ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไม่รักจะเป็นไรไป (มี E-book)

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 ไม่ตั้งใจ (nc)

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.พ. 66





     

    ตอนที่ 5

    ไม่ตั้งใจ




     

      “หิวยัง สั่งไรกินก่อนได้นะ”


     

          ใส้จะขาดละครับพี่! ฮือออ แต่ผมก็ยังเลือกที่จะตอบไปว่า…


     

    “ยังครับ รอทุกคนมาก่อนก็ได้”


     

    “อืม พี่ก็กินมานิดหน่อยละ ยังไม่ค่อยหิวเท่าไร”



     

           ตลอดเวลาที่รอผมได้แต่ภาวนาให้คนในสายมากันครบเร็วๆจะได้เริ่มสั่งอาหารกัน  ผมไม่ได้เป็นคนออกเงินเลยไม่กล้าสั่งอะไรมาก ให้พวกพี่ๆเค้าเลือกกันเองน่าจะดีกว่า คนมาก่อนก็เริ่มทยอยสั่งเรื่อยๆ ผมเองก็ได้กินบ้างแล้วเพราะพี่ๆคอยเรียกให้กินอยู่ตลอด บรรยากาศอบอุ่นกว่าที่คิดมาก


     

           ทุกครั้งที่มีคนเดินเข้าประตูมาใหม่ผมต้องคอยยกมือไหว้สวัสดีทุกคนตลอด อีกนิดผมจะไปยืนเป็นรูปปั้นเด็กสวัสดีค้างอยู่ตรงนั้นละ พี่ต้นที่อยู่ข้างๆก็เริ่มขำพรางตบไหล่ปุๆเหมือนให้กำลังใจแต่น่าจะหนักไปทางซ้ำเติมเสียมากกว่า


     

    “กูผ่านมาแล้ว5555”


     

    “พี่ก็ทำแบบผมเลยใช่มั้ย”


     

    “เปล่า กูแค่ก้มหัวนิดนึงแล้วพูดว่าสวัสดีครับเฉยๆ ไม่ได้ยกมือไหว้ทุกคนแบบมึง5555 กูนึกว่าไหว้ผู้ใหญ่วันรวมญาติ”


     

          พอต้นพูดออกมาแบบนั้นคนที่เหลือเลยพากันหัวเราะเอ็นดูในความซื่อของน้องเล็ก 


     

    “อ้าว ทำไมพี่ไม่บอกผมอะ?”


     

    “บอกก็ไม่ตลกดิ มึงดู…พี่ๆเค้ากลั้นขำมึงจะตายละ5555”


     

    “โห่ พี่อะ”


     

    “อะๆๆ กินๆๆ จะได้ไม่ต้องบ่นกู” ต้นตักไก่น่องใหญ่มาไว้ในจานน้องรหัสเป็นการปลอบใจ


     

    ยอมกินก็ได้ ผมแค่ไม่อยากทำตัวงี่เง่า ไม่ใช่ว่าน่องไก่มันดูน่ากินหรอกนะ ไม่ใช่เลยจริงๆ





     

           พอกินจนเริ่มอิ่มกันทุกคนห้องอาหารก็เริ่มครึกครื้นมากยิ่งขึ้นบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์เริ่มออก  คนส่วนใหญ่ละมือจากช้อนกับส้อมเปลี่ยนมาจับแต่แก้วแทนรวมถึงวาที่โดนต้นยัดใส่มือมาด้วย


     

    “ผมดื่มไม่เป็นนะครับ”


     

    “เออ ก็ยกจ่อปากแล้วก็กระดกๆแล้วก็กลืนนั่นแหละ”


     

    “…” ผมลองชิมดูแล้วก็อร่อยดี อร่อยแบบแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะมันราคาแพง แต่ยังไงก็สู้โกโก้เพิ่มวิปที่ร้านไม่ติดหรอก อย่าหาเทียบ


     

    “ไง อร่อยอะดิ”


     

    “ก็ใช้ได้ครับ”


     

    “อร่อยก็ดื่มเข้าไป มีกูอยู่ทั้งคน ถ้ามึงเมาเดี๋ยวกูแบกเอง”


     

    “โม้…” เสียงปริศนาดังแทรกตรงกลางระหว่างพี่รหัส-น้องรหัส


     

    “อ้าว ไอ้พี่ธา มาแล้วหรอ กว่าจะเสด็จนะคุณชาย”


     

    “สวัสดีครับพี่ธารา”


     

    “หวัดดีวา โทษที มีนัดแทรกนิดหน่อย”


     

          ทันทีที่ธารามาถึงเจ้าตัวก็ทักทายกับสายรหัสจนรอบโต๊ะ มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าคนๆนี้เป็นที่รักของทุกคนขนาดไหน ร่างสูงวนจนรอบก่อนจะหย่อนตัวลงที่เก้าอี้ด้านข้างธันวา


     

    อยากจะถามว่าไปไหนมาแต่ก็กลัวจะเป็นการเสือก ผมหุบปากไว้ก่อนดีกว่า



     

    “นั่งด้วยนะ” 


     

    “ได้ครับพี่”  


     

    “นี่มาสองคนแรกกันเลยปะ?”


     

    “ใช่ครับพี่” 

          

    “แล้วนี่พี่นัดกับใคร อย่าบอกนะว่านัดกับสาว?”


     

    “หึ กูไม่ใช่ไอ้ภีมนะ”


     

    “5555 พี่ภีมมาได้ยินคงน้ำตาไหลซึ้งใจน่าดู” 


     

    “แล้วนี่วากลับยังไง?”


     

    “กลับกับพี่รหัสมันนี่ไง” ต้นตอบกลับไปทันควันแต่ปากก็ซดน้ำสีอำพันไม่ยอมหยุด


     

    “สภาพอย่างมึงเนี่ยนะจะเอาน้องกลับด้วย เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ”


     

    “โถ่ ผมคอแข็งขึ้นแล้วเหอะพี่ ไม่เชื่อจับดู เคาะทีนี่ดังโป๊กๆ”


     

           เมื่อรุ่นน้องท้ามาอย่างนั้นธาราก็ไม่ขัดศรัทธาใช้สันมือสับไปที่คอของต้นเต็มแรง


     

    “โอ๊ย พี่! ผมล้อเล่น”


     

    “อ้าวหรอ โทษทีๆ” 


     

    “เอ่อ…ผมขอตัวไปห้องน้ำหน่อยนะครับ” ธันวาเอ่ยขออนุญาตรุ่นพี่ทั้งสองหลังจากกลั้นมาได้สักพัก


     

    “ให้พี่ไปเป็นเพื่อนมั้ย?” 


     

    “ไม่เป็นไรครับ ผมไปเองก็ได้”


     

    “งั้นก็ดูแลตัวเองดีๆ”


     

    “ได้ครับ!” รุ่นน้องส่งท่าตะเบ๊ะไปหนึ่งทีเรียกรอยยิ้มจากคนเป็นพี่ได้เป็นครั้งที่ร้อยนับตั้งแต่เจอหน้า



     

          การดื่มทำให้ผมเรียนรู้ว่าเวลาคนเราเมานี่ก็ติ๊งต๊องเหมือนกันนะ น่าจะเป็นเพราะขาดการยับยั้งชั่งใจอยากทำอะไรก็ทำออกมาเลย แต่ข้อดีของมันก็คือช่วยให้คนไม่รู้จักกันสานสัมพันธ์กันได้ง่ายขึ้น จากช่วงแรกๆที่ทุกคนคุยกับแค่คนข้างๆตอนนี้ทุกคนคุยกันข้ามโต๊ะข้ามรุ่นเละเทะไปหมดเลย



     

          คนเดินหาห้องน้ำโงนเงนไปมาเล็กน้อยแต่ยังพอทรงตัวได้ ส่วนสูง174 ทำให้มองเห็นป้ายห้องน้ำผ่านฝูงชนได้พอดิบพอดี ร่างโปร่งแทรกตัวไปตามช่องว่างอันน้อยนิดระหว่างผู้คนอย่างระมัดระวังไม่ให้ชนใคร


     

    พลั่ก!!


     

    “อุ้ย! ขอโทษครับ”


     

    “เฮ้ย! มึงเดินไงของมึงวะ จะเอาใช่ปะ!”


     

          ซวยแล้วไง ผมเดินไปชนผู้ชายคนนึงเข้า แต่ถ้าจะเรียกให้ถูกคือเค้ามากกว่าที่มาชนผม ดีนะที่เพื่อนเค้าช่วยกันจับไว้ไม่งั้นคงพุ่งมาต่อยผมหน้าแหกไปแล้ว นี่สินะโทษของน้ำเมา


     

    “รีบไปสิรอให้โดนต่อยก่อนรึไง” 


     

           พอเพ่งมองดูดีๆแล้ว หนึ่งในคนที่รั้งชายกร่างผู้นี้ไว้คือ…พี่ภีม?


     

    “ครับ”


     

          ผมก้มหัวให้เค้าไปทีนึงหวังว่าจะดูออกนะว่านี่เป็นการขอบคุณ ผมเดาว่านัดแทรกของพี่ธาราก็น่าจะหนีไม่พ้นแก๊งนี้ มองเผินๆเขาสองคนดูไม่น่าเป็นเพื่อนกันได้เลย ยังกับเทพบุตรกับซาตาน ขากลับจากห้องน้ำผมเลี่ยงไปอีกทางชนิดที่เรียกว่าอ้อมโลกเพื่อไม่ให้เจอหน้าคนพวกนั้นอีก




     

    “มาซักที กูนึกว่าไปตกส้วมซะละ หาห้องน้ำไม่เจอล่ะสิ ” น้ำเสียงของต้นฟังดูอ้อแอ้ไม่เป็นคำพูดซักเท่าไหร่แต่ก็พอฟังออก


     

    “ขอโทษครับ”


     

    “ขอโทษอะไรของมึง กูก็บ่นไปงั้นแหละ แล้วนี่มึงชื่ออะไรนะ?” 


     

    “อ้าว…ชื่อธันวาไงครับ”


     

    “อ๋ออ ไอ้ธันวา เด็กข้างบ้านกูนี่เอง”


     

          ธาราที่ฟังบทสนทนานั้นอยู่ถึงกับถอนหายใจยาว


     

    “อย่าไปฟังมันเลยวา ไอ้นี่มันเมาแล้วชอบจำคนสลับกันมั่วไปหมด”


     

    “อ่อ แปลกดีนะครับ555”


     

    “เห้ย!! ไอ้วา มึงจะต้องออกไปเจอโลกกว้างอีกมาก หัดดื่มไว้ขะได้เข้าสังคมเป็น ชนนน” ธันวาหน้าเหวอเมื่อคนเมาเทเหล้าในแก้วตนเองมาใส่แก้วเขาจนหมดแล้วจับให้ชนแก้วกัน


     

    “บอกให้ชนไงงง โชนน” พอคนน้องยึกยักต้นก็จับแก้วจ่อปากให้เสร็จสรรพแถมไม่ยอมปล่อยมือจนกระทั่งวากระดกไปจนหมดแก้ว


     

          ดูจากสีและรสชาติ นี่มันเหล้าเพียวไม่ผสมอะไรเลย ว่าแล้วทำไมพี่ต้นถึงเมาแอ๋ขนาดนั้น แล้วผมล่ะ?…


     

    “เห้อ~ วามานั่งทางนี้มา อย่าไปอยู่ข้างมันเลย”


     

    “ขอบคุณครับ”


     

    “เห้ย ไปหนายอะ ไอ้เด็กข้างบ้าน มาให้พี่ถ่ายทอดวิชาก่อนนน”


     

          คนเด็กสุดเริ่มรู้สึกว่าโลกหมุนแรงขึ้นทุกทีจนต้องนั่งก้มหน้าอยู่นิ่งๆ 


     

    “เป็นไรรึเปล่าวา?”


     

    “ผมว่า…ผมเริ่มเมาแล้วครับ”


     

          ด้วยความที่เป็นครั้งแรกของการดื่มจริงจังคนเมาเลยแยกไม่ออกระหว่างอาการ’เริ่มเมา’กับอาการ’เมาหนัก’


     

    “งั้นกลับเลยมั้ยเดี๋ยวพี่ไปส่ง?”


     

    “อะไรนะครับ?” สติคนหัดดื่มเริ่มลดน้อยลงไปทุกที


     

    “กลับเลยมั้ย พี่ไปส่ง?”


     

    “ผมกลับก่อนจะดีหรอครับ ยังไม่มีใครกลับเลย”


     

    “กลับได้ ไม่มีใครว่าอะไรหรอก”


     

    “งั้นรบกวนพี่หน่อยนะครับ”


     

          ธาราหันไปฝากฝังต้นกับรุ่นพี่ปีอื่นๆที่ดูยังมีสติให้ดูแลมันแทน ก่อนจะหันมาสะกิดธันวาให้เตรียมตัวกลับ


     

    “ปะ ลุกไหวมั้ย”


     

          แขนแกร่งช่วยพยุงอีกคนให้ลุกขึ้นยืนโดยไม่ล้ม 


     

    “แล้วนี่หอวาไปทางไหนพอจะบอกทางพี่ไหวมั้ย?” 


     

    “ครับ?”


     

    “หอวาอยู่ฝั่งไหน?”


     

    “…อืม” เปลือกตาของคนตัวเล็กกว่าไม่แม้แต่จะลืมขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้ทั้งร่างเหลือเพียงสมองที่สั่งการแค่ขาให้ก้าวเดินเหมือนหุ่นยนต์บังคับ


     

    “…” 

    ร่างสูงยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจพาหลานรหัสเดินไปที่รถกะว่าจะพาไปที่คอนโดตัวเองแต่กลับมีเสียงตะโกนไล่หลังมาเสียก่อน


     

    “ไอ้ธา!!”


     

    “มีอะไร?” พอหันมาก็พบว่าคนที่เรียกเขาเป็นวิคที่แบคภีมมาในสภาพเมาหมดสติ


     

    “เอาไอ้ภีมกลับไปด้วยดิ กูจะไปต่อกับเพื่อน”


     

    “กูต้องแบกหลานรหัส จะให้แบกยังไงสองคน?”


     

    “เดี๋ยวกูแบกไปที่รถให้ พอถึงคอนโดมึงก็เรียกยามมาช่วยแบกละกัน”


     

    “เออๆ พวกมึงนี่ขยันหาเรื่องให้กูจริงๆ”



     

          เมื่อถึงรถธาราจัดแจงให้วานั่งเบาะหน้าส่วนเพื่อนตัวปัญหาถูกโยนไว้ด้านหลังสภาพไหนเขาเองก็ไม่ได้สนใจจะดู  






     

        เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงรถคันหรูก็ถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพโดยไม่มีผู้โดยสารคนไหนสำรอกอาหารระหว่างทางเสียก่อน ทั้งคู่พากันหลับสงบนิ่งยาวตั้งแต่ต้นจนปลายทาง 


     

    “วา…ถึงแล้วนะ”


     

    “อือ…”


     

    “พี่ร.ป.ภ.ครับ!  ช่วยหน่อยครับ”


     

          เรียกกำลังเสริมเสร็จคนตัวสูงก็จับแขนรุ่นน้องให้เกี่ยวคอตัวเองไว้พรางใช้แขนสอดเข้าใต้ร่างจนได้อีกคนมาอยู่ในท่าเจ้าสาว กว่าจะถึงห้องได้ก็เล่นเอาเหงื่อตก ด้วยความเห็นใจคนที่พลอยมาลำบากไปด้วยอย่างพี่ยามธาราเลยให้สินน้ำใจเป็นเงินไปเล็กน้อย 


     

          ธันวาถูกวางลงบนเตียงในห้องรับแขกส่วนเพื่อนตัวดีถูกวางไว้ที่โซฟากลางห้อง 


     

          เจ้าของห้องกลับมาพักเหนื่อย กินน้ำเย็นๆให้พอชื่นใจก่อนจะเตรียมถอดเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำเข้านอน แต่แล้วโทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดันดังขึ้นมาเสียก่อน ธาราชั่งใจอยู่นานว่าจะรับดีหรือไม่เพราะสายเข้าเวลานี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ แถมยังเป็นเบอร์รุ่นพี่ปีสี่อีก


     

    “เอาวะ…ฮัลโหลครับ?”


     

    [ไอ้ธา มึงจะกลับไปรับไอ้ต้นใช่ปะ]


     

    “ผมกลับคอนโดมาแล้วพี่”


     

    [มึงอ่านในแชทกลุ่มดิ]


     

          เจ้าของเครื่องไม่รอช้ารีบปัดแอพพลิเคชันไปที่ห้องแชทของสายรหัส เนื้อความในนั้นเห็นได้ชัดเจนว่าทุกคนไม่มีใครพาต้นกลับบ้านซักคนเอาแต่ผลักภาระกันไปมา 


     

    [เห็นยัง]


     

    “เห็นแล้วพี่ เดี๋ยวผมกลับไปดูมันเอง”


     

    [เออ โทษทีนะเว้ย กูเองก็กลับมาก่อน ถ้ากูอยู่จนจบกูคงเอามันกลับมาด้วยแล้ว”


     

    “ไม่เป็นไรครับพี่ เป็นความผิดผมเอง”



     

          ตัวธาราเองก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ดูแลน้องได้ไม่ทั่วถึง  มือหนาคว้ากุญแจรถก่อนจะออกไปจากห้องโดยไม่ลังเลอะไรอีก



     

          หลังจากเจ้าของห้องผลุนผลันออกไปภายในห้องพลันเงียบสงัดลงอีกครั้งเหมือนก่อนหน้า  ถึงแม้จะมีสองชีวิตอยู่ภายในก็มิได้นำพา เพราะต่างคนต่างหมดสติ 


     

           ผ่านเวลาไปไม่นานคนบนโซฟาก็งัวเงียตื่นขึ้น หัวสมองที่ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูสั่งร่างกายให้ล้มลงไปที่เดิมเมื่อพยายามลุก


     

    “แม่ง…”


     

          ชายหนุ่มสะบัดหัวไปมาแรงๆเพื่อไล่ความมึนงง


     

    “ใครเอากูมานอนตรงนี้วะ” 


     

          ภีม ศตายุกำลังหงุดหงิดที่เพื่อนตัวดีนำเขามาแหมะไว้ตรงนี้ทั้งๆที่ควรจะเป็นห้องรับแขกที่เขาเคยได้นอนอยู่เป็นประจำเวลามาค้างที่นี่


     

          ขายาวก้าวไปตามใจคิด มุ่งตรงไปยังห้องรับแขกที่มีใครบางคนนอนหมดสติอยู่ก่อนหน้า  กว่าจะรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่เพียงคนเดียวในห้องก็ตอนที่ล้มตัวลงไปทับอีกคนแล้ว


     

    “อื้อ…”


     

    ใครวะ…


     

           คนที่นอนหลับอยู่จำต้องตื่นขึ้นท่ามกลางความมึนงง แต่เพียงขยับตัวปรับท่านอนครู่เดียวก็หลับต่อได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



     

    “ใคร?” มือหนาเลิกผ้าห่มขึ้นดูใบหน้าของคนๆนั้นให้ชัดอีกครั้ง แต่แล้วความมึนเมาบวกกับอดีตฝังใจทำให้ภาพที่ปรากฏไม่ตรงกับความเป็นจริง


     

    “พี่ซัน?…”

          มือหนากระชากแขนคนหลับให้หันมาเผชิญหน้ากันจนกลายเป็นภีมที่คร่อมวาอยู่


     

    “ใคร!…ออกไปนะ”


     

    “พี่ซัน พี่กลับมาหาผมแล้วหรอครับ?” 


     

    “ซัน?” คนด้านบนตะกุมมือธันวาเอาไว้พร้อมกับจุมพิตลงไปอย่างหวงแหน 


     

    “ผมรอพี่มาตั้งนานนะรู้มั้ย?”


     

    “บอกให้ออกไปไง!” แม้ดวงตาจะยังโฟกัสภาพไม่ได้แต่คนถูกคุกคามก็พร้อมจะผลักไสคนบุกรุกให้ออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่มันก็ยังไม่พอให้คนเมาเลิกมายุ่มย่าม


     

    “พี่ซัน พี่ไม่รักผมแล้วจริงๆหรอ”


     

    “…?” 


     

    “ผมจะทำให้พี่รู้ ว่าผมรักพี่มากแค่ไหน?”


     

    “อื้อออ”


     

          มือหนารั้งคอคนเด็กกว่าให้เข้ามารับจูบหยาบคายจากเขา ด้านคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวอีกทั้งสติยังมีน้อยไปเกินไปกว่าจะปฏิเสธสัมผัสที่อีกคนมอบให้ทำได้เพียงทุบอกแกร่งแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้


     

          ยิ่งดิ้นแรงคนคุมเกมส์ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองถูกต่อต้าน ริมฝีปากหนาเลยวางหลุมพรางด้วยจูบที่เชื้อเชิญให้อีกฝ่ายหลงไหล เนิบนาบ เย้ายวน ชวนให้วาบหวาบในอก


     

          และดูเหมือนแผนนั้นจะได้ผล คนใต้ร่างสงบลงอย่างเห็นได้ชัด มือที่เคยทุบแปลเปลี่ยนเป็นขย้ำอยู่บนเสื้อเชิ้ตตัวบาง ปากเรียวเล็กฉ่ำน้ำเริ่มมีท่าทีโอนอ่อนไปตามสิ่งยั่วยุ 


     

    “อ้าปาก” ต่อให้สั่งไปอย่างนั้นแต่คนไม่ประสามีหรือจะทำตามตาม จนแล้วจนรอดคนช่ำชองผ่านประสบการณ์มาแล้วจึงต้องงัดไม้แข็ง มือซุกซนสอดแทรกเข้าไปด้านในเสื้อนักศึกษาในขณะที่ปากก็ยังง่วนอยู่กับการมอมเมาคนเด็กกว่าอยู่ไม่ห่าง 


     

    “อ๊ะ…” จุดไวต่อสัมผัสบนหน้าอกของวาถูกกระตุ้นด้วยมือของหมาป่าเจ้าเล่ห์จนเผลอเผยอปากออก


     

            เพียงเสี้ยววินาทีริมฝีปากของคนด้านบนก็ถูกจัดเสริฟโดยมีของแถมเป็นลิ้นร้อนตามมาหยอกเย้าให้สติเตลิดไปไกลยิ่งกว่าเก่า


     

    “อืม…” 


     

    “ผมขอนะ”


     

           ภีมเอ่ยปากขออนุญาตถึงแม้ในใจจะรู้อยู่แล้วลึกๆว่าต่อให้ถึงอีกฝ่ายจะพูดว่าไม่ เขาก็ยังคงทำต่ออยู่ดี


     

           เสื้อเชิ้ตตัวโปรดถูกปลดกระดุมแล้วกระชากออกให้พ้นทาง และเพื่อให้เนื้อได้แนบเนื้อมากยิ่งขึ้น คนที่ถอดคงไม่ได้มีแค่คนเดียวในสถานการณ์แบบนี้  เสื้อนักศึกษาของธันวาเองก็ถูกปลดกระดุมออกเรียงตั้งแต่บนลงล่างจนหมดเช่นกัน ผิวเนื้อขาวเนียนส่องเป็นประกายแม้อยู่ในความมืดปรากฎสู่สายตาที่ไม่น่าไว้ใจ


     

          ริมฝีปากไม่รู้จักพอก้มลงจุมพิตไปทั่วแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงด้วยแรงหอบหายใจ ร่างสูงฝากรอยช้ำเป็นปื้นไว้ทั่วบริเวณชนิดที่ต่อให้ใส่เสื้อปิดถึงคอยังปิดไม่มิด  สัมผัสวูบไหวเสียจนคนไร้เดียงสาสมองขาวโพลน

          ไม่รอให้เสียเวลานาน คนด้านบนปลดกระดุมกางเกงแสล็คที่ขัดตามานานให้หลุดออกไปเหลือเพียงแพนตี้สีขาวตัวจิ๋ว หน้าขาแกร่งทำหน้าที่เคล้นคลึงไปที่ส่วนลับระหว่างที่มือก็ปรนเปรอไปพร้อมกับปากที่กลับไปมอบจูบลึกซึ้งอีกครั้ง


     

    “ ฮื้อ อ๊ะ อย่าโดนตรงนั้น”


     

          รสจูบบวกกับความเสียวซ่านที่วาได้รับมันหอมหวานเสียจนไม่อาจผลักไสมันออกไปได้ด้วยสติเพียงเท่านี้  เท่านั้นไม่พอยิ่งมือที่หน้าเปลี่ยนมาฟอนเฟ้นส่วนอ่อนไหวของวายิ่งทำให้ร่างกายบิดเร่าด้วยความกระสันจนเสียงคราวหวานหูเล็ดลอดออกมาไม่หยุด 


     

    “ครางหวานแบบนี้ ผมจะอดใจไหวได้ไง”


     

          กางเกงยีนส์ตัวหนาถูกประท้วงด้วยสิ่งที่อยู่ข้างใต้มานานจนรู้สึกปวดหนึบแต่เขาก็ยังเลือกที่จะทำให้อีกคนถึงฝั่งฝันเสียก่อน


     

    “อ๊า ตรงนั้น” คนถูกปรนเปรอที่ส่วนหัวร้องไม่เป็นภาษาเมื่อความเสียวพุ่งสูงจนเกินจะรับไหว


     

    “ฮึก จะเสร็จ อย่า อ๊าาา”


     

          น้ำรักสีขาวขุ่นพุ่งออกมาเต็มมือหนา  เขาใช้มันเป็นตัวหล่อลื่นเพื่อที่จะได้เข้าไปทักทายช่องทางหลังของอีกคน นิ้วกลางที่ถูกเคลือบจนชุ่มสอดแทรกเข้าไปที่ช่องทางสีหวานอันคับแน่น เพียงไม่กี่สิบวินิ้วนางก็ตามไปสมทบจนความเจ็บเริ่มเข้ามารบกวน


     

    “อย่ายุ่งกับตรงนั้น”


     

    “เห็นทีจะไม่ได้” 


     

          สองนิ้วเริ่มขยับอย่างเชื่องช้าให้น้ำรักเคลือบไปทั่วก่อนจะเร่งจังหวะจนคนโดนแกล้งร้องออกมาเสียงหลง


     

           ภีมคิดว่าส่วนแข็งขืนภายใต้กางเกงของเขาอดทนมามากเกินพอแล้ว ซิบเหล็กถูกรูดลงจนมันถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ วินาทีนั้นนิ้วทั้งสองหมดหน้าที่ทันที เขาจับมันให้จ่อไปที่ช่องทางคับแคบก่อนจะกดส่วนหัวให้เข้าไปก่อน


     

    “อ๊าา ผมเจ็บ”


     

    “ชู่วว ทนหน่อยนะคนดี” 


     

             ไม่ทันขาดคำท่อนเอ็นขนาดใหญ่ก็กดลงไปในช่องทางรักจนมิดลำทำเอาคนรองรับอารมณ์ถึงกับน้ำตาคลอ


     

    “ฮึก เจ็บ บอกให้หยุดไง”


     

    “อาห์ แน่นชิบ”

           ในคราแรกเขาแทบจะขยับตัวตนไม่ได้เนื่องจากความคับแน่นบวกกับช่องทางที่ขมิบตอดรัดเป็นจังหวะนั่นยิ่งทำให้เขาสติแตก


     

    “เอาออกไป ฮึก ฮืออ”


     

    “ไม่ร้องนะครับ เก็บเสียงไว้ครางเรียกชื่อผมดีกว่า”


     

          สติของธันวาเริ่มกลับมาทีละนิดเมื่อถูกความเจ็บปวดที่ผสมปนเปมากับความเสียวซ่านเข้าเล่นงาน


     

      “พี่ภีม…”


     

          จังหวะเนิบนาบสลับกับดุดันดำเนินต่อไปอีกยาวนาน โดยที่มีคนรองรับอารมณ์เพียงคนเดียวที่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใครจนจบเกมส์อะนน่าเสียเปรียบนี้


     

        


     

          ร่างสูงล้มตัวลงนอนตรงที่ว่างทางซ้ายเมื่อร่างกายได้ปลดปล่อยสมใจอยาก ทิ้งให้คนที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือล้างแผลใจนอนจมอยู่กับแผลใหม่ที่เขาเป็นคนสร้างให้


     

    ‘นี่มันเรื่องบ้าอะไร?’




     

    20 นาทีที่แล้ว


     

          เจ้าของห้องกลับมายังที่พักเมื่อสะสางปัญหาที่น้องรหัสได้ทิ้งไว้ให้ กว่าจะไปรับไปส่งให้ถึงหอมันได้ก็ใช้เวลาไปร่วมชั่วโมง 


     

           เขาไม่นึกแปลกใจสักนิดที่เพื่อนสนิทบนโซฟาหายตัวไปเพราะคิดว่าเจ้าตัวคงได้สติขึ้นมาก่อนและกลับคอนโดตัวเองไปแล้ว ธาราจึงเข้าห้องตัวเองแล้วนอนหลับไปโดยไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในห้องรับแขก



     

    04:21 น.


     

          ด้านคนถูกกระทำที่นอนฟุ้งซ่านจนน้ำตาเหือดแห้งแทบหมดบ่อเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองควรหนีไปจากที่นี่เสียตอนนี้เลย เพราะขืนรอให้เช้าเขาคงจะสู้หน้าคนที่นอนหลับสบายอยู่ข้างๆตอนนี้ไม่ไหว    


     

         ร่างบอบช้ำเก็บเสื้อผ้าที่ถูกถอดกองกลับมาใส่ โชคยังดีที่ทุกชิ้นถูกปลดออกอย่างถูกวิธีเลยยังใช้งานได้ปกติ และก็เป็นโชคดีที่ตอนนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ท้องฟ้ามืดสนิทคนขับแท็กซี่เลยไม่สังเกตเห็นร่องรอยที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมาหลายรอยจนดูเหมือนคนทำนั้นตายอกตายอยากมานาน


     

          ผมกลับมาถึงห้องได้ก็จัดการอาบน้ำชำระร่างกายเอาสิ่งสกปรกออกจนหมดแล้วเข้านอนทันที คิดเอาไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องได้หลับยาวเพราะพรุ่งนี้คงออกไปไหนไม่ได้แน่ถ้ารอยยังเต็มตัวขนาดนี้ มาม่า ไข่และโจ๊กในห้องก็ยังเยอะอยู่คงพอให้อุดอู้อยู่ในนี้ได้อีกสองวันเลย ห่วงก็แต่เรื่องเรียน คงต้องฝากให้จีจ้าเลคเชอร์แทนให้และได้แต่หวังว่าอาจารย์จะเมตตาให้ส่งงานย้อนหลังล่ะนะ


     

          






     

          
















     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×