คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 นางฟ้า
หลังจากที่ได้ออกมายืดเส้นยืดสายข้างนอก ทำให้ยุนโฮอารมณ์เริ่มสงบ ประกอบกับการล่าสัตว์ที่ท่าทางจะไปได้สวย ทำให้ร่างสูงเกือบจะลืมเรื่องที่น่าหงุดหงิดที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นาน
“ข้าจะไปแถวชายป่าด้านโน้นหน่อย ไม่ต้องตามไปนะ” ยุนโฮพูดก่อนจะควบม้าออกไป
“เฮ่ย ตรงนั้นมันอันตรา......” เสียงตะโกนตามหลังของเพื่อนรักหยุดลงกลางครัน เมื่อรู้ว่าถึงห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์ แล้วอีกอย่างยุนโฮก็ใช่ว่าฝีมือจะไม่เก่งกาจซะเมื่อไหร่
ยุนโฮควบม้ามาเรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่ที่ทุ่งดอกไม้ที่ถัดมาจากชายป่าเพียงเล็กน้อย อันที่จริงที่เขามาแถวนี้ไม่ได้จะมาล่าสัตว์อะไรหรอก เพียงแต่อยากจะมาชมความสวยงามของทุ่งดอกไม้มากกว่า ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เขาเข้าป่า หรือเวลาไม่สบายใจ ร่างสูงเหวี่ยงตัวลงจากหลังม้า ก่อนจะค่อยๆก้าวเข้าไปท่ามกลางดอกไม้หลากชนิดที่ขึ้นเบียดเสียดกันในทุ่งกว้างๆ สีสันสวยสดใสของเหล่าดอกไม้น้อยใหญ่สร้างความสบายตาสบายใจให้กับผู้พบเห็นนัก ในอากาศมีกลีบดอกไม้บางชนิดที่บอบบางซะจนถูกสายลมเย็นๆพัดขึ้นมาลอยล่องกลางอากาศไปตามจังหวะของสายลม เปรียบเสมือนบทเพลงที่คอยขับกล่อมผู้มาเยือน
ยุนโฮกวาดสายตาไปเรื่อยๆ ก่อนจะไปสะดุดกับบางอย่างที่อยู่ลึกเข้าไปในป่า และแล้วรอยยิ้มถูกใจก็ถูกระบายไปทั่วใบหน้า เมื่อรู้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร กวางสีทองที่หาได้ยากในหมู่สัตว์วิเศษ ที่สำคัญเขาของกวางทองเป็นแก้วใสบริสุทธิ์นับว่าเป็นของหายากในหมู่ของหายากเลยทีเดียว ร่างสูงค่อยๆย่างเท้าเข้าไปใกล้กวางทองมากขึ้น ในมือเตรียมธนูให้พร้อมสำหรับเผด็จศึก เมื่อเห็นว่าระยะทางได้ที่ก็เงื้อมือขึ้น เล็งปลายลูกธนูไปที่ขาเพรียวของกวางทอง เขาต้องการจับเป็น ร่างสูงรวบรวมสติพร้อมนับสามในใจ 1
..2
..
ตุ้บ!!เสียงของหนักๆกระแทกพื้นดังมาจากข้างหลังของยุนโฮ แรงสะดุ้งทำให้เส้นทางของธนูผิดเพี้ยนเฉียดลงไปปักข้างๆขาของเจ้ากวางชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด ทำให้เจ้ากวางทองตกใจวิ่งหายเข้าไปในป่า
“ชิ!” ร่างสูงจิ๊ปากอย่างอารมณ์เสียและเสียดายเป็นที่สุด ก่อนจะหันกลับไปดูเจ้าต้นเหตุของเสียงที่ทำให้เขาพลาดโอกาสสำคัญ
ยุนโฮเดินเข้าไปเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดอึ้งเมื่อเห็นต้นเหตุของเสียงดังกล่าว ร่างร่างหนึ่งที่ไม่รู้ว่าหญิงหรือชายกันแน่นอนทับอยู่บนดอกไม้สีสวย ผิวสีขาวนวลดูแปล่งประกายเมื่อถูกขับด้วยดอกไม้สีต่างๆรอบข้าง ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเม้มสนิทเช่นเดียวกับดวงตาที่หลับพริ้มทำให้ขนตาสีดำขลับแนบลงกับพวงแก้มสีชมพูอ่อน เส้นผมสลวยสีดำพลิ้วไหวเบาๆเมื่อต้องสายลม
“นางฟ้า” ยุนโฮพึมพำเบาๆอย่างเลื่อนลอยเมื่อเห็นคนตรงหน้า ร่างสูงทรุดลงข้างๆกายนางฟ้า เพื่อพินิจพิจารณา มือแกร่งวางธนูคู่ใจลงข้างกาย ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าสวย นิ้วเรียวขยับปัดปอยผมที่ระใบหน้าหวานออกอย่างอ่อนโยนและถือสิทธิ์ สายตาเลื่อนไปจับที่ริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่เหมือนจะเชิญชวนให้เข้าไปสัมผัส ก่อนที่ใบหน้าคมจะเลื่อนลงหมายจะเข้าไปสัมผัสริมฝีปากทั้งๆที่รู้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ค่อยดีนัก แต่แล้วก็ต้องผละออกเมื่อร่างตรงหน้าลืมตาขึ้น
ดวงตาใสกวาดมองไปรอบๆ ใบหน้าหวานเริ่มงุนงงเมื่อไม่คุ้นกับสภาพแวดล้อม มือบางยกขึ้นกุมขมับที่เริ่มปวดตุบๆก่อนจะหันไปสบตาคนข้างๆ
“ที่นี่ที่ไหนครับ?” เสียงหวานใสเข้ากับหน้าตาและรูปร่างเอ่ยขึ้น
“อะ...เมืองนอนซ์” ยุนโฮตอบอย่างตะกุกตะกัก สายตายังไม่ละไปจากดวงหน้าของอีกคน
“นอนซ์” ชายหนุ่มพึมพำก่อนจะมุ่นหัวคิ้ว เพราะไม่เคยได้ยินชื่อเมืองนี้มาก่อน “แล้วอยู่ส่วนไหนของเกาหลีครับ?” ลองถามดูอีกครั้งเผื่อจะได้คำตอบที่กระจ่างขึ้น
“เกาหลี? ไม่ใช่หรอก?” คำพูดของคนตรงหน้าทำเอาร่างบางงงเป็นไก่ตาแตก ที่นี่ไม่ใช่เกาหลี แล้วตกลงเขาอยู่ที่ประเทศไหนกันแน่ล่ะเนี่ย
“เอ่อ...ที่นี่ประเทศอะไรครับ?” ตัดสินใจถามออกไปอีก ในใจเริ่มกลัวกับคำตอบที่จะได้รับ
“ทัชมากอร์” คำตอบของร่างสูงทำเอาร่างบางหน้ามืด ทำทางจะล้มลงไปนอนกับพื้น.ให้หัวฟาดพื้นเล่นซะให้รู้แล้วรู้รอด เผื่อจะได้เข้าใจอะไรมากขึ้น
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” ยุนโฮถามพร้อมกับรับตัวร่างบางไว้ในอ้อมแขน “เจ้ามีชื่อว่าอะไร?”
“แจจุง”ร่างบางตอบ”คิม แจจุง”
“เจ้ามาจากไหน?”
“เกาหลี”
“เกาหลี?”ยุนโฮทวนคำ สีหน้าแฝงไว้ด้วยแววครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยถาม”นี่เจ้าอย่าบอกนะเจ้ามาจากอีกมิติหนึ่ง”
“มิติ?” แจจุงพึมพัม นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย เริ่มจากช่องลมบ้าๆที่วัด แล้วก็ทุ่งดอกไม้กว้าง ตามด้วยผู้ชายที่แต่งตัวยังกับหลุดมาจากเทพนิยายกรีกโบราณ แล้วก็ไอ้เมืองนอนซ์บ้าๆกับประเทศทัชมากอร์เพี้ยนๆ นี่ตกลงเขาบ้าหรือโลกมึนกันแน่เนี่ย แจจุงทำสีหน้าปั้นยากก่อนจะผละตัวเองออกจากอ้อมแขนอีกคน
“เจ้าทะลุช่องลมมาใช่มั้ยล่ะ?” ยุนโฮถาม “ช่องลมนั่นน่ะ เป็นช่องว่างของเวลา ชอบดูดคนจากที่นี่ไปเรื่อย แต่ก็มีน้อยครั้งที่จะมีคนหลงเข้ามาที่นี่” แจจุงฟังยุนโฮอย่างตั้งใจ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้สมองของเขาคงจะสับสนเกินที่จะวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับ
“เจ้ามีที่พักหรือยัง?” ยุนโฮถาม
“ยังครับ” แจจุงตอบ ในใจเริ่มกังวล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่หลงเข้ามาที่นี่หรือเรื่องที่เขาจะกลับไปบ้านได้ยังไง
“งั้นเจ้าไปพักบ้านข้าก่อนแล้วกัน” ยุนโฮพูดเสนอพร้อมรอยยิ้ม แจจุงลังเลสักครู่ก่อนจะตอบตกลง เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะไปพักที่ไหนเหมือนกัน อีกอย่างคนตรงหน้าก็ดูไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ออกจะเป็นคนดีด้วยซ้ำ เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยยุนโฮก็พยุงแจจุงขึ้นก่อนจะพาไปที่ม้า
“เอ่อ...ผมขี่ม้าไม่เป็นนะครับ” แจจุงพูดขึ้น
“ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องขี่หรอก แค่นั่งเฉยๆก็พอ” ยุนโฮว่าก่อนจะรั้งตัวขึ้นคร่อมหลังม้า “เข้ามาใกล้ๆสิ” ร่างสูงเรียก ก่อนจะตวัดแขนรัดเอวร่างบางแล้วยกร่างบางขึ้นนั่งข้างหน้า “จับดีๆล่ะ” ยุนโฮพูดก่อนจะควบม้าออกไปโดยที่อีกมือหนึ่งโอบเอวแจจุงไว้เพื่อไม่ให้คนข้างหน้าร่วงจากหลังม้า
“เจ้าไปเอาเทพธิดาที่ไหนมาน่ะ?” ยูชุนเข้ามากระซิบถามหลังจากที่ยุนโฮรับแจจุงลงจากม้า เมื่อเห็นยุนโฮไม่ได้กลับมาเพียงลำพัง หนำซ้ำยังพาคนสวยกลับมาด้วย
“มาจากอีกมิติหนึ่งน่ะ” ยุนโฮตอบ สร้างความแปลกใจให้กับสหายรักได้ไม่น้อย สายตาคมเหลือบไปมองผู้มาใหม่ สวยเชียวล่ะ เข้าขั้นคนสวยหายาก นี่ถ้าตัวเองไม่มีคนที่หมายปองไว้แล้ว คงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปขอฝากหัวใจไว้แน่ ว่าแล้วก็หันไปมองชายหนุ่มอีกคน ซึ่งท่าทางคงจะฝากหัวใจไว้กับเทพธิดาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“นี่บ้านคุณหรือครับ?” แจจุงถามขึ้นเมื่อมองเห็นสภาพของบ้านที่ว่า อันที่จริงมันเรียกว่าบ้านไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าจะให้ถูกก็คงต้องเรียกว่าปราสาท ไม่สิ ต้องเรียกว่ามหาปราสาทต่างหาก
“ใช่แล้วล่ะ เข้ามาสิ” ยุนโฮพูดก่อนจะยื่นมือให้ แจจุงลังเลชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจวางมือลงบนมือของอีกฝ่าย
เมื่อเดินเข้ามาได้สักพัก ร่างบางก็ต้องเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด ภายในตัวปราสาททำมาจากหินอ่อนทั้งหลัง ตกแต่งด้วยการสลักลวดลายอันวิจิตรการตา เครื่องเรือนต่างๆทำมาจากไม้โอ๊ก ดูแล้วคงจะเป็นต้นโอ๊กที่ต้นใหญ่มากๆที่เดียว เพราะเครื่องเรือนนั้น ถูกสร้างขึ้นโดยวิธีการสลักทั้งสิ้น ส่วนเครื่องใช้นั้น ไม่ว่าจะเป็นแจกัน จานแก้ว ล้วนทำขึ้นจากทองคำ ทำให้ส่องประกายวิบวับเมื่อต้องกับแสงอาทิตย์ แจจุงเดินตามร่างสูงไปตามบันไดหินอ่อนก่อนจะไปหยุดหน้าประตูไม้โอ๊กบานใหญ่
“นี่คือห้องของเจ้า” ยุนโฮเอ่ย มือแกร่งผลักบานประตูออก เผยให้เห็นภายในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงาม แต่ที่ถูกใจแจจุงมากที่สุด ก็คงจะเป็นเตียงสี่เสาสีขาวที่ตั้งอยู่กลางห้อง “ทางนั้นเป็นห้องน้ำ เจ้าเข้าไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวซะ จะได้ลงไปทานอาหาร ส่วนเสื้อผ้าข้าจะให้คนเอามาให้” ยุนโฮบอกก่อนจะหันหลังเดินกลับไป
“เดี๋ยว” แจจุงร้องขึ้น เรียกร่างสูงให้หันกลับมามอง”ขอบคุณครับ” ร่างบางพูดอย่างสุภาพพร้อมกับโค้งศีรษะให้ เรียกรอยยิ้มให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของยุนโฮก่อนที่ร่างสูงจะเดินจากไป
“เฮ่อ~” แจจุงถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง ในใจคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ความกังวลเริ่มเข้ามาเกาะกุมความรู้สึก ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเกิดตนไม่สามารถกลับไปที่ที่ตนจากมา จะเป็นอย่างไร พ่อ แม่ และน้องชาย จะเป็นยังไงบ้างถ้าเกิดว่าเขาไม่ได้กลับไปอีกเลย แจจุงหลับตาลงเพื่อรวบรวมสติก่อนจะสะบัดศีรษะไล่ความกังวล
พาร่างตนเองไปยังประตูห้องน้ำ มือบางผลักประตูออก แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ห้องน้ำของที่นี่ราวกับห้องน้ำที่เขาเคยดูในหนัง อ่างน้ำวงกลมขนาดใหญ่ กับรูปปั้นสิงโตที่มีน้ำออกมาจากปากไหลลงไปในอ่าง ขอบอ่างมีกระปุกแก้วน้อยใหญ่ที่ภายในบรรจุของเหลวสีสวย และตะเกียงแก้วที่จุดน้ำมันหอมเอาไว้ แสงแดดอ่อนๆลอดผ่านผ้าม่านตรงหน้าต่างที่พลิ้วไหว
แจจุงเดินไปที่ขอบอ่าง มือเรียวสวยปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด ก่อนจะพาตนเองลงไปแช่น้ำในอ่าง ร่างบางทรุดตัวลงนั่ง แผ่นหลังเนียนพิงขอบอย่างอย่างสบายอารมณ์ ดวงตาสวยหลับพริ้ม ปล่อยกายและใจให้ล่องลอยไปกับความเย็นของน้ำ และกลิ่นหอมของน้ำมันหอม
“ขอประทานโทษเจ้าค่ะ” ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับร่างของหญิงสาวสองคน ทำเอาแจจุงตกใจจนต้องไถลตัวลงไปในน้ำจนเห็นร่างบางแค่คอเท่านั้น “นายท่านให้เอาเสื้อผ้ามาให้เจ้าค่ะ”หญิงสาวว่า พลางวางเสื้อผ้าไว้ที่โต๊ะข้างๆอ่างน้ำ ก่อนจะเดินไปหยิบกระปุกแก้วที่ขอบอ่างแล้วเดินมาทางแจจุง
“เอ่อ..เดี๋ยวๆๆๆๆๆจะทำอะไรครับ” แจจุงร้องเมื่อหญิงสาวคนหนึ่งยกแขนของเขาขึ้นพร้อมกับอีกคนที่เทของเหลวสีชมพูลงบนตัวแจจุง
“อาบน้ำให้เจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ทำเอาแจจุงหน้าเหวอ ก่อนจะตั้งสติแล้วเริมต้นดิ้น
“ไม่ต้องครับๆผมอาบเองได้” ร่างบางละล่ำละลักบอก พร้อมกับบ่ายเบี่ยง
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ นายท่านสั่งมา” หญิงสาวคนหนึ่งตอบก่อนจะช่วยเพื่อนอีกคนลงมือชำระร่างกายแจจุง ท่ามกลางเสียงโวยวายต่อไป.................(ขอซะนิดนึง...แต่งถึงตรงนี่แล้วอยากเป็นสาวใช้อ่ะ..)
“เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ชุดที่ข้าให้เอาไปให้?” ยุนโฮถามขึ้นหลังจากที่นั่งทานอาหารไปได้สักพัก “พอดีข้าไม่มีเสื้อผ้าที่พอดีตัวสำหรับเจ้า ก็เลยเอาของน้องสาวให้”
“ก็ดีครับ” แจจุงตอบพลางคิดในใจ มิน่าล่ะ เสื้อผ้าถึงได้ดูหวานๆนัก มันก็น่าอยู่หรอก คนตรงหน้าตัวใหญ่ซะขนาดนั้น ผิดกับเขาที่รูปร่างออกจะอ้อนแอ้นซะหน่อย “เอ่อ คราวหลังไม่ต้องให้คนไปอาบน้ำให้นะครับ” แจจุงพูด ดวงหน้าเริ่มขึ้นสีเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ กว่าจะสลัดสาวใช้ทั้งสองได้ เล่นเอาตัวเองทั้งอายทั้งเหนื่อย
“ทำไมล่ะ เจ้าไม่ชอบรึ” ยุนโฮถามอย่างสงสัย เพราะขนาดตัวเขาเองยังชอบที่มีผู้หญิงสวยๆมาช่วยอาบน้ำ ส่วนแจจุงนั้นส่ายหน้าดิก ทำเอาร่างสูงยิ้มน้อยๆกับความน่ารัก ก่อนจะเอ่ย “ก็ได้ๆตามใจเจ้า ว่าแต่เรื่องของเจ้าจะทำอย่างไร?”
“ไม่รู้สิครับ” ร่างบางตอบพลางรวบช้อนเพื่อให้รู้ว่าอิ่มแล้ว ในหัวครุ่นคิดถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
“เอาเป็นว่า วันนี้เจ้าไปพักผ่อนให้สบายก่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปหาผู้ที่พอจะช่วยเรื่องนี้ได้” ยุนโฮกล่าว ก่อนจะลุกขึ้น
“ขอบคุณมากๆเลยครับ” แจจุงพูดพร้อมยิ้มให้ ยุนโฮยิ้มตอบแล้วเดินจากไป ร่างบางลุกขึ้นหมายจะเก็บจานแต่โดนสาวใช้ห้ามไว้ก่อน แจจุงเถียงกับสาวใช้อยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินขึ้นห้องเมื่อพ่ายแพ้ต่อสาวใช้
แจจุงเดินสำรวจไปรอบๆห้อง สายตาสะดุดกับกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน ในรูปเป็นภาพของเด็กหญิงตัวน้อย ดูๆแล้วอายุคงจะประมาณชางมินล่ะมั้ง ข้างๆเด็กหญิงมีชายหนุ่มคนหนึ่ง ผู้ซึ่งให้ความช่วยเหลือเขาในทุกๆเรื่อง ยุนโฮ .... รอยยิ้มของร่างสูงเต็มไปด้วยความร่าเริงไม่ผิดไปกับเด็กหญิงข้างๆ ในใจคิดว่าตอนนี้เด็กหญิงคนนั้นคงจะโตเป็นสาวสวยแล้วแน่ๆ เพราะดูจากสภาพรูปแล้วคงจะอยู่มานานหลายปี
“น้องสาวข้า เจ้าของห้องๆนี้” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าประตู ทำให้แจจุงหันไปมอง ยุนโฮยิ้มรับก่อนจะเข้ามาในห้อง มือแกร่งคว้ารูปขึ้นมาถืออย่างอ่อนโยน “นางเป็นน้องสาวคนเดียวของข้า เห็นแก่นๆอย่างนี้ โตขึ้นมากลับสวยเข้าขั้นสาวงามเลยล่ะ” ยุนโฮพูดกับร่างบาง สายตาที่จับจ้องไปยังรูปภาพนั้น อ่อนโยนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก “สวยเหมือนเจ้า” แจจุงหันไปมองร่างสูงเมื่อได้ยิน ดวงหน้าหวานขึ้นสีเรื่อเมื่อสบตากับสายตาคมเข้า “แต่นางได้จากไปแล้ว จากไปเมื่อสามปีก่อนในสงครามครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างภูตกับมนุษย์” ยุนโฮพูด น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย เมื่อนึกถึงความโศกเศร้าในอดีตที่ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจ “เพราะนางปกป้องข้า ถ้าตอนนั้นข้าแข็งแกร่งมากกว่านั้น นางก็คงจะไม่ต้อง....” คำพูดหยุดไว้เพียงแค่นั้น ยุนโฮยกมือขึ้นปิดหน้า เพื่อปิดร่องรอยแห่งความอ่อนแอไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้
“เอ่อ...คือว่า” แจจุงพูดขึ้น มือเรียวแตะที่ลำแขนแกร่งที่สั้นน้อยๆของอีกฝ่าย “ นางคงมีความสุขที่ได้ทำเพื่อคุณ และคงไม่เสียดายที่จะสละสิ่งสำคัญเพื่อคุณแน่ เพราะงั้น...คุณอย่าโทษตัวเองเลยนะครับ” เสียงหวานพูดปลอบโยน พร้อมมอบรอยยิ้มให้เมื่อร่างสูงหันมาสบตา รอยยิ้มจริงใจและอ่อนโยนที่มอบให้นั้นทำเอาร่างสูงยิ้มออกมาเช่นกัน
“ขอบคุณ” คำสั้นๆง่ายๆดังออกมาจากปากยุนโฮ นัยน์คมจ้องลึกไปยังดวงตาของอีกฝ่าย ดวงหน้าหวานร้อนวูบวาบเมื่ออีกฝ่ายเลื่อนมือมาเกาะกุมมือของเขาไว้
“ก็....ถ้าผมเป็นน้องคุณ ผมคงทำอย่างเดียวกันน่ะครับ” แจจุงพูดเสียงเบาก่อนจะแกะมือออกอย่างรักษามารยาท
“เอ่อ..งั้นเจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ ขะ...ข้าจะไปทำธุระ” ยุนโฮพูดตะกุกตะกักก่อนจะรีบเดินจากไป ดวงหน้าเข้มซ่อนความเขินอายไว้ ในใจคิดอยากจะเขกหัวตัวเองนักที่เผลอไปทำรุ่มร่ามกับร่างบางเข้า ท่าทางประหม่าของยุนโฮทำเอาแจจุงอดที่จะหลุดขำออกมาเบาๆไม่ได้ ร่างบางเดินไปที่ระเบียงที่อยู่ถัดจากเตียงนอนไปได้ไม่ไกล มือเรียวเท้าลงกับขอบระเบียง ใบหน้าหวานเงยขึ้นก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด อากาศบริสุทธิ์ตอนหัวค่ำทำให้เขาสดชื่นได้ไม่น้อย ในใจคิดไปในทางที่ดีว่าคงจะมีทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ หวนคิดถึงคนที่อยู่ที่บ้าน พ่อ แม่ และน้องชายจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ร่างบางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปนอน ถึงแม้วาตอนนี้จะยังเป็นตอนหัวค่ำอยู่ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา เพราะปกติก็เป็นคนที่นอนเร็วอยู่แล้ว แจจุงเอนตัวลงนอน หลับตาพร้อมกับปล่อยกายใจให้ตกอยู่ในห้วงหลับใหล พักผ่อนเอาแรงเตรียมตัวต้อนรับชะตากรรมในวันต่อไป
.
“จุนซูอยู่ไหน?” เสียงเข้มถามขึ้น พลางส่งสัตว์ที่ล่ามาได้ให้ข้าบริวารข้างๆ
“อยู่บนห้องเจ้าค่ะ” เสียงหวานของสาวใช้ตอบ ก่อนที่ร่างสูงจะรีบเดินจากไป
ยูชุนพลักประตูออกเบาๆอย่างถือสิทธิ์ สายตากวาดไปทั่วบริเวณเพื่อหาคนคนหนึ่งก่อนจะหยุดสายตาไปที่เตียงสีชมพูอ่อน ใบหน้าของยูชุนแต่งแต้มไปด้วยร้อยยิ้มก่อนจะพาร่างเดินไปหาคนที่อยู่บนเตียง ร่างสูงหย่อนกายลงนั่งข้างๆร่างบางที่ตอนนี้กำลังหลับใหล นิ้วเรียวสวยบรรจงปัดปอยผมละเอียดที่ตกมาระใบหน้าของอีกคนออกให้อย่างแสนรัก ก่อนจะโน้มตัวลงไปประทับริมฝีปากบนหน้าผากเนียนอย่างอ่อนโยน ในใจคิดตัดพ้อคนตรงหน้า ทั้งๆที่รักมากขนาดนี้ แต่คนตรงหน้ากลับไม่ยอมเปิดใจให้เลยสักนิด ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะหัวใจของคนตรงหน้ายังเป็นของใครคนหนึ่งอย่างหมดหัวใจ......ใครคนหนึ่ง.....ที่ได้จากโลกนี้ไปแล้ว ถึงแม้คนคนนั้นจะจากไปได้สามปีแล้วก็ตาม และถึงแม้ว่าเขาจะคอยดูแลคนคนนี้ด้วยความรักมากเพียงใด ก็ไม่สามารถที่จะเปิดใจคนตรงหน้าให้ยอมรับเขาได้เลย
“เจ้าจะไม่ตอบรับความรักของข้าบ้างเลยหรือ...จุนซู” เสียงนุ้มทุ้มเอ่ยขึ้นข้างหูคนหลับอย่างแผ่วเบา เสียงถอนหายใจดังขึ้นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะเบื่อ ไม่ใช่เพราะท้อ แต่เป็นเพราะเหนื่อยที่ต้องรอ .....แต่ถึงแม้ว่าจะต้องรออีกนานเพียงใด ก็จะยังคงรอต่อไปเรื่อยๆ หวังเพียงว่าสักวันจะได้เข้าไปอยู่ในหัวใจคนตรงหน้าสักนิด ยูชุนทอดสายตามองจุนซูอย่างอ่อนโยนก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
ประตูห้องปิดลงแล้ว แต่ดวงตาของใครคนหนึ่งกลับเปิดขึ้น ร่างบางลุกขึ้นนั่งบนเตียงสีขาว ดวงหน้าหวานถูกแต่งแต้มไปด้วยร่องรอยแห่งความเศร้าหมอง ไม่ได้อยากให้ยูชุนเจ็บปวดเลยสักนิด อยากจะตอบรับความรักที่ยูชุนมอบให้ใจแทบขาด แต่มันก็ทำไม่ได้สักที มันจะทำได้อย่างไรล่ะ ก็ในเมื่อความทรงจำอันเลวร้ายยังคงตามหลอกหลอนอยู่ทุกลมหายใจ
..................................................................................................................................................................
ความคิดเห็น