ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไม่รักจะเป็นไรไป (มี E-book)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 ไม่สนใจ

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.พ. 66






     

    ตอนที่ 3 

    ไม่สนใจ



     

          ผมภาวนาให้พี่รหัสของผมไม่โดนทำโทษอะไรที่ยากเกินไป ไม่งั้นเค้าอาจจะหงุดหงิดได้ที่ผมทายถูก  ความสัมพันธ์อันดีระหว่างน้องพี่ของเราต้องเป็นไปด้วยดี!  แต่ไปเรียกเค้าว่าพี่ตลอดบางทีก็แอบกระดากปากอยู่เหมือนกันนะ ถ้านับอายุจริงผมน่าจะอายุเท่ากับเค้าเลยเพราะผมเข้าเรียนก่อนเกณฑ์1ปี ดรอปไปรักษาตัวอีกสองปี


     

          ตอนนี้พี่รหัสผมเค้ากำลังล้วงลงไปในโหลพิฆาตนิสิต สีหน้าเค้าก็ดูชิลๆนะ แต่ผมเนี่ย เครียดยิ่งกว่าเค้าไปอีก


     

    “ชื่ออะไรครับ?” พิธีการของงานเอ่ยถามผู้โชคร้าย


     

    “ต้น ปี2ครับ”


     

          ชื่อต้นหรอกหรอ กำลังจะถามอยู่พอดี คงไม่ต้องแล้วล่ะ


     

    “ไหน ส่งมาให้พี่อ่าน … ใบนี้เขียนว่า ให้กระโดดเชือกคู่กับน้องรหัส20ครั้ง”


     

          ผมเตรียมตัวจะลุกแล้วถ้าไม่ติดว่าพี่ต้นพูดขัดขึ้นมาซะก่อน


     

    “เปลี่ยนเป็นทำอย่างอื่นได้มั้ยครับ?”


     

    “ไม่ได้ครับ” 


     

           เอาแล้วไง พิธีกรปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย พี่รหัสผมเริ่มทำหน้าเครียดแล้ว ผมขอโทษนะครับ!



     

    “ผมเคยกระดูกขาหัก เพิ่งถอดเฝือกได้ไม่ถึงปีเลย”


     

    “งั้นวันนี้พี่รหัสคุณมามั้ยครับ?”


     

    “มาครับ”


     

    “งั้นให้ลุงรหัสกับหลานรหัสมาโดดคู่กันแทนแล้วกัน ใครเป็นพี่รหัส-น้องรหัสของคุณต้น เชิญข้างหน้าครับ”


     

          เห้อ~ โล่งอกไปที อย่างน้อยก็ได้ทำแทนพี่เค้า ไหนๆผมเองก็เป็นต้นเหตุให้เค้าโดนทำโทษอยู่แล้ว 


     

          ธาราเดินตามหลังธันวาออกมาก่อนจะหยุดยืนอยู่ในทิศทางตรงข้ามกัน แค่ร่างสูงเดินออกมาก็เรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ชมโดยรอบได้ดังกระหึ่มประหนึ่งงานแฟนมีตติ้งศิลปินดัง 


     

          มือหนายื่นไปรับเชือกที่ใช้สำหรับกระโดษมาไว้ในมือ จ้องมองไปยังหลานรหัสที่ต้องมารับกรรมทำภารกิจนี้ร่วมกัน


     

    “กรรมติดจรวดจริงๆ”


     

    “อ..อะไรนะครับ?” จริงๆผมได้ยินชัดนะ แต่ไม่รู้ว่าพี่เค้าหมายถึงอะไรกันแน่นี่สิ


     

    “เปล่า ไม่มีอะไร ชื่อธันวาใช่มั้ยเรา?”


     

    “ใช่ครับ”


     

    “พร้อมนะ?”


     

    “พร้อมครับ”


     

    “เอ้า อย่ามัวแต่คุย เริ่มได้!”  


     

          สิ้นเสียงพิธีกร หนุ่มปีสามพยักหน้าให้ธันวาหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณให้เริ่มกระโดดพร้อมกัน เสียงรุ่นพี่รุ่นน้องช่วยกันนับดังลั่นลานกิจกรรม


     

          ผมเพิ่งได้รู้เลเวลความหล่อของลุงรหัสคนนี้ก็ตอนได้มองหน้าเขาใกล้ๆ  ระยะห่างไม่ถึงเมตรทำให้ผมรับรู้ว่าสิ่งที่จีจ้าบรรยายออกมานั้นไม่เกินจริงเลยสักนิด 


     

          ใบหน้าสะอาดสะอ้านแทบจะเรียกได้ว่าไร้รูขุมขน จมูกโด่งรับกับปากอิ่มพอดิบพอดี ดวงตาคมกริบแต่มีขนตายาวๆมาประดับเสริมให้ดูพราวสเน่ห์ในแบบของผู้ชายอ่อนโยน ดูเป็นมิตร ไม่ดุดันจนเกินไป โคตรรรหล่อ โคตรเทพบุตร อิจฉาชะมัด


     

    “19…20!”


     

    ครบซักที!


     

    “เหนื่อยมั้ย?”


     

    “ก็พอไหวอยู่ครับ”  พอไหวที่แปลว่าโดดต่ออีกทีเดียวได้ลงไปกองกับพื้นแน่นอน 


     

          ต้นที่ยืนหัวเราะอยู่ด้านข้างขยับเข้ามากอดคอน้องรหัสข้างพี่รหัสข้างด้วยอารมณ์ขบขันก่อนจะพาทั้งคู่กลับเข้าแถวไปคุยกันต่อด้านใน



     

    “ขอบคุณนะน้องรหัส…พี่ด้วย” ต้นหันไปบอกพี่รหัสตัวเองด้วยในท่อนท้ายของประโยค


     

    “เออ”


     

    “ว่าแต่เอ็งชื่ออะไรนะ? ขออีกที”


     

    “ผมชื่อ ธันวานะครับ เรียกสั้นๆว่าวาก็ได้”


     

    “กูชื่อต้น เรียกสั้นๆว่าต้นกล้าก็ได้”


     

    “ฮะ?…งั้นผมขอเรียกยาวๆดีกว่าครับ555”


     

    “5555 กูล้อเล่น เรียกต้นนั่นแหละ หรือจะเรียกต้นสุดหล่อก็ไม่ว่ากัน  ส่วนไอ้พี่สุดหล่อนี่ชื่อธารา รู้จักกันไว้ เป็นสายรหัสกัน เดี๋ยววันกินเลี้ยงคงได้เจอกันอีก”


     

    “กินเลี้ยง?”


     

    “เลี้ยงสายไง เดี๋ยวจะมีรุ่นพี่ทุกปี รวมถึงพี่บัณฑิตที่จบแล้วก็ด้วย บางคนถ้าว่างงานเค้าก็จะมา ว่าแต่สายเรานี่มันหนีไม่พ้นฉายาสายรหัสเทวดาจริงๆว่ะ  หล่อแม่งทุกคนเลย” ต้นยืดอกภูมิใจด้วยท่าทีที่ใครมองมาก็ต้องหมั่นไส้


     

    “แต่พี่ว่าน้องมันน่ารักมากว่าหล่อนะ” ธาราเสริม


     

    “เออนั่นแหละครับ เอาเป็นว่าหน้าตาดี…แล้ววันงานก็มาแต่ตัวพอนะ เงินไม่ต้องพก เดี๋ยวพี่ๆเลี้ยงเองง”


     

    “ได้ครับ ว่าแต่นัดกันวันไหนหรอครับ ผมจะได้ลางานถูก”


     

    “หืม? ทำงานด้วยหรอเรา?” ลุงรหัสเอ่ยถามด้วยความสงสัย


     

    “ทำพาร์ทไทม์ที่ร้านน้ำหน้าม.นี่เองครับ ว่างๆก็เชิญแวะไปกินได้นะครับผมจะชงให้สุดฝีมือเลย”


     

    “อ๋อ พี่ๆนัดกันวันศุกร์น่ะ เดี๋ยวไว้พี่แวะไปที่ร้านนะ ขยันสุดในสายเราแล้วมั้งเนี่ยคนนี้” 


     

    “โห ใครจะไปขยันเกินพี่อีกวะพี่ธา”


     

    “มึงก็พูดเกินไป กูก็แค่ดวงดี”


     

    “อืมๆ ถ่อมตนเข้าไป ใครมันจะดวงดีได้แต่เกรดเอกับบีบวกตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสามวะพี่ ถ้าพี่พูดจริงขึ้นมาผมว่าพี่ต้องเอาดวงผมไปหมดแน่ๆเกรดถึงได้ทุเรศแบบนี้”


     

    “555 แล้วเราล่ะ เรียนเป็นไงบ้าง” ธาราแบ่งความสนใจให้กับน้องใหม่เพื่อไม่ให้น้องเล็กรู้สึกอึดอัดหรือรู้สึกว่าถูกมองข้าม


     

    “ก็ดีครับ คงเพิ่งเริ่มเลยไม่ยากมาก”


     

    “อืม ดีแล้ว อย่าเป็นเหมือนพี่รหัสก็พอ555”


     

    “โห หยามมากพี่ธา แล้วนี่น้องอยู่หอหรืออยู่บ้านอะ?”


     

    “อยู่หอครับ”


     

    “หรอ หอไหน?”


     

    “หอตรงซอย XX ครับ”


     

    “โห ซอยนั้นน่ากลัวนะ ตอนดึกๆนี่โคตรเปลี่ยว แล้วเราทำงานถึงกี่ทุ่ม?”


     

    “สี่ทุ่มครับ” ต้นหน้าเหวอยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินเวลาที่วาบอก


     

    “ดึกอยู่นะ ดูแลตัวเองดีๆล่ะ มีอะไรก็โทรหาพี่ได้ เอาโทรศัพท์มาสิเดี๋ยวพิมพ์เบอร์ให้”  มือหนาของลุงรหัสยื่นไปด้านหน้าของเด็กปีหนึ่ง


     

    “โห่ คุณลุงรหัสครับ ทำซะผมดูแย่ไปเลย เอาเบอร์พี่ไปด้วย โทรได้24ชม. แต่รับรึเปล่าก็อีกเรื่อง” ต้นไม่ยอมน้อยหน้าแย่งโทรศัพท์ของธันวามาพิมต่อหลังจากธาราพิมพ์เสร็จ


     

    “ขอบคุณพี่ๆมากนะครับ”




     

          ผมไม่คิดเลยว่าจะได้รับความใส่ใจจากพี่รหัสและลุงรหัสมากขนาดนี้ คิดว่าพอเฉลยแล้วเราจะเป็นพี่น้องกันแค่เปลือกๆเสียอีก แต่พอได้คุยกับจีจ้าก็หายข้องใจ เพราะว่าพี่ๆเค้าก็น่าจะทำแบบนี้กันเป็นปกติ เพราะขนาดวันเฉลยพี่รหัสของจีจ้ายังหอบขนมมาให้เต็มถุงเลย ทำเอาเจ้าตัวบ่นน้ำหนักขึ้นอีกแน่ๆงานนี้


     

    .

    .



     

    “ไอ้วา!  แกเป็นหลานรหัสพี่ธาราจริงด้วย ชั้นอยากกรี๊ดดด”


     

    “กรี๊ดสิ คนจะได้มองกันทั้งลาน”


     

    “อ้าว อย่าท้านะ”


     

    ผมลืมไปเลยว่าเธอถนัดเรื่องแบบนี้


     

    “เราล้อเล่น อย่าเลย ถือว่าขอ”


     

    “เค งั้นแกก็เป็นทั้งหลานรหัสแก๊งเดือน แถมยังเป็นเพื่อนคนในแก๊งเดือนอีกอะดิ ไอ้วาเอ๊ยยย ชั้นจะเกาะติดเป็นเพื่อนแกตลอดไปเลย จำไว้!”


     

    “เออออ ก็มีกันอยู่แค่นี้ ไม่มีใครคบแล้ว”


     

    “ก็จริง”


     

    “แล้วแกได้คุยอะไรกับพี่ธาราบ้าง ได้บอกรึเปล่าว่ามีเพื่อนสวยๆอยู่คนนึง”


     

    “เราโกหกไม่เก่งอะ เลยไม่ได้บอก”


     

    “หืม ไอ้วา! …แน่จริงอย่าหนีดิ!” 







     

    23:11 น.



     

          ช่วงเวลาที่หนังตาใกล้ปิดสนิทเสียงแจ้งเตือนก็เข้ามาขัดจังหวะความง่วงงุน  มือเรียวเอื้อมหยิบมือถือขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นการแจ้งเตือนจากแอพแชทสีเขียว


     

    [Tara ] เพิ่มคุณเป็นเพื่อนจากเบอร์โทรศัพท์


     

          พี่ธารา? แอดมาก่อนพี่ต้นอีกนะเนี่ย เทพบุตรสมชื่อจริงๆ ใส่ใจเก่งที่1 ใครได้เป็นแฟนโชคดีตายเลย


     

          นิ้วชี้จิ้มลงไปที่ปุ่มยืนยันแบบไม่ต้องคิดไต่ตรองซักวินาทีเดียว หลังกดรับเพื่อนไปไม่นาน แอพเดิมก็แจ้งเตือนขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้มันแจ้งเตือนเพราะมีข้อความเข้า


     

    Tara : [นี่น้องวาใช่มั้ยครับ?]


     

    T.wa : [ใช่ครับ ]


     

          ขอล่ะ อย่าชวนคุยมากกว่านี้เลย หนังตาผมร้องขอชีวิตไม่ไหวแล้ว


     

    Tara : [โอเค เจอกันวันเลี้ยงรุ่นนะ”


     

    T.wa : [ ครับ ไว้เจอกันนะครับ ] 


     

          ผมกดส่งอีโมจิหมีคำนับไปเพิ่มอีกหนึ่งตัวให้ดูนอบน้อมถ่อมตนและปิดบทสนทนาอย่างสวยงาม


     

    อาห์~ ทีนี้นอนได้ 


     

          คนง่วงนอนหลับตาลงได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็เข้าสู่ห้วงความฝันยาวจนถึงเช้าของอีกวันโดยไม่มีการตื่นระหว่างคืนสักครั้ง สาเหตุคงเพราะด้วยอาการเหนื่อยล้าทั้งทางกายและสมองที่สั่งสมมาทั้งวัน




     

          อรุณรุ่งของวันใหม่ธันวามาเรียนปกติตามตารางระบุไว้ด้วยการเดินเท้าเหมือนอย่างเคย  เนื่องจากวิชานี้เริ่มตอน10โมงครึ่งเจ้าตัวเลยได้ทานข้าวเช้ามาจากที่หอพัก กล้วยหนึ่งหวีกับไข่หนึ่งฟองกินกับข้าวสวยก็เพียงพอกับกระเพาะ  ด้วยเหตุนี้เขากับจีจ้าเลยได้นัดเจอกันในห้องเรียนทีเดียว


     

           เดินตามทางมานานพอเปิดประตูเข้าไปก็ต้องพบกับความเคว้งคว้างและน่าขนลุก ทั้งห้องมืดสนิทไร้เงาสิ่งมีชีวิต


     

    แม่ง…มาผิดชั้น


     

           ร่างโปร่งเดินขึ้นบรรไดต่อไปอีกยี่สิบขั้นครั้งนี้จึงมั่นใจแล้วว่าถูกชั้นถูกห้องแน่นอน เปิดเข้าไปก็พบกับความโล่งใจเมื่อพบกับคนคุ้นหน้าคุ้นตานั่งเรียงกันเต็ม…หลังห้อง


     

     โถ่เอ๊ย ไม่น่ามาช้าเลย ได้นั่งซะหน้าสุดขนาดนี้คงไม่พ้นโดนอาจารย์เรียกตอบคำถามแน่ๆ 


     

          แต่แล้วในขณะที่คิดตัดพ้ออยู่ในใจแสงสว่างที่ปรายอุโมงค์ก็ปรากฎขึ้นเมื่อสายตาคมกริบกวาดมองไปเจอเข้ากับเพื่อนสนิทกำลังกวักมือให้ไปนั่งข้างๆกันที่ด้านหลัง


     

    “วันนี้มาเร็วได้ไง? ปกติเห็นมาช้าจะตาย”


     

    “แหม ก็เข้าเรียนตั้งสิบโมงครึ่ง ชั้นก็เลยมีเวลาแต่งหน้าเยอะไง”


     

    “อ๋ออ อย่างนี้นี่เอง”


     

    “นี่เพื่อนใหม่ ชื่อฟ้า คนถัดไปชื่อฝนเค้าเป็นแฝดกัน น่ารักเนอะๆ”


     

    “เราชื่อวา ยินดีที่ได้รู้จักนะ”


     

          จีจ้าได้แนะนำให้ผมได้รู้จักกับคนถัดไปอีกสองสามคน ก่อนที่อาจารย์จะเริ่มคลาส พอสอนเข้าช่วงท้ายๆอาจารย์ก็เริ่มให้จับกลุ่ม6คน ผมหวังว่าผมกับจีจ้าจะไม่ถูกทอดทิ้งแล้วมันก็เป็นไปตามที่หวังเมื่อกลุ่มเด็กแฝดที่มีกันอยู่แล้วสี่คนมาชวนผมสองคนเข้าไปร่วมด้วย เราช่วยกันเขียนชื่อสมาชิกและชื่อกลุ่มไปส่งอาจารย์หน้าห้อง


     

    “เดี๋ยวอาจารย์จะปล่อยให้ออกไปหาที่จับกลุ่มทำงานนอกห้องนะคะนักศึกษาแต่ขอเป็นบริเวรแถวๆนี้นะ ส่วนใครคิดว่าทำในห้องสะดวกกว่าก็ตามสบายนะอาจารย์ไม่บังคับ ขอแค่งานออกมาดีก็พอ พักเที่ยงเมื่อไหร่ก็เอางานมาส่งแล้วแยกย้ายกันไปทานข้าวได้”


     

    “ครับ/ค่ะ”


     

    “เชิญจ้ะ”





     

    “เราไปนั่งโต๊ะตรงสวนหย่อมกันเถอะ ไปเร็วเดี๋ยวโดนแย่งที่ ตรงนั้นร่มเย็นสุดแล้ว” แฝดคนน้องรีบเดินนำกลัวจะไม่ทันการ 


     

    “ชอบเย็นๆทำไมไม่ทำในห้องอะ จะมีอะไรเย็นกว่าแอร์อีก” ฟ้าแฝดพี่ขัดขึ้น


     

    “ก็มันหันหน้าคุยกันไม่ได้มันเป็นเก้าอี้เลคเชอร์ ตรงนู้นเป็นโต๊ะกลม”


     

    “อ่ออ เดินไปๆ” เมื่อเห็นว่าเหตุผลของฝนค่อนข้างดีจึงไม่มีใครขัดขึ้นอีกยอมเดินตามกันไปแต่โดยดี



     

          ตอนเดินใกล้ถึงโต๊ะผมเหลือบไปเห็นกลุ่มของวินหรือก็คือแก๊งเดือนด่าวเด่นของมหาลัย นั่งอยู่ไกลๆ  ด้วยความที่ขี้เกียจทักทายกับวิน เพื่อนเก่าที่สุดแสนจะเฟรนด์ลี่ของผมที่เหมือนจะสนิทแต่พอห่างกันไปนานมันก็ไม่สนิทใจเหมือนเดิม  เวลาปะทะหน้ากันมันโคตรอึดอัดไม่รู้ว่าควรทักทายว่าอะไรดี อีกคนคือพี่ธารา รายนั้นยิ่งแล้วใหญ่ ถ้าเพื่อนๆผมเห็นเข้าคงไม่เป็นอันทำงานกันแน่ๆงานนี้  ผมจึงเลือกที่จะก้มหน้าก้มตาหลบหลังเพื่อนให้เนียนที่สุดเท่าที่จะทำได้


     

    “เป็นอะไรวา? เวียนหัวหรอ”


     

    “เปล่าๆ ก้มหลบแดดเฉยๆ”


     

    “แดดแค่นี้อะนะ? เมื่อวานชั้นเห็นแกเดินตากแดดอย่างเปรี้ยงยังดูชิวๆอยู่เลย”


     

    “ก็…เมื่อเช้าไม่ค่อยสบาย ก็เลยหลบๆหน่อย”


     

    “หรอ เป็นหนักขึ้นมาแกรีบบอกชั้นเลยนะ จะได้ไปห้องพยาบาลกัน”


     

    “อืม”


     

           ทุกคนจับจองที่นั่งจนโต๊ะทรงกลมเต็มได้พอดีกับจำนวนคนเป๊ะ สมุด ปากกาและแท็บเล็ทถูกนำมาวางด้านบนตรงกลาง  


     

    “เริ่มยังไงดีอะ?”


     

    “เริ่มที่…ไปซื้อขนมมากินก่อนละกัน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง”


     

    “เออจริง”  จีจี้ลุกขึ้นยืนเตรียมออกตัว เห็นแบบนั้นคนที่เหลือก็ลุกตามกันยกกลุ่ม


     

    “อ้าว แล้วใครเฝ้าของอะ?”


     

    “วาละกัน ไม่ค่อยสบายไม่ต้องเดินหรอก”


     

    “ได้ๆ เดี๋ยวเฝ้าให้”


     

    “เอออะไรมั้ยเดี๋ยวซื้อมาให้”


     

    “เอาเยลลี่หนอนกับน้ำอัดลมกระป๋องนึง”


     

    “โอเค ฝากดูของด้วยนะ”


     

          ทันทีที่เพื่อนลุกไปหมดผมก็เพิ่งตระหนักได้ว่าไม่มีใครบังให้แล้ว ซวยล่ะสิ ก้มหน้าฟุบกับโต๊ะไปเลยแล้วกัน




     

    10 นาทีถัดมา



     

    “เฮ้ย! วา เป็นไรรึเปล่า” จีจ้าเอ่ยทักด้วยท่าทีเป็นห่วงที่เห็นเพื่อนฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ


     

    “หืม มากันแล้วหรอ เราไม่ได้เป็นไรแค่ง่วงเฉยๆ”


     

    “แน่นะ?”


     

    “แน่สิ”


     

          จีจ้ายิ่งเป็นห่วงยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดที่โกหกคำโตออกไป ไม่นึกเลยว่าเธอจะเป็นคนใส่ใจคนอื่นขนาดนี้



     

          กลุ่มนักศึกษาแบ่งงานกันทำอย่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงใบไม้และเสียงนำ้ไหลดังมาจากน้ำตกเล็กๆของสวนหย่อม แต่หลังจากสงบกันได้ไม่นานก็มีเสียงคนนึงขัดความเงียบขึ้นมา


     

    “แกๆ นั่นมันแก๊งเดือน กี๊ดดด หล่อมาก!” หญิงสาวหนึ่งในกลุ่มพยายามหวีดให้เสียงเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะบริเวรนี้คนเริ่มพากันเงียบหมด หากเสียงดังไปคงจะเป็นจุดเด่นให้คนพาหันมองเสียเปล่าๆ


     

    “จริงหรอ! ไหน” คะนิ้งสาวแซ่บประจำกลุ่มโพล่งขึ้นมา


     

    “เฮ้ย แกเบาๆดิ คนมองหมดแล้ว”


     

    “นี่ก็เบาแล้วนะ”


     

    “เบาลงอีกหน่อยเถอะถือว่าขอ”


     

    “แหมม ทำเสียงดังอยากให้แก๊งเดือนหันมามองอะดิ ใช่ม้าา” จีจ้าแซวทีเล่นทีจริงแต่ดันไปทำเธอมีน้ำโหเข้า


     

    “วา! แกดูเพื่อนแกดิ มันว่าชั้นเรียกร้องความสนใจอะ”


     

          ยิ่งโมโหระดับเสียงของเธอก็ยิ่งปีนขึ้นสูงกันไปใหญ่ วารีบหันไปเช็คดูว่าวินได้ยินที่นิ้งตะโกนชื่อเขาหรือไม่ทำให้สายตาสอดประสานกันเข้าพอดี


     

    “อ้าว…วา!” 


     

          มันโบกมือให้ผมผมก็ส่งยิ้มไปแล้วโบกมือกลับ แต่เหมือนมันจะไม่พอใจแค่นั้นเพราะมัน

    ลุกขึ้นเดินมาทางนี้แล้ว


     

    “วาๆ พี่วินเดินมาแล้ว!” จี้จ้าสะกิดแขนผมไม่หยุด


     

    “…” 


     

    “มีเรียนตึกนี้ด้วยหรอ?” มาถึงร่างสูงก็เอ่ยทักเพื่อนเก่าด้วยคำถาม


     

    “มีๆ แล้วนี่มึงมานั่งทำไร?”

    “นั่งเล่นกินลมชมวิวไปงั้นแหละ ไปนั่งด้วยกันปะ กูอยากแนะนำมึงให้เพื่อนกูรู้จัก”


     

    “กูต้องช่วยเพื่อนทำงานอะ ไว้คราวหน้าแล้วกันนะ” วาได้แต่ส่งยิ้มเฉพาะกิจส่งไปให้


     

    “น่า~ พี่ขอยืมตัวเพื่อนน้องๆสักแปปนึงได้มั้ยครับเดี๋ยวมาส่งคืน”


     

    “ได้ค่ะ!”  ทั้งโต๊ะตอบเป็นเสียงเดียวไม่มีคัดค้าน ทำให้แขนข้างนึงของวาถูกลากออกไปในวินาทีถัดมา


     

    “เห็นมั้ย แปปเดียวไม่เป็นไรหรอก”


     

    “เออๆ แปปเดียวนะ”




     

    “ทุกคนฟังทางนี้ครับ นี่ธันวาเพื่อนสนิทผมเอง”


     

    มาถึงโต๊ะวินก็จัดแจงแนะนำวาให้ทุกคนได้รู้จัก ถัดมาก็แนะนำเพื่อนตัวเองเรียงตัวเพื่อให้วาจำชื่อด้วยเช่นกัน


     

    “วาเป็นเพื่อเก่าไอ้วินหรอ บังเอิญเนอะ”


     

    “ครับพี่ธารา”


     

    “อ๋อ มึงเป็นลุงรหัสหลานรหัสกันใช่ปะ จำได้ละ วันนั้นกูก็เห็นอยู่ ว่าจะเข้าไปทักแต่เสือกโดนทำโทษให้เก็บขยะรอบอาคารเดินเหนื่อยชิบหาย อย่าให้รู้นะว่าใครเป็นคนเขียนกระดาษแผ่นนั้น”


     

    “ถ้ารู้แล้วมึงจะทำไม?”


     

    “ก็จะเดินไปบอกว่าทีหลังใช้ปากกาลูกลื่นนะ ปากกาหมึกซึมมันเปรอะกระดาษ”


     

    “ถุ้ย! กูก็นึกว่าแน่” คนชื่อเจ้านายทำท่าถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างเหยียดหยาม


     

    “แล้วนี่พวกมึงจะให้หลานรหัสกูยืนอีกนานมั้ย วามานั่งนี่มา” ธาราขยับที่ให้นั่งข้างๆตนทั้งที่กลุ่มตัวเองก็อัดกันจะแทบไม่มีที่ว่าง ยิ่งไปกว่านั้นคือภีมที่นั่งกดมือถืออยู่ข้างธาราที่ไม่เคยเงยหน้าขึ้นมาเลยตั้งแต่เขามายืนตรงนี้


     

    “เดี๋ยวผม กลับโต๊ะเลยก็ได้ครับ”


     

    “เฮ้ยยย นั่งก่อนดิ จะรีบไปไหนมาไม่ถึงสามวิเลย นั่งก่อนๆๆ”


     

            สงสัยจริงๆว่าไอ้วินมันเวอร์ได้ใคร ผมเดินไปด้านข้างพี่ธาราแล้วแทรกตัวลงไประหว่างเขากับพี่ภีม


     

    “ไอ้ภีมมันแชทกับสาวที่ไหนของมันวะ ก้มหน้าก้มตาจนคอเคล็ดไปละมั้ง”


     

    “ช่างมันเหอะ มึงยังไม่ชินอีกหรอไอ้วิค”


     

    “กูก็พยายามชินนะแต่ไม่ได้จริงๆว่ะ555 คราวนี้ใครวะ น้องผิง น้องไลลา หรือน้องมายด์?”


     

    “อะไม่ตอบ ไม่เป็นไรเราคุยกันต่อดีกว่า ปล่อยไอ้เหี้ยนี่ติดHeeไปก่อน”


     

    “55555 มึงก็ไปว่ามัน มันอาจจะคุยกับแม่กับน้องมันก็ได้”


     

    “พวกมึงนี่นินทาเหมือนกูไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยเนอะ”


     

    “นินทาอะไรครับ ขนาดนี้แล้ว เค้าเรียกพูดใหได้ยินเลยต่างหาก”


     

    “เออ เรียกอะไรก็เรื่องของมึงเหอะ”


     

    “แล้วนี่มึงเรียนวิชาอะไรอยู่อะวา เค้าถึงให้มานั่งทำงานตรงนี้” วินเลือกที่จะหยุดสนใจเพื่อนหัวรั้นแล้วมาสนใจเพื่อนที่น่ารักแทน


     

    “อาจารย์ สิตาอะ”


     

    “โหยยย สุดๆ เห็นใจดีอย่างนี้นะเอฟกันรัวๆ มึงต้องตั้งใจเรียนมากๆอะถึงจะหลุด D ไปได้”


     

    “มึงหลอกกูปะเนี่ย อาจารย์สิตาเนี่ยนะ?”


     

    “เออดิ ไม่เชื่อมึงไปดูใบประกาศเกรดปีกูหน้าห้องพักแกดิ F กันเป็นแถว”


     

    “โห งี้ต้องตั้งใจละ”


     

    “กูว่าต่อให้มึงไม่บอกวา วาก็ไม่น่าได้ต่ำกว่าDหรอก” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่างานถนัดของธาราคืออวยน้องรหัสกับสะกัดขาเพื่อน 


     

    “ก็จริง นี่มึงรู้จักกันวันเดียวมึงก็เดามันออกละหรอ อัจฉริยะจริงๆคุณชายธารา”


     

    “คุณชายพ่อง”


     

    “เอ้า ไม่คุณชายตรงไหนเอาปากกามาวง ไม่เชื่อถามน้องรหัสมึงดิ จริงมะ” วินโยนให้ธันวาเป็นคนตอบ


     

    “จริงครับ พี่ธาราหล่อยังกับเจ้าชายเลย”  ที่พูดนี่ยังไม่เกินความจริงเลยสักนิด บอกว่าเป็นเจ้าชายต่างแดนปลอมตัวมายังเชื่อเลย


     

    “น้องครับ” 


     

          จู่ๆคนที่นั่งเงียบมานานก็พูดขัดขึ้นเสียงเย็นจนทุกคนต้องหันไปให้ความสนใจ




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×