ตอนที่ 6 : ผีน่ากลัวน้อยกว่าพี่ (100%)
6
อาทิตย์หนึ่งมาแล้วที่แบมแบมฝึกช่วยตัวเอง หมายถึงช่วยเหลือตัวเองในด้านต่างๆเพราะไม่กี่วันข้างหน้าพี่บี๋จะต้องไปค่าย ช่วยตัวเองในด้านต่างๆที่ว่าก็อาทิ การทำอาหารเช้าจากปกติที่พี่บี๋จะทำไว้รอก็ต้องฝึก ทอดไข่ ปิ้งขนมปัง พยายามจะทำข้าวต้มแต่คนเป็นพี่ก็เบรกไว้เพราะกลัวว่าถ้า มากกว่านี้ครัวอาจไฟไหม้ได้ นอกจากนี้แบมแบมยังฝึกตื่นเช้าให้ทันเวลา เพราะถ้าตื่นตามอำเภอใจมีหวังไม่ได้ไปเรียนอย่างแน่แท้ แบมแบมมีทักษะขั้นสูงในการเพิกเฉยต่อเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังเลเวลเดียวกับกริ่งไฟไหม้ เรียกว่านอนเหมือนซ้อมตายกันเลยีเดียว
“มึงคิดว่าตัวเองไหวไหมเนี่ยเรื่องการตื่นไปเรียน” พี่บี๋ถามขึ้นในเช้าวันหนึ่ง เมื่อคืนว่านอนเร็วแล้วนะแต่ร่างบางก็ยังตื่นสายอยู่เลย ไม่ชอบการที่ไม่สามารถคุมการหลับและการตื่นของตัวเองแบบนี้เลย
“ไหวสิแบมคิดว่าแบมไหว แบมเก่ง” ร่างบางพูดพร้อมกับขยี้ตาทำหน้างัวเงีย ง่วงจนดูอ้วน (?)
“ไหวแน่นะ” พี่บี๋ที่อยู่ในชุดนักศึกษาเสื้อเป็นระเบียบเรียบร้อย ยืนกอดอกอยู่ข้างเตียง
“ไหวสิ ไหวแหละมั้ง งื้อแบมก็เริ่มไม่แน่ใจ” แบมแบมงอแงทำท่าจะเข้ามากอดเอวพี่บี๋แต่คนพี่ก็เฟดตัวห่างออกมาทันที อย่าๆกว่าจะเรียบขนาดนี้รีดนานมากนะเสื้อเนี่ย
“ไม่ไง คือถ้ามึงไม่ไหวอ่ะกูจะได้บอกไอ้มาร์คมัน ให้ช่วยมาปลุกมึงตอนเช้าหน่อย” ถึงพี่บี๋จะเกรงใจเพื่อนของตัวเองมากแถมกลัวว่าเพื่อนมันจะรำคาญแต่ด้วยความห่วงน้องก็ไม่อยากให้น้องไปเรียนสาย ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่าถ้าไปสายหลายๆครั้งเข้าอาจารย์ก็ไม่ให้มีสิทธิ์สอบ
“แบมเกรงใจพี่มาร์คเขา แล้วพี่บี๋ก็รู้ใช่ไหมว่าแบมน่ะปลุกยากมาก” ร่างบางว่าอย่างนั้นให้กับพี่ชายได้ฟัง ร่างสูงได้ยินอย่างนั้นแล้วก็เข้าใจว่าน้องของเขานั้นโตขึ้นมีความเกรงใจคนอื่นมากขึ้น
เก่งวะ น้ำตาจะไหล เลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย หมายถึงช่วยแม่ๆแบมแบมเลี้ยงในฐานะเพื่อนเล่นน้องอะนะ
“โอเคมึงบอกว่าไหวกูก็จะคิดว่ามึงไหว” คนอายุมากกว่าทำหน้าเป็นห่วงก่อนจะเดินไปลูบผมน้องอย่างหนักใจอยู่ไม่น้อย
“งื้อ” แบมแบมทำเสียงครางในลำคอ
“ไปๆลุกจากเตียง พับผ้าห่มไปอาบน้ำได้แล้วสายละ มึงนี่น่าเป็นห่วงจริงๆเลยนะอีงาม” แล้วคนที่เป็นทั้งพี่ควบหน้าที่พ่อก็ให้ร่างบางลุกจากเตียงที่แสนนุ่มของตัวเองเพื่อไปอาบน้ำเตรียมตัวไปเรียนพร้อมกัน
แบมแบมใช้เวลาในการอาบน้ำไม่นานนักเมื่ออาบเสร็จก็ออกมาจากห้องน้ำแต่งตัวผูกเนคไทเซ็ทผมตรวจดูของในกระเป๋าเอาหนังสือเล่มที่ชอบอ่านติดมาด้วย ส่วนพี่บี๋นั้นก็ยังการทำง่วนอยู่กับแซนวิชในครัวเพื่อทำเป็นอาหารเช้าให้กับแบมแบม
“พี่บี๋แบมเตรียมตัวเสร็จแล้วนะ”
“เออๆรอกูแป๊บนึง” ร่างสูงตะโกนออกมาจากในครัว ไม่นานนักพี่บี๋ก็เดินออกมาจากห้องครัวตามที่บอกเอาไว้พร้อมกับส่งกล่องแซนวิชให้กับแบมแบมร่างบางรับกล่องแซนวิชมาไว้ในมือแล้วยิ้มแป้นก่อนจะขอบคุณพี่ชายด้วยน้ำเสียงน่ารัก
“ปิดแอร์ปิดไฟในห้องนอนหรือยัง” ร่างบางพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะออกจากห้องพี่บี๋ไม่ลืมที่จะเดินเข้าไปเช็คความเรียบร้อยแม้ตัวเองจะถามจากแบมแบมแล้วก็ตาม อีงามของเขาน่ะขี้หลงขี้ลืมเหมือนกันนะ มีครั้งหนึ่งลืมปิดน้ำในห้องน้ำกลับมานี่น้ำแทบท่วมห้องดีนะระบบระบายน้ำของห้องน้ำมันดี ไม่งั้นเอาปลาหางนกยูมาปล่อยให้ว่ายได้เลยจ้า ไม่ต้องพูดถึงค่าน้ำ ขนหน้าแข้งไม่ล่วงนะแต่ขาแทบหลุด โดนไปหลายร้อย
ตรวจสอบทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งพี่บีและอีงามของเขาก็ออกจากห้องแน่นอนว่าคนที่ล็อคห้องคือคนที่รอบคอบที่สุดนั่นก็คือพี่บี๋ พอเดินออกมาจากห้องคนพี่ก็ยกแขนขึ้นมาวางไว้บนไหล่คนน้อง ตัวเขาเองก็เป็นห่วงน้องอยู่ไม่น้อยกับการที่ตัวเองจะต้องไปออกค่ายถึงแม้จะฝากฝังน้องไว้กับเพื่อนที่สนิทแล้วก็ตาม แบมแบมน่ะไม่ใช่เด็กดื้อแต่เป็นเด็กเด๋อ ไม่ระวังและซุ่มซ่าม ซึ่งน่าเป็นห่วงฉิบหายเลย แล้วพึ่งเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ อะไรหลายๆอย่างก็จะต่างไปจากที่บ้าน ที่อยู่ต่างจังหวัด พูดแล้วก็คิดถึงเชียงใหม่บ้านเกิดเลยแฮะ
ในระหว่างทางมาสถาบันบัณฑิตร่างบอบบางตัวนิดตัวน้อยของแบมแบมก็นั่งเคี้ยวแซนวิชแก้มตุ่ยจนหมดในระยะเวลาอันสั้นพอพี่บี๋ขับรถมาถึงสถาบันบัณฑิตร่างบางก็เดินตามต้อยๆ เอาจริงๆก็มีบางส่วนที่คิดว่าพี่บี๋และแบมแบมเป็นแฟนกันก็จะไม่ให้คิดได้ยังไงสายตายที่พี่บี๋มองแบมแบมมีแต่คำว่าเอ็นดูมากถึงมากที่สุด คนขี้นินทาก็จะคิดไว้ก่อนว่าเป็นผัวเมียกันน้อยคนนักที่จะคิดว่าเป็นพี่น้อง
“พี่บี๋แบมขอไปนั่งเล่นที่คณะพี่แป๊บนึงได้ไหม แบมมีเรียนตอนตอนเก้าโมงตอนนี้เพิ่งแปดโมงครึ่งอยู่เลย” ร่างบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา คนพี่ที่เห็นว่าน้องยังไม่ค่อยมีเพื่อนและยังไม่สนิทกับใครมากนักก็เลยพยักหน้ารับและพาน้องเดินตามไปที่คณะของเขา แน่นอนว่าด้วยความที่สถาบันบัณฑิตแห่งนี้มีผู้ชายที่นิยมเรียนวิศวะอยู่มากผู้ชายหน้าหวานๆแบบแบมแบมพอเดินเข้าไปในดงชายฉกรรจ์ก็มีสายตาที่เมียงมองมา มีส่งยิ้มให้กับความน่ารักสดใสเห็นจะมีแต่ร่างบางนั่นแหละที่น่าหงิกขึ้นมาเมื่อพบว่ามีคนจ้องมองตน เด็กขี้อายก็อย่างนี้
“พี่บีดูสิแบมไม่ชอบแบบนี้เลย” ร่างบางที่เดินตามร่างสูงต้อยๆบนให้กับคนพี่ได้ฟังคนเป็นพี่เมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ดึงแบมแบมเข้ามาโอบความจริงเขาก็ไม่ชอบสายตาแบบนั้นเหมือนกันนอกจากจะดูไม่ให้เกียรติกันแล้วนั้นก็ยังดูเหมือนลวนลามอยู่ในทีด้วย ถ้าถามว่ารู้ได้ไงว่าลวนลามทางสายตาก็เพราะก็เคยทำไง(กับคนอื่นที่สวยๆ)ก็เลยรู้ และสาบานว่าจะไม่ทำอีกเพราะมันถือเป็นสันดารที่ไม่ดี ไม่ว่าจะใครก็ไม่ควรจะโดนมองด้วยสายตาจาบจ้วงทั้งนั้น
หน้ามีแต่ไม่มองจะมองนม…เนี่ยผู้ชายที่นี่มันรู้กันดีมองตาก็รู้แล้วว่าคิดบาปกันแค่ไหน ไอ้พวกไว้หนวดดกๆเป็นขนฝอยขัดหม้อเนี่ยไม่อันตรายเท่าไอ้พวกหน้าใสๆหรอก
คนสวยๆเป็นเป้าสายตาได้ไม่เท่าไหร่นัก ก็มีเป้าสายตาใหม่เดินเข้ามาคงไม่มีใครมีออร่าและกลายเป็นเป้าสายตาได้มากเท่ากับมาร์คต้วนอีกแล้วร่างสูงทรงเสน่ห์ที่มาถึงสถาบันบัณฑิตหลังเจบีได้เพียงไม่กี่นาทีเดินเข้ามาหาสองพี่น้องที่เดินโอบกันอยู่
“น้องแบม!” และแน่นอนว่าคนแรกที่มาร์คต้วนทักทายไม่ใช่เพื่อนของเขาแต่เป็นร่างบางที่เขาชอบหลงใหลในจุดสีชมพูนั่น ก็นะหน้ามีแต่ไม่มองจะมองนม ร่างบางที่โดนเรียกชื่อหันไปมองทางต้นเสียงก็พบร่างของมาร์คต้วน
“กูล่ะแล้วกูล่ะทำไมไม่ทักกูบ้างกูเพื่อนมึงนะ” เจบีท้วงขึ้นมา
“มึงน่ารักหรือไงล่ะถ้ามึงน่ารักกูจะทักมึง” แล้วตาคู่คมของมาร์คต้วนก็หันไปโฟกัสที่คนที่อายุน้อยที่สุด ทั้งสามพากันไปหาโต๊ะไม้หินอ่อนเพื่อจะนะรอเวลาให้ถึงเก้าโมงสำหรับการเข้าคลาสของทุกคน
ทำเลที่นั่งตอนนี้ถือว่าเป็นทำเลทองของมาร์คต้วนเขานั่งตรงข้ามกับน้องขวามือตัวเองเป็นไอ้บีเพื่อนรัก แบมแบมน่ารักไม่พอยังจะเป็นคนที่มีนิสัยชอบอ่านหนังสือน้องหยิบหนังสือ พ็อกเก็ตบุ๊คเล่มเล็กๆขึ้นมาอ่านส่วนเพื่อนเขานั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเกมเมื่อทั้งโต๊ะไม่มีสายตามองมาที่เขา เขาก็เลยใช้สายตาของตัวเองมองไปที่ทั้งสองแทน จะว่าทั้งสองก็ไม่ใช่ความจริงมองแค่แบมแบม ตอนน้องก้มหน้าอ่านหนังสือมันมีเสน่ห์มากมือสวยกำลังกรีดไปบนหนังสือ สายตาคมคมเริ่มสอดส่ายไปที่คอเสื้อ น้องเป็นคนแต่งตัวเรียบร้อยแต่เป็นเขาที่หื่นเอง พยายามมองลงไปที่หน้าอกของน้อง ใช่ หวังลึกๆว่าจะได้เห็นจุกสีหวานมาลางๆบนเสื้อนักศึกษาสีขาว น้องนะน้องจะใส่เสื้อกล้ามทับด้วยเสื้อนักศึกษาทำไม ไม่เห็นเลยเนี่ย โว๊ะ!
ถ้าสงสัยว่าทำไมถึงโวยวายกับการไม่ได้เห็นนมน้องขนาดนี้ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาแบมแบมติดธุระทำรายงานเลยไม่ได้ไปเข้าฟิตเนสพร้อมกับเขา ก็นะมันก็จะลงแดงหน่อยๆ พูดตามตรงตามประสาผู้ชายหื่นกามเลยนะ จุกสีชมพูของแบมแบมนี่มันเป็น Amazing Thailand ได้เลยนะ คือมีเสน่ห์น่าดึงและดูดหาดูยาก อยากวกเข้าไปหาทุกๆที่ห่างออกมา
สำหรับมาร์ค นรกก็แค่ชื่อน้ำพริก
แบมแบมมเซ็กส์แอพเพียวสูงมากใบหน้าที่น่ารักหุ่นทรงที่มีเอวคอดกิ่วแบบที่ผู้ชายอย่างเราๆไม่ค่อยจะมี ทั้งๆที่ใส่เสื้อพอดีตัวไม่ได้รัดให้เห็นรูปร่างแต่มันกับน่าหลงใหล เอาจริงๆไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าวันใดวันหนึ่งเขากับแบมได้เป็นแฟนกันจริงๆตอนอยู่บนเตียงนอนจะน่าสงสารแค่ไหน
แม่งเอ้ยแค่คิดคำว่าเตียงกับคำว่าแบมแบมก็ทำให้บางอย่างมันตื่นตัวขึ้นมาเสียแล้ว มาร์คจึงต้องพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองด้วยการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกม ไม่ไหวไม่ไหวถ้ามองนานกว่านี้แข็งแน่ๆ
หมายถึงตัวแข็งแน่ๆต้องเกร็งมากกว่านี้แน่ๆ
ทั้งๆที่บอกตัวเองว่าจะเล่นเกมแต่พอน้องปิดหนังสือสายตาของมาร์คต้วนก็มองไปที่น้องทันที เห็นได้ชัดว่าความสนใจของเขามันอยู่ที่แบมแบม ร่างบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะดูเวลา
“แปดโมงห้าสิบครับ” ร่างบางเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ที่ยังไม่ทันจะกดขึ้นดูเวลา พี่มาร์คก็บอกเวลาก่อนที่จะได้ทำอะไรกับโทรศัพท์ซะอีกแบมแบมก็ได้แต่พยักหน้าและขอบคุณพี่บี๋เงยหน้าจะเกมได้ครู่หนึ่งก็ก้มลงไปเล่นต่อ
“พี่บี๋แบมไปคณะก่อนนะ ไปก่อนนะครับพี่มาร์ค” แบมแบมพูดพร้อมกับลุกขึ้นแล้วลาพี่พี่ทั้งสอง ที่บี๋พยักหน้ารับ
“ตั้งใจเรียนนะอีงาม” แบมแบมส่งยิ้มแล้วพยักหน้า
“สู้ๆนะครับน้องแบม” นั่นคือประโยคให้กำลังใจของมาร์คตัวไหนและแบมแบมก็ส่งยิ้มพร้อมพยักหน้าอีกเช่นเคย น้องลุกขึ้น หยิบหนังสือใส่กระเป๋าแล้วเดินออกไป มาร์คต้วนยังไงก็ยังเป็นมาร์คต้วนพอน้องหันหลังให้ก็มองตูด คือมันไม่ได้ใหญ่อะไรขนาดนั้นนะมันออกจะอยู่ในสัดส่วนที่พอดีแต่มันสามารถบ่งบอกถึงความนิ่มได้จากความฟีบ(?) มันแบบอธิบายไม่ถูกคือต้องลองจับสักครั้งถึงจะรู้ หมายถึงจับมาถามว่าทำไมก้นถึงดูนิ่ม
ข้างๆคณะวิศวะเป็นคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ความจริงแบมแบมอยากเรียนคณะนี้แต่ก็นะไม่ได้วาดรูป คำนวณ หรือว่าอดนอนเก่งแบบที่เด็กคณะนี้ควรจะเป็น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาก็พบว่าตัวเองมองป้ายคณะสถาปัตยฯ นานไปหน่อยจนเกือบจะเข้าสายเดชะบุญที่คณะศิลปศาสตร์อยู่ไม่ห่างจากนี้มากนักเดินครู่เดียวก็มาถึง
แบมแบมเลือกที่จะนั่งเกือบๆแถวหลังเขาเป็นคนที่ไม่ชอบนั่งข้างหน้ามากเท่าไหร่ไม่ชอบการถูกเพ่งเล็งจากอาจารย์แม้จะรู้ดีว่าข้างหลังนั่นแหละที่ถูกจับตามากกว่าข้างหน้าเสียอีก นั่งไปได้ครู่เดียวก็มีเพื่อนอีกคนหนึ่งมานั่งข้างๆรู้สึกแปลกหน่อยๆไม่คุ้นเลยถึงแม้คลาสนี้จะเป็นคลาสของวิชาที่เรียนรวมกับคณะอื่นก็เถอะ ที่บอกว่ารู้สึกแปลกๆมันก็เพราะเพื่อนที่มานั่งข้างๆเนี่ย นั่งทั้งๆที่แถวที่แบมแบมนั่งอยู่นั้นมีอีกหลายที่ที่ว่างและว่างห่างจากแบมแบมค่อนข้างมาก ร่างบางหยิบสมุดจดเลคเชอร์ขึ้นมาไม่ลืมที่จะหยิบปากกาขึ้นมาด้วยตาสวยๆเหลือบมองไปที่เพื่อนที่นั่งข้างๆ
ไม่คุ้นหน้าเลย คือก็รู้ว่าในเมเจอร์หนึ่งคนมันก็เยอะแต่มันก็จะพอเห็นผ่านๆบ้างแต่กับคนข้างๆนี่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็ช่างเถอะ
ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรมากอาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้องทำการเปิดคอมเตรียมสไลด์อยู่ครู่หนึ่ง แบมแบมหันไปสนใจเพื่อนคนข้างๆก็เห็นว่าเขาไม่ได้เอาอะไรขึ้นมานอกเสียจากนั่งเท้าคางอยู่อย่างนั้น
ในช่วงต้นๆก็ตั้งใจอยู่แต่พอเริ่มเรียนไม่เข้าใจสมาธิก็เริ่มหายไปด้วยเริ่มมองผ้าม่าน มองแอร์ มองเพื่อนที่เอากล้วยฉาบเข้ามากินในห้อง มองเพื่อนที่เล่นเกม มองเพื่อนที่ไถไอจีและเล่นฟิลเตอร์อัพลงสตอรี่ มองบางคนที่พออาจารย์หันไปชี้สไลด์ก็แอบเอาลิปสติกขึ้นมาทา และตาสวยๆก็มันจบลงที่ผู้ชายที่นั่งข้างๆกัน เขาไม่จดอะไรเลยนั่งฟังอย่างเดียว นั่งฟังด้วยหน้าที่ไม่มี แพชชั่นใดๆ จ้องได้ไม่นานคนที่เขากำลังมองนั้นก็หันมาสบตากันสบตากันด้วยใบหน้านิ่งๆ
“มองไร” เป็นคนตัวเล็กที่เป็นฝ่ายหลบสายตาก่อนมือเรียวกำปากกาแน่นจะโดนเพื่อนต่อยไหมนะ
“ระ...เราขอโทษเราแค่จะถามว่าทำไมเธอไม่จดเลคเชอร์เลย” ถามออกไปตามประสาคนซื่อ รู้ดีว่ามันเป็นการก้าวก่ายชีวิตคนอื่น
“ทำไมล่ะไม่จดเลคเชอร์แล้วผิดด้วยหรอ” ผู้ชายหน้าหล่อที่นั่งข้างกันตอบกลับมาพร้อมกับการเท้าคางใบหน้ายังคงเรียบนิ่งมองมาทางแบมแบม
“เราขอโทษ” พอโดนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบก็กลายเป็นแบมแบมที่ทำหน้าเจื่อน
“…ก็ไม่ได้ว่าอะไร” แบมแบมดูไม่ออกว่าคนตรงหน้าโกรธหรือไม่ หรือไม่ได้ว่าอะไรอย่างที่พูด แบมแบมหันกลับไปสนใจอาจารย์ที่อยู่หน้าห้อง
“สถาปัตย์” แล้วคนที่เมินแบมแบมก็พูดขึ้นทำเอาร่างบางมุ่นคิ้วด้วยความงุนงง
“ห๊ะ?” ได้ยินไม่ชัด และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนข้างๆพูดกับตนหรือเปล่า
“เราเรียนสถาปัตย์ชื่อดี้” จากที่งงอยู่แล้วก็งงไปใหญ่
“พูดกับเราหรอ”
“มองตาใครก็พูดกับคนนั้นแหละ” พูดจบคนข้างๆก็ยื่นมือมาเป็นมา
“หืม?”
“ยินดีที่ได้รู้จัก” ถึงจะงงมากแต่ก็ยอมวางปากกาในมือแล้วจับมือเชื่อมความสัมพันธ์ที่เริ่มได้ไม่ถึงสิบว่านาทีกับดี้
“อ๋า ยะ ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน” ดี้พยักหน้าแล้วชักมือกลับ
“ชื่อไรอะ” ดี้พยักเพยิดหน้ามาทางแบมแบม
“เราชื่อแบม อยู่สินสาด”
“น่าเบื่อเนอะ”
“หมายถึงเราหรอ” ก็ดี้มองมาที่เขา ดี้บอกเองว่ามองตาใครก็หมายถึงคนนั้น
“อย่าติ้งต๊อง พึ่งรู้จักกันจะเบื่อได้ไง นี่หมายถึงอาจารย์ระเบียบรัตน์ต่างหาก” ดี้พูดพร้อมกับถอนหายใจแล้วกอดอก
แบมแบมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่านี่ตัวเองกำลังจะได้เพื่อนคนแรกในชีวิตมหาวิทยาลัยแล้วใช่ไหม เพื่อนที่ต่างขั้วกันสุดๆ
เวลาหนึ่งอาทิตย์กำลังจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนโกหก วันนี้วันเสาร์เป็นวันที่แบมแบมมีนัดไปฟิตเนสกับพี่มาร์ค พรุ่งนี้ก็จะถึงเวลาไปออกค่ายของพี่บี๋แล้ว คนพี่จะออกเดินทางในตอนดึกๆเพื่อจะไปถึงเชียงใหม่ในตอนเช้า
อ่า… อวดเสียหน่อย แบมแบมซื้อชุดออกกำลังกายใหม่แล้ว ไม่เหมือนจะไปเต้นแอโรบิกแล้วล่ะ ครั้งนี้ดูเท่และทะมัดทะแมงกว่าตัวเก่ามากๆ
“เดี๋ยวๆอีงามนี่ชุดที่มึงซื้อมาหรอ” พี่บี๋ที่เดินเกาตูดออกมาจากโต๊ะทำงานก่อนจะหยุดอยู่หน้ากระจก น้องชายกำลังหมุนซ้ายหมุนขวายิ้มอารมณ์ดีอยู่ แบมแบมหันมายิ้มแล้วพยักหน้า
“จ้า เป็นไงสวยไหม” แบมแบมเดินมาใกล้คนพี่ ร่างสูงหรี่ตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของแบมแบมอีกครั้ง
“เออๆน่ารักดี” เสื้อกล้ามสีดำที่แขนเป็นตาข่ายถูกสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีดำเข้ากันได้ดีกับกางเกงสปอร์ตสีดำขาสั้นและรองเท้าไนกี้
“ไม่! มันเท่!” พี่บี๋หลบฝ่ามือของอีงามที่ทำท่าจะประทุษร้ายด้วยการตีมือต้นแขน
“เออ เท่ก็เท่ ไม่น่ารักๆ แล้วเสื้อทำไมมันเอวลอยแบบนั้นวะ” พี่บี๋เอื้อมมือไปดึงชายเสื้อให้น้องตอนที่แบมแบมง้างมือ แล้วร่างบางก็เบะปาก
“ที่ร้านเขาบอกมันเหลือไซส์เดียวอะ แบมเลยต้องยอมซื้อมา”
“ความจริงใส่เสื้อกล้ามห่านคู่ไปก็ไม่มีใครว่านะ”
“มันไม่สวย!” พี่บี๋ทำท่ากางมือเป็นเชิงเอาที่มึงสบายใจ
“แล้วนี่ไอ้มาร์คจะมารับใช่ไหม หรือว่าให้กูไปส่ง”
“เดี๋ยวพี่มาร์คมารับ” แบมแบมส่งยิ้ม
“เดี๋ยวนี้มึงดูสนิทกันนะ” แบมแบมเลิกคิ้ว
“หรอ? แบมไม่เห็นรู้สึกเลย เออ เนี่ยแบมไม่ได้เอาสบู่ไปนะ แปรงสีฟันก็ไม่ได้เอาไปพี่สบายใจได้”
“เอาไปก็เหี้ยละ” พี่บี๋ยกมือขึ้นขยี้ผมน้องก่อนจะย้ายร่างสูงโปร่งไปหยิบขวดน้ำที่ตู้เย็น กระดกน้ำยังไม่ทันจะหายกระหายเสียงกริ่งก็ดังขึ้น
“สงสัยพี่มาร์คมาแล้วอ่า แบมไปนะ” พี่บี๋พยักหน้าแทนการบอกเพราะเขาดื่มน้ำอยู่ แต่มิวายก็ต้องละปากจากขวดน้ำมาตะโกนบอกว่าอย่าลืมปิดประตู
“โหชุดใหม่” ทันทีที่แบมแบมเปิดประตูคอนโดออกไปพี่มาร์คก็ทักขึ้นทันทีเขาไล่มองน้องตั้งแต่หัวจรดเท้า แบมแบมนี่เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายมาก บอกให้ใส่สั้นๆก็ใส่สั้นๆ
โห ขาขาวมาก เรียวมากๆด้วย
“ไปกันเลยไหม” เป็นแบมแบมที่เรียกสติที่คนมองขาอ่อนตน พี่มาร์คที่อยู่ในชุดออกกำลังกายไม่ต่างกันพยักหน้า น้องก้าวออกมาจากขอบประตูแล้วไม่ลืมที่จะปิด ก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์พร้อมมาร์ค
“เสื้อเหมือนจะตัวเล็กไปหน่อยนะ” พอก้าวเข้ามาในลิฟต์และนิ้วเรียวๆของมาร์คต้วนกำลังกดไปชั้นล่างเขาก็พูดขึ้น น้องก้มมองเสื้อตัวเอง
“มันเหลือตัวสุดท้ายเลยเลือกไม่ได้น่ะครับ แล้วมันจะเป็นอะไรหรือเปล่าตอนออกกำลังกาย” เด็กขี้กังวลหันมาถาม ร่างสูงมองน้องผ่านกระจก
“ไม่หรอกครับ แบบนี้น่ะดีแล้ว” เห็นเอวคอดๆแบบนี้น่ะดีแล้ว
พอไปถึงฟิตเนสแบมแบมก็วอร์มร่างกายและเริ่มออกกำลังกายเหมือนเมื่อครั้งก่อนโดยมีมาร์คต้วนดูแลอย่างใกล้ชิด โปรแกรมการออกกำลังกายของแบมแบมจะเน้นไปที่การสร้างเสริมกล้ามเนื้อท้อง แบมแบมเลยจำเป็นที่จะต้องนอนราบไปกับเสื่อโยคะก่อนจะซิทอัพเซทละสามสิบครั้งทั้งหมดห้าเซทโดยมีมาร์คต้วนเป็นคนควบคุม
“อื้อ แบมจะเอาหัวขึ้นไม่ไหวแล้ว” มาร์คยิ้มออกมาน้อยน้องบ่นแบบนี้ทุกๆการซิทอัพขึ้นลง หน้าท้องแบนราบเกร็งตัวไปหมด คนที่คอยออกเสียงเชียร์เงียบไปก่อนจะเลียริมฝีปาก กวาดมองไปทั่วร่างบอบบางที่นอนหอบอยู่บนเสื่อโยคะ
ถ้าสอดเข้าไปน้องก็จะเกร็งแบบนี้สินะ… หมายถึงสอดมือประสานกุมมือกันเดิน
แบมแบมสู้จนครบห้าเซทและแน่นอนว่าพอครบแล้วก็นอนหอบอย่างเซ็กส์ซี่อยู่บนเสื่อโยคะอีกครั้ง การหอบหายใจของแบมแบมพร้อมกับเหงื่อที่ไหลซึมตามขมับและทั่วร่าง มาร์คกวาดสายตามองร่างบอบบางเงียบๆ เนี่ยน้องเป็นแบบนี้ น่ารักน่ากอดแบบนี้ใครที่ไหนมันจะไม่คิดอกุศลด้วย
“แบมต้องทำอะไรอีกไหม” พี่มาร์คส่ายหน้า หนูนอนให้พี่มองก็พอแล้ว
“พักก่อน พอหายเหนื่อยเดี๋ยวพี่จะให้ลองเล่นเครื่องออกกำลังกายอื่นๆ” แบมแบมตาวาว เมื่อได้ยินสิ่งที่อยากทำมานาน
“จริงหรอครับ” น้องกระเด้งตัวขึ้นมานั่ง มาร์คต้วนพยักหน้า พร้อมมองการกระทำที่กระตือรือร้นต่อการทำให้ตัวเองหายเหนื่อยของแบมแบม น้องนั่งพักอยู่สิบนาทีก่อนจะเดินมาหามาร์ค
“แบมหายเหนื่อยแล้ว” มาร์คต้วนลุกจากที่นั่งก่อนจะมองหน้าน้อง
“น้องแบมอยากเล่นอะไร”
“อันนั้น!” น้องชี้ไปทาง Strength หรือที่เขาเรียกกันก็คือ อุปกรณ์สร้างกล้ามเนื้อที่มีไว้สำหรับช่วยสร้างกล้ามเนื้อ เสมือนกับการยกน้ำหนักยิ่งถ้าเราฝึกบริหารกล้ามเนื้อไปนานๆ จะช่วยเรื่องการทรงตัวได้ดีขึ้น หุ่น รูปร่างดูกระชับกว่าเดิม
โห เล่นของยาก
“ไหวหรอเนี่ย ข้างหลังมันเป็นตัวถ่วงน้ำหนัก คนเล่นกล้ามเขาจะเล่นเครื่องนี้เอาไว้สร้างกล้ามเนื้อหลังแล้วก็อีกหลายส่วนเลย” แบมแบมพยักหน้าน้องลองจับก่อนจะค่อยๆออกแรง ท่อนแขนเล็กสั่นระริก เม้มปากเม้มคอเต็มที่แต่ตัวถ่วงน้ำหนักข้างหลังก็ยกขึ้นได้ราวๆห้ามิลลิเมตรจากจุดเดิมที่มันอยู่
เห็นแล้วก็เอ็นดู หนูไม่เหมาะจะยกของหนักเลยสักนิด หนูเหมาะกับการนั่งอยู่บนตักมากกว่า
“ค่อยๆเดี๋ยวจะเจ็บหลัง” มาร์คจับมือน้องเอาไว้เป็นเชิงห้ามว่าพึ่งจะเล่นอันที่ไม่เคยเล่นก็อย่าฝืน แบมแบมทำหน้าหงึ แล้วค่อยๆลองอีกครั้งแต่ตัวถ่วงน้ำหนักก็ขึ้นมากกว่าเดิมเล็กน้อย น้องปล่อยมือจากเครื่องก่อนจะถอนหายใจ
“ท้อแล้ว” ใบหน้าสวยเบะอย่างงอแง มาร์คยิ่งชอบ เขาชอบความงอแงของแบมแบมมันน่ารักมาก อยากมีแฟนเป็นคนขี้งอแง
“ลองเล่นอันนั้นดูไหม พี่ว่าเราน่าจะพอได้นะ” มาร์คชี้ไปที่ราวบาร์โหนที่มีคนอื่นๆในฟิตเนสเล่นกันอยู่ น้องเหมือนจะไม่ค่อยอยากแต่ก็ลองลุกไปตามคำแนะนำของมาร์ค พอไปถึงแบมแบมก็พบว่าบาร์ที่เขาเห็นว่ามันง่อยๆดูไม่เท่นั้นสูงกว่าหัวเขาเสียอีก ร่างบางลองกระโดดเพื่อจะจับบาร์
“ฮึบ!” ฮึบนี่ไม่ใช่ว่าจับได้นะ ปลายนิ้วยังไม่แตะบาร์ด้วยซ้ำ แน่นอนว่าแบมแบมลองกระโดดอยู่สองสามรอบ มาร์คที่กอดอกอยู่ห่างๆก็ยิ้มอย่างเอ็นดู
“อ๊ะ…พะ พี่มาร์ค” แบมแบมสะดุ้งเมื่อจู่ๆร่างตัวเองก็ลอยสูงขึ้นจากพื้นโดยมีพี่มาร์คจับเอวคอดๆแล้วยกขึ้นอย่างง่ายดาย
“จับบาร์สิครับ” น้องทำตัวไม่ถูก แบมแบมตัวเบามาก เห็นได้จากการที่เขาอุ้มน้องด้วยสองแขนแบบนี้ แบมแบมคว้าบาร์ตามคำบอกแล้วพี่มาร์คก็ละมือจากเอว
“งื้อพี่มาร์ค เสื้อแบม!” เสื้อที่ไซส์เล็กกว่าตัวที่กรอมอยู่ที่เอวบัดนี้มันไม่ปกปิดช่วงเอวบางเลยแม้แต่น้อย เพราะแบมแบมกำลังยืดแขนทำให้เสื้อมันล่นขึ้นไป หน้าท้องแบนราบปรากฏสู้สายตาชายฉกรรจ์ที่อยู่กันแถวนั้น เสียง โอ้ว ของใครสักคนทำให้แบมแบมอายที่กำลังโชว์หน้าท้องให้คนอื่นเห็นแบบนี้
“น้องแบมอย่าปล่อยมือ!” แบมแบมละมือข้างหนึ่งมาดึงชายเสื้อลงเพื่อปกปิดเอวสวยๆจากสายตาคนอื่น แต่แขนเล็กๆข้างเดียวที่เหลือที่สั่นระริกก็ไม่อาจะทรงตัวและรับน้ำหนักตัวทั้งหมดอยู่ได้ มาร์คคว้าแขนน้องไว้ได้แต่ถึงกระนั้น…
พลั่ก!
ก้นก็กระแทกกับพื้นอยู่ดี…
“มึงนี่นะ ไปออกกำลังกายแท้ๆยังหาเรื่องเจ็บตัว” พอตกจากบาร์ก้นกระแทก พี่มาร์คก็ให้หยุดออกกำลังกายและพากลับคอนโดทันที ตอนพี่มาร์คบอกเรื่องที่เขาตกบาร์ให้พี่บี๋ฟัง พี่มาร์คก็โดนด่าชุดใหญ่ แต่แบมแบมก็สารภาพว่าความจริงแล้วพี่มาร์คไม่ผิดคนผิดน่ะมันเขาคนเดียว พอพี่มาร์คกลับไปพี่บี๋ก็ไล่ให้ไปอาบน้ำ พออาบน้ำเสร็จก็ไล่ในนั่งบนโซฟาเตรียมตัวโดนสวดชุดใหญ่
“ทาเบาๆแบมเจ็บ” ร่างบางบ่นคนพี่ที่มือหนักไปหน่อยสำหรับการทายาตรงที่ช้ำให้กับเขา
“เจ็บน่ะดี มึงจะได้ไม่เด๋อด๋าอีกไง เนี่ยแล้วกูจะสบายใจได้อย่างไงที่ปล่อยมึงไว้คนเดียว กูไม่ไปออกค่ายดีไหม”
“งึ่ย ไม่เอาๆ แบมไม่อยากให้พี่โดนด่าเพราะแบม” คนพี่ปิดฝาหยอดยา พี่บี๋ไม่ไปนี่โดนด่าเละแน่ๆเพราะมันแสดงถึงความไม่รับผิดชอบและอีกอย่างแม่เขาก็บอกว่าจะฝากน้ำพริกหนุ่มกับพวกไส้อั่วมากับพี่บี๋ในตอนที่พี่บี๋กลับ พี่บี๋ไม่ไปก็ไม่ได้กินอะดิ!
“เฮ้อมึงนี่นะอีงาม ทำให้ห่วงตั้งแต่เด็กยันโต” พี่บี๋ก็ได้แต่ขยี้ผมน้องแรงๆ ความพี่น้องที่เล่นด้วยกันแต่เด็กเห็นน้องเจ็บก็ไม่อยากปล่อยให้อยู่คนเดียว ไอ้ก้อนไขมันนี่ก็ชอบไม่ค่อยจะดูแลตัวเองให้ดี
“แม่บอกว่าจะฝากของกินมาด้วย พี่อย่าลืมเอามานะ”
“แหม ย้ำเรื่องนี้สามเวลาหลังอาหารเลยนะมึง ไปๆนอนได้ละเดี๋ยวก็ตื่นสายไม่ทันไปเรียนกันพอดี” แล้วก็ไล่ให้ไปนอนในที่สุด
“อ้าว ไอ้ห่าร้องไห้แบบนี้แล้วใครจะกล้าปล่อยมึงไว้คนเดียวเนี่ย” พอถึงค่ำๆวันอาทิตย์คนที่บอกว่าตัวเองเก่งตัวเองอยู่คนเดียวได้ ก็น้ำตาซึมตอนพี่บี๋กำลังจะนั่งรถเพื่อนไปลงดอนเมืองเพื่อต่อเครื่องไปเชียงใหม่
“แบมเหงาเฉยๆ แง๊ เดินทางดีๆนะ อย่าลืมไส้อั่วกับน้ำพริก” พี่บี๋ขยี้ผมน้องอย่าหมั่นเขี้ยว ยังมิวายห่วงของกินนะไอ้นี่
“กูไปสี่ห้าวันเนี่ย อย่าดื้อแล้วก็มีสติ ทำอะไรอย่าเด๋อด๋า เวลาไปเรียน แอร์ น้ำ ไฟ เตาแก๊สอย่าลืมปิด ตื่นเช้าๆลงไปซื้อโจ๊กกินที่เซเว่นเข้าใจเปล่า แล้วก็เผื่อเวลานั่งวินด้วย ไม่ได้ใช่ละเมียดละไมแดกจนลืมเผื่อเวลา รถยิ่งติดๆอยู่” แบมแบมพยักหน้า
“ไปนะ” แบมแบมพยักหน้าพี่บี๋เช็ดคาบน้ำตาและกอดน้องหอมหัวสองทีก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า
กึก!
พอประตูห้องปิดความเงียบก็ครอบงำแบมแบมทันที ร่างบางเช็ดน้ำตาตัวเอง พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าเขาต้องเข้านอนตั้งแต่ตอนนี้ เผื่อเวลาหลับเผื่อเวลาตื่น ร่างบางเดินไปดูรอบๆห้องว่าตัวเองเปิดอะไรทิ้งไว้ไหม พอรู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินเข้าไปในน้องนอนอ เตียงที่เคยมีพี่บี๋นอนข้างๆ พอมานอนคนเดียวมันก็จะโหวงๆ
พี่บี๋ยังไม่ทันจะออกไปจากรัศมีคอนโดก็คิดถึงและเหงาและกลัวขึ้นมาเสียแล้ว
“แบมกลัว” ประโยคนั้นมันดังมาจากขั้วหัวใจของคนที่ไม่เคยอยู่ห้องคนเดียว
ยี่สิบนาทีผ่านไปสำหรับการเข้านอน…
ยังนอนตาใสอยู่ในความมืดสลัวๆของห้องนอน อยากจะโทรหาพี่บี๋แต่ก็กลัวว่าพี่จะห่วง พลิกตัวไปมาใต้ผ้าห่มเป็นรอบที่แสนเห็นจะได้ งื้อ!นอนไม่หลับทำไงดี นับแกะดูดีกว่า
ชั่วโมงหนึ่งผ่านไป… บ้าจริงนอนนับแกะมาเป็นชั่วโมงก็ยังไม่เห็นง่วง ตาใสกว่าเดิม เหมือนพยายามหลับก็ยิ่งไม่ง่วง มันเหงา มันกลัวความเงียบและความมืด แบมแบมกำลังวิตก กำลังนอนคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ จู่ๆแจกันที่โต๊ะทำการบ้านก็กลายเป็นเงาตะคุ่มๆตามจินตนาการของจิต แล้วหนังผีที่เคยดูก็ฉายชัดขึ้นในหัว ผ้าห่มถูกกำแน่นขึ้นก่อนจะซุกตัวเองและคลุมโปง
อ่าใช่ แบมแบมกลัวผี กลัวมาก
“พี่บี๋แบมกลัว” ร่างบางยังจิตนาการไปถึงแอร์คอนดิชันเนอร์ที่ปกติก็มองแล้วไม่มีอะไรแต่บัดนี้ก็คิดสารพัดว่าอาจมีสายตามองจากช่องแอร์ สายตาของใครสักคนที่อยู่ในห้องนี้มาก่อนเขา
บรื๋อ!
“งื้อ กลัว!” แบมแบมควานหาโทรศัพท์มือถือ พอหาเจอก็ปลดล็อก กดโทรหาใครสักคนที่ตั้งใจกับตัวเองว่าจะไม่โทรหา
“ฮัลโหล…พี่มาร์ค ว่างไหมครับมาอยู่เป็นเพื่อนแบมหน่อย!”
.......
talk : ขอโทษด้วยนะครับที่เมื่อวานไม่ได้อัพให้เลย วันนี้มาอัพแล้ว ฝากติชมด้วยนะคะ
#เอวมาร์คแบม @tofu_7
โพล : ผีน่ากลัวกว่าพี่มาร์คกด 1
พี่มาร์คน่ากลัวกว่าผีกด 2
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แบบนี้ก็เข้าทางอิพี่สิ
กด 2 ค่ะ เข้าทางพี่มาร์คสุดๆ อย่าทำอะไรน้องนะงื้อ
เอ็นดูน้องแบมม สู้ๆนะคะไรท์ ขอบคุณที่ช่วงนี้มาอัพทุกวันนะคะ
พี่แจ็คตามน้องมาหรอออ
ชอบมาก
หื่นมาก 55555