คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 ความรู้สึก
ตอนที่ 4 แล้วอ่ะ ขอคอมเม้นหน่อยนะคะ
......................................................................................................
ตอนที่ 4 ความรู้สึก
“ท่านแม่ ตกลงท่านมาที่นี่มีธุระอะไรกันแน่ขอรับ” ยุนโฮเอ่ยถามมารดา ถ้าจะให้นับว่าถามกี่ครั้งแล้วก็คงเป็นครั้งที่ห้าแล้วกระมัง ร่างสูงเริ่มส่อแววหงุดหงิด เมื่อคนเป็นแม่ยังเอาแต่คุยสนุกกับแจจุงอยู่ ไม่ยอมมาสนใจไยดีกับลูกชายของตัวเองเลยสักนิดทั้งๆที่กว่าจะได้เจอกันตัวเป็นๆก็แสนจะลำบาก ร่างสูงเริ่มหน้างอง้ำด้วยความน้อยใจ
“ท่านแม่!!!” คราวนี้ยุนโฮตะโกนลั่น เอเลน่าหันมามองลูกชายก่อนจะเอ่ย
“โธ่ ยุนโฮลูกรัก แม่ก็แค่คิดถึงลูก อยากมาเจอลูกชายสุดหล่อของแม่ก็เท่านั้นเอง” ผู้เป็นแม่เอ่ยก่อนจะเข้าไปกอดลูกชาย ยุนโฮมองผู้เป็นแม่อย่างไม่เชื่อใจ ก็คนอย่างท่านแม่ของเขาเนี่ยนะ จะนึกครึ้มออกมาหาลูกชายถึงที่ ทั้งๆที่ปกติขี้เกียจของมาจากอาณาเขตของตัวเองแทบตาย ขนาดบางครั้งที่ลูกชายล้มป่วย ยังไม่เคยได้เห็นหน้าท่านแม่คนนี้เลยสักครั้ง
“ท่านแม่ ท่านบอกมาเถอะว่าท่านมาทำไม ไม่งั้นข้าจะไปถามท่านพ่อเอง” ยุนโฮขู่ ทำท่าจะเดินจากไป ทำให้ท่านแม่ต้องรีบรั้งไว้
“รู้แล้วๆ แม่บอกก็ได้” เอเลน่าตกลง ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจบอกความจริง “พอดีแม่ซุ่มซ่ามไปหน่อย เลยเผลอไปทำแจกันใบโปรดของพ่อเค้าแตกน่ะลูก..ลูกอย่าไปบอกพ่อนะ” เอเลน่าบอกพลางก้มหน้างุดซ่อนความผิด ยุนโฮถอนหายใจอย่างระอากับความซนไม่สมวัยของแม่ตัวเอง
“ก็ได้ขอรับ ว่าแต่ท่านแม่จะอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ขอรับ” ยุนโฮถาม ผู้เป็นแม่ยิ้มด้วยความดีใจก่อนจะตอบ
“อยู่จนกว่าจะช่วยแม่หนูคนนั้นเสร็จก็ได้” เอเลน่าตอบพลางพยักพเยิดไปทางแจจุง ร่างบางถอนหายใจอย่างปลงๆ เมื่ออีกฝ่ายเรียกเขาว่าแม่หนูอีกแล้ว ก่อนจะเดินเข้าไปถาม
“แล้วตกลงคุณป้าช่วยผมได้ใช่มั้ยครับ?”
“ได้สิจ๊ะ ง่ายๆ” เอเลน่าตอบพร้อมรอยยิ้มก่อนจะอธิบายเพิ่ม “แม่จะทำพิธีส่งเจ้ากลับไปอีกมิติหนึ่งในอีก49วันข้างหน้า”
“49วัน?” ร่างบางสงสัย
“ใช่จ้ะ อีก 49 วัน ที่ต้อง 49 ก็เพราะว่าเป็นวันที่ช่องมิติจะเปิดได้ดีที่สุด และต้องส่งเจ้ากลับในเวลาและสถานที่เดียวกับที่เจ้ามาด้วย” เอเลน่าหยุดนิดนึงก่อนจะพูดต่อ “แต่นั่นก็ต้องแล้วแต่ดวงนะจ๊ะ เพราะถึงจะมีคนที่ทำพีธีเป็นอย่างแม่คอยช่วย แต่ถ้าประตูบ้านั่นเกิดไม่ปกติขึ้นมา หนูก็อาจจะไม่ได้กลับไปที่เดิม หรือไม่หนูก็จะต้องติดค้างอยู่ในห้วงของกาลเวลาแทน คราวนี้ล่ะ ไม่ตายก็บ้า” ถึงตรงนี้ร่างบางเริ่มหน้าถอดสี ความกลัวเริ่มเข้ามารุมเร้า แต่ถึงยังไงเขาก็ต้องกลับไปให้ได้ ยุนโฮเห็นท่าทางไม่ดีของแจจุงจึงเข้าไปหา
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงๆข้าต้องช่วยให้เจ้ากลับไปได้แน่” ยุนโฮกล่าวเสียงนุ่ม มือแกร่งเอื้อมไปกุมมือนุ่มไว้เพื่อให้กำลังใจ ถึงแม้จะรู้สึกเสียใจที่สักวันแจจุงจะต้องกลับไปที่ที่เขามา แต่ร่างสูงก็ตระหนักดีว่า ถ้าตนเห็นแก่ตัวรั้งร่างตรงหน้านี้ไว้ คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คงไม่พ้นแจจุงเป็นแน่ ร่างบางเงยหน้ามองร่างสูงหมายจะกล่าวขอบคุณ ดวงหน้าขึ้นสีเรื่อเมื่อไปสบตากับยุนโฮเข้า ใบหน้าแดงเรื่อนั้นทำเอายุนโฮเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด ใบหน้าคมเข้มค่อยๆก้มลงหาอีกฝ่าย ไม่สนใจอีกหนึ่งสายตาที่มองมาเลยสักนิด
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมไอดังขึ้น เรียกสติของคนทั้งคู่ให้ตื่นจากภวังค์ แจจุงก้มหน้างุดเพื่อซ่อนความอาย ส่วนยุนโฮหันขวับมามองต้นเสียงอย่างขัดใจ ก่อนจะก้มหน้างุดด้วยควายอายอีกคน เมื่อคนเป็นแม่ส่งรอยยิ้มรู้ทันให้ อันที่จริงที่เอเลน่าตัดสินใจมาหาลูกชายถึงที่นี่ไม่ใช่แค่เพียงจะมาขอหลบภัยหรอก เพราะไอ้เรื่องทำของพังเนี่ย แค่อ้อนนิดๆหน่อยๆ อีกฝ่ายก็หายโกรธเป็นปลิดทิ้ง แต่ที่ดั้นด้นมาถึงนี่ก็เพราะอยากจะมาสอดแนมลูกชายว่าจะหาคู่ครองให้ตัวเองได้เยี่ยมขนาดไหน แล้วก็ต้องถูกใจเมื่อมาเจอกับแม่หนูแจจุงเข้า ทั้งนิสัยทั้งหน้าตาถูกใจสุดๆ จะติดก็ตรงที่เป็นผู้ชายเนี่ยแหละ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา เพราะคิดว่าตนนั้นยังมีแรงผลิตทายาทอีกได้สบายๆ แต่ก็ต้องตัดใจ เพราะถึงยังไงแม่หนูนี่ก็ต้องกลับไปอยู่ดี คิดแล้วคนเป็นแม่ก็ถอนหายใจเฮือกด้วยความเสียดายยิ่งนัก
“เอาเป็นว่าแม่ไปนอนก่อนนะ เชิญพวกเจ้าตามสบายล่ะ” ผู้เป็นแม่กล่าวยิ้มๆก่อนจะเดินเลี่ยงไปพักผ่อนข้างบน ปล่อยให้ทั้งสองยืนเขินกันไปเขินกันมาตามลังพัง
“งั้นผมกลับห้องก่อนนะครับ” แจจุงพูดขึ้นก่อนจะรีบเดินขึ้นห้องไปอีกคน ทิ้งให้ยุนโฮมองตามตาละห้อยอยู่คนเดียว
“เฮ่อ ใช้ไม่ได้เลยเรา” ร่างสูงถอนหายใจ เพียงแค่สบตาก็แทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แล้วอย่างนี้ตลอด 49 วันที่เหลือเขาจะควบคุมไม่ให้ปีศาจในใจคอยฉุดแจจุงมาเป็นของตัวเองได้ไหมเนี่ย ยุนโฮคิดก่อนจะเดินจากไปเพื่อไปทำหน้าที่ของเจ้าเมืองที่ดี
......................................................................
ก๊อกๆ
“เข้ามาได้” ยุนโฮบอกอนุญาตเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู สายตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่ปึกเอกสารข้างหน้า ท่าทางเอาจริงเอาจังของร่างสูง ทำให้ผู้มาเยือนอดที่จะยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้
“ขยันจังนะลูก” น้ำเสียงอ่อนโยนพูดขึ้น เรียกคนที่กำลังเคร่งเครียดให้หันไปมอง
“อ้าว ท่านแม่ มีอะไรรึขอรับ?” เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ก่อนจะก้มลงไปอ่านเอกสารต่อ
“แม่แค่มาตามเจ้าไปทานอาหารเย็นน่ะลูก” เอเลน่ากล่าว สายตาอ่อนโยนยังคมจับจ้องไปยังลูกชายสุดที่รัก ในใจรู้สึกเต็มตื้นเมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเติบโตกลายเป็นชายหนุ่มผู้สง่างามได้เพียงนี้
“ยุนโฮ”
“ขอรับ” ตอบรับเสียงเรียก สายตายังคงจับจ้องเอกสารไม่วางตา
“เจ้าจะเอาอย่างไรกับเรื่องของแจจุง” ผู้เป็นแม่เอ่ย ทำเอาสายตาเข้มที่กวาดไปที่ตัวอักษรหยุดชะงักเมื่อได้ยินชื่ออีกคน
“ก็ท่านจะเป็นคนส่งเขากลับไม่ใช่หรือขอรับ” ร่างสูงตอบ แสร้งทำว่าไม่ค่อยเดือดร้อนนัก ทำให้เอเลน่ายิ้มเอ็นดูปนหมั่นไส้ในความมากมาดของเจ้าลูกชายตัวดี
“แม่ไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นซะหน่อย”
“แล้วหมายถึงอะไรล่ะขอรับ”
“ก็เรื่องลูกกับแจจุงต่างหากล่ะ” เอเลน่าพูด นัยน์ตายิ้มพรายเมื่อเห็นเจ้าลูกชายสะดุ้ง “ลูกชอบเค้าไม่ใช่รึ?...หรือว่าแม่ดูผิด?” ร่างสูงได้ฟังถึงกับหน้าขึ้นสี รวบรวมสติก่อนจะเอ่ยตอบ
“ท่านแม่ดูไม่ผิดหรอกขอรับ ข้าชอบแจจุง” ร่างสูงตอบ “แต่ทำไงได้ล่ะขอรับ ในเมื่อสักวัน แจจุงก็ต้องจากข้าไปอยู่ดี” ยุนโฮพูดพลางถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “เรื่องนั้นช่างมันเถอะขอรับ ข้าว่าเราไปทานข้าวกันดีกว่า ข้าชักจะหิวแล้วล่ะ” ยุนโฮพูดกลบเกลื่อนก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้คนเป็นแม่มองตาม ในใจนึกสงสารเจ้าลูกชายไม่น้อย เพราะตั้งแต่เด็กจนโต เจ้าลูกชายคนนี้ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะคิดรักใครจริง แต่พอจะเอาจริงเข้ากลับต้องผิดหวังทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มเลยด้วยซ้ำ คิดแล้วก็ถอนหายใจกับความโชคร้ายของยุนโฮก่อนจะเดินตามไป
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารของเย็นนี้ก็เหมือนกับทุกๆครั้ง จะต่างก็ตรงดูจะครึกครื้นขึ้นหน่อยเมื่อมีคุณแม่หัวใจยังสาวของร่างสูงมาร่วมโต๊ะ เสียงหัวเราะพูดคุยของแจจุงและเอเลน่ายังคงมีให้ได้ยินอยู่ตลอด ดูๆแล้วช่างเป็นการรับประทานอาหารที่อบอุ่นนัก จะติดก็ตรงร่างสูงที่นั่งทำหน้าบึ้งอยู่ที่หัวโต๊ะพลางกระแทกส้อมและมีดลงบนเจ้าไก่อบผู้โชคร้ายอย่างไม่ปราณี ใบหน้าคมหันไปมองคนที่นั่งทานอาหารอยู่ข้างๆ ก่อนใบหน้าจะบูดบึ้งขึ้นอีก เมื่ออีกฝ่ายไม่หันมามอง ในใจคิดแค้นคนเป็นแม่ตะหงิดๆที่มาแย่งความสนใจจากแจจุงไปจนหมด
“อาหารไม่อร่อยหรือครับ?” แจจุงถามเมื่อเห็นยุนโฮหน้าบึ้งไม่ยอมพูดคุยกับใคร
“อ๊ะ เปล่าๆ อร่อยมากเลยล่ะ” ยุนโฮสะดุ้งตอบ พลางจิ้มชิ้นไก่เข้าปาก ท่าทางประหม่าของยุนโฮทำเอาคุณแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“ได้ยินว่า วันนี้เจ้าเป็นคนทำไก่อบรึ” เอเลน่ายิ้มก่อนจะหันไปถามแจจุง
“ครับ”
“ทั้งสวยทั้งเก่งอย่างนี้ น่าจะมาเป็นลูกสะใภ้แม่นะ” ประโยคทีเล่นทีจริงดังขึ้น ทำเอาร่างสูงที่เคี้ยวไก่อยู่เกิดสำลักขึ้นมาทันควันควานหาน้ำกันจ้าล่ะหวั่น ส่วนอีกคนที่ถูกเอ่ยถึงบัดนี้นั่งหน้าแดงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พูดอะไรน่ะท่านแม่” ยุนโฮพูดขึ้นหลังจากทรมานกับการสำลักไก่อยู่นาน
“ก็แม่พูดจริงนี่ หรือว่าเจ้าไม่อยากได้” ผู้เป็นแม่ถามแทงใจลูกชาย ยุนโฮหันไปหาแจจุงที่นั่งอยู่ข้างๆก่อนจะรีบเบือนหน้าหลบด้วยความอายเมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตาพอดี “ว่าไงล่ะ ไม่อยากได้แจจุงมาเป็นสะใภ้ของแม่รึ?” เอเลน่าถามเย้าขึ้นอีก นัยน์ตาแพรวระยับอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นเจ้าลูกชายสิ้นท่า
“คือ ผมขอขึ้นห้องก่อนนะครับ” แจจุงที่นั่งหน้าแดงอยู่นานเอ่ยตัดบท ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวขึ้นห้องอย่างรวดเร็ว
เอเลน่ามองตามก่อนจะเบือนสายตาไปยังยุนโฮที่มองตามร่างบางตาละห้อย รอยยิ้มแย้มพรายในความเอ็นดูระคนขัดใจในความไม่ประสีประสากับเรื่องพวกนี้ของเจ้าลูกรัก ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำเอาร่างสูงถึงกับสะอึก
“เจ้านี่มันไร้น้ำยาจริงๆ” พูดเสร็จก็เดินจากไป ปล่อยให้ลูกชายนั่งอยู่ตามลำพังด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในความน้อยของน้ำยาตัวเอง
ความคิดเห็น