผ่าเลือดสีน้ำเงิน...ประชากรขั้นสูงของเมือง
ชนเผ่าเลือดสีน้ำเงิน มีจำนวนประมาณแค่หนึ่งในสี่ของประชากรทั้งหมด แต่ด้วยการร่างกายที่แข็งแรง และสมองอันชาญฉลาด จึงก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำและทำการปกครองทุกสิ่ง ชนเผ่าเลือดสีแดงที่มีจำนวนมากที่สุดถูกกีกกันกลายเป็นชนชั้นแรงงานโดดกดขี่ไปโดยปริยาย มีเพียงไม่กี่คนที่จะยืนยัดขึ้นมาอยู่ในระดับชนชั้นปกครองได้ นอกจากนั้นยังมีกลุ่มเลือดสีขาวซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ด้านเหนือสุดของมหานคร เป็นกลุ่มเล็กๆ ที่มีสมาชิกเพียงไม่กี่พันคน ยึดมั่นในศาสนาและแทบไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนภายนอก
อีธาน ...เป็นชนเผ่าเลือดสีน้ำเงินเข้มข้น ทั้งที่อย่างนั้นแต่เขากลับไม่ชอบเข้าร่วมงานแบบนี้สักเท่าไหร่ ทุกครั้งเวลามองสายน้ำสะอาดบริสุทธิ์ไหลรินผ่านกลางตัวอาคารอันเป็นศูนย์กลางการบริหาร เขาจะนึกละอายแก่ใจ
หลังจากสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์เมื่อหลายสิบปีก่อน การต่อสู้ยาวนานหลายปีที่สิ้นสุดโดยชนเผ่าเลือดสีน้ำเงินได้รับชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พวกเขากดอีกฝ่ายให้เป็นเพียงชนชั้นแรงงานที่ต้องขึ้นทะเบียนตรงต่อสภาเมือง สร้างกำแพงสูงเพื่อกีดกั้นแบ่งชนชั้นของสังคม เมืองที่เสียหายจากการสู้รบกลายเป็นที่อยู่อาศัยแสนเสื่อมโทรม แสงอาทิตย์สาดส่องลงไปแทบไม่ถึงเพราะโดนบดบังด้วยตัวอาคารสูงเสียดฟ้า
ผู้คนส่วนใหญ่นอกกำแพงไม่มีแม้กระทั่งน้ำบริสุทธิ์ให้ดื่ม ราคาของมันแพงริบแทบได้กับทองคำ ชนเผ่าเลือดสีแดงทั้งหมดอยู่ได้ด้วยน้ำใต้ดินที่เต็มไปด้วยกากตะกอนและสารพิษตกค้างจากสารเคมีที่ถูกใช้ในสงคราม มันปนเปื้อนจนต่อให้ผ่านกระบวนการกรองหลายต่อหลายชั้นก็ยังกำจัดได้ไม่หมด พื้นดินพังทลาย สายน้ำเหือดแห้ง กระทั่งแสงอาทิตย์ก็ยังถูกแย่งชิงไปจนเกือบหมด
อีธานเป็นชายหนุ่ม วัยยี่สิบห้าปี รูปร่างสูงสง่า คิ้วเข้มรับกับดวงตาคมกริบสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าพันธุ์อันทรงเกียรติ เส้นผมสีดำสนิทตัดสั้น เขาได้รับการฝึกฝนและขัดเกลามาเป็นอย่างดีทั้งศาสตร์ความรู้แขนงต่างๆ รวมถึงบุคลิกการวางตัว เพราะถูกจับตามองในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำชนเผ่าเลือดสีน้ำเงินต่อจากผู้เป็นพ่อในอนาคตข้างหน้า
อีธานไม่อยากยุ่งกับเรื่องการเมือง แต่ถ้าเขาปฏิเสธก็ไม่อยากจะนึกถึงสิ่งเลวร้ายยิ่งกว่า ที่จะเกิดกับชนเผ่าเลือดสีแดงและสีขาว หากน้องชายที่อ่อนกว่าหนึ่งปีอย่าง อีเลียต ...จะกลายเป็นคนที่ถูกเลือกแทน
อีเลียต เกลียดคนพวกนั้นเข้ากระดูก... แต่อีธานก็ไม่อยากโทษว่าเป็นความผิดของน้องชาย เหตุการณ์บางอย่างก็สร้างความปวดร้าวจนต่อให้ผ่านเวลาไปนานแค่ไหนก็ไม่จางหายราวกับรอยแผลเป็น หากตัดความโกรธเกลียดในเรื่องนี้ออกไป น้องชายเขาก็ยังจัดว่าเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยม มีหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวจัด ตัดกับดวงตาสีฟ้าสด โดดเด่นราวกับภาพวาดด้วยเส้นผมสีน้ำตาลแดงส่องประกาย
อีธานหันไปเห็นหญิงสาวกลุ่มหนึ่งในชุดสวยงามเดินเฉิดฉาย หัวเราะต่อกระซิกพลางเงยหน้าขึ้นมามองเขา ไม่ใช่ว่าไม่ชอบที่เป็นที่นิยมแต่บางครั้งมันก็น่าเบื่อ เขาจึงตัดสินใจเดินย้อนกลับเข้าไปในตัวอาคาร นึกอยากให้การประชุมครั้งนี้เสร็จสิ้นไปโดยเร็ว
ตัวอาคารทาสีขาวสว่าง เป็นศูนย์บัญชาการอันศักดิ์สิทธ์ ที่เหล่าเลือดสีน้ำเงินภาคภูมิใจ
“คุณอีธานครับ” เสียงแหบๆ ดังขึ้นเบื้องหลัง ทำให้ร่างสูงหันไปมอง
“มีอะไร โจเซฟ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วถาม
“มีข่าวด่วนมาว่า ...งานประชุมวันนี้ จะมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเข้ามา แถมพุ่งเป้ามาที่คณะสภาเมืองด้วยครับ” ชายร่างเล็กวัยกลางคนเอ่ยตอบ
โจเซฟมีรูปร่างที่ตรงกันข้ามกับฝีมือทางการต่อสู้ เขาเป็นแข็งแกร่งอันดับต้นๆ ของเหล่าเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์นคร เวลานี้รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยกึ่งๆ บอร์ดี้การ์ดให้กับอีธาน
“ผู้ก่อการร้าย?” อีธานพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “พ่อรู้หรือยัง?”
“ผมให้คนไปรายงานแล้วครับ”
“อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป ระบบรักษาความปลอดภัยของเราแน่นหนามากอยู่แล้ว ดังนั้นอาจจะเป็นแค่ข่าวลือที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนเท่านั้น แต่ยังไงระวังให้มากขึ้นก็แล้วกัน” อีธานบอก
“ครับ...ผมจะสั่งให้คนไปตรวจเช็คตามจุดเสี่ยงอีกหน” อีกฝ่ายรับคำแล้วก้าวเท้าออกไป
การมุ่งทำร้ายเผ่าเลือดสีน้ำเงิน มีมาตลอดไม่ขาดสายอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร เพราะส่วนใหญ่ล้วนเป็นความพยายามที่เปล่าประโยชน์ ชนเผ่านอกกำแพงขาดแคลนทุกอย่าง ต่อให้ระดมพลได้ก็แทบจะไม่มีศักยภาพอะไรในการต่อกร ทำได้แต่เพียงสร้างรอยร้าวแห่งความเกลียดชังให้ขยายมากขึ้น
“กริ๊ง!....” เสียงสัญญาณอยู่ๆ ก็ดังดังกระหึ่มขึ้นทำให้อีธานเกือบสะดุ้ง
“ให้ตายเถอะ” ชายหนุ่มสบถพร้อมกับขบกรามแน่น
อีธานตะโกนสั่งให้ใช้แผนการรับมือระดับซี พร้อมกับวิ่งขึ้นบันไดทีละสองขั้น นานมากแล้วที่ไม่เคยมีใครทำให้สัญญาณเตือนภัยดังได้ ชายหนุ่มรีบรุดไปยังห้องควบคุมวงจรไฟฟ้า ซึ่งเป็นส่วนหลักในควบคุมและกระจายระบบสาธารณูปโภคของเมือง ทั้งหมดวางโครงสร้างด้วยระบบคอมพิวเตอร์ต่อให้ส่วนอื่นถูกเล่นงานเสียหายยับเยิบ แต่ส่วนนี้ก็ห้ามผิดพลาดเด็ดขาด
“คุณอีธาน ...ไปรวมตัวกับคนอื่นก่อนเถอะครับ เราไม่รู้ว่าคนร้ายมีกี่คน และวางอันตรายอะไรไว้บ้าง” โจเซฟ ที่ตามมาด้านหลังตะโกนบอก
“ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า”
“แต่ว่ามันอันตรายนะครับ...เหตุการณ์แบบนี้คุณควรห่วงตัวเองให้มาก” อีกฝ่ายยืนยัน เพราะเห็นว่าเขาน่าจะเป็นเป้าหมายของแผนการณ์นี้ ในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งหลักของสภาเมือง
“นายไปดูฝั่งตะวันออก เช็คระบบตรวจจับคลื่นความถี่ตลอดกำแพงเมือง ปิดการเข้าออก อย่าให้ใครผ่านได้” อีธานรีบว่า
“แต่ว่า...”
“ทำตามที่บอกเถอะ...ฉันดูแลตัวเองได้” อีธานวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างไม่สนใจคนคัดค้าน
ทันทีที่ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยเข้ามาได้ เขาก็พบว่าห้องควบคุมถูกเปิดประตูอ้าทิ้งไว้ อีธานใจหายวาบ ทั้งที่เป็นห้องที่ต้องผ่านการสแกนอย่างเข้มงวด แต่ส่วนนี้กลับโดนบุกรุกได้สำเร็จ ชายหนุ่มวิ่งเข้าไปด้านใน มองเห็นแผงวงจรกำลังมีไฟแดงกระพริบในหลายจุดบ่งบอกความผิดพลาดของระบบ
อีธานตรวจเช็ค ระบบกระแสไฟฟ้าหลักของเมืองยังคงทำงานเป็นปกติ ...แต่ส่วนที่ขัดข้องนั้นกลับเป็นในส่วนของระบบไฟฟ้าสำรองที่ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน คิ้วเข้มขมวดแน่นอย่างไม่เข้าใจ ...ทำไมคนร้ายเลือกที่จะจู่โจมระบบไฟสำรองล่ะ?!
“มาแล้วรึ...” เสียงทุ้มกังวานดังขึ้นเบื้องหลังทำให้ชายหนุ่มร่างสูงสะดุ้ง ก่อนจะหันไปมอง
“แกเองเหรอ” อีธานเอ่ย เมื่อมองเห็นบุคคลแปลกหน้า
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ที่แลดูผอมบาง เส้นผมทอประกายสีทองยาวสยาย ริมฝีปากบางกำลังยักยิ้มข้างหนึ่ง คิ้วเรียวยาวส่วนปลายเชิดขึ้นราวกับตวัดวาดด้วยพู่กันจีน และดวงตาโดดเด่นที่ทำให้อีธานตกตะลึง ...ดวงตาสีเงิน!
สีของดวงตาเป็นตัวบ่งบอกสายเลือดของเผ่าพันธุ์ได้เป็นอย่างดี พวกเลือดสีน้ำเงินก็จะมีดวงตาสีน้ำเงิน ฟ้า หรือไม่ก็เขียว ...เช่นเดียวกับพวกเลือดสีแดงที่จะมีดวงตาสีแดง น้ำตาล ไปจนกระทั่งสีดำ
ตั้งแต่เกิดมาอีธานไม่เคยเห็นใครมีดวงตาสีเงินวาววับเช่นนี้มาก่อน ...หรือว่านี่คือ ชนเผ่าเลือดสีเงิน! ผู้ถูกเรียกขานว่าเป็นสายเลือดบริสุทธิ์จากพระเจ้า!
อีธานเบิกตากว้าง...ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก! พวกเลือดสีเงินสาญสูญไปหมดสิ้นแล้วนี่!
งั้นก็เป็นไปได้ว่า ชายคนนี้อาจจะใส่แก้วตาเทียม สิ่งประดิษฐ์ที่สร้างสีตาหลอกให้กับเจ้าของ ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมายมีบทลงโทษสถานหนัก แต่...ต่อให้ทำเรื่องแบบนั้นก็ไม่น่าจะสร้างดวงตาสีเงินที่เจิดจ้าแบบนี้ได้นี่นา!
“แกเป็นใคร” อีธานเอ่ยถาม พร้อมกับขบกรามแน่นขึ้น
“ตาสีน้ำเงินเข้มจัด บ่งบอกว่าเป็นเชื้อสายที่ดีมากทีเดียว” ชายหนุ่มผมยาวเอ่ยโดยไม่สนใจจะตอบคำถาม
“ต้องการอะไรกันแน่” อีธานพูดต่อ
“แต่ก็ต้องทดสอบดูว่าจะได้หรือเปล่า”
ชายหนุ่มดวงตาสีเงิน ชักปืนออกจากกระเป๋าเสื้ออย่างรวดเร็วจนอีธานไม่ทันได้ขยับตัวหลบด้วยซ้ำ
เสียงปืนก้องกังวานในห้องแคบๆ ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นเข้าสู่สมอง...ทำให้อีธานทรุดตัวลงกับพื้น บ่าข้างซ้ายมีเลือดสีน้ำเงินเข้มเปล่งประกายไหลอาบ
ชายหนุ่มผมยาวก้าวเท้าเข้ามาหา พร้อมกับชักเครื่องมือบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ...แท่งแก้วใสขนาดประมาณดินสอกดยาวหนึ่งฝ่ามือ
“ทำอะไร!!” อีธานเอ่ย พร้อมกับขยับตัวถอยห่าง
ชายหนุ่มผมยาวไม่ได้ตอบคำถาม เขาใส่อุปกรณ์ในมือแตะกับหยดเลือดสีน้ำเงินเข้มของอีธาน ก่อนจะจ้องมองมันอย่างจริงจัง
แสงสว่างวูบหนึ่งเกิดขึ้น ราวกับแสงฟ้าแลบที่เกิดจากพายุฝน ...เรียกรอยยิ้มจากริมฝีปากบางสวยของร่างโปร่งที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าของอีธานได้
“เจอซะที!” เสียงทุ้มกังวานเอ่ยขึ้น พร้อมกับใช้ฝ่ามือเรียวยาวสัมผัสใบหน้าของอีธาน “ฉันชื่อ จีแอล และนับแต่วันนี้... นายคือ ‘ของ’ ของฉัน...”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อะไรคือ เจอครั้งแรกแล้วเลือดสาด!?
สนุกๆชอบๆ
ว่าแต่ใครเคะ?