ตอนที่ 103 : ตอนพิเศษ : โชคชะตา...ครั้งใหม่ [2]
แม้จะตอบตกลงไปแล้ว แต่พอเอาเข้าจริงลูเซียสก็ยังรู้สึกว่ามันไร้สาระจนไม่อยากจะไปอยู่ดี
ในวัยเด็กลูเซียสอยู่แต่กับพ่อและแม่ เมื่อโตขึ้นก็ถูกส่งตัวไปเรียนรู้ทักษะด้านต่างๆ ซึ่งคนรอบตัวล้วนมีแต่ผู้ใหญ่ ซึ่งลูเซียสก็คิดว่ามันเหมาะกับตัวเขาดีอยู่แล้ว กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่คิดว่าการต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเด็กวัยเดียวกันมันน่าสนใจหรือน่าสนุกตรงไหน
ลูเซียสมองกระจก ขณะใช้ปลายนิ้วนวดคลึงบริเวณปลายหางตาด้านซ้าย ดวงตาข้างนี้ถูกเปลี่ยนมาเป็นสีฟ้าอมน้ำเงินใสด้วยแก้วตาเทียมชนิดพิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกปิดดวงตาสีเงินของเขาเอาไว้ แม้ว่ามันจะถูกสร้างมาให้ผสานเข้ากับเยื่อบุดวงตาของลูเซียสโดยเฉพาะ แต่เด็กหนุ่มก็ยังอดรำคาญนิดๆ ไม่ได้
ไม่แค่เรื่องที่ต้องปิดบังดวงตาเท่านั้นที่น่ารำคาญ ยังมีข้อกำหนดที่อีธานพ่อของเขาวางเอาไว้ให้สำหรับการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในโรงเรียนที่เซย์นอยู่อีก มันมีรายละเอียดยิบย่อยอีกหลายอย่าง เช่นว่าห้ามแสดงความรู้ความสามารถเกินควร ห้ามก่อเรื่องทะเลาะวิวาท และข้อใหญ่ที่สุดก็คือห้ามให้ใครรู้ถึงสายเลือดที่แท้จริง พ่อถึงกับใส่รายละเอียดพวกนี้ลงในอุปกรณ์สื่อสารที่ข้อมือของเขาในแบบที่สามารถจะแก้ไขเพิ่มเติมข้อปลีกย่อยลงไปแบบออนไลน์ได้ตลอดเวลาที่พ่อนึกอะไรขึ้นมาได้อีก จากที่จีแอลเคยเล่าว่า พ่อเป็นคนประเภทที่รักกฎระเบียบขนาดไหน ลูเซียสก็เชื่อหมดใจเอาตอนนี้นี่เอง
เด็กหนุ่มร่างสูงก้าวออกมาจากห้องนอนของตัวเอง และเห็นว่าในโถงหน้าเตาผิงนั้น มีแขกร่างสูงยาวนั่งอยู่ก่อนแล้ว
ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีแดงเข้ม ซึ่งเหลือเพียงข้างเดียว ลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นลูเซียส รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนหน้าของเขา
“สวัสดีครับ...ลูเซียส” สเวนเอ่ยทักขึ้นก่อน
ลูเซียสค้อมศีรษะลงเล็กน้อย “สวัสดีครับ...ทำไมคุณสเวนถึง...”
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำถามได้จบประโยค เสียงของผู้เป็นพ่อก็ดังขึ้นตอบ
“สเวนจะมารับลูกน่ะ”
“ไม่เห็นต้องลำบากเดินทางมาเองเลยนี่ครับ” ลูเซียสถอนหายใจ เขาไม่คิดว่าจะถึงขนาดต้องมีคนมารับถึงนี่ เพราะตลอดมาการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ของลูเซียสนั้นใช้เพียงยานพาหนะแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติไปไหนมาไหนเพียงคนเดียว
“ไม่ลำบากเลยครับ...ถ้าผมไม่ห้ามเอาไว้คุณเอเลียตจะมารับเองด้วยซ้ำ เขาดีใจมากนะครับที่รู้ว่าลูเซียสตัดสินใจจะไปพักอยู่ด้วยกันที่เซย์น”
“แต่ก่อนเป็นเด็กติดพี่ ตอนนี้ก็เป็นอาที่ติดหลาน” จีแอลเดินเข้ามาสมทบ เขาวางแขนบนไหล่ของอีธาน “น้องชายของนายนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย” อีธานส่ายหน้า ขณะที่สเวนเหยียดยิ้มจางๆ
ความสัมพันธ์ของลูเซียสกับ คุณอา ถือว่าดีมากทีเดียว เขาได้รับความเอ็นดูอย่างมากมาตั้งแต่เด็ก ของขวัญมากมายถูกส่งมาอยู่เสมอ ทุกครั้งที่ไปเยือนเซย์นก็จะได้รับการดูแลอย่างดีชนิดชีวิตที่บ้านเทียบไม่ติด ต่างจากความสัมพันธ์ของอาเอเลียตกับจีแอล ซึ่งไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงห่างไกลความเป็นมิตร
“เอาล่ะเดินทางได้แล้ว” พ่อเอ่ย
ลูเซียสรู้ว่าอิดออดไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงเดินไปหยิบสัมภาระออกมาจากห้อง
“ไปนะครับ” เด็กหนุ่มกอดลาอีธานกับจีแอล ก้าวเท้าออกจากบ้าน โดยมีสเวนตามออกไป
“อย่าตามใจเขามากนักล่ะ” อีธานกล่าวทิ้งท้าย
“เรื่องนั้นผมจะเตือนคุณเอเลียตให้ครับ” สเวนยิ้มตอบ
เมื่อลูกชายถูกส่งออกไปจากบ้าน บรรยายกาศก็เงียบลงอย่างเห็นได้ชัด อีธานหันมามองร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ข้างกาย ...จีแอลยังคงเหมือนเดิม ราวกับกาลเวลาไม่สามารถทำอะไรเจ้าตัวได้
“มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?”
“หา?...นายเป็นคนบอกเองนะว่า ควรส่งลูเซียสไปก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องที่ส่งลูกไปเรียน แต่เป็นเรื่องที่นายผลักดันเขาในเรื่องคู่ตังหาก...เขาเพิ่งจะสิบสี่เองนะ”
จีแอลเลิกคิ้วขึ้น “รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ฉันรู้มาตลอดนั่นแหละ”
“แหม...ปิดบังอะไรคุณพ่อไม่ได้เลยเนอะ” จีแอลใช้ศอกถองสีข้างอีกฝ่ายเบาๆ
“จีแอล...”
“เรื่องสืบทอดเผ่าพันธุ์อะไรนั่น มันจบไปนานแล้วอีธาน” ดวงตาสีเงินที่ยังคงเปล่งประกายงดงามอยู่เสมอนั่นจ้องเข้ามาในดวงตาของร่างสูง “ฉันไม่ได้คาดหวังให้ลูเซียสสืบทอดความหวังที่ฉันเคยยึดติดนั่นเลยสักนิด...”
“นายไม่ได้ต้องการแบบนั้นเหรอ?”
“ฉันเลือกยึดติดกับมันไปนานแล้วล่ะ...เลือดสีเงินคนสุดท้ายก็คือตัวฉัน ชะตามันกำหนดมาให้เป็นเช่นนั้น ไม่อาจะเปลี่ยนแปลงได้หรอก ต่อให้เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งแค่ไหน ต่อให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นกับลูเซียสอีกครั้ง แต่สายเลือดสีเงินในกายที่ถูกส่งต่อไป ก็จะถูกลดทอนให้จางลงเรื่อยๆ อยู่ดี” จีแอลยิ้มที่มุมปาก “แล้วถ้าฉันไม่อยากให้สายเลือดเข้มข้นของตัวเองจางลงไปจริงๆ คู่ของลูเซียสก็คงต้องเป็นฉันไม่ใช่เหรอไง?”
อีธานชักสีหน้า พร้อมกับรวบตัวคนพูดเข้ามาอยู่ในวงแขนแน่น
“อย่าคิดอะไรบ้าๆ เชียว!”
จีแอลหัวเราะ ขณะยกมือขึ้นโอบรอบลำคอแข็งแรงของร่างที่สูงกว่า
“ฉันแค่อยากให้ลูเซียสได้เรียนรู้ อยากให้เขาตระหนักถึงมัน อยากให้เขารู้ว่าชีวิตของเขาคือสิ่งที่ล้ำค่าและพิเศษแค่ไหน... อยากให้เขาใช้ชีวิตเผื่อในส่วนของคนอื่นๆ ของเผ่าพันธุ์ ...เผื่อในส่วนของฉันกับนายในวันข้างหน้าด้วย”
อีธานเลื่อนมือขึ้นมา สัมผัสผมเส้นละเอียดสีเงินให้ความรู้สึกลื่นและเย็นอย่างช้าๆ จากนั้นจึงแนบจุมพิตลงเหนือเปลือกตาของอีกฝ่าย “ลูเซียสเป็นคนพิเศษ ...เขาจะต้องรับรู้สิ่งเหล่านี้ได้แน่”
อ้อมกอดกระชับแนบแน่นขึ้น ทั้งคู่ต่างครอบครองริมฝีปากของกันและกัน ก่อนจะผละออกอย่างเชื่องช้าอ่อยอิ่ง
ร่างสูงหรี่ดวงตาสีเงินน้ำเข้มของตัวเองจ้องมองอีกฝ่าย เมื่อสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วที่ถูกลากไล้ไปตามแผ่นหลังของตัวเอง
“ทำอะไรน่ะฮึ?” อีธานถามด้วยน้ำเสียงแฝงแววขบขัน
“ก็...ช่วงนี้ไม่ได้ทำเลยนี่” จีแอลพูดด้วยเสียงต่ำพร่า ส่งรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์และยั่วเย้ามาให้ “เขาว่าพอมีลูกอยู่ด้วยก็ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัว เพราะงั้นคุณพ่ออย่างนายเลยต้องหาเหตุผลมากมายเพื่อจะส่งลูกชายออกจากบ้านไปใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่ที่ไหนกันเล่า!” ชายหนุ่มยกมือกุมขมับ
จีแอลก่อนแตะนิ้วลงบนริมฝีปากของอีธาน กระซิบที่ข้างหู “นี่...ทำรอยไว้อีกสิ เอาแบบให้ติดไปนานๆ เลยนะ”
เมื่อได้ยินอีธานก็ช้อนร่างของอีกฝ่ายขึ้นอุ้ม พลางส่งเสียงบ่นเบาๆ “...นายนี่นะ”
“ไม่ได้ถูกอุ้มซะนานเลยแฮะ” จีแอลยิ้ม มองสบกับดวงตาที่แฝงแววเร่าร้อนของคนรัก “ไหวไหมครับคุณลุง?”
“หยุดเลย...อย่าทำให้ฉันต้องเลือก ระหว่างพานายไปฟัดในห้องนอน หรือว่า โยนทิ้งไว้ตรงนี้นะ!” อีธานส่งเสียงดุ “ที่สำคัญ...นายแก่กว่าฉันอีกเถอะ!”
จีแอลหัวเราะเสียงดัง “เวลานายโกรธนี่เร้าใจเป็นบ้า”
===+++===+++===+++
ขยัน!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พอส่งลูกออกจากบ้านปุ๊บ คุณพ่อคุณแม่ก็สวีททันทีเลยค่ะ
รอลุ้นว่าคู่ของลูเซียสจะเป็นคนแบบไหนค่ะ
ถ้ากวนแบบจีแอลชีวิตลูเซียสคงมีความสุขไปปวดหัวไปเหมือนอีธานแน่เลยค่ะ
พอเห็นว่าจีแอลไม่เปลี่ยนไปเลย ก็รู้สึกกลัวแทนจีแอลค่ะ
กลัวว่าจะอายุยืนเกิน จนอีธานจากไปก่อน แล้วจีแอลต้องอยู่คนเดียว
ต่อให้มีลูกหลาน ก็คงไม่เหมือนมีอีธานอยู่ข้่งๆ แน่
ในส่วนของจีแอล แม้ว่าจะมีช่วงวัยหนุ่มสาวที่ยาวนาน แต่เมื่อชราก็จะชราไปค่อนข้างไว(เหมือนช่วงเด็กที่โตเร็ว) ..ก็หวังว่าอีธานจะอายุยืนอยู่ดูแลเมียไปนานนนนนนานนนนน แล้วแก่เฒ่าไปพร้อมกันค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามน้า ^^
รอตอนพิเศษต่อ