ตอนที่ 17 : ประมูลทาส
อีธานเริ่มชินกับกลิ่นรอบๆ ตัวมากขึ้น หรือไม่จมูกของเขาก็คงจะพังไปแล้ว
ที่นี่อึดอัดอากาศไม่ถ่ายเทซะจนหายใจลำบาก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกรำคาญใจได้เท่ากับไอ้โซ่โลหะซึ่งล่ามข้อมือทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ ทั้งที่ถอดได้แล้วหนหนึ่งแต่เขาดันแสดงความจริงใจไม่เข้าท่าด้วยการยอมสวมมันอีกครั้ง ตอนนี้ชายหนุ่มเลยได้แต่สัญญากับตัวเองว่า ถ้าถอดมันได้อีกหนเขาจะรีบระเบิดเจ้านี่ทิ้งแบบไม่ให้เหลือซาก
อีธานเหลือบมองยามสองคนซึ่งคอยเฝ้าอยู่บริเวณหน้าบันไดทางขึ้นลง อันเป็นทางเข้าออกเดียวของที่นี่ ดูเหมือนว่าต่อให้มีระบบป้องกันชั้นเลิศแค่ไหนคนพวกนั้นก็จะไม่ไว้ใจอยู่ดี
อีธานขยับตัวไปใกล้ลูกกรงด้านหนึ่ง ส่งเสียงถามชายที่อยู่ข้างๆ
“นายชื่ออะไร?”
อีกฝ่ายมีท่าทีลังเล แต่ก็ยอมตอบ
“เจสัน”
อีธานแนะนำตัว และเข้าเรื่องที่สงสัย “รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการประมูลทาสบ้าง?”
“การประมูลทาสก็เหมือนลานประหารของพวกดีๆ นี่แหละ” ฝ่ายนั้นตอบแบบไม่ยี่หระ หัวเราะหึๆ ในลำคอ “พวกเขาจะตัวส่งคนเข้าไปสู้กัน ให้พวกเราฆ่ากันเองแล้วคนที่เหลือคนสุดท้ายก็จะถูกประมูลไป”
อีธานไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย มันน่าตกใจจนไม่อยากเชื่อ
“บอกว่าติดหนี้วิกเตอร์ใช่ไหม แค่ติดหนี้ถึงขนาดโดนพามาประมูลทาสเลยเหรอ?”
“ติดหนี้กับคนแบบนั้น ถ้าไม่ยอมทำตามครอบครัวที่เหลือก็คงติดร่างแหกันไปหมดนั่นแหละ...ชนชั้นต่ำก็เป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ!? ไม่มีทางอะไรให้เลือก ต้องขายตัวเองเพื่อให้ครอบครัวหรือคนที่รักอยู่รอด แล้วสำหรับฉันจะอยู่บนเวทีประมูล หรือตกไปเป็นทาสของพวกชนชั้นสูงนั่น ก็ตกนรกไม่ต่างกันนักหรอก”
“เรื่องแบบนี้ผิดกฎของเซ็นโทรนี่นา ทำไม...”
“คิดว่าใครจะมาเป็นคนประมูลล่ะหา? ถ้าไม่ใช่พวกเลือดสีน้ำเงินที่เป็นคนตั้งกฏพวกนั้น”
เจสันหันมามองอีธาน
“...เป็นพวกเลือดสีน้ำเงินงั้นเหรอ?” ว่าจบก็หัวเราะในลำคอ “ก็มีวันที่พวกแกจะตกต่ำได้เหมือนกันสิ”
อีธานพูดตอบไม่ออก
“ด้วยเชื้อสายยังไงแกก็แข็งแรงกว่า ดังนั้นถ้าต้องลงสนามเดียวกัน ถึงเวลาที่ต้องลงมือฆ่าฉันล่ะก็ ขอแบบทีเดียว ไม่ต้องเจ็บก็แล้วกัน”
“พูดบ้าๆ!” เสียงโทนต่ำที่ดังมาจากด้านตรงข้ามเอ่ยแทรกขึ้น “มันไม่มีการตายโดยไม่เจ็บปวดอยู่หรอก”
“จริงของแก” ชายที่อยู่ข้างกับอีธานพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ
อีธานเห็นชายที่ชื่อ จัสติน ชัดเจนขึ้นเมื่อฝ่ายนั้นขยับตัวออกมาด้านหน้า เสียงโลหะขนาดใหญ่ที่ล่ามข้อเท้าดังกระทบกัน จัสตินเป็นชายหนุ่มเลือดสีแดงที่น่าจะอายุใกล้เคียงกับอีธาน มีรูปร่างสูงใหญ่ เส้นผมหยักเป็นลอนบนศีรษะดูยุ่งเหยิง ใบหน้าเห็นโหนกแก้มสูง และมีจมูกที่เป็นสันตรงเหมือนรูปปั้นโบราณ
“แกเองก็เหมือนกันจัสติน ถึงเวลานั่นก็ช่วยสงเคราะห์ฉันทำให้จบเร็วๆ หน่อยล่ะ”
“ฉันจะไม่ฆ่าพวกเดียวกันเองแน่!”
“แกเลือกไม่ได้หรอก...ไอ้พวกนั้นพร้อมจะฉีดยากระตุ้นให้เราอยู่แล้ว เวทีของมันต้องนองไปด้วยเลือด ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีการประมูลอย่างดุเดือดอย่างที่มันต้องการน่ะสิ”
วิกเตอร์ไม่ใช่คนดี แต่ไม่คิดว่าจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ อีธานรู้สึกโกรธจัดขึ้นมา ถ้าเขาไม่ได้มาอยู่นี่อาจจะไม่รู้เรื่องเลวร้ายพวกนี้เลยก็ได้
เสียงพูดดังแว่วมาพร้อมกับเสียงรองเท้ากระทบพื้น ชายร่างยักษ์คนเดิมที่เดินมาพร้อมพับ ชายหัวโล้นที่น่าจะเป็นลูกน้องที่วิกเตอร์ให้ความไว้ใจให้ดูแลจัดการเรื่องต่างๆ
“ไม่ต้องรอวิกเตอร์จะดีเหรอ?”
“ที่เซ็นโทรกำลังมีเรื่องวุ่นวาย ทั้งเรื่องที่ว่ามีสมาชิกคนสำคัญของสภาเมืองหายตัวไป แล้ววันนี้ผู้ก่อการร้ายที่จับตัวไว้ก็ยังโดนบุกเข้ามาชิงตัวไปอีก...วิกเตอร์ถูกเรียกตัวไว้สอบสวนเรื่องน่าสงสัยต่างๆ คงยังไม่ได้มาทางนี้เร็วๆ นี้หรอก” ชายหัวโล้นว่า ดวงตาที่ดูเจ้าเล่ห์นั้นกวาดไปรอบๆ ก่อนจะพูดต่อว่า เริ่มกันโดยไม่ต้องมีวิกเตอร์ก็ได้
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...”
“ไม่ต้องห่วง แขกที่เราเชิญไว้ตอบรับไว้ว่าจะมากันทั้งนั้น รวมถึงท่านผู้นั้นด้วย”
พอได้ยินอย่างนั้น ชายร่างยักษ์ถึงได้ยอมพยักหน้า
“แค่ทำตามที่ฉันบอกก็พอ อีกอย่างเรามีไอ้เลือดสีน้ำเงินนี่ด้วย รับรองได้ว่าถ้ามันรอด ยอดประมูลจะสูงลิบลิ่วแน่นอน”
หลังจากนั้นทั้งสองก็สั่งให้ลูกน้องนำตัวพวกที่อยู่ในห้องขังออกมา
อีธานถูกจับมัดแขนทั้งสองด้วยเชือก ผูกโยงติดไปกับชายในห้องขังอื่นอีกสามคน แล้วถูงพาไปตามทางเดินใต้ดินที่เตี้ยซะจนต้องค้อมตัวเดิน เส้นทางนี้ดูเหมือนจะเชื่อมต่อไปถึงลานประมูลที่ว่าได้โดยตรง อีธานคำนวญคร่าวๆ ว่าเขามาที่นี่ได้ไม่ถึงสิบชั่วโมงเท่านั้น โอกาสรอพบวิกเตอร์คงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
อีธานหันไปมองจัสติน กับ เจสันที่ตามมาด้านหลัง พลางผ่อนฝีเท้าลงเล็กน้อย
“พอจะรู้เส้นทางของที่นี่หรือเปล่า” อีธานกระซิบ ไม่ให้เสียงรอดไปถึงคนที่คุมอยู่ด้านหน้าและด้านหลัง
“อย่าคิดเลย มันไม่มีประโยชน์หรอกน่า ...ถึงแกจะหนีออกไปจากที่นี่ได้ก็โดนจับกลับมาอยู่ดี ถึงตอนนั้นต่อให้อยากตายแค่ไหน มันก็ไม่ได้ตายง่ายๆ อีก”
“ยังไงก็ต้องลองเสี่ยงดู ออกไปจากที่นี่และติดต่อกับทางเซ็นโทรได้ ฉันจะช่วยทุกคนเอง” อีธานตอบ
“ไม่เอาด้วย” เจสันชิงตอบ
อีธานจึงต้องเปลี่ยนเป้าหมายมายังจัสติน
“เราไม่ร่วมมือกับพวกเลือดน้ำเงิน แกมันก็เชื่อใจไม่ได้เหมือนกับพวกไอ้ระยำวิกเตอร์นั่นแหละ!”
อีธานนึกถึงคำพูดของจีแอลขึ้นมา จริงอย่างที่ว่า...ในถิ่นอันเดอร์กราวซิตี้ เขาคือ ‘เลือดสีน้ำเงินน่ารังเกียจที่ศัตรูเพียบไปหมด’
“เฮ้ย! คุยอะไรกัน! เดินเร็วๆ เข้า!” คนคุมตวาดเสียงดัง กระชากเชือกที่มัดทำให้มันแน่นขึ้นจนบาดผิว
“โจอี้...เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นคนรู้จักของนายหรือเปล่า?” อีธานลองเสี่ยงดวงดู แม้จะไม่แน่ใจว่าโจอี้กำลังพยายามหาแซฟไฟร์เพื่อช่วยใครกันแน่ แต่ก็น่าจะเป็นหนึ่งในคนที่ถูกขัง
“รู้จักหมอนั่นได้ยัง?!” จัสตินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา
เหมือนจะได้ผล
“โจอี้ หลอกฉันมาที่นี่ ท่าทางเพราะอยากจะช่วยใครบางคน ใช่นายหรือเปล่า?”
“ทำไมเขาจะมาช่วยฉันอีกล่ะ...บ้าจริง! ต่อให้ทำตามข้อตกลงได้ มันก็ไม่ปล่อยใครให้รอดไปหรอก!” จัสตินกระแทกเสียงสวนกลับ
“โจอี้กำลังไปหาแซฟไฟร์มาไถ่ตัวนาย ถ้านายไม่รอดวันนี้เขาก็คงโดนจับและต้องรับชะตาเดียวกันแบบนี้อยู่ดี”
ชายหนุ่มเลือดสีแดงจ้องตาอีธานนิ่ง
“จะเสี่ยงกับฉันหรือเปล่าล่ะ? ถ้าร่วมมือกันน่าจะมีโอกาส”
“มีแผนงั้นเหรอ?”
อีธานเป่าปาก “ก็นะ...ต้องลองดู”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่า