แสนรักชังนิรันดร์
ด้วยรักจากแม่ที่มอบให้กับสิ่งชั่วร้ายที่แอบแฝงเมื่อถึงเวลาต้องเลือกความตายเท่านั้นคือทางออก
ผู้เข้าชมรวม
99
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ฉันไม่อยากจะเชื่อ?...คนอย่างพรพิมลนี่นะจะฆ่าลูกตัวเอง”
เสียงคนในซอยพูดกันดังปะปนกับเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังทำงานกันวุ่นวายไปหมด..
“ขอทางให้เจ้าหน้าที่ทำงานหน่อยครับ”เสียงพิเชษตะโกนขอทางให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่ของรถโรงพยาบาลเข้ามาในบ้านที่เกิดเหตุ....
“พี่ทัศเห็นศพยังพี่” พิเชษ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยรุ่นน้องถาม
“เห็นแล้วว่ะ...กูว่าแม่น้องเขาต้องเป็นโรคจิตแน่ ๆ ถึงได้ทำกับลูกตัวเองได้ขนาดนี้...สยองว่ะ”
ทัศได้ตอบรุ่นน้องไปพร้อมกับแสดงอาการของคนที่จะอาเจียนออกมา...
“ใครเจอศพคนแรกครับ” ตำรวจหนุ่มถาม
“เพื่อนของน้องครับคุณตำรวจ” มีเสียงตอบมาแต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด
ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็มีกลุ่มของคนอีกจำนวนหนึ่งได้ทำการไลฟ์สดเหตุการณ์ที่พบศพเน็ตไอดอลคนดังถูกฆ่าตาย โดยทุกคนไม่ต้องหาว่าใครเป็นคนฆาตกรเพราะแม่ของเธอได้บอกกับทุกคนว่าเป็นคนลงมือฆ่าลูกของเธอเอง.....
“อ้าว! เพื่อนน้องอยู่ไหน”
“ยืนร้องไห้อยู่ตรงบันไดครับ” เจ้าหน้าที่กู้ภัยตอบ
“น้อง ๆ มาให้ปากคำกับคุณตำรวจหน่อย” มีเสียงตะโกนบอก
ปลายฟ้าได้แต่ยืนตัวสั่นร้องไห้ปากก็บ่นพึมพำว่า “ทำไมใจร้ายแบบนี้ทำแบบนี้กับลูกตัวเองได้ยังไง”
“ชื่ออะไรครับ” ตำรวจเอ่ยถาม
“ชื่อปลายฟ้าค่ะ”
“คุณเป็นคนเจอศพคนแรกใช่มั้ยครับ”
“เอ่อ!คือใช่ค่ะ”ปลายฟ้าตอบไม่เต็มปาก
ในใจก็คิดว่าจะบอกตำรวจยังงัยดีว่าไม่ได้เจอศพคนแรกเพราะแม่เป็นคนอยู่กับศพคิตตี้ตลอดเวลา
“แล้วคุณเข้ามาในบ้านได้ยังไงครับ” ตำรวจหนุ่มทำท่าทางสงสัย
“แม่ค่ะ..แม่เปิดประตูให้” ปลายฟ้าตอบไปโดยไม่ทันคิด
“อ้าว!แสดงว่าแม่ก็อยู่ในบ้านหรอ?”
“ใช่ค่ะแม่อยู่ในบ้านอยู่กับศพคิตตี้ตลอดค่ะ”
ปลายฟ้าบอกตำราวจไปด้วยความตื่นเต้น
“ตอนที่เข้ามายังไม่เห็นศพแม่ก็ดูปกติทุกอย่างค่ะ....แต่พอเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้านทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแม่มีอาการเหมือนคนที่วาดกลัวอะไรบางอย่าง”
“กลัว?”ทุกคนที่ได้ยินต่างร้องถามพร้อมกัน
“ใช่ค่ะ...แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไปคนที่กลัวต้องเป็นหนูแล้วค่ะ”
ปลายฟ้านึกถึงสภาพศพของคิตตี้ที่เธอเห็นมันยังติดตาเธออยู่ตลอดเวลา...ถึงจะเป็นเพื่อนรักกันมานานแต่เวลาตายเป็นศพแล้วสภาพน่ากลัวแบบนี้เป็นใครก็คงจะกลัวทั้งนั้น...
สภาพภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นควันธูปฟุ้งกระจายตลบอบอวนไปหมด...ถึงควันธูปจะฟุ้งขนาดไหนก็ยังทำให้ปลายฟ้ามองเห็นเพื่อนตัวเองนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างหน้าต่าง...
“คิตตี้” ปลายฟ้าร้องเรียกเพื่อน
“คิตตี้เขาไม่ตอบหนูหรอกลูก” พรพิมลบอกกับปลายฟ้าด้วยเสียงที่เรียบเฉย
“อ้าว!..ทำไมล่ะแม่?” ปลายฟ้าทำท่าสงสัย
“ก็เขาตายไปแล้วนี่ลูก”
“ฮะ!..อะไรนะแม๊? คิตตี้ตายแล้วแม่ล้อเล่นอะไรกับหนูรึป่าวเนี่ย”
ปลายฟ้าเริ่มรู้สึกว่าคิตตี้ต้องทำคอนเท้นท์อะไรแกล้งเธอแน่ ๆ
“แหม่ ๆ ทำเหมือนจริงมากเลยนะทำเป็นมีการตั้งโต๊ะทำพิธีกันด้วย...อย่างกับในหนังฆาตกรรมเลยที่กำลังทำพิธีบูชาเทพเจ้าเอ๊ะ!หรือซาตานดีล่ะ...ฮร่า ๆ “ ปลายฟ้าหัวเราะแบบซะใจเหมือนคนรู้ทัน
“หยุด! เสียงแม่กระคอกใส่ปลายฟ้า แล้วเดินไปที่เก้าอี้ที่คิตตี้นั่งอยู่แล้วหมุ่นเก้าอี้หันมาทางปลายฟ้า
“คิตตี้!!!” เสียงปลายฟ้าตะโกนดังลั่น
“นี่มันอะไรกัน???”
ภาพที่ปลายฟ้าเห็นคือสภาพของเพื่อนรักที่ถูกมีดกรีดกลางหน้าผากจนเป็นแผลใหญ่ มีคราบเลือดที่เกาะติดที่หน้าผากไหลลงมาที่จมูกปากตาของเธอแต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือตาทั้งสองข้างของเธอถูกเปิดเปลือกตาให้ลืมตาขึ้นทั้งสองข้างด้วยการเอาเข็มเย็บให้หนังตาบนและล่างถูกเปิดขึ้นจนเหมือนคนที่ลืมตาอยู่ตลอดเวลา
ปากของเธอถูกอ้าออกจนกว้างมีซ่อมที่ถูกเสียบเข้าช่องฟันทะลุเข้าไปในเหงือกทั้งสองข้าง มีร่องรอยของน้ำอะไรบางอย่างที่ต้องมีความร้อนหรือสารเคมีอะไรที่สามารถกัดกร่อนผิวเนื้อของคนได้ไหลเข้าไปในปากจนทะลักล้นออกมาข้างนอกทำให้เกิดการพุพองของปากและคอ
น่าสะอิดสะเอียดจนปลายฟ้าไม่สามารถมองดูต่อไปได้
“แม่!!.มันเกิดอะไรขึ้นแม่ตอบหนูมาสิใครทำใครทำคิตตี้”ปลายร้องถามแม่ด้วยความโกรธและสงสัย
“แม่นี่แหละเป็นคนฆ่าคิดตี้เอง”พรพิมลตอบปลายฟ้าด้วยท่าทางเรียบเฉยเหมือนคนไม่มีความรู้สึกอะไร
“แม่ทำอะไรลงไปแม่รู้ตัวมั้ยแม่”
“มันสมควรตายแล้ว!”
“ฮะ!!!” หนูจะแจ้งตำรวจ
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย?” ปลายฟ้าพูดกับตัวเองด้วยความสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เมื่อคืนนี้ทำไมคิตตี้ถึงถูกฆ่าได้อย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้...และคนที่ฆ่าเธอก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคือแม่ของเธอเอง.....
ณ ห้องนอนของคิตตี้
10.00 น.
“สวัสดีค่ะทุกคน...เจอกันอีกแล้วนะคะ นัตตี้มาแล้วค่ะ”
นัตตี้ หรือ ( คิตตี้ ) เธอคือเน็ตไอดอลที่หลายคนหลงไหลในหน้าตาและน้ำเสียงอันน่ารักสดใสของเธอ.......เธอมีชื่อจริงว่า ณัฐริกา วิริยะกิจเจริญทรัพย์ อายุ 25 ปี ผมยาวผิวขาว มีหน้าตาคล้ายเด็กญี่ปุ่นเหมือนพ่อ มีเขี้ยวสองข้าง มีน้ำเสียงที่เล็กฟังแล้วเหมือนเสียงเด็ก พ่อของเธอเป็นคนญี่ปุ่นแต่แม่ของเธอเป็นคนไทยคิตตี้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย จบเอกภาษาญี่ปุ่น
“สวัสดีจ้าทุกคน...คิดถึงนัตตี้กันมั้ย” เสียงนัตตี้เอ่ยถามเอฟซีที่กำลังดูไลฟ์สดของเธออยู่จำนวนคนดูแต่ละครั้งเป็นหลักหลายหมื่นคนเลยทีเดียวเพราะความน่ารักสดใสและน้ำเสียงที่น่าฟังของเธอยิ่งเวลาเธอร้องเพลงหรือเต้นโชว์ลีลายัวยวนจำนวนคนดูจะยิ่งเยอะมากขึ้นไปอีก
“นัตตี้คิดถึงทุกคนม๊ากกกกกกก.....ให้ไปเลยกอไก่ล้านตัว” นัตตี้ยิ้มและทำท่าทางบ่งบอกว่าคิดถึงทุกคนมากแต่ภายใต้การกระทำที่เธอแสดงออกนั้นมันกับตรงกันข้ามกันโดยชิ้นเชิง...
ก๊อก ๆ ก๊อก เสียงเคาะประตูห้อง ดังขึ้น...เสียงเรียกที่คุ้นเคยก็ตามมาแต่แพ่วเบา
“คิตตี้ลูก” พรพิมลร้องเรียก
“โอ๊ย!! จะเคาะอะไรนักหนา”เสียงคิตตี้ตะคอกสวนกลับต้นเสียงที่เคาะมา
“วันนี้จะให้หม่าม้าเตรียมรองเท้าสีอะไรคะ...ลูก” พรพิมลตอบกลับลูกสาวของเธออย่างแพ่วเบาเหมือนคนทีไม่มีความรู้สึกอะไรในชีวิต
พรพิมล วิริยะกิจเจริญทรัพย์ เธอเป็นแม่ของคิตตี้ อายุ 54 ปี เธอได้เลิกรากับพ่อของคิตตี้ตั้งแต่คิตตี้ยังอยู่ในท้อง และยังถูกตราหน้าว่าเป็นเมียน้อยโดยไม่รู้ตัว....
ภายนอกเธอจะยิ้มแย้มแจ่มใส่อารมณ์ดี แต่เวลาอยู่คนเดียวจะชอบร้องไห้ มีอาการซึมเศร้า ชอบ นั่งสวดมนต์และใช่ไม้เคาะไปตามจังหวะเสียงสวดมนต์
“วันนี้นัตตี้คงต้องหยุดไลฟ์ก่อนนะคะต้องไปทำงานแล้วไว้เจอกันไลฟ์หน้านะคะทุกคน”
“รักกกกกกกก...กอไก่ล้านตัวเลยค่ะบาย”
สิ้นเสียงจากไลฟ์นัตตี้ที่อยู่ในโลกออนไลน์ก็หายไปกับแสงจอคอมพิวเตอร์ที่ดับไป...
“หม่าม้า!!! มันจะอะไรกันนักกันหนากับเรื่องรองเท้า???”
เสียงคิตตี้ตะโกนถามแม่ตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใช่คนที่ได้ยินเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา..
คิตตี้คนนี้คือตัวตนที่แท้จริงที่โลกโซเชี่ยลที่ติดตามเธอไม่เคยได้เห็นถึงการกระทำต่างๆที่เธอทำกับแม่ของเธอไม่เหลงเหลือความน่ารักสดใสให้ใครได้เห็นอีกเลยแม้แต่แม่ของเธอเอง....
“หม่าม้ากลัวจะหยิบผิดสีกลัวไม่ถูกใจคิตตี้อะลูก” พรพิมลตอบลูกสาวของเธอด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“ต้องให้สอนกี่ครั้งถึงจะจำฮะ?”
“สอนอะไรไม่เคยจำน่าเบื่อ...แล้วอีกอย่างนะหม่าม้าบอกให้เรียกนัตตี้..นัตตี้ อ่ะจำได้มั้ยสมองเนี่ยเสื่อมแล้วเหรอ??”
“หม่าม้าจะจำไว้” พรพิมลรับปากลูกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เออ!..ดี!” ตั้งชื่อมาได้งัยคิตตี้?” คิตตี้สวนกลับแม่แบบทันควัน
สิ้นเสียงของลูกสาวน้ำตาของคนเป็นแม่ก็ไหลออกมาแบบไม่รู้ตัวแต่ก็ต้องคอยแอบเช็ดไม่ให้ลูกสาวเห็นเป็นแบบนี้ทุกวันกับคำด่าทอของลูกสาวตัวเอง....
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังพรพิมลรีบเช็ดน้ำตาเปิดผ้าม่านดูว่าใครมา
“ข้าวกล้องกับปลายฟ้ามาแล้วลูก” พรพิมลเรียกลูกสาว
“โอ๊ย!ช้าก็เพราะหม่าม้าเลยเนี่ย...น่าเบื่อ!!”
พรพิมลเดินไปเปิดประตูบ้านซึ่งเป็นบานกระจกใสบ้านของพรพิมลและคิตตี้เป็นทาวเฮ้าส์สองชั้นอยู่ในย่านสุขุมวิท
“สวัสดีค่ะแม่” ปลายฟ้ายกมือไหว้พรพิมล
“สวัสดีจ่ะรอแป๊ปนะคิตตี้เอ้ย!นัตตี้ใกล้เสร็จแล้วลูก” พรพิมลรีบบอก
“ไม่เป็นไรครับแม่ผมรอได้ชินแล้ว” ข้าวกล้องรีบตอบ
ปลายฟ้าข้าวกล้องและคิตตี้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะเรียนอนุบาลมาด้วยกันทั้งสามคนเรียนที่
โรงเรียนคริสตจักแถวบ้านมาตั้งแต่อนุบาลแล้วก็แยกย้ายไปเรียนประถมข้าวกล้องไปเรียนโรงเรียนชายล้วนย่านสาทรส่วนปลายฟ้ากับคิตตี้เรียนด้วยกันตั้งแต่ประถมจนจบมหาวิทยาลัย
“ไปทำงานเหรอหนูคิตตี้”เสียงป้าแมวข้างบ้านถาม
“ค่ะป้าแมววันนี้มีงานอีเว้นท์สินค้าค่ะ” คิตตี้ตอบป้าแมวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนน่าฟังจนขนลุก
เสียงปิดประตูรั้วดังรั้นสั่นสะเทือนเพราะความเก่า บ้านหลังนี้ขาดการซ่อมบำรุงมาเป็นเวลาหลายสิบปีสนิมเริ่มเกาะตามประตูเวลาเปิดปิดมักจะติดจนต้องกระแทกจนเสียงดัง!
“ลูกสาวพี่ทั้งเก่งทั้งสวย...หนูเป็นเอฟซีน้องด้วยนะ”เสียงวิสาสาวใช้บ้านตรงข้ามเดินมาเกาะประตูรั้วพูดกับพรพิมล
“จ่ะ” พรพิมลตอบแค่นั่นแล้วก็เดินเข้าบ้านไปอย่างเงียบ ๆ โดยมีเสียงนินทาตามหลังเธอมาเบา ๆ ว่า
“เลี้ยงลูกเป็นนางฟ้านางสวรรค์เลยตั้งแต่เล็กจนโตเป็นสาวฉันยังไม่เคยได้ยินแม่เขาใช้ลูกเขาทำอะไรสักอย่าง....ได้ยินแต่ลูกใช้แม่”
เสียงป้าแมวข้างบ้านพูดกับคนใช้บ้านตรงข้ามที่ชื่อวิสาซึ่งชอบเม้าท์มอยเรื่องชาวบ้านชอบไปเกาะประตูบ้านคนโน่นคนนี้คุยไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะเจ้านายไปทำงานต่างจังหวัด พอกันกับป้าแมวก็อยู่บ้านคนเดียวลูกผัวไม่อยู่ไปทำงานกันหมด
“ยังงัยอ่ะป้าแมว” วิสารีบถาม
“เอาจริงนะป้า...หนูมาอยู่นี่หนูเพิ่งเห็นหน้าลูกสาวเขาชัด ๆ ก็วันนี้แหละปกติไม่เคยเห็นลงจากรถเลย...แม่ต้องคอยเปิดปิดประตูเอารถเข้าออกอย่างกับเป็นคนใช้อย่างหนูเลยป้าว่าป่ะ?”
“เขารักลูกเขามากป้าเห็นเขาทั้งคู่มาตั้งแต่ลูกเขาเล็ก ๆ แล้ว” ป้าแมวตอบเหมือนมีอะไรปิดบังอยู่
“ไป ๆ เข้าบ้าน ” ป้าแมวไล่วิสาเข้าบ้าน
“โห!อะไรอ่ะป้ากำลังคุยสนุกเลยไล่กันเฉย” วิสาตัดพ้อ
ป๊อก ป็อก เสียงเคาะพร้อมเสียงสวดมนต์เริ่มดังขึ้นหลังเสียงนินทาที่หน้าบ้านของพรพิมลสิ้นเสียงลง
พรพิมลนั่งลงอยู่หน้าตู้ไม้เก่า ๆ ที่มีประตูแบบเปิดออกสองบานภายในจะมีกระถางธูปที่ธูปถูกจุดไว้หนึ่งดอกเทียนสีแดงอีก หนึ่งคู่ถูกจุดให้แสงสว่างตรงกลางตู้จะมีตุ๊กตาไม้แกะสลักรูปคนที่ดูยังงัยก็ไม่เหมือนคนมันเหมือนสัตว์ประหลาดอะไรสักอย่าง
ภายในใจของพรพิมลเต้นเร็วกว่าเสียงเคาะที่เธอกำลังเคาะอยู่นั่นและมีเสียงที่ดังก้องอยู่ภายหัวพูดอยู่ตลอดเวลาว่าทำไมต้องมายุ่งกับชีวิตกู....อย่ามายุ่งกับกู....ทั้งหมดเป็นเพราะมัน!!!ต้องให้กูจบเรื่องนี้จริง ๆ ใช่มั้ย?
ผลงานอื่นๆ ของ ระฆังจิ๋ว ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ระฆังจิ๋ว
ความคิดเห็น