sceptical
ถ้ารู้ล่วงหน้าสักสิบปีว่าชีวิตจะเป็นยังไง คงไม่ต้องมาตกอับเหมือนวันนี้แน่ๆ พระเจ้าบ้าเอ้ย!!! ทำไมต้องทำให้ฉันเจอยัยนั่นด้วย!!!!
ผู้เข้าชมรวม
119
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ฝนตกหนักทั้งวัน พยากรณ์อากาศบอกมาแบบนั้น แต่ฉันไม่เคยจะสนใจเลยสักครั้งเพราะมันไม่เคยถูก เหมือนจ้างพยากรณ์มือสมัครเล่นมาทำงานชัดๆ แต่ถึงยังไงแม่ก็ชอบที่จะเปิดให้ฟังทุกเช้าก่อนไปทำงานตลอดพร้อมกับแอบยัดร่มใส่กระเป๋าเป้ของฉันทุกคืนที่เตรียมของไปทำงานก่อนเข้านอน
“อีกแล้วนะแม่ หนูบอกแล้วไงว่ามันไม่เป็นไรหรอก แม่ก็เห็นว่ามันไม่แม่นอะ พูดมาเป็นอาทิตย์ละว่าฝนจะตกทั้งวันๆ ไม่เห็นจะตกเลยซักกะหยด”
ฉันเปิดกระเป๋าหยิบร่มออกพร้อมกับบ่นให้แม่เล็กน้อยด้วยความเหนื่อยใจ ไม่เข้าใจเลยทำไมแม่ถึงปักใจกับพยากรณ์ช่องนี้นัก
“กันไว้ก็ดีนะไอ แม่สังหรณ์ใจว่าวันนี้ฝนต้องตกหนักแน่ๆ ยังไงก็กลับเร็วหน่อยนะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะแม่ยังไงหนูก็ดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว แม่ก็รู้หนิคะลูกสาวแม่คนนี้อะแข็งแรงจะตาย แค่เปียกฝนกลับบ้านนิดหน่อยไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกค่ะ หนูไปก่อนนะคะเดี๋ยวสาย”
ฉันพูดเพื่อให้แม่สบายใจขึ้นพร้อมกับกอดท่านก่อนจะขอตัวออกไปทำงาน และก็ไม่ลืมที่จะวางร่มที่หยิบออกจากกระเป๋าไว้บนชั้นใส่รองเท้าอย่างรวดเร็ว
ชื่อของฉันคือ ไอรานิน แก้วบรรพกาล เรียกสั้นๆว่า ไอรา ฉันชอบนะรู้สึกว่ามันเพราะดี ส่วนความหมายก็ไม่แน่ใจเพราะไม่เคยถามพ่อกับแม่ ฉันเป็นลูกคนกลาง มีพี่สาวหนึ่งคนตอนนี้ทำงานเป็นครู และน้องชายอีกหนึ่งคนกำลังเรียนมัธยม ชีวิตของฉันก็เรื่อยๆในฐานะของคนตกอับหลังเรียนจบจนตอนนี้ก็นับเป็นเวลาถึงสองปีแล้ว ฉันเป็นคนขยันและมีเป้าหมายเสมอ แต่พอคิดแล้วก็แอบแค้นเพื่อนในวัยเด็กนิดหน่อย จริงๆก็ไม่หน่อยแต่มากเลยล่ะ ยัยนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะในชีวิตฉันทำให้ฉันต้องกลายเป็นคนมีหนี้สินท่วมหัว เกือบถูกไล่ออกจากมหาลัยและเกือบต้องติดคุก ซึ่งมีผลทำให้ประวัติของฉันไม่ค่อยดีรวมถึงเกรดที่จบออกมาด้วย พอไปสมัครงานก็ยากที่จะมีคนรับ
การมีปัญหาเรื่องเงินและงานทำให้ฉันต้องย้ายมาอยู่กับครอบครัวที่ต่างจังหวัด รวมถึงทำงานที่นี่ด้วย งานที่ฉันพึ่งได้มาเมื่อสองสัปดาห์ก่อนเป็นงานในร้านอาหารของโรงเเรมชื่อดังซึ่งต้องนั่งรถเข้าเมืองหลายกิโลกว่าจะถึงที่ทำงานการเดินทางก็นับว่าลำบากพอๆกับตอนอยู่กรุงเลย งานของฉันคือส่วนของพนักงานเสริฟซึ่งก็โดนตำหนิอยู่บ่อยครั้งไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกเบื้องบนแกล้งหรือยังไง เมื่อฉันต้องออกไปรับออร์เดอร์หรือเสริฟอาหารก็มักจะเจอกับลูกค้านิสัยแย่เสมอ วันนี้ก็ไม่ต่างกัน เมื่อมีลูกค้าไฮโซสองคนสั่งอาหารเป็นฉันที่รับออร์เดอร์และต้องนำไปเสริฟทำให้ต้องเจอเหตุการณ์ที่ไม่อยากเจออีกครั้ง
เพล้ง!!!!!
“ตายแล้ว!!! ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้ล่ะทำเสื้อฉันเลอะหมดเลย รู้มั้ยว่าชุดนี้เท่าไร อีกอย่างฉันพึ่งซื้อมาด้วย เธอจะชดใช้ยังไง”
“คือ…ฉันยังไม่ได้ทำอะ…”
ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรออกไป ผู้จัดการวัยกลางคนที่ชอบดุฉันบ่อยๆก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อนพร้อมกับก้มหัวขอโทษซ้ำๆ แถมยังกดหัวฉันให้ก้มลงขอโทษผู้หญิงคนนั้นด้วย
“ขอโทษจริงๆนะครับ เดี๋ยวทางเราจะจัดเซตอาหารใหม่ให้ โดยไม่คิดเงินเพิ่มนะครับและจะจัดการแถมไวน์ Penfolds Grange Hermitage 1951 ที่ทำหกใส่คุณผู้หญิงให้ด้วยครับ”
เขาหันมามองฉันด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ก่อนจะกัดฟันพูดเบาๆนั่นทำให้ฉันรู้ถึงชะตากรรมที่จะตามมาในอีกไม่กี่นาทีซึ่งสิ่งที่ทำได้มีเพียงตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เบาที่สุดด้วยสีหน้ารู้สึกผิดอย่างมาก
“ตามฉันมาที่หลังร้าน”
“ค่ะ”
เอาล่ะฉันจะต้องอธิบายก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา ฉันไม่อยากถูกไล่ออกทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกนะ
“คือผู้จัดการคะ ฟังฉันอธิบายก่อนนะคะ ฉันไม่ได้ทำน้ำหกใส่เธอเลย ฉันแค่ไปเสริฟอาหารและรินไวน์ที่เธอสั่ง แต่จู่ๆเธอก็ปัดแก้วนั้นทิ…”
“พรุ่งนี้ไม่ต้องมากทำงานแล้ว”
“อะไรนะคะ แต่ฉันไม่….”
“นี่มันครั้งที่ห้าแล้วนะไอรานิน แล้วครั้งนี้มันก็หนักเกินกว่าจะจ้างพนักงานไร้ความสามารถที่ขนาดงานง่ายๆเช่นการเสริฟให้ดีโดยไม่มีข้อผิดพลาดอย่างเธอมาทำให้ร้านเสียงชื่อแถมยังขาดทุนอีกด้วย ฉันไล่เธอออก”
จบบทสนทนา ผู้จัดการเดินออกไปด้วยความหัวเสีย เขาไม่รับฟังเหตุผลของฉันเลย ไม่รู้ว่าไม่ชอบฉันด้วยรึป่าว แต่ทุกครั้งที่มีปัญหาเขาเอาแต่ต่อว่าและโทษว่ามันเป็นความผิดฉัน จากนั้นก็จัดการเสริฟและแถมไวน์แพงๆให้กับลูกค้าที่แสร้งว่าตนเป็นผู้เสียหายไปฟรีๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกค้าส่วนใหญ่ถึงแกล้งพนักงานกัน เพราะมีผู้จัดการที่จัดการกับปัญหาแบบนี้ไง ฉันถอนหายใจอย่างหนัก ถอดผ้ากันเปื้อนของทางร้านออกและเดินไปเปลี่ยนชุดกลับบ้าน
เห้อ นี่เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไงเนี่ย
สวนสาธารณะของหมู่บ้านเป็นเพียงสถานที่เดียวในการพักใจของฉัน ธรรมชาติและสายลมในตอนกลางคืนทำให้ความรู้สึกแย่จากเมื่อตอนเย็นค่อยๆคลืบคลานออกไปจากสมอง เสียงแม่น้ำไหลเบาๆกระทบก้องผ่านหูเข้ามาแทนที่ความเครียด ความใจเย็นและการระงับความวุ่นวายในใจได้ดีกว่าแต่ก่อนทำให้ฉันหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อมองชีวิตที่ผ่านมา ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมาลงเอยอยู่ตรงนี้ พระเจ้าโครตใจร้ายเลยที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ แม้จะรู้ว่าท่านไม่ได้ทำให้ฉันตกงานแต่ท่านก็ทำให้ฉันเจอแต่คนแย่ๆทั้งๆที่ฉันก็ทำตัวดีมาตลอด คิดแล้วก็เคืองไม่น้อยเลย
“เห้อ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะไม่ยุ่งกับยัยตัวเล็กคนนั้นอีก”
ฉันพูดลอยๆออกมา บ่อยครั้งที่ไม่อยากให้ตัวเองยึดติดกับอดีตและเอาแต่คาดโทษคนอื่น แต่มันอดไม่ได้นี่นา ก็ยัยนั้นเป็นคนทำจริงๆ
ปับ!
“อะไรเนี่ย!”
หนังสือพิมแผ่นหนึ่งลอยมาติดตรงหน้าฉัน ดึกขนาดนี้ใครมันมาอ่านหนังสือพิมพ์ที่สวนกันนะ ฉันหันซ้ายหันขวาเพื่อหาเจ้าของกระดาษแผ่นนี้ แต่ไม่เจออะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า หรืออาจจะเป็นเพราะมีคนเอามาทิ้งไว้แถวนี้นะ เพราะเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มเเล้วจะมีใครมาที่นี่กัน แต่เดี๋ยวนะ! สี่ทุ่ม! ตายแล้วๆแม่บ่นหูชาแน่ๆ ฉันรีบลุกอย่างทุลักทุเลพร้อมกับเก็บกระเป๋าที่วางพิงต้นไม้ขึ้นมาและเดินออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว
“แม่หนู”
“แม่หนูคนนั้นหนะ อย่าพึ่งรีบเดินสิ”
ฉันหยุดเดิน ใจเต้นระรัวเหมือนกลองที่ถูกตีก่อนไปรบ ใครมาเรียกกันวะ นี่มันดึกแล้วจะมีใครมาที่นี่อีก ต้องเป็นผีแน่ๆ โบราณว่าไว้ถ้ามีเสียงเรียกกลางค่ำกลางคืนเรียกอย่าตอบกลับ ฉันจะไม่หันไปคุยโดยเด็ดขาด
ก่อนที่จะก้าวเท้าออกไปอีกก้าว ฉันก็ต้องชะงัก
“แม่หนูช่วยอ่านหนังสือพิมพ์นี้ให้ยายหน่อยสิ”
ฉันค่อยๆหันกลับไปอย่างเบาใจ เมื่อเห็นคุณยายพูดและยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับยื่นหนังสือพิมพ์แผ่นหนึ่งให้ มันคือหนังสือพิมพ์แผ่นเดียวกับเมื่อกี้ที่ลอยมาติดหน้าฉัน เป็นคุณยายนี่เองที่มาอ่านหนังสือพิมพ์แถวนี้ ตกใจเเทบแย่ ด้วยความที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากฉันจึงก้มลงไปดูเนื้อหาส่วนที่ยายชี้ให้อ่าน
“พอดียายอยากรู้หนะ ว่ามันใช่หน้าเดียวกับของยายที่ปลิวหายไปรึป่าว”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูอ่านให้นะคะ ข่าวนี้ใช่มั้ยคะ”
“ใช่จ้ะ”
“พบกับจุดจบทายาทอดีตนักธุรกิจหนุ่มชื่อดัง ถูกฆ่าข่มขืนหลังกลับจากงานค้าบริการ เมื่อเช้าที่ผ่านมามีการพบศพผู้หญิงอายุราวยี่สิบกว่าปีถูกฆ่าด้วยมีด คนร้ายใช้อาวุธแทงบริเวณท้องและหนีไป ตำรวจพิสูจน์หลักฐานคาดตายมาแล้วสิบกว่าชั่วโมง ผลตรวจพบคราบอสุจิในร่างกาย เผยดีเอ็นเอจากเลือดของผู้ตายคือ นางสาว ณัฐธัญ สายสิงห์โรจน์ ลูกสาวอดีตอภิมหาเศรษฐีชื่อดังเจ้าของบริษัทสิงห์โรจน์และหุ้นส่วนบริษัทดังอีกมากมาย….”
“อ่านจบแล้วหรอ งั้นคงใช่แล้วล่ะ ของยายเอง หนูเป็นอะไรรึป่าวจ้ะ”
“เอ่อ…เปล่าค่ะ งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ แล้ว…. ยายอยู่แถวนี้รึป่าวคะ ให้หนูไปส่งมั้ย”
“ไม่เป็นไรจ้ะ บ้านยายอยู่ไม่ไกลเดินไปเดี๋ยวก็ถึงแล้ว แม่หนูกลับเถอะมันดึกแล้วเดี๋ยวกลับลำบาก”
“ค่ะยาย เดินระวังด้วยนะคะ”
“จ้ะๆ”
ยายค่อยๆเดินออกไปช้าๆ ฉันรู้สึกเสียใจไม่รู้ทำไม เสียใจมากๆ มันรู้สึกจุกไปหมด ยัยนั่นตายแล้ว แพทตายแล้ว ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่านั่นมันคือข่าวจริง แทนที่จะดีใจที่ยัยนั่นได้รับกรรม ฉันกลับ…ร้องไห้
“ฮึก…บ้าเอ้ย ก็สมควรแล้วนี่ จะร้องทำไมวะ”
ฉันใช้มือปาดน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอย่างบ้าคลั่ง ความรู้สึกบ้านี่มันอะไรกัน มันก็สมควรแล้วนี่ยัยนั่นทำกับฉันเอาไว้มาก มันถูกต้องแล้วที่จะโดนแบบนั้น ถูกแล้ว
แปะ! แปะ!
เปาะ! เเปะ!
ซ่าาาาาาา!!!!!
ชิบ!! ฉันเศร้าอยู่นะเว้ย!! ฝนบ้าเอ้ยดันมาตกอะไรตอนนี้ ฉันวิ่งหาที่หลบฝนไปเรื่อยๆตามทางกลับบ้านและพบว่ามันไม่มีเลย ฝนตกหนักราวกับเก็บกดมาเป็นร้อยปี ฉันวิ่งจนเหนื่อย สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนเป็นเดินแทน มีอะไรแย่กว่านี้อีกมั้ย ภายในวันเดียวเกิดเหตุเยอะแยะจนฉันปรับอารมณ์ตัวเองไม่ถูกแล้วนะ โดนลูกค้าแกล้ง ตกงาน ต้องมารู้ข่าวเพื่อนตาย แถมฝนยังมาตกใส่ตอนร้องไห้อีก บ้าที่สุดเลยเว้ย!
การเดินทางของฉันใช้เวลานานจนเห็นทางเข้าหมู่บ้านแล้ว สมกับที่บอกแม่จริงๆ ฉันหนะแข็งแรงจะตาย ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก แม้ว่าตลอดทางที่เดินจะมืดแต่ก็ยังพอเห็นทางจากไฟข้างทางอยู่บ้าง ถ้าเป็นหนังคงต้องยกให้เป็นหนึ่งในฉากฆาตกรรมที่เราต้องหนีฆาตกรกลางสายฝนในยามค่ำคืนไปเลย
เปรี้ยง!!!
สายฟ้าฟาดลงมาอย่างแรงจนฉันถึงกับตัวเเข็งด้วยอาการช็อก มันเจ็บจนรับรู้ได้ว่าร่างกายจะแตกเสี่ยงๆ ความรู้สึกแสบร้อนจากข้างในเริ่มทวีคูณขึ้นก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลงและความรู้สึกทั้งหมดที่มีอยู่หายไปในพริบตา
ผลงานอื่นๆ ของ Toilyroom ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Toilyroom
ความคิดเห็น