ตอนที่ 111 : ตอนพิเศษ : โชคชะตา...ครั้งใหม่ [10]
ภาพที่บันทึกไว้จากกล้องวงจรปิดหายไป ...ก่อนหน้านี้ลูเซียสแน่ใจว่ามีมันอยู่ในระบบจริงๆ เพราะเคยเจาะเข้าไปได้และเกือบจะได้เห็นภาพในตอนนั้นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ถ้ามันไม่ได้ถูกลบออกไปแบบถาวร ก็ต้องมีใครสักคนย้ายมันไปไว้ที่อื่น
แต่ใครจะทำแบบนั้น และจะทำไปเพื่ออะไรกันล่ะ?
เด็กหนุ่มเดาะลิ้น...นิดเดียวเท่านั้นเอง ถ้าตอนนั้นไม่โดนขัดจังหวะป่านนี้เขารู้ตัวคนร้ายไปแล้ว บ้าชะมัด!
ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ เคลย์ มันดูลึกลับไปหมด ซึ่งมันก็ยิ่งกระตุ้นความอยากรู้ในตัวลูเซียสมากขึ้นไปอีก
ลูเซียสลบร่องรอยการเข้าไปสอดส่องของตัวเองทิ้งทั้งหมด เช็คทุกว่าทุกอย่างเรียบร้อยไม่มีทางแกะรอยย้อนกลับมาได้จึงออกจากระบบ เด็กหนุ่มใช้ปลายนิ้วนวดคลึงเบาๆ บริเวณดวงตาข้างซ้ายซึ่งกลับมาเห็นภาพปกติอีกครั้ง เลนส์ชนิดพิเศษช่วยพรางสีตาและสามารถใช้เป็นจอภาพขนาดเล็กสะดวกมากก็จริง แต่ยังไงซะมันก็ไม่สบายตาสักเท่าไหร่อยู่ดี
สวนสาธารณะที่เขานั่งอยู่ขณะนี้แทบจะร้างผู้คน เพราะความมืดยามค่ำคืนก้าวมาเยือนนานแล้ว ดวงไฟอัตโนมัติสว่างเรืองรอง สภาพอากาศอบอ้าวคลายตัวลงเล็กน้อย จากสายลมที่พัดผ่านมานานๆ ครั้ง เนื่องจากเอเลียตกับสเวนจะกลับดึก ลูเซียสจึงตัดสินใจจะเตร่อยู่ข้างนอกเพื่อหามื้อเย็นที่น่าสนใจสักอย่างกิน ก่อนจะกลับที่พัก
แต่เมื่อลุกขึ้นเดินออกจากสวนสาธารณะ ยังไม่ทันจะเข้าสู่ถนนหลัก ก็รับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังถูกใครสักคนตามมาทางด้านหลัง
คนที่น่าจะมีแนวโน้มตามติดลูเซียสตอนนี้ ก็คงมีแค่ พวกเด็กหนุ่มในโรงเรียนที่ไม่พอใจการวางตัวของเขาจนมาหาเรื่องเมื่อเช้า กับกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับชายที่ได้ชื่อว่าเป็นปู่ตามสายเลือด ...แต่เมื่อจับสังเกตจากการตามติดที่ไม่มืออาชีพเท่าไหร่นัก ความน่าจะเป็นจึงเทไปทางกลุ่มแรกมากกว่า
ถึงจะเป็นแค่เด็กหนุ่มวัยรุ่นไม่น่าจะสร้างความเดือดร้อนอะไรได้ แต่ขืนปล่อยให้คนตามไปถึงบ้านพักซึ่งเป็นสถานที่ส่วนตัวของเอเลียต บุคคลซึ่งอยู่ในฐานะผู้นำร่วมของเซย์น มองยังไงก็ไม่น่าจะเป็นผลดี อีธานเองก็น่าจะคิดเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เพราะอย่างนั้นเลยอยากจะให้ลูเซียสแยกออกมามาอยู่บ้านคนเดียวมากกว่าจะอยู่ร่วมกับผู้เป็นอา
เฮ้อ...น่าเบื่อซะจริง เด็กหนุ่มคิด
เมื่อเดินออกมาถึงถนนสายหลัก รถรางสาธารณะขนาดเล็กที่วิ่งวนรอบเมืองเคลื่อนตัวมาพอดี ลูเซียสจึงวิ่งขึ้นไป มองเห็นจากหางตาได้ว่ามีเด็กหนุ่มสามคนกระหืดกระหอบตามเข้ามาแบบเฉียดฉิวดูแล้วน่าตลกดี
แม้จะเป็นช่วงเวลาค่ำแล้ว แต่การขนส่งก็ยังเต็มไปด้วยผู้คน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นหนุ่มสาววัยทำงานที่มีท่าทางอ่อนล้า ลูเซียสตัดสินใจลงรถในย่านที่เงียบสงบย่านหนึ่ง แล้วต่อรถรางอีกขบวนที่แยกเส้นทางไปทิศตะวันตก
ลูเซียสคล่องตัวอยู่แล้ว ตลอดการเดินผ่านกลุ่มคนแออัดเขาก็เล็ดลอดไปได้อย่างไม่ลำบากอะไรเลย ต่างจากเด็กหนุ่มที่ตามหลังมาอย่างชัดเจน
รถรางสายตะวันตกมีสภาพที่แน่นขนัดไม่แพ้สายแรก และสิ่งที่สังเกตได้เพิ่มเติมก็คือ ผู้คนเกือบทั้งหมดในรถนั้นเป็นเลือดสีแดง สถานีที่ห้านับจากที่ขึ้นมาดูเหมือนจะเป็นย่านทีพักอาศัย ผู้คนที่เบียดเสียดจนแน่นต่างลงกันที่นี่มากกว่าครึ่ง
ลูเซียสตัดสินใจก้าวลงที่สถานีนี้ด้วย เขาก็เหลือบตาไปมองกลุ่มเด็กหนุ่มที่ตามมา พวกนั้นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก และสุดท้ายก็ไม่ได้ตามลงมาด้วย
พอสลัดตัวกวนไปได้ เด็กหนุ่มก็ผ่อนจังหวะก้าวเดินให้ช้าลง ทอดสายตามองบรรยากาศสองข้างถนนซึ่งแปลกตาจากที่คุ้นเคย ตลอดทางมีผู้คนเดินขวักไขว่ รอบข้างมีตึกสูงส่วนด้านล่างแบ่งเป็นร้านค้าขนาดเล็กมากมาย มันประดับไปด้วยไฟหลากสีสัน ดูสลัวแต่ก็สว่างสวยงาม เป็นความขัดแย้งที่น่าสนใจ เสียงดนตรีมีจังหวะหนักแน่นเฉพาะตัวดังลอดออกมาจากแต่ละร้าน ราวกับเป็นเพลงที่บรรเลงต่อเนื่องไปด้วยกัน
ย่านที่อยู่แถวนี้ให้บรรยากาศที่น่าสนใจทีเดียว ...ลูเซียสตัดสินใจเดินสำรวจไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็โดนขัดเอาไว้จนได้
“เฮ้ย!...พวกเลือดสีน้ำเงินมาเดินทำไมแถวนี้” เสียงตะโกนดังจากด้านหลัง ทำให้ต้องหยุดฝีเท้า หันข้ามไหล่ไปมอง
ด้านหลังเขามีกลุ่มเด็กหนุ่มเลือดสีแดงยืนอยู่ หลายคนมีรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน สีหน้าและท่าทางที่มองมายังลูเซียสดูไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่นัก
เพราะแบบนี้นี่เอง พวกคนที่ตามมาจากซี-คอล ถึงเลือกที่จะไม่ตามลงมาที่นี่ พวกนั้นคงจะรู้ดีกว่าหากเลือดสีน้ำเงินแปลกหน้าโผล่เข้ามาในถิ่นของเลือดสีแดง ก็จะโดนหาเรื่องแบบนี้นี่เอง ...เซย์นในเวลานี้แม้จะไม่มีสงครามแบ่งแยกเผ่าพันธุ์ก็จริง แต่..แต่ชนเผ่าก็ยังคงแบ่งแยกกันอยู่
...ไม่ใช่เรื่องที่ใช้เวลาแค่สิบ ยี่สิบปี จะหมดไปได้
“ว่าไง...มาทำไมแถวนี้?” เด็กหนุ่มตัวสูงยาวรูปร่างผอมแห้ง ก้าวออกมาด้านหน้า กระชากเสียงถามอีกครั้ง
“แค่มาเดินเล่นเฉยๆ น่ะ”
“มาเดินเล่นในย่านนี้เนี่ยนะ ...อยากวอนหาเรื่องเจ็บตัวหรือยังไง? รีบไสหัวไปซะ...” เด็กหนุ่มคนเดิมว่า ดวงตาสีแดงกลมโตของอีกฝ่ายหรี่ลงเมื่อมองไปที่ สัญลักษณ์บางอย่างบนชายเสื้อของลูเซียส “เดี๋ยว...ไอ้หมอนี่มันเด็กของซี-คอลนี่!”
“จริงด้วย!” เสียงอีกคนว่าบ้าง “นี่แกอยากมาหาเรื่องพวกเราจริงๆ ใช่ไหม?!”
“จะมาดูถูกอะไรเราอีก...ครั้งก่อนโดนไปขนาดนั้นยังไม่เข็ดใช่ไหมหา?!”
ลูเซียสหรี่ดวงตาลง เสียงเอะอะของพวกเขาเรียกความสนใจได้มาก มีเด็กหนุ่มอีกหลายคนที่น่าจะรู้จักสนิทสนมกันก้าวเข้ามาสมทบเพิ่มเติม ผู้คนที่ไม่อยากเข้ามายุ่งกับเรื่องวิวาทของเหล่าวัยรุ่นต่างพากันแหวกทางเดินหนีออกห่าง เพียงชั่วพริบตาลูเซียสก็ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมกลางถนนหนทางที่ไม่รู้จักซะแล้ว
“ว่าไง แกมาแถวนี้ทำไมหา?!”
“ก็บอกแล้วไงว่า แค่เดินเล่นเฉยๆ”
“พูดจากวนประสาท!”
“ใครกันแน่ที่กวนประสาท” ลูเซียสแทบจะกลอกตาอยู่แล้ว
“ลุยแม่งเลยก็แล้วกัน!” เด็กหนุ่มเลือดร้อนอีกคนพูด “เอาคืนกับเรื่องมาคราวก่อนที่มันมาหาเรื่องดูถูกอาจารย์เราถึงที่นี่ไง”
“จริงด้วย!”
ลูเซียสขมวดคิ้ว ...อาจารย์? คงไม่ใช่ว่า....?
จังหวะที่เผลอปล่อยความคิดไป หมัดของใครบางคนก็ซัดออกมาแล้ว มันรวดเร็วกว่าที่คิดลูเซียสที่ไม่ทันระวังจึงเบี่ยงหลบได้ไม่พ้น โดนถากๆ ไปที่แก้ม จนรู้สึกเจ็บแปลบๆ ขึ้นมา
ลูเซียสเดาะลิ้น ดวงตาคมกริบเขม่นมองไปยังบุคคลตรงหน้า
เด็กหนุ่มที่เข้ามาจู่โจมเขามีรูปร่างอ้วนใหญ่ ดวงตาเล็กสีคล้ำ เมื่อเห็นสายตาดุดันจากลูเซียส เจ้าตัวก็แข็งค้างไปทันที ความรู้สึกกลัวอันไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนไต่ขึ้นมาที่แนวกระดูกสันหลัง
“เฮ้ย...อย่าไปกลัวมันสิ พวกเรามีกันตั้งกี่คน ลุยมันเลย”
ลูเซียสกวาดตาไปรอบๆ กำหมัดทั้งสองจนกระดูกที่ข้อนิ้วลั่นดังกร๊อบ ร่างกายและประสาทสัมผัสกำลังถูกปลุกให้ตื่นตัวขึ้นเพื่อพร้อมสำหรับการต่อสู้
แต่แล้วเสียงกังวานที่ฟังคุ้นหู ก็ทำให้ความร้อนที่กำลังเดือดพล่านอยู่ในกายถูกยับยั้งเอาไว้ไม่ให้ประทุออกมาได้ทัน
“นี่...ทำอะไรกัน หยุดนะ!”
ลูเซียสเหลือบสายตาที่ยังคงแข็งกร้าวไปยังเจ้าของเสียง ...ร่างเพรียวของเคลย์ ที่กำลังแหวกฝูงชนเข้ามาปรากฏแก่สายตา ดวงตาคู่สวยสีดำสนิทแฝงแววประหลาดใจจับจ้องมายังตัวเขา
“...ลูเซียส?”
ทันทีที่อีกฝ่ายเรียกชื่อของตัวเองออกมา เด็กหนุ่มก็คลายมือที่กำแน่นของตัวเองออก โหมดการต่อสู้ของเขาถูกปิดลงในตอนนั้นเอง
“เธอมาทำอะไรที่นี่?”
“อ่า...” ลูเซียสยังไม่ทันจะได้พูดอะไรออกไป ฝ่ายกลุ่มเด็กวัยรุ่นเลือดสีแดงก็ชิงตอบแทนไปก่อน
“มันมาหาเรื่องเรา”
“ใช่ๆ”
“หาเรื่อง?” เคลย์ทวนคำถาม
“เปล่านะครับ” ลูเซียสส่ายหน้า “ผมบอกไปแล้วว่า แค่มาเดินเล่นเท่านั้น”
“เธอ...มาเดินเล่นแถวนี้เนี่ยนะ” เคลย์ขมวดคิ้ว ถามด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
ลูเซียสเหลือบมองรอบตัว เพราะบรรยากาศไม่คุ้นเคย ไฟสีสันแปลกตา ดนตรีบรรเลงตลอดทาง ทำให้เขาแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าออกห่างจากสถานีที่ลงมาค่อนข้างไกลมากทีเดียว แถมตรงข้ามถนนก็ยังมีรั้วกั้นและอาคารหลังใหญ่ ติดป้ายตรงทางเข้าเอาไว้ว่า ...วิทยาลัยเฉพาะทางสำหรับเลือดสีแดง
“อาจารย์ อย่าไปเชื่อมัน...ไอ้หมอนี่ก็คงมาเหมือนๆ กับคราวก่อนนั้นแหละ”
ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วอึดใจ จากนั้นก็พูดว่า “น่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน...เขาเป็นนักเรียนของฉันเอง”
“แต่หมอนี่มันเลือดสีน้ำเงิน...”
“แล้วไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เราก็ไม่ควรลงมือทำร้ายคนอื่น!” เคลย์กล่าวตัดบท น้ำเสียงของเจ้าตัวเข้มขึ้น ท่าทางดุดัน แทบจะต่างกับภาพลักษณ์ของอาจารย์เวลาอยู่ใน ซี-คอล อย่างสิ้นเชิง “ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าไม่ให้ใช้กำลังตัดสินปัญหาน่ะ เราไม่ได้ไร้อารยะขนาดนั้น ที่แถวนี้ถึงจะมีเลือดสีแดงอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าชนเผ่าอื่นจะผ่านเข้ามาไม่ได้ซะหน่อย”
“แต่ว่า...อาจารย์”
“ไม่มีแต่...แยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้ว” เคลย์ยื่นคำขาด “คนอื่นๆ ในบ้านคงจะเป็นห่วงกันแย่แล้ว”
“ไม่มีใครห่วงพวกเราหรอกน่า” เสียงใครบางคนบ่น ...แม้จะดูอิดออด แต่พวกกลุ่มวัยรุ่นก็ทำตามคำสั่งของชายหนุ่ม แยกย้ายกันจากไป
เคลย์ถอนหายใจ ก่อนก้าวเท้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าลูเซียส ดวงตาสีดำขลับมองตรงมายังรอยจางๆ บนแก้มที่เกิดจากหมัดของใครสักคน
“ส่วนเธอ...ตามฉันมานี่” ชายหนุ่มคว้าข้อมือของลูเซียส จากนั้นก็ออกแรงดึงให้ไปด้วยกัน
===+++===+++===+++
ได้เข้าใกล้ จารย์ แล้วเน้อ.... (ซะที T-T)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กำลังสนุกเลยย มาต่อเร็วๆนะค้าา
ตอนลุ้นว่าใครจะมาคู่ลูเซียส แล้วผลออกมาเป็นเคลย์นี่ดีใจมากกก เพราะชอบเคะแก่กว่า55555 เคลย์ต้องมีเบื้องหลังอะไรแน่นอน เดาว่าน่าจะเจออะไรที่โหดร้ายมาก่อนแน่ๆ
จะบอกว่าตอนพิเศษนี่ยาวพอๆกับนิยายอีกเรื่องได้ละอ่ะ5555 ขอบคุณมากนะคะ อ่านจุใจเรยย
อาจจะยาวไปสักนิดแต่ยังไงก็จะพยายามไม่ให้เกินไปนะคะ
ฝากติดตามต่อไปด้วยจ้า เชียร์ลูเซียสกะเคลย์ ด้วยนะ
พอยาวแล้วรายละเอียดมันเยอะกว่าอ่ะค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะค้า น้องมารอพิทุ้กวันนน
#รอค่าาาา