ตอนที่ 13 : จุดเริ่มต้น ที่ยังไม่ใช่จุดสุดยอด (100%)
13
ชั่วโมงกว่าๆแล้วที่แบมแบมปิดประตูล็อกห้องและเขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้อย่างต่อเนื่อง แต่มันพึ่งจะเงียบไปเมื่อสิบนาทีให้หลัง
“แบม เปิดประตู!” คนเป็นพี่ที่อารมณ์ลงจนถึงระดับปกติพยายามบิดลูกบิดประตู น้ำเสียงอ่อนโยนลงไปมากแล้วในตอนนี้ เจบีเคาะประตูเสียงดังลั่นเพราะเห็นว่าน้องเงียบไปพักใหญ่ๆแล้วกลัวจับใจว่าคำพูดที่ไม่ผ่านการยั้งคิดของเขามันจะทำให้แบมแบมทำอะไรที่ไม่คาดฝัน แต่ก็เงียบ ร่างสูงลนลานต้องไปหากุญแจสำรองที่เขานึกได้ว่าเก็บไว้หลังตู้เย็นในตะกร้ารูปเป็ด ค้นจนของที่เก็บไว้เป็นระเบียบนั่นกระจายออกมา ในระหว่างตอนที่นั่งฟังเสียงแบมแบมสะอึกสะอื้นเหมือนจะขาดใจ นอกจากจะอารมณ์เย็นลงก็ทำให้นึกขึ้นได้ด้วย นั่งคิดดูแล้ว ก็พูดแรงไปจริงๆนั่นแหละไหนจะที่ลากและบีบข้อมือจนเป็นรอยที่ลานจอดรถอีก ย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ว่าน้องด้วยถ้อยคำแรงๆเลย จะปิดปากเงียบ จะเป็นผู้ใหญ่และใช้เหตุผลมากกว่านี้ แต่ก็นั่นแหละ ย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว รู้แล้วว่าทำไมถึงต้องคิดก่อนพูด เลี้ยงมันมาแต่เด็กรู้นิสัยใจคอกันดี รู้ด้วยว่าอีงามของเขาเป็นคนเปราะบาง ทั้งๆที่รู้แล้วเขาก็จะยังจะพูดออกไป
ไม่น่าเลยจริงๆ กูจะจำจนวันตายว่าต้องคิดก่อนพูด
ไม่ต้องเป็นอีงามหรอก เป็นใครก็ผิดหวังกับการกระทำของเขาทั้งนั้น
คำว่าเหี้ยไม่ต้องใช้กับมาร์คต้วนแล้ว ใช้กับตัวเองน่าจะเหมาะกว่า
“เชี่ยแม่ง! อยู่ไหนวะ” รื้อของจนของบางอย่างมันตกลงมา แล้วก็เจอกุญแจห้องนอนในที่สุด พอเจอก็แทบจะวิ่งสี่คูณร้อยไปไขกุญแจ
แกร่ก!
และก็ค้นพบว่าทำไมอีงามถึงเงียบเสียงไป
ร่างบางนอนคู้ตัวหลับสนิทอยู่บนพื้น ให้เดาว่าท่าจะนั่งร้องไห้พิงประตูแต่ก็น่าจะหมดแรงหลับไปเลยมานอนกองเป็นก้อนแบบนี้ ตาบวมเป่ง อันนี้คือสิ่งแรกที่เห็น ขนตายังเปียกอยู่เลย ปากตุ่ย จมูกแดงเพราะไอ้ดื้อน่าจะใช้หลังมือถู ได้แต่พร่ำขอโทษในใจกับน้อง ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้หนักขนาดนี้ เจบีเปิดประตูห้องนอนให้เปิดกว้างก่อนจะช้อนร่างอันบอบบางของแบมแบมขึ้นมาอย่างถนอมเพราะกลัวเจ้าตัวจะตื่น ก่อนจะอุ้มไปวางลงบนเตียงนอนเบาๆ ยิ่งแบมแบมนอนหงายยิ่งเห็นได้ชัดว่าตาบวม เสียงหายใจสม่ำเสมอทำให้พี่ชายค่อนข้างมันใจว่าน้องตัวเองหลับสนิท ท่าจะร้องไห้จนเหนื่อยจริงๆ
เขาดึงชายกางเกงที่มีอยู่น้อยนิดแถมยังล่นขึ้นมาให้มันปกปิดขาอ่อน ก่อนจะดึงผ้าห่มให้คลุมร่างบางถึงคอ เอื้อมมือไปหยิบรีโมทแอร์เพื่อเปิดให้แบมแบมนอนได้สบาย ก่อนจะได้ลุกไปไหนอีกเจบีก็นั่งข้างๆแบมแบมวางรีโมทกับโต๊ะหัวเตียงก่อนจะลูบผมน้องเบาๆ แอบเห็นรอยแดงช้ำที่ข้อมือ พี่บี๋ลูบเบาที่รอยแดงที่เกิดจากมือของเขาเอง
‘ผมจะดูแลน้องได้ดี’ ครั้งหนึ่งเขาเคยให้คำสัญญากับแม่แบมบแบมไว้อย่างนั้น แต่แล้วเขาก็เป็นคนกลับคำสัญญา เขาทำให้น้องเจ็บเองกับมือ
“พี่ขอโทษนะแบม ที่ทำไปทั้งหมดก็แค่เป็นห่วง” แล้วน้ำตาก็รื้นขึ้นมาเสียดื้อๆ มือหยาบกระด้างยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาลวกๆ แต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งไหล มันมีหลายความรู้สึก แต่สิ่งหนึ่งที่มีมากคือ อยากขอโทษน้อง ตั้งแต่เล็กจนโตเล่นกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยเขาไม่เคยทำแบบนี้กับแบมแบมเลย ไม่เคยเลยจริงๆ รอยแดงบนแขนมันอยู่ที่แขนแบมแบมก็จริงแต่มันยังเจ็บลามมาที่ใจของเขาประหนึ่งว่ารอยนั้นเกิดในอก
เคยสัญญาว่าจะดูแลมันให้ดีเท่าที่พี่คนหนึ่งจะดูแลไหว แต่กลับเป็นเขาเองที่ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจน้อง ถ้าแบมตื่นมาแล้วไม่สดใสเหมือนอย่างเคยเขาคงต้องลงโทษตัวเองให้หนัก ถ้าเด็กอ้วนของเขาไม่ยิ้มให้เขาอีกแล้วเขาจะทำอย่างไงดี
‘ทำไงดีนะเจบี’ ใจเขาพร่ำถามตัวเองตอนที่น้ำตาล่วงหล่นลงมาอาบแก้ม
“พี่รักหนู อย่าเกลียดพี่เลยนะ” เจบีก้มลงไปกอดน้องและสะอื้นที่เก็บเอาไว้นานก็หลุดออกมาจากคอด้วยเสียงแมนๆ ผิดหวัง เขาผิดหวังกับการกระทำของตัวเองมาก ถ้าน้องเกลียดเขาจริงๆต่อให้มีหมีจินก็อยู่ไม่อาจมีความสุขต่อได้หรอก แบมแบมเคยบอกว่าตัวเองเป็นเบอร์หนึ่งของเขา ทั้งบอกเองและบังคับให้เขาคิดแบบนั้นด้วย
แต่ เออ นอกจากพ่อแม่แล้ว แบมแบมก็เบอร์หนึ่งจริงๆนั่นแหละ เบอร์หนึ่งที่เขารัก ห่วง ปรารถนาดี ให้ความสำคัญเป็นคนแรกๆ ทะนุถนอมสุดหัวใจเท่าที่ชายฉกรรจ์ห่ามๆ ปากไม่ดีคนหนึ่งจะพึงกระทำได้
แบมแบมคือน้องชายที่เขารักที่สุดในโลก
แบมแบมไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน รู้แค่ว่าตอนนี้กำลังลืมตาขึ้นมาช้าๆเปลือกตาหนักและระบมรับรู้ได้ถึงความบวม ปวดหัวนิดๆอาจจะเพราะนอนผิดเวลาแถมยังร้องไห้หนัก เริ่มขยับตัวเล็กน้อยก่อนท่อนแขนจะค่อยๆดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง อ่า นึกว่าจะนอนอยู่บนพื้นที่เดิมแล้วเสียอีก มองผ้าห่มแล้วไล่สายตาไปข้างๆก็พบว่าคนที่ทำให้เขาร้องไห้ไม่ได้นอนอยู่ข้างๆกัน
พี่บี๋ไปไหน?
ก่อนจะได้หาคำตอบในจังหวะที่กำลังหย่อนขาลงไปข้างเตียงเพื่อจะยืนก็เห็นน้ำหนึ่งแก้ววางอยู่ ข้างๆกันมีแผงยาและโพสอิทถูกเขียนไว้ด้วยรายมือฉวัดเฉวียน
ถ้าตื่นมาปวดหัวให้กินยา กูนอนอยู่โซฟาข้างนอก ถ้าพร้อมจะคุยกันแล้วก็ออกมาข้างนอก
แบมแบมหยิบแผงยาที่ถูกแปะโพสอิทขึ้นมาก่อนจะแกะและเอาเม็ดยาเข้าปาก เบ้หน้าตอนที่พยายามจะกลืนมันลงคอพร้อมน้ำ เม็ดใหญ่มากจะติดคอตายอยู่แล้ว แก้วน้ำถูกวางไว้ที่เดิมแบมแบมนั่งเงียบๆอยู่สักพักหนึ่งเหมือนเตรียมและช่างใจไปพร้อมๆกันว่าจะออกไปเจอพี่บี๋ตอนนี้เลยดีไหม
ไม่พูดไม่คุยทุกอย่างก็จะไม่เคลียร์ แล้วตอนนี้พี่บี๋ก็น่าจะเย็นพอที่จะรับฟังแล้ว แบมแบมคิดแบบนั้นถึงได้ก้าวลงจากเตียงและเปิดประตูห้องออกไป
แกรก
ความเงียบโรยตัวขึ้นมาตอนที่บานประตูเปิดออก พี่บี๋ไม่ได้นอนอย่างที่บอกแต่เขานั่งเอนหลังอยู่ตรงโซฟา บุหรี่ที่นานๆครั้งจะสูบถูกหยิบยกขึ้นมาใช้เพราะรู้สึกเครียด พี่น้องสบตากัน ก่อนจะเป็นพี่บี๋ที่บี้ปลายบุหรี่และทิ้งมันลงกับเซรามิกที่เอาไว้สำหรับเขี่ยบุหรี่โดยเฉพาะ
“โทษทีนะ กลิ่นมันอาจจะเหม็นหน่อย” คนพี่พูดออกมาตอนขยับก้นให้ที่เพื่อเว้นให้แบมแบมมานั่งคุยกัน
“มานั่งนี่ดิ” ตบเบา ๆ ตรงที่ว่างข้าง ๆ ตัว ร่างบางที่เกาะประตูอยู่ก็ลังเลว่าจะไปตรงนั้นดีไหมหรือยืนแข็งอยู่ตรงนี้ดี แต่แล้วก็ยอมไปนั่งในที่สุด พอหย่อนสะโพกลงนั่งบรรยากาศก็เงียบอีกครั้ง พี่บี๋ทำลายความเงียบด้วยการจับข้อมือของแบมแบมขึ้นมาก่อนวางไว้บนหน้าขา เอื้อมตัวไปหยิบหลอดยาสีขาที่วางอยู่ข้างๆซองบุหรี่ เดาว่าน่าจะออกไปซื้อยามาและก็ซื้อบุหรี่ติดมาด้วย
“เจ็บหรือเปล่า” ถามทั้งๆที่สายตายังโฟกัสอยู่ที่ข้อมือและปลายนิ้วก็ถูกวนเบาๆที่รอยแดง
“ไม่เจ็บ”
“ดีแล้ว เพราะถ้าหนูเจ็บพี่คงไม่กล้าให้อภัยตัวเอง” แบมแบมเม้มปากตอนที่ได้ยินคำพูดนั้นพี่บี๋คนใจดีกลับมาแล้ว สรรพนามที่อ่อนโยนนั้นพาใจอ่อนยวบ น้ำตาคลอขึ้นมาได้ไม่ยาก
“…” ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกไปทำเพียงแค่นั่งเงียบๆให้คนพี่ทายา
“ขอโทษนะที่พูดไม่ดีใส่”
“อืม” กลัวว่าถ้าพูดอะไรที่มากกว่าอืมแล้วเสียงมันจะสั่นเพราะแบมแบมรู้สึกว่าตัวเองก็กำลังจะร้องไห้ออกมาอีกครั้งแต่คราวนี้เหตุผลของน้ำตามันมากกว่าความน้อยใจ มันมีความรู้สึกผิดปะปนมาด้วยจากที่ตอนแรกไม่มี
“ที่พูดออกไป ตอนนั้นก็แค่เป็นห่วง อย่าโกรธกันเลยนะ” แล้วพี่บี๋ก็เงยหน้าขึ้นมาตอนทายาเสร็จ สายตามีแต่ความเว้าวอนและขอโทษอยู่ในที แบมแบมมองสบตากับคนที่เลี้ยงตัวเองมาพร้อมๆกับแม่ คนที่เป็นทั้งพี่ชายและเพื่อนเล่น
“ฮรึก แบมเองก็ขอโทษ” แล้วคนเปราะบางก็พุ่งเข้ากอดพี่บี๋ด้วยเช่นกัน ร่างบางร้องไห้โฮกับอกพี่บี๋อีกครั้งหากแต่ครั้งนี้ไม่ได้มีน้ำตาของความเจ็บปวดจากคำพูดแต่เป็นน้ำตาของความสำนึกผิด เพราะก่อนจะหนีมาขังตัวเองในห้องก็พูดไม่ดีกับพี่บี๋ออกไปเหมือนกัน ยิ่งฝ่ามืออุ่นร้อนลูบเข้าที่กลุ่มผมน้ำตาก็ยิ่งไหล
“แบมไม่น่าเถียงพี่เลย พี่หวังดีกับแบม”
“พอแล้วอย่าร้องไห้เลยเด็กน้อย” ซุ่มเสียงอ่อนโยนและอบอุ่นพร้อมอ้อมกอดที่แสนปลอดภัยทำให้แบมแบมกอดพี่บี๋กลับแน่นๆไม่ต่างกัน
“มาคุยกันดีกว่าว่าระหว่างหนูกับไอ้มาร์คนี่มันอย่างไง” เจบีเม้มปาก เอาจริงๆเขาก็พอจะเดาอะไรได้อยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็หวังใจว่ามันจะไม่เป็นแบบที่เขาคิด แบมแบมสะอื้นฮักๆแล้วก็ผละออกจากอ้อมกอด ใช้หลังมือเช็ดตาบวมๆ รู้สึกปวดหัวขึ้นอีกหนึ่งสเต็ป แล้วเด็กขี้แยก็ค่อยๆเล่าให้พี่บี๋ฟังจนหมดเปลือกว่าเพื่อนของพี่ชายนั้นรู้สึกอย่างไงกับตน บอกอะไรกับตนบ้างและไม่ลืมที่จะบอกว่าในทุกๆครั้งที่พี่มาร์คโอบกอดหรือทำอะไรก็แล้วแต่นั้น แบมแบมยินยอมไม่ได้โดยบังคับหรือลวนลาม
“ตกลงแล้วคือหนูก็ชอบมัน” เด็กน้อยพี่พึ่งจะพ้นวัยมัธยมปลายได้ไม่เท่าไหร่พยักหน้า คนที่โตกว่าจ้องมองไปที่น้องในตาใสแจ๋วขี้อ้อนนั้นมีแต่ความรู้สึกตามที่พูด
น้องกูชอบไอ้มาร์ค กูจัดให้เป็นปัญหาระดับชาติเลย
“แล้วรู้หรือเปล่าว่ามันคบคนอื่นมาก็เยอะนะ” ไม่ได้ใช้น้ำเสียงแดกดัน แต่ใช้น้ำเสียงราบเรียบค่อยๆบอกค่อยๆสอนน้องให้รู้
“แบมไม่รู้แต่ตอนนี้พี่มาร์คเขาไม่ได้คบใคร เขาบอกว่าเขาชอบแบม เขาก็น่าจะมีแค่แบม” ประโยคตอนท้ายของแบมแบมนั้นเสียงเบาหวิวเลย น้องเองก็น่าจะไม่มั่นใจ เจบีพยักหน้าพยายามทำความเข้าใจจิตใจอันบอบบางของน้องให้มาก แม้ตัวเขาเองจะเถียงอยู่ในใจว่ามันไม่น่าจะเป็นอย่างที่น้องคิด
“แล้วถ้าพี่บอกว่าไม่ให้หนูคบกับมันหนูจะทำอย่างไง” แบมแบมกระพริบตา แววตาเศร้าสร้อย ก่อนจะก้มหน้าไม่ได้ตอบอะไรกับมา
“หนูอย่าก้มหน้า โตแล้วอย่าก้มหน้าหนีปัญหาเงยหน้ามาพูดกันดีๆ” จับคางน้องให้เงยขึ้นมาคุยกันดีๆ น้ำตาที่แห้งไปนั้นเอ่อล้นอีกแล้ว แล้วใจคนพี่ก็อ่อนยวบอีกครั้ง
แต่น้องมันก็โตแล้ว… ให้ลองได้เจออะไรด้วยตัวเองอาจจะดีกว่า ไหมวะ เอาไงดีหรือจะให้ลองได้โตขึ้นอีกนิด หรือจะห้ามเอาไว้ ห่วงฉิบหายเลยว่ะ
“เฮ้อ ถ้าให้คบต้องรับผิดชอบตัวเองให้ดี อันนี้สัญญาได้หรือเปล่าล่ะถ้าพี่อนุญาตไปแล้วอะ” พี่บี๋ถอนหายใจหนัก จะลองหลับหูหลับตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้สิ่งที่เพื่อนของเขาเคยทำดีไหมนะ ลองให้เด็กน้อยของเขาได้ลองเติบโตด้วยตัวเองอีกหนึ่งขั้นก็ดูท่าจะไม่เสียหายอย่างน้อยๆทุกอย่างก็ยังอยู่ในสายตา
“งืม แบมจะรับผิดชอบตัวเองให้ดีเลย” เช็ดน้ำตาแล้วเอาปากกับแก้มตุ่ยๆมาพูดกับเขา ห่วงก็ห่วง หวงก็หวง แต่ก็ไม่อยากจะทำให้น้องรู้สึกไม่สบายใจและไม่อยากจะเป็นคนบงการชีวิต
เอาวะถ้ามันจะผิดพลาดก็ถือว่าน้องเลือกเอง
“สัญญานะว่ามีอะไรจะบอกพี่ มันทำอะไรหนูจะบอกพี่ทุกอย่าง” แบมแบมพยักหน้าหงึกๆ
“โอเค งั้นพี่จะให้หนูคบกับมันก็ได้และก็คงจะต้องบอกเรื่องนี้ให้แม่หนูรู้ แต่ห้ามเลยนะ ห้ามให้มันทำอะไรมากกว่าจูบ ไม่ดิ ห้ามจูบเลย! หอมแก้มก็ห้าม จับมือนี่ก็ให้นานๆครั้งถึงจะจับได้แต่ก็อย่าจับมือบ่อย” แบมแบมมุ่นหน้าลงกับอกพี่บี๋อีกครั้งเหมือนจะอ้อน คนพี่จึงหยุดห้ามปรามลูบผมแบมแบมอีกครั้ง
สิ่งที่แบมบแบมต้องทำคือรักษาสัญญา ส่วนสิ่งที่เขาต้องทำคือเชื่อใจน้อง
“พี่เชื่อใจหนูนะ หนูอย่าทำให้พี่ผิดหวัง” แบมแบมพยักหน้าทั้งๆที่ปากตุ่ยๆยังแนบอยู่กับอก
กว่าเมื่อคืนสองพี่น้องจะพากันหลับก็เกือบๆตีหนึ่งเช้านี้เลยหิ้วกันมาด้วยตาหมีแพนด้าขั้นสุด เช้านี้แบมแบมไม่ปวดหัวแล้วแต่กลับหิวมาก ก่อนจะแยกย้ายกันไปคณะสองพี่น้องเลยต้องไปหาอะไรกินที่โรงอาหารของมหาลัย ที่ไม่ไปร้านโจ๊กเดิมที่เคยไปก็เพราะว่าพี่บี๋ยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับมาร์ค ยังโกรธเพื่อนอยู่มากโขแต่ก็ลดลงกว่าเมื่อวานอยู่พอตัว แต่นั่นแหละไม่แน่ใจว่าถ้าเจอหน้าจะซัดมันให้หน้าหงายอีกหรือเปล่าถึงได้เลี่ยงการพบเจอในเช้านี้
“กูบอกแล้วใช่ไหมไม่ให้กินขนมจีนกระเด็นเปื้อนเสื้อหมดแล้ว” พอหมดโปรโมชั่นความอ่อนโยนไปเมื่อคืนนี้ เช้านี้แบมแบมที่นึกอยากกินขนมจีนแต่เช้าก็โดนดุเพราะน้ำที่ใส่กับขนมจีนนั้นมันกระเซ็นมาโดนเสื้อเป็นดวงๆตอนที่สูดเส้นเข้าปากคนพี่รีบดึงทิชชู่มาเช็ดให้แบมแบมเหมือนเด็ก
“แต่อร่อยนะลองกินไหม” ทำท่าจะป้อนแต่คนพี่ก็ส่ายหน้า เจบีเช็ดเสื้อให้ไม่หยุดก่อนจะดึงทิชชู่อีกพับใหญ่ๆให้เมื่อแบมแบมกำลังจะเอื้อมไปหยิบมาเช็ดปาก
“กินอันนี้เสร็จพี่บี๋จะเลี้ยงเฉาก๊วยนมสดอีกไหมอ่า” คนพี่มุ่นคิ้ว อะไรวะแม่งขนมจีนสองจานนี่ไม่อิ่มหรอวะ
“กินให้หมดก่อนเหอะเนี่ย” บุ้ยปากไปทางหนังไก่ทอดที่ร่างบางเดินไปสั่งมาพร้อมกับตอนไปเอาขนมจีนจานที่สอง
“หมดแน่นอน” แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินต่อไปอีก คนพี่ส่ายหน้า ถ้ารู้ว่าทำมันร้องไห้แล้วจะกินเหมือนพายุอย่างนี้คราวหน้าน้ำตาแบมแบมจะไม่ล่วงสักหยด
ทั้งๆที่มื้อเช้าควรจะจบที่หนังไก่ทอดแต่แบมแบมก็สอยเฉาก๊วยนมสดมาจนได้ ตอนนี้อีงามเดินตามพี่บี๋ต้อยๆออกมาจากโรงอาหาร คนพี่หันไปขมวดคิ้วใส่ร่างก้อนที่เมื่อครู่เรอเสียงดังจนคนเดินสวนมาทำหน้าเหวอ
ไอ้สัสเอ้ย น้องกูนี่มัน!
“หึย น่าเกลียดว่ะอีงาม!” ว่าจบก็เอามืออุดปากน้องแล้วพาเดินต่อ ตอนนี้กำลังเดินทะลุอุโมงค์เถาบวบใกล้ๆคณะเกษตรฯ
“ไม่ได้ตั้งใจง่า” บ่นงุ้งงิ้งอยู่ข้างหลังและตักเฉาก๊วยกินต่อ ถามว่าเมื่อกี้อายไหมที่เรอตอนคนเดินผ่าน อายซี่อายมากแต่ทำไงได้ก็มันเรอไปแล้ว
“อันนี้ไม่เคยเห็นเลยอะ อันนี้ที่เขาเรียกกันว่าลานอาร์ทหรอพี่บี๋” แบมแบมสะกิดคนพี่ให้ดูตรงโต๊ะหินอ่อนที่เปื้อนสีเยอะมาก แถมยังมีพวกงานศิลปะ เฟรมผ้าใบตากอยู่แถวนั้น เพราะแถวนี้เด็กศิลป์’กรรม วิจิตรศิลป์จะมาใช้ตรงนี้นั่งทำงาน
“อืม ว่างๆก็มานั่งแถวนี้ก็ได้นะ ใจจะได้เย็นๆเวลาเห็นงานศิลปะ เด็กเด๋ออย่างมึงจะได้มีสติ” คนน้องฟาดไปที่กระเป๋าสะพายคนพี่ พี่บี๋ไม่เจ็บเลยสักนิดแต่แบมแบมนี่สิเจ็บมือฟาดโดนซิปเต็มๆ
“พี่บี๋แล้วพี่คนนั้นล่ะครับ” แล้วจู่ๆแบมแบมก็ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“พี่คนไหน?” ร่างสูงหันมาเลิกคิ้วถาม
“คนเมื่อวานที่มากับพี่ไง ที่หน้าเหมือนหมี” เจบีทำหน้าไม่ถูกนี่ว่าจะไม่พูดเรื่องหมีจินแล้วเชียวจะทำเป็นลืมๆไปแล้วนะ
“เหมือนหมีอะไรไม่มี” ผลักหน้าน้องออกไปห่างๆเมื่ออีงามกำลังทำท่าหรี่ตามองเขา
“ใช่เรอะ! คนนั้นอ่า เมื่อวานนี้ ความจริงไม่เห็นจะน่ารักเลย แบมน่ารักกว่าอีก” พี่บี๋แก้เขินด้วยการผลักหัวน้องอีกครั้ง
“มึงนี่มันจริงๆเลยอีงาม เออไม่มีใครสู้มึงได้หรอก”
“ตกลงพี่กับเขาน่ะอย่างไง ไหนบอกแบมเป็นเบอร์หนึ่งไงแล้วแบบนี้…” ยังไม่ทันจะพูดจบก็โดนฝ่ามือใหญ่อุดปากก่อนจะรีบเดินหนี
“พี่บี๋กลับมาก่อนเลยนะ!” ในตอนที่กำลังจะได้วิ่งตามไปก็หยุดดูดน้ำเฉาก๊วยนมสดก่อนอึกหนึ่งแล้วค่อยเดินจ้ำๆตามไป
“ฮึ่ย! แบมไม่ให้พี่มีแฟนหรอก!”
หลังจากส่งแบมแบมที่คณะเสร็จเจบีก็เดินกลับมาที่คณะตัวเอง กว่าอีงามจะเลิกร่ำไรเรื่องหมีจินได้ก็ต้องกล่อมอยู่พักใหญ่ กล่อมไปกล่อมมาก็กลายเป็นว่าจะพามารู้จักถ้ามีโอกาสและรับปากเด็กดื้อไปซะดิบดี เขาไม่อยากให้แบมแบมมาที่คณะเพราะรู้ดีว่าน้องจะต้องเจอกับคนที่เขายังไม่อยากให้เจอแน่ๆ ถึงจะอนุญาตแล้วแต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่พร้อมและรับไม่ได้ทั้งหมดในเรื่องของมาร์คแบม
รับได้ก็เหี้ยละ! รู้ๆกันอยู่ว่ามาร์คต้วนนี่นอกจากผู้ชายสุขภาพดีแล้ว ยังเป็นผู้ชายน้ำดีด้วย (?) นักเคลมอันดับต้นๆของชั้นปีกันเลยทีเดียว
เพื่อนเคลมน้อง มันยากที่จะทำใจนิดหน่อยสำหรับคนที่ต่อต้านเรื่องรักๆใคร่ๆของคนใกล้ตัวมาตลอดอย่างเจบี
วันนี้เขากับมาร์คไม่ได้นั่งข้างกันหน้ามันยังมีรอยแผลฟกช้ำจากการปะทะกันเมื่อวาน มีที่นั่งว่างคั่นกลางระหว่างคนสองคน มันช่างน่าดูอึดอัด ในระหว่างที่อาจารย์กำลังพักเบรกสิบห้านาทีและเจบีกำลังหยิบน้ำขึ้นมาดื่มและพยายามไม่สนใจเพื่อข้างตัวที่ไม่พร้อมจะคุยกัน
แม่งเอ้ย อึดอัดฉิบหาย!
อึดอัด คือความรู้สึกที่เจบีกำลังรู้สึกอยู่ ณ ตอนนี้ ตอนแรกคิดว่าการที่มาร์คต้วนนั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นจะทำให้เพื่อนเข้ามาทักก่อน แต่แล้วก็ไม่ มาร์คไม่เข้ามาทักจนถึงตอนนี้ตอนที่เรียนเสร็จแล้วและกำลังจะกลับบ้าน ข้าวเที่ยงที่ปกติจะไปกินด้วยกันก็มึนตึงไม่ถามไม่ไถ่กันเสียเฉยๆ เห็นไหมล่ะ เนี่ยไงข้อเสียของการที่คนรอบตัวมาเป็นแฟนกัน มันรับได้ยาก แล้วพอหลังสอบมิดเทอมที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อาทิตย์จบลงเขาก็มาร์คต้วนก็ต้องมาจับกลุ่มเดียวกันในการทำงาน ยังนึกสภาพไม่ออก
แม่งเอ้ยน่ารำคาญชะมัด!
โคตรไม่ชอบความอึดอัดแบบนี้เลย
ในระหว่างที่หัวเสียเดินกระฟัดกระเฟียดจะไปรับอีงามที่คณะศิลปะศาสตร์หรือที่เขาชอบเรียกย่อๆติดปากว่าสินสาดนั้นก็เห็นว่ามีใครอีกคนยืนดักรออยู่
อยู่กันมาก็ตั้งสองปี ดันมาใจเต้นตึกตักราวกับคนเป็นโรคเพียงแค่มาร์คเงยหน้าขึ้นมา โคตรเกลียดปฏิกิริยาของตัวเองตอนนี้เลย ไอ้ความรู้สึกที่อยากจะเดินผ่านแต่ก็กลัวจะหยุดฝีเท้าไม่ทันตอนที่เพื่อนอาจจะทัก
“ไปรับแบมหรอ” แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรมาร์คก็ถามขึ้นมาพร้อมกับใช้แขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและเส้นเลือดดันตัวเองขึ้นมาจากที่นั่ง
“…” ลิ้นแข็ง นี่คือคำอธิบายเดียวในตอนนี้
“น้องบอกแล้วว่ามึงโอเคที่กูจะคบกับน้อง” มาร์คชูมือถือขึ้นมาเหมือนจะบอกว่าติดต่อกับน้องมาแล้วจากนั้นก็เก็บเข้ากระเป๋า
“ไม่ได้โอเค แค่จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น” มาร์คไหวไหล่เหมือนมันเป็นเรื่องของเขาถ้าเขาจะคิดแบบนั้น
“อืม” และมาร์คก็ตอบกลับมาแค่นั้น
“กูไม่อยากให้มึงทำอะไรแบบที่มึงชอบทำตอนที่คบกับแบม” อะในเมื่อง้างปากกันมาขนาดนี้ก็เอาสักหน่อย
“หมายถึง?”
“ที่ชอบลูบๆคลำๆจับนู่นจับนี่ จูบปากหอมแก้ม อย่าทำแบบนั้นกับน้องกู แล้วก็เรื่องนอกใจอีก”
“พูดอย่างไม่โลกสวย เป็นแฟนมันก็ต้องมีกันบ้าง แต่กูสัญญาว่าจะไม่รุ่มร่ามกับน้องจะให้เกียรติ ส่วนเรื่องนอกใจไม่ต้องห่วง น้องมึงทำเอากูเจอใครก็ไม่ใจเต้นอีกเลยยกเว้นตัวเขาคนเดียว” มาร์คตอบเสียงเรียบ พร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋า
“เรื่องลวนลามมึงต้องทำให้ได้! เลิกทำนิสัยเหี้ยๆแบบนั้นได้แล้ว” เจบีปรายตามองเพื่อน
“เออ รู้แล้ว พยายามอยู่ไง” รับปากแค่นั้นแล้วก็เงียบไป “กู… ขอโทษ” เป็นอีกครั้งที่มาร์คพูดขึ้นมาก่อน
“…” เจบีไม่ได้ตอบ เอาแต่มองมาร์คที่ค้นอะไรบางอย่างในกระเป๋าสะพายแล้วส่งให้ก่อนที่เขาจะพบว่าสิ่งนั้นคือยาแก้ฟกช้ำ
“ขอโทษที่ชกมึง” เจบีรู้ดีว่าแท้จริงแล้วประโยคนี้มันต้องเป็นเขาที่พูด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้อะไร เขาทำเพียงรับหลอดยามาเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ
“ช่างแม่งมันเหอะ! มันผ่านมาแล้ว”
“กูรู้ว่าอะไรมันไม่เหมือนเดิม กูไม่ขอให้เรากลับไปสนิทกันก็ได้ แต่ขอแค่ยังเป็นเพื่อนกัน”
“กูพยายามอยู่ พยายามมากๆเลยด้วย” ถึงท่าทางจะดูเหมือนไม่ค่อนโกรธ แต่ความจริงแล้วเขาแค่จะทำให้สถานการณ์มันดีขึ้นก็เท่านั้น ไม่ได้ยินดีที่มาร์คจะเป็นผัวน้องตัวเองสักเท่าไหร่นักหรอก มาร์คไม่ได้พูดอะไรอีก เขาถอยหายใจอย่างเหนื่อยๆก่อนจะเดินออกไป
“มึงจะไปไหน” เจบีเดินตามไปคว้าไหล่
“ไปรับน้อง”
“น้องไหน?”
“น้องแบม”
“ไม่ต้อง! กูไปเอง”
“ถ้ามึงไม่เว้นพื้นที่ว่างกูทำหน้าที่ มึงจะรู้ได้ไงวะว่ากูดีไม่ดี” มาร์คพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นมาแถมคิ้วยังกระตุกขมวดเป็นปมเหมือนโมโหทั้งๆที่เพื่อนบอกว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแต่ดันแสดงออกเหมือนกันท่าไม่ให้เขาเข้าไปใกล้น้อง
“กับมึงนี่สองปีก็มากพอแล้ว” เหมือนโดนด่าว่าเหี้ยผ่านสายตาที่เจบีมองมาที่เขา
“มันแค่สองปีไอ้บี มึงเห็นกูมาสองปีแค่นั้นเอง สองปีไม่ใช่ทั้งชีวิตกู” มาร์คส่งสายตาเว้าวอนละห้อยขอให้เจบีเชื่อใจคละไปกับพยายามแสดงให้เห็นความจริงใจผ่านสายตา คนที่เป็นพี่ชายก็ได้แต่มองหน้าก่อนจะถอนหายใจอย่างขี้เกียจจะเถียง
“ยังไม่ได้เอาน้องกูมึงก็ปากดีได้หมดแหละ แต่เรื่องของมึงสองคนละกัน โตๆกันแล้ว กูจะพยายามไม่ห้าม” แล้วก็ไม่ได้หันมาสนใจมาร์คต้วนอีก
จัดว่าเป็นการอนุญาตกลายๆได้ไหมนะ? ไอ้คำพูดเมื่อกี้น่ะ
การเผชิญหน้ากันครั้งแรกพร้อมกันสามคนหลังจากเรื่องทะเลาะวิวาทเมื่อวานไม่ได้อึดอัดเท่าที่มาร์คต้วนคิดเอาไว้ อาจจะเพราะเพื่อนเขาดูจะรักษาสัญญาที่ให้กับแบมแบมว่าจะให้คบถึงได้ไม่แสดงอาการไม่พอใจตอนที่เขาเขยิบเข้ามาใกล้ๆน้อง
มาร์คลองของโดยการวางมือลงบนศีรษะของแบมแบมในตอนที่เจบียืนอยู่ในระยะที่ยกเท้าขึ้นมาถีบเขาได้ ปฏิกิริยาที่ได้คือเจบีทำเพียงแค่เบือนหน้าหนี รู้ว่าลึกๆแล้วก็ยังไม่พร้อมแต่ก็นั่นแหละเจบีก็เป็นผู้ใหญ่พอที่เมื่ออนุญาตแล้วจะมาทำตัวสวนทางกับคำพูด
“ขอไปส่งน้องได้ไหม” มาร์คเอามือออกจากผมน้อง แบมแบมเองก็เหมือนลุ้นๆว่าพี่ชายตัวเองจะว่าอย่างไงเพราะตั้งแต่มาเจอกันยังไม่พูดอะไรสักคำเลย
“กลับรถกูก็ได้มั้ง เปลืองน้ำมันมึง”
“ไม่เปลืองหรอก กูอยากไปส่ง” เงียบกันไปครู่หนึ่งก่อนจะเป็นเจบีที่ปล่อยวางแล้วพยักพเยิดหน้าอนุญาตให้มาร์คต้วนไปส่งแบมแบมได้
“ไปส่งก็คือไปส่งนะ อย่าพาไปแวะไหน ช่วงนี้เข้าช่วงสอบแล้วอย่าพาเถลไถล” ทำเสียงเข้มแล้วก็มองไปที่แบมแบมส่งสายตาเหมือนปรามว่าอย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวก่อนจะยอมหันหลังกลับแต่โดยดี ตรงนั้นเลยเหลือแค่มาร์คต้วนและแบมแบมที่ค่อยๆหันหน้ามาเจอกันแล้วส่งยิ้มบางๆ แค่ยิ้มบางๆก็บอกได้หลายอย่างว่าคนสองคนกำลังรู้สึกอะไร
“นึกว่าจะไม่ได้เจอแล้ว” เป็นพี่มาร์คที่พูดขึ้นก่อนแบมแบมเองก็ทำหน้าหงอยเมื่อเห็นรอยช้ำ ยกมือขึ้นมาแตะที่รอยช้ำบางๆที่ตรงแก้มและมุมปากของคนพี่
“ขอโทษครับที่ทำให้ได้แผลมา” มาร์คส่ายหน้าเหมือนไม่เป็นอะไรตอนนี้มีเพียงรอยยิ้มอบอุ่นที่มอบให้น้อง พอถูกอนุญาตให้ชอบน้องได้อย่างออกนอกหน้าแล้วมันก็รู้สึกว่าสบายอกสบายใจมากขึ้น อย่างน้อยๆก็มองน้องได้เต็มตาแสดงคำว่ารักออกมาได้เต็มที่ไม่ต้องปิดบัง
“อย่าทำหน้าแบบนั้น ไม่ได้เจ็บอะไร เราน่ะโอเคใช่หรือเปล่า โดนดุเยอะเลยใช่ไหม” ร่างบางพยักหน้า
“แต่ก็เข้าใจกันแล้วพี่บี๋อนุญาตแต่ก็ห้ามนู่นห้ามนี่เยอะเลย” มาร์คฟังน้องเจื้อยแจ้วให้ฟังเรื่องที่เจบีห้ามนู่นห้ามนี่ มีทำหน้าฮึดฮัดด้วยตอนที่เล่ามาถึงช็อตที่ตัวเองไม่พอใจ โม้ใหญ่ตอนที่ตัวเองร้องไห้แถมยังบอกอีกว่าตอนทะเลาะกันน่ะอารมณ์ร้อนมากสปีคภาษาบ้านเกิดใส่กันรัวๆฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มตามเพราะน้องเล่าเรื่องได้น่ารักมาก น่ารักจริงๆนะ
จ้อมาก พูดเยอะแก้มนี่ขยับๆขึ้นลง ปากเจลลี่ที่เคยชิมรสไปเมื่อวันก่อนก็น่ารักน่าเอ็นดูอยากจะจูบให้ปากเจ่อ กัดและขบเม้มแสดงความเป็นเจ้าของ
โอย อยากหอมแก้มโว้ย!
“งั้นเราไปกันเลยเนอะ เดี๋ยวคนขี้บ่นมันจะบ่นให้แบมปวดหูอีก” แบมแบมหัวเราะเบาๆแล้วยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
มีเมียเด็ก มันดีอย่างนี้นี่เอง ชีวิตดูง่ายๆแค่มองหน้าเมียก็มีความสุขแล้วเพราะเมียน่ารักน่าฟัดมากถึงมากที่สุด
“แล้วนี่พี่จับมือเราได้ไหม เราโอเคหรือเปล่า”
“ได้สิครับ แค่จับมือเอง แล้วพี่บี๋ก็ไม่อยู่ตรงนี้แล้วด้วย” แล้วน้องก็คว้ามือเขาก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำและออกแรงกระตุกแขนเขาเบาๆให้เดินตามไป มาร์คพร่ำเพ้อพูดว่าน่ารักๆในใจเป็นแสนๆรอบเห็นจะได้ แล้วไม่กี่อาทิตย์จะต้องสอบมิดเทอมแล้ว พอสอบเสร็จก็ต้องไปออกต่างจังหวัดกับพวกคณะวิทย์ฯที่เรียนเอสที เขาคงทรมานแย่ที่ไม่ได้เจอน้อง
ในขากลับน้องขอแวะเซเว่นก่อนเข้าคอนโดมาร์คเองก็ตามใจ แบมแบมเหมือนจะหิวนะเพราะเดินเข้าไปได้ก็หยิบนู่นหยิบนี่ใสตะกร้าสีส้มรัวๆจนบางอันเขาก็ต้องปรามน้อง
“กินเยอะแบบนี้ยิ่งต้องรีดไขมันออกนะรู้ไหม” คว้าข้อมือแล้วดึงช็อกโกแลตบาร์สามอันที่แบมแบมพยายามจะหยิบใส่ตะกร้าไปวางไว้ที่ชั้นเหมือนเดิม ไม่ลืมที่จะแย่งตะกร้าน้องมาถือเอาไว้และโอบท่อนแขนของตัวเองที่เอวบาง
ตัวเล็กนะแต่แก้มนี่ฟูเชียว
“แบมหิว”
“หิวให้กินข้าว ไม่ใช่กินอะไรจุบจิบ” แล้วเด็กดื้อจากศิลปะศาสตร์ก็โดนหนุ่มสุขภาพดีประจำมหาลัยดุเอา แต่ดูท่าจะดุอย่างเอ็นดูอยู่มากโขเพราะคนดุน่ะยิ้มจนเห็นเขี้ยวคมๆนี่เลย
“เมื่อก่อนยังกินได้เลย” พูดไปก็ทำท่าจะคว้าเลย์ family มาใส่ตะกร้าอีกห่อแต่ดีที่พี่มาร์คจับแขนไว้ได้ทัน
“พอแล้วครับ นี่ก็เต็มตะกร้าแล้ว เราต้องฝึกไม่กินอะไรจุบจิบนะ” ว่าพลางยกมือขึ้นขยี้ผมอย่างหมันเขี้ยว
แม่งเอ้ย! อยากฟัดแก้มให้ช้ำกลางเซเว่น เอาตรงนี้เลยได้ไหมวะ หมายถึงหอมแก้มน้องตรงนี้เลยได้ไหม ไม่ใช่เอาแบบนั้น
“พี่บี๋ไม่เห็นดุเลยมีแต่หาอะไรมาให้กิน”
“กลับไปพี่จะด่ามันเอง” หวังใจอย่างยิ่งว่าจะไม่โดนด่ากลับ พอน้องได้ของที่พอจะทำให้อิ่มเสร็จก็แล้วก็มาคิดเงิน โวยวายใหญ่ตอนคนพี่พยายามจะจ่ายให้ รีบเอาสะโพกเล็กๆนั่นดันให้มาร์คต้วนออกห่างจากเคาท์เตอร์แล้วแทรกตัวไปจ่ายเงิน
โดนสะโพกเบียด ถึงจะเล็กแต่ก็รับรู้ได้ถึงเนื้อนุ่ม
มาร์คตบหน้าตัวเองในความคิด ไม่ได้เขาจะหื่นกามไม่ได้ ต้องไม่จ้องจะเคลมน้อง เพราะการเคลมมันทำให้เขาดูไม่จริงใจ แต่เอาจริงๆต่อให้ได้เคลมแล้วก็ยังรักอยู่ดี
น่ารักขนาดนี้ใครจะปล่อยไปไหนได้ ใช่มะ?
ในระหว่างรอคิดเงินเพราะของที่น้องหอบไปกินเนี่ยมันเยอะมาก เห็นว่าน้องก็มองของนู่นของนี่อยู่ตลอดและเห็นด้วย ว่าแบมแบมมองเหมือนสงสัยที่กล่องถุงยางอนามัย คนขี้แกล้งเขยิบเข้าไปใกล้โอบไหล่น้องแล้วค่อยๆโน้มตัวลงไปกระซิบ
“รู้จักถุงยางอนามัยไหมครับ” แบมแบมหน้าแดงเถือกขึ้นมาเสียเฉยๆแค่โดนถาม ร่างบางกระพริบตาก่อนจะพยักหน้า
“เคยใช้?” แบมแบมรีบส่ายหน้า
“ในหนังสือ” คงจะหมายถึงเห็นมาจากในหนังสือพอได้มาเห็นกล่องก็เลยสงสัย มาร์คต้วนเห็นว่าน้องสงสัยก็ทำตัวเป็นครูให้น้อง
“อันนี้คิดเงินแยกนะครับ” วางกล่องถุงยางอนามัย Durex smooth ตรงที่คิดเงิน น้องแบมหน้าแดงเถือกตอนพยักงานเซเว่นเงยหน้าขึ้นมา แต่ก็แค่เงยหน้าไม่ได้ทำอะไร เขาคิดเงินให้แบมแบมต่อ แล้วพอของแบมแบมเสร็จก็ต่อด้วยถุงยางของพี่มาร์ค
“ไว้ว่างๆจะเอาให้ดู” กระซิบเบาๆตอนที่เดินออกจากเซเว่นด้วยกัน
“อะ…”
“อย่าเข้าใจผิดแค่ให้ดู ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น” พี่มาร์คหัวเราะ แบมแบมเองก็พยักหน้าเข้าใจ แต่อายทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนซื้อ อายชะมัด พี่มาร์คขึ้นรถไปแล้วแบมแบมเองก็ขึ้นรถตามไป
--------------------
talk : เมื่อพี่บี๋เปิดทางแล้วววววนั้นไซร้ เกียมเลยจ่ะ การหื่นอย่าเปิดเผยจะมา
#เอวมาร์คแบม
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เข้าใจกันแล้ว พี่มาร์คคือน่ากลัวตลอด
พี่บี๋คืออ่นลงให้น้องมากอ่า ฮือคนดีของน้อง
เม้นแรกกกกกก