ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นานาสาระเกี่ยวกับสุขภาพและวิธีการลดความอ้วน

    ลำดับตอนที่ #8 : ความรู้ที่เกี่ยวกับการลดความอ้วน

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ค. 52


    />

    หากว่ากันได้ในยุคหนึ่งมีการนำเอายากลุ่ม Non – amphetamine ได้แก่ Phentermine และ Fenfluramine มาใช้ในการควบคุมน้ำหนัก ผลที่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ แต่ผลข้างเคียงนั้นร้ายแรงและยากที่ผู้ที่เคยใช้จะลืมได้ อาการที่พบมีตั้งแต่ ซึมเศร้า หงุดหงิดง่าย ประสาทหลอน และอื่น ๆ อีกมากมายและที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือเมื่อหยุดยาแล้วมักจะเกิด Yo-Yo effect หรือที่เรียกกันว่ากลับมาอ้วนกว่าเดิม นอกจากการใช้ยาแล้วยังมีอีกหลายวิธีที่นิยมใช้กัน ซึ่งก็มีข้อดีและ ข้อเสียที่แตกต่างกัน

    การควบคุมอาหาร :
    ข้อดี : - ปฏิบัติได้เลย, ปลอดภัย, ประหยัด
    ข้อเสีย : - ยากที่จะปฏิบัติได้อย่างต่อเนื่อง ทรมาน เห็นผลช้า
    การออกกำลังกาย :
    ข้อดี : - นอกจากช่วยลดน้ำหนักแล้วยังทำให้สุขภาพแข็งแรง ปฏิบัติได้เลย ต้นทุนต่ำ(ยกเว้นคนในกรุงเทพฯ)
    ข้อเสีย : - ยากที่จะปฏิบัติได้อย่างต่อเนื่อง อาจบาดเจ็บได้
    การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร :
    ข้อดี : - ปลอดภัยในระดับหนึ่ง เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นสารอาหาร สะดวกในการรับประทานและพกพา
    ข้อเสีย : - ราคาแพง มีหลากชนิดจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลก่อนบริโภค อาจเกิดการแพ้ได้
    การใช้ยาควบคุมน้ำหนัก :
    ข้อดี : - เห็นผลชัดเจนหากใช้ถูกชนิดภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ
    ข้อเสีย : - มักพบอาการข้างเคียง ราคาแพง
    การดูดไขมันส่วนเกิน (Liposuction) :
    ข้อดี : - ลดไขมันส่วนเกินเฉพาะที่ได้ เหมาะสำหรับคนที่อ้วนมาก
    ข้อเสีย : - ราคาแพง เจ็บปวด สร้างความเสียหายให้กับเซลล์รอบข้าง
    การตัดลำไส้ (Colectomy) :
    ข้อดี : - ช่วยลดพื้นที่การดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย (ลด input ) ลดความหิว
    ข้อเสีย : - มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน อาจขาดสารอาหารได้ เจ็บปวด ราคาแพง
    การเย็บกระเพาะอาหาร( Stomach Stapling ) :
    ข้อดี : - ลดขนาดของกระเพาะอาหารเพื่อจำกัดปริมาณอาหาร
    ข้อเสีย : - มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน รอยเย็บมักจะหลุดและต้องเย็บ ใหม่ อาจทำให้ขาดสารอาหารได้ เจ็บปวด ราคาแพง
    วิธีการควบคุมน้ำหนักคงไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังคงมีอีกมากมายที่ยังไม่เป็นที่นิยมมาก เช่นการใช้อุปกรณ์บางชนิด(เข็มขัดไฟฟ้า) การดัดฟัน และอื่น ๆ ผู้ที่ประสงค์ที่จะควบคุมน้ำหนักควรศึกษาข้อมูลให้มากที่สุดก่อนที่จะตัดสินใจ

    รศ.ดร. อรสา พันธ์ภักดี คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล
    "ความอ้วน" นับเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ที่ส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมามากมาย จากการวิจัยที่ผ่านมา เมื่อลดน้ำหนักลงได้ 10 กิโลกรัม จะทำให้ความดันตัวบนลดลง 5-20 มม.ปรอท การลดความอ้วนจะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง และโรคเบาหวานได้สังเกตว่าตัวเองอ้วนหรือไม่นั้น ดูได้จากค่าดัชนีมวลกาย (BMI) และการวัดรอบเอว รอบสะโพก ซึ่งการหาค่าดัชนีมวลกายทำได้โดย ชั่งน้ำหนักที่มีหน่วยเป็นกิโลกรัม และวัดส่วนสูงที่มีหน่วยเป็นเมตร แล้วเอาน้ำหนักตั้ง หารด้วยความสูงยกกำลังสอง ในคนไทยใช้เกณฑ์ว่า ผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 23 กก./ม จัดเป็นกลุ่มที่มีน้ำหนักเกิน และถ้าค่าดัชนีมวลกาย มากกว่า 30 กก./ม จัดเป็นกลุ่มที่ถือว่า "อ้วน"นอกจากนี้ อาจใช้วิธีการวัดสัดส่วนของเส้นรอบเอว กับเส้นรอบสะโพก และนำเส้นรอบสะโพกไปหาร กับเส้นรอบเอว หากได้ค่ามากกว่า 0.8 แสดงว่า "อ้วน" รอบเอวที่ใหญ่แสดงถึงการมีไขมันสะสมที่หน้าท้องมาก เพราะฉะนั้น ผู้หญิงที่เอวใหญ่กว่า 35 นิ้ว และผู้ชายที่เอวใหญ่กว่า 40 นิ้วถือว่า "อ้วนลงพุง" ความอ้วนส่งผลให้สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง เกิดโรคได้ง่าย การลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ต้องตั้งเป้าของการลดน้ำหนักให้ได้ 10% ของน้ำหนักตัวปัจจุบัน โดยให้ลดลงสัปดาห์ละครึ่งกิโลกรัม มีหลักการอยู่ 2 ประการ คือ การรับประทานอาหารให้มีแคลอรี่น้อยกว่าที่เคยกินอยู่ เช่น หนึ่งวันรับประทาน 2,000 แคลอรี่ ให้ลดเหลือ 1,500 แคลอรี่ ในหนึ่งสัปดาห์จะสามารถลดน้ำหนักได้ถึงครึ่งกิโลกรัม อีกประการ คือ การออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญใช้พลังงาน (ไขมัน) ที่สะสมไว้ บางคนที่ไม่ถนัดการออกกำลังกายอย่างจริงจัง อาจใช้ กิจวัตรประจำวัน มาช่วยในการเผาผลาญไขมันได้ เช่น ทำความสะอาดบ้าน ทำสวน ขึ้นบันได แต่ในคนที่ออกกำลังกายได้ ควรทำให้ต่อเนื่องนาน 30 นาที โดยอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกาย และผ่อนคลายเมื่อออกกำลังเสร็จ ควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย

    ถนอมเข่าระยะยาว

    ปัจจัยที่มีผลทำให้ภาวะเข่าเสื่อมปวดมากขึ้น หรือปวดเรื้อรัง คือ ภาวะอ้วน หรือภาวะนํ้าหนักตัวเกิน นํ้าหนักตัวที่เพิ่มขึ้น 1 กิโลกรัม จะทำให้มีแรงอัดกระแทกในข้อเข่าถึง 3 กิโลกรัมในขณะที่เดิน ดังนั้น การลดนํ้าหนักตัว จะช่วยถนอมข้อเข่าได้ในระยะยาว วิธีการลดนํ้าหนักตัวที่มากเกิน โดยเฉพาะสิ่งที่ทุกคนต้องการอย่างยิ่ง คือ การลดปริมาณไขมันที่อยู่ในร่างกาย จะต้องประกอบด้วย
    1.การควบคุมอาหารเพื่อลดปริมาณของแคลอรีที่รับเข้าไป
    2.การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและเพียงพอ เพื่อเผาผลาญแคลอรีที่อยู่ในร่างกาย
    3.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
    การจะลดนํ้าหนักตัวให้ได้ผลดีและเร็ว ควรต้องออกกำลังกายด้วยความหนัก ความนาน และความบ่อยสมํ่าเสมอ นอกเหนือจากการทำกิจกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้น เนื่องจากพบว่า การออกกำลังกายจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้

    1.       เพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานทั้งในขณะพัก และขณะที่ทำกิจกรรมต่างๆ

    2.       ป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ จากการควบคุมอาหาร การลดนํ้าหนักด้วยการลดอาหารเพียงอย่างเดียว จะทำให้มวลกายไร้ไขมันลดลง ซึ่งทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานในขณะพักลดลงด้วย

    3.       ทำให้นอนหลับได้สนิทขึ้น

    4.       ลดความตึงเครียด และช่วยในการผ่อนคลาย

    5.       เพิ่มกำลังและความทนทานของกล้ามเนื้อ

    6.       การออกกำลังกายจะช่วยเปลี่ยนนิสัยการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะลดความอยากอาหารต่างๆ ลง

    7.       ทำให้ระบบหายใจและระบบไหลเวียนเลือดทำงานดีขึ้น ลดอัตราเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด

    8.       ช่วยลดภาวะซึมเศร้า

    9.       ทำให้รูปร่างสัดส่วนดีขึ้น กล้ามเนื้อกระชับ

    10.    ทำให้สมาธิในการทำงานดีขึ้น

    11.    ทำให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น

    12.    ช่วยลดความรุนแรงของภาวะปวดเรื้อรัง เช่น ปวดหลัง ปวดประจำเดือน

    13.    ช่วยทำให้ความยืดหยุ่นตัวดีขึ้น ชะลอความแก่ เนื่องจากการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ จะมีผลต่อการชะลอความเสื่อมของกระดูกและข้อ ทำให้กระดูกพรุนช้าลง ต้องออกกำลังกายลักษณะลงนํ้าหนักตามแนวกระดูกหลังและขา เช่น การเดิน วิ่งเหยาะ

    14.    ทำให้สุขภาพร่างกายและคุณภาพชีวิตดีขึ้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×