ตอนที่ 114 : ตอนพิเศษ : โชคชะตา...ครั้งใหม่ [13]
“โกง?” ลูเซียส ทวนคำกับสิ่งที่ได้ยิน
เวลานี้ร่างสูงยืนอยู่ภายในห้องพักปิดทึบขนาดไม่กว้างขวางนัก บรรยากาศจึงค่อนข้างอึดอัด ที่นี่ตั้งอยู่ติดกับบริเวณการแข่งขัน หูยังคงได้ยินเสียงเชียร์การตอบคำถามของใครสักคนดังแว่วอยู่ไกลๆ
เบื้องหน้าของเขามีอาจารย์คนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ กั้นด้วยโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เธอเป็นหนึ่งในกรรมการของการแข่งขันตอบคำถามก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับเคลย์
“มีผู้เข้าแข่งขันคนอื่นประท้วง ว่าเธอน่าจะโกงการแข่งขัน” หญิงเลือดสีน้ำเงินที่น่าจะอายุเกินสี่สิบ แต่งกายด้วยชุดโทนสีเทาเข้ม ท่าทางเข้มงวดจริงจังและหัวโบราณ ดวงตาสีน้ำเงินซีดๆ คู่นั้นมองมาอย่างไม่ไว้ใจเท่าไหร่นัก
ลูเซียสไม่พูดตอบ เพียงแค่ขมวดคิ้วรอฟังต่อ
“ปกติแล้วต่อให้ทำแบบทดสอบเร็วแค่ไหน ก็ยากมากที่จะมีใครทำได้ถึง 100 ข้อ ยิ่งเป็นการทำถูกมากถึง 99% แบบนี้ด้วยแล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย” เธอกล่าวต่อ
ลูเซียสเหลือบสายตาไปยังชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เขา สีหน้าของเคลย์ฉายชัดว่าออกจะลำบากใจกับเรื่องนี้ อย่าว่าแต่ตัวลูเซียสเลย ตัวของเคลย์เองก็น่าจะถูกคนตรงหน้าจ้องจับผิดเช่นกัน
“หลักฐานล่ะครับ?” เด็กหนุ่มกล่าว
“หลักฐาน?”
“ที่บอกว่าผมโกงน่ะ มีหลักฐานอะไรครับ?”
“นั่นน่ะ...” อาจารย์หญิงกระแอมออกมาเบาๆ ก่อนว่าต่อ “เพราะยังไม่มีหลักฐานชัดเจน ก็เลยอยากจะขอตรวจสอบตัวเธอหน่อย”
“ยังไงครับ?”
“อุปกรณ์ของเธอ ทางเราอยากจะขอยึดไว้เพื่อทำการตรวจสอบสักหน่อย” ปลายชี้มาที่ข้อมือของลูเซียส “การตรวจสอบไว้ใช้เวลาไม่นานหรอก แค่เราเช็คข้อมูลในนั้นว่าไม่มีส่วนไหนเกี่ยวข้อง หรือมันได้ติดตั้งระบบโกงข้อสอบไว้หรือเปล่า เสร็จแล้วก็จะคืนให้ทันที”
“ไม่ได้ครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงเรียบแทบจะทันที
อุปกรณ์บนข้อมือของเขาแม้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับอุปกรณ์ที่หาซื้อได้ทั่วไปในร้านค้าของเซย์น แต่จริงๆ แล้วมันถูกออกแบบมาพิเศษด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อใดทำงานร่วมกับเลนส์ที่ดวงตาซ้ายได้ ซ้ำยังติดตั้งระบบความปลอดภัยที่มีเฉพาะลูเซียสเท่านั้นที่เข้าถึงได้ ระบบการป้องกันนี้ไม่ใช่ที่เด็กวัยรุ่นทั่วไปจะมี
ทุกอย่างล้วนไม่ใช่สิ่งที่ควรจะให้ใครเห็น
“การที่เธอไม่ยอมให้ตรวจสอบ มันสื่อว่าเธอมีพิรุธนะ” อาจารย์ผู้เข้มงวด ขึ้นเสียงดังขึ้น
ลูเซียสกัดกราม เขาชักจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
“เดี๋ยวครับ” เคลย์ที่นิ่งเงียบฟังมาตลอดเอ่ยแทรกขึ้น “ตอนที่ให้ไปตามตัวลูเซียสมา บอกว่าแค่จะสอบถามเขาเฉยๆ ไม่ใช่หรือครับ การจะไปยึดของส่วนตัวโดยที่เจ้าตัวไม่ยอม มันออกจะละเมิดสิทธิ์เกินไปหน่อย...”
“นี่แค่เป็นการตรวจสอบทั่วไปที่เราทำได้อยู่แล้ว” เธอว่า “แล้วการที่ลูเซียสไม่ยอมให้เราดู ก็ยิ่งแสดงว่าในนั้นมันน่าจะมีอะไรสักอย่างไม่ใช่หรือไงล่ะ?”
“แล้วผมจะโกงการแข่งขัน ที่ไม่ได้ส่งผลต่อเกรดการเรียนไปทำไมครับ?” ลูเซียสแย้ง
“การแข่งขันวิชาการ แม้จะไม่ได้เกี่ยวกับเกรดการเรียนโดยตรง แต่มันก็สามารถใช้เป็นสิ่งอ้างอิงเพื่อการศึกษาหรือการทำงานต่อในอนาคตได้”
“ถ้าจะว่าผมโกงเพื่อให้ผ่านเข้ารอบ ตอนนี้ผมก็ตกรอบสองแล้วนี่ครับ”
“แต่...ตอนนี้เธอมีสถิติสูงสุดของการตอบคำถามรอบแรก ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน สถิตินั้นจะคงอยู่ไปอีกนาน เพราะอย่างนั้นถ้าไม่ตรวจสอบให้ดี ก็จะมีคนประท้วงอีกแน่”
“งั้นก็ให้ถือว่าผลการแข่งของผมเป็นโมฆะก็แล้วกัน” ลูเซียสตอบ เขาไม่สนเรื่องสถิติอะไรนั้นหรอก ดีซะอีกถ้าเอาชื่อของเขาออกจากระบบได้
“แบบนั้นก็เท่ากับ เธอจะถูกมองว่าโกงจริงๆ นะ” เคลย์แย้งขึ้น เขาหันมาจ้องลูเซียสด้วยแววตาที่แฝงความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“เธออาจจะไม่รู้แต่ที่ซี-คอล จะเก็บข้อมูลทุกอย่างของนักเรียน เรื่องการโกงนี้จะถือเป็นประวัติที่จะติดตัวเธอไปตลอดการเรียนที่นี่เลยนะ” ชายหนุ่มว่า
การเรียนที่นี่สำหรับลูเซียส...มันก็แค่ระยะสั้นๆ จะมีประวัติดีหรือไม่ดี ไม่ใช่เรื่องต้องห่วง แต่แน่นอนว่าสำหรับคนอื่นคงไม่คิดอย่างนั้น
ร่างโปร่งก้าวขึ้นไปด้านหน้า มองตรงไปยังหญิงวัยกลางคน “ผมว่าเรื่องนี้มันเป็นการเอาเปรียบเขาเกินไปนะครับ เราทั้งหมดก็อยู่ตรงนั้น ใกล้กับตำแหน่งที่เขาทำแบบทดสอบมากที่สุดด้วยซ้ำ ถ้าเขาเปิดระบบโกงจากอุปกรณ์ที่ข้อมือจริงๆ สัญญาณป้องกันก็ต้องดังเตือน หรือไม่เราก็ต้องสังเกตพบพิรุธบ้างสิครับ การจะกล่าวหาว่าเขาโกง เพียงเพราะเขาทำในสิ่งที่ไม่น่าจะทำได้ มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกนะครับ”
ลูเซียสมองร่างของเคลย์ ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เจ้าตัวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ท่าทางจริงจังแบบไม่ยอมถอย ดวงตาสีดำของเจ้าตัวดูคมกล้าล้ำลึก
คนคนนี้กำลัง...ปกป้องตัวเขาอยู่
“งั้นจะบอกว่าเขาทำแบบทดสอบทั้งหมดนั้นได้ด้วยความสามารถจริงๆ น่ะเหรอ...อาจารย์เคลย์ คุณปกป้องเขาเกินไปแล้วนะ เพราะเขาเป็นเด็กในคลาสเรียนของคุณใช่หรือเปล่า?” อาจารย์หญิงว่า สายตามองเคลย์ด้วยความไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่
“นั่นไม่เกี่ยวนะครับ” เคลย์ตอบ
“อย่างที่ทุกคนรู้ เด็กที่เข้าเรียนคลาสของคุณมีไม่มาก แต่คุณจะให้สิทธิพิเศษกับเด็กที่เข้าเรียนในคลาสของคุณแบบนี้ไม่ได้นะ ก่อนหน้านี้ก็เหมือนกัน พวกเด็กเลือดสีแดงที่มีปัญหาเรื่องทุจริต คุณก็ออกหน้าแทนพวกเขา”
“เรื่องนั้นกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกันนะครับ ...แล้วในกรณีนี้ต่อให้เป็นเด็กคนอื่นผมก็จะพูดแบบนี้เหมือนกัน ไม่เกี่ยวว่าเขาเข้าเรียนกับผมเลยสักนิด” เคลย์ว่า มือกำเป็นหมัดแน่น
ไม่ว่าจะอธิบายอย่างหนักแน่นแค่ไหน แต่คำพูดนั้นก็ดูมีน้ำหนักน้อยนิด สำหรับคนที่ไม่ยอมฟังเหตุผล
ที่จริงลูเซียสไม่สนใจเรื่องนี้เลย จะถูกกล่าวหาว่าโกงเขาก็ไม่สะทกสะท้านหรือเก็บมาใส่ใจ แต่พอเห็นชายหนุ่มที่พยายามพูดเพื่อตัวเองขนาดนั้น ก็รู้สึกว่าไม่อยากจะยอมแพ้ขึ้นมาแล้ว
“งั้นเพื่อเป็นการพิสูจน์” ลูเซียสเอ่ยแทรกขึ้น “ให้ผมทำอีก 76 ข้อที่เหลือให้ดูตอนนี้เลยไหมครับ?”
“เอ๊ะ?!”
“ถ้าผมทำได้จริงๆ ก็พิสูจน์ได้ใช่ไหมละครับว่าผมไม่ได้โกง”
หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้ว สีหน้าที่เข้มงวดของเธอเหมือนซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ หลังจากคิดเล็กน้อย เธอก็ตอบรับข้อเสนอ
“งั้นก็ได้...ฉันจะจับตาดูเธอระหว่างทำแบบทดสอบไปด้วย...และให้เวลาทั้งหมดสิบนาที” เธอพูด จากนั้นก็หันหน้าไปทางเคลย์ “ถ้ายังไงขอเชิญอาจารย์เคลย์ออกไปรอที่หน้าห้องก่อนก็แล้วกัน”
“ทำไมผมอยู่ด้วยไม่ได้ล่ะ?”
“ในเมื่อคุณมีแนวโน้มจะเข้าข้างเขา ก็ไม่ควรจะอยู่ด้วยนี่”
“ไม่เป็นไรครับ อาจารย์รอผมที่หน้าห้องก็แล้วกัน” ลูเซียสพยักหน้าจากนั้นก็ถอดอุปกรณ์ที่ข้อมือของตัวเองออก และยื่นมันส่งให้เคลย์ “ไอ้นี่ฝากไว้ที่อาจารย์ก่อนนะครับ”
ดวงตาสีดำขลับของเคลย์จ้องเด็กหนุ่มอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า รับมาถือไว้
หลังเคลย์ออกจากห้องไปแล้ว กระดานพร้อมกับปากกาดิจิตอล ถูกยื่นมาให้ ลูเซียสนั่งลงบนเก้าอี้ที่ไม่สบายสักเท่าไหร่...และการทำแบบทดสอบของเขาก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
แบบทดสอบในส่วนที่เหลือมีโจทย์เกี่ยวกับการคำนวญเยอะมาก ถ้ารีบร้อนจนพลาดนิดเดียวก็จะผิดทันที ลูเซียสจึงต้องตั้งใจมากกว่าปกติ ความสนุกกับสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยทำจางหายไป ความมุ่งมั่นกลับเข้ามาแทนที่
ลูเซียสไม่ปล่อยให้ตัวเองวอกแวก ไม่สนใจเรื่องเวลา สมองมุ่งไปที่การอ่าน คิด และคำนวญแต่เพียงอย่างเดียว ปลายนิ้วของเขาขยับไปขณะที่สมองประมวลผล มือจับปากกากดเลือกคำตอบ และเลื่อนไปข้อต่อไป
อีกข้อ ...และอีกข้อ
ในที่สุดเด็กหนุ่มก็กดเลือกคำตอบข้อสุดท้าย ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ผลักสิ่งตรงหน้าออกห่างจากตัว
ดวงตาสีน้ำเงินจางๆ ของอาจารย์ตรงหน้าจ้องมองเขาอย่างตื่นตะลึงเหมือนกำลังมองสิ่งแปลกประหลาดอะไรสักอย่าง
“ผมใช้เวลาไปเท่าไหร่ครับ?”
“เอ่อ...” อีกฝ่ายตั้งสติ มองที่เครื่องจับเวลา “...ทั้งหมด 7 นาที 56 วินาที”
ลูเซียสยิ้ม “ตรวจคำตอบเลยไหมครับ?”
อาจารย์ผู้เข้มงวดยังคงจ้องหน้าเด็กหนุ่มเหมือนไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็รีบคว้ากระดานแบบทดสอบมา กดตรวจคำตอบ
“เป็นไปไม่ได้” เสียงอุทานพึมพำออกมา ทำให้ลูเซียสเกือบจะหลุดหัวเราะ
“ผมทำถูกกี่ข้อล่ะครับ?”
“...ทั้งหมด...ถูกหมด...ทุกข้อ”
“ทีนี้ก็ไม่มีข้อสงสัยแล้วใช่ไหมครับ?” เด็กหนุ่มกล่าว
“ไม่น่าเชื่อ ...เธอทำได้ยังไง?!”
ลูเซียสยักไหล่ พลางลุกขึ้นยืน “เรื่องสถิติอะไรนั้น ผมไม่สนใจสักนิด คุณอยากจะลบมันทิ้งไปก็ได้ แต่ผมยืนยันว่าผมไม่ได้โกง และอาจารย์เคลย์ก็ไม่ได้พูดแทนผมเพราะผมเป็นนักเรียนในคลาสของเขาเหมือนกัน ช่วยเข้าใจซะใหม่ด้วยนะครับ”
“เรื่องนั้น...”
ตอนนั้นเองที่เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ตามด้วยเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่ง “ผมฮาวี่ครับ ขอเข้าไปหน่อยได้ไหมครับ?”
หญิงวัยกลางคน เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ นั้นก็กล่าวเชิญ
ชายหนุ่มในชุดสูทเรียบร้อยก้าวเท้าเข้ามา ดวงตาสีน้ำเงินสดที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นตากรองแสงแบบไร้กรอบจับจ้องลูเซียส ครู่หนึ่งก่อนจะระบายรอยยิ้มอ่อนโยนใจดี
“อาจารย์ฮาวี่ มีธุระอะไรงั้นเหรอ?” หญิงกลางคนถาม น้ำเสียงของเธออ่อนลงอย่างชัดเจน ดูเหมือนจะเกรงใจฮาวี่อยู่ไม่น้อย
“ผมมีเรื่องจะคุยกับอาจารย์หน่อยครับ” ฮาวี่ส่งยิ้มให้หญิงตรงหน้า จากนั้นก็หันมาหาลูเซียส “เธอออกไปได้แล้วล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว”
“แต่ว่าเขายังอยู่ระหว่างถูกสอบสอน...”
“ไปเถอะ” ฮาวี่เอ่ยยืนยันกับลูเซียส ก่อนจะหันกลับไปหาคนคัดค้าน รอยยิ้มหายไปจากใบหน้า พร้อมกับดวงตาที่หรี่ลงภายใต้แว่นกรองแสงลง
ลูเซียสพยักหน้า แม้จะไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่ฮาวี่เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ แต่ก็เลือกจะก้าวเท้าออกมาจากห้อง
ก้าวเท้าไปได้ไม่ไกล เด็กหนุ่มก็เห็นไม้ยืนต้นที่มีใบขนาดเล็กต้นหนึ่ง ภายใต้ร่มเงานั้นมีร่างโปร่งของเคลย์ยืนอยู่
“...อาจารย์” ลูเซียสเรียก พร้อมกับรอยยิ้ม
“เป็นไงบ้าง”
“น่าจะไม่มีปัญหาแล้วล่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบ
“เธอทำแบบทดสอบที่เหลือได้ทั้งหมดในเวลาสิบนาทีงั้นเหรอ?”
ลูเซียสส่ายหน้า เขาทำได้ภายในเวลาเจ็ดนาทีกว่าๆ ตังหาก
“ผมก็พยายามเท่าที่ทำได้น่ะครับ” เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจเบาๆ ด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย “ตอนแรกผมคงดวงดี ทำถูกเยอะเท่านั้น ไม่ได้โกงซะหน่อย รอบนี้ผมก็พยายามทำเต็มที่ เสร็จแล้วก็รีบอธิบายให้อาจารย์คนนั้นฟัง สุดท้ายเธอก็เลยยอมเชื่อปล่อยผมออกมานี่แหละครับ”
เคลย์ขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง “จริงเหรอ?”
เด็กหนุ่มพยักหน้า “ผมใช้แววตาน่าสงสารยืนยันตัวเอง เธอก็เลยเชื่อน่ะ”
ชายหนุ่มรู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมาแว๊บหนึ่ง “เมื่อกี้ฉันเห็นอาจารย์ฮาวี่เข้าไปข้างในด้วย”
“คงมีธุระกับอาจารย์คนนั้นมั้งครับ ผมก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเหมือนกัน”
“ฮืม...งั้นก็นี่ ของของเธอ” เคลย์ยื่นส่งอุปกรณ์รัดข้อมือคืนให้ลูเซียส “ตอนแรกเห็นเธอต่อต้านไม่ยอมให้ตรวจเครื่องนี่ แต่สุดท้ายทำไมยอมฝากไว้ที่ฉันล่ะ”
ลูเซียสเหยียดยิ้ม มองดวงตาคู่สวยของอีกฝ่าย
“เพราะผมเชื่อใจอาจารย์ครับ”
===+++===+++===+++
เพราะมีคนท้วงเขามาว่า อยากให้ค่อยๆ เขียนดีกว่าจะไปบีบตัวเองให้รีบจบ... ดังนั้น สั้นสั้น จึงตัดสินใจใหม่แล้วว่า จะค่อยๆ เขียนไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนค่ะ...เพราะอย่างนั้นรบกวนช่วยติดตามกันไปด้วยน้า...
ตอนพิเศษ...พิเศษจริงๆ....ย้าวววว ยาววววว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ่านได้เเรื่อยๆค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
เราสังเกตตั้งแต่แรกละ ระดับความสัมพันธ์ของ 2 คนนี้ระดับประมาณหอยทากคลานค่ะ รอได้ๆ
เทียบกับคู่พ่อและแม่ของลูเซียสไม่ได้เลย ^^
>>ใช้แววตาที่น่าสงสาร?? หรอลูเซียสหรอออออ~~
//เด็กนี่มันร้ายนะคะหัวหน้า กางบาเรียปกป้องอาจารย์เคลย์ตอนนี้เลยมั้ยคะ ถ้ากางช้าอาจไม่ทัน
สั้น สั้น จะไม่สั้นล้าววว 5555