ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [อ่านฟรีตามวันที่ระบุ] จางจิ่วหลิน หยกวิเศษพลิกชะตา

    ลำดับตอนที่ #4 : โจรขโมยไข่ไก่

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ค. 66


    ตอนที่ 4 โจรขโมยไข่ไก่

    จางจิ่วหลินถือหินนำโชคไว้ในมือด้วยความมาดมั่น ยามนี้หญิงสาวสามารถแก้ไขปัญหาความคลางแคลงใจที่น่าหลันอวี๋และจางหยุนเต๋อร์มีต่อตนเองได้แล้ว กำแพงที่ขวางกั้นเธอและครอบครัวจางพังทลายลงอย่างง่ายดาย ย่าหลานกอดกันและพูดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านมา 

    หากแต่หลังจากพูดคุยกันต่ออีกไม่กี่ประโยคหญิงชราก็บังเอิญเหลือบไปเห็นแสงแดดที่ส่องเข้ามาที่หน้าประตู ทันใดนั้นจึงนึกขึ้นได้ว่ายามนี้ใกล้จะถึงเวลาเที่ยงวันแล้ว เมื่อคิดได้น่าหลันอวี๋จึงรีบลุกขึ้นไปก่อฟืนเพื่อต้มน้ำทำอาหารเที่ยงให้ลูกชายและลูกสะใภ้ จางหยุนเต๋อร์เองก็ลุกขึ้นวิ่งตามไปช่วยทำงานอยู่ไม่ห่างราวกับเหตุการณ์เช่นนี้เขาทำมันดั่งเช่นปกติ สองย่าหลานจากไปราวกับลมพัดวูบหนึ่งทิ้งให้จางจิ่วหลินนั่งพักผ่อนอยู่บนหญ้าฟางในโถ่งกลางบ้าน

    หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบาๆ ตอนนี้ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าเธอจะสามารถพูดได้และเข้าใจเรื่องราวต่างๆขึ้นมากแล้ว แต่สมาชิกตระกูลจางก็ยังคงปฏิบัติต่อเธอเฉกเช่นตอนที่ร่างนี้ยังเป็นหญิงใบ้ปัญญาอ่อนอยู่เช่นเคย พวกเขาไม่ยอมให้เธอทำงานใดใดในบ้านแม้เธอจะยืนกรานที่จะช่วยพวกเขาก็ตามที จางจิ่วหลินหลังจากยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าห้องครัวเป็นเวลานานเธอก็ถูกย่าอวี๋พาไปนอนกลางวันในห้องนอนของครอบครัวอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ อย่าดูแคลนแรงของหญิงชราบ้านจาง แม้ภายนอกจะดูผอมแห้งแต่เรี่ยวแรงยามบีบบังคับหลานสาวให้เข้าไปงีบหลับภายในห้องนอนนั้นกลับมหาศาลนัก

    มองสภาพความเป็นอยู่รอบกาย ภายในห้องนอนแคบๆ บ้านจางนั้นมีเพียงเตียงแคบสองหลัง เห็นได้ชัดว่าเตียงหลังใหญ่เป็นของจางเหวินและนางหลีซื่อบิดามารดาของเจ้าของร่าง ส่วนเตียงที่เล็กลงมาก็เป็นของเธอและน้องชายตัวน้อย จางจิ่วหลินเลือกที่จะนั่งลงบนเตียงเล็กที่คุ้นเคย หญิงสาวค่อยๆ เอนตัวลงบนเตียงแข็งเพื่อซึมซับและคิดทบทวนบรรยากาศที่แปลกใหม่ตรงหน้า 

    ก้อนหินสีดำในมือถูกคลึงเล่นไปมาระหว่างที่เธอเริ่มใช้ความคิด  'ฉันไม่อยากกินน้ำเปล่าต้มกับธัญพืชหยาบ' กลิ่นของข้าวต้มธัญพืชลอยเข้ามาถึงในห้องนอนที่เธออยู่ หญิงสาวกุมท้องที่ว่างเปล่าเอาไว้พลางคิดถึงจำนวนน้ำที่ถูกต้มกับธัญพืชที่ถูกใส่ลงไปเพียงหนึ่งหยิบมือ

    'อย่างน้อยก็ควรจะมีไข่!' ในความทรงจำของร่างนี้ เธอรู้ว่าครอบครัวรองจางเลี้ยงไก่เอาไว้ถึง 4 ตัว ถึงแม้พวกมันจะไม่ค่อยออกไข่ให้ได้กิน แต่ในหนึ่งอาทิตย์ก็ต้องมีไข่หนึ่งฟองให้ได้เห็น จางจิ่วหลินภาวนาให้วันนี้เป็นวันที่แม่ไก่ในบ้านออกไข่มาให้เธอได้กินประทังความหิว ด้วยความมุ่งมั่นหญิงสาวไม่รอช้าสองเท้าเล็กๆ ของเธอรีบเดินฉับๆ ผ่านห้องครัวและแปลงผักไปที่เล้าไก่หลังบ้านทันที

    กะต๊ากๆ... แม่ไก่ตกใจที่เห็นมนุษย์เดินเข้ามาใกล้ พวกมันวิ่งหลบพร้อมกะพรือปีกหนีไปหลังกองฟาง

    จางจิ่วหลินกวาดสายตามองหาไข่ไก่ในเล้าอย่างมีความหวัง ทันใดนั้นเอง เสียงกุกกักบริเวณประตูรั้วหลังบ้านก็ดังขึ้น ตัวเธอเองสะดุ้งตกใจเล็กน้อยทั้งยังลืมตัวนึกว่าตนเองแอบเข้าบ้านผู้อื่นจึงต้องวิ่งไปหลบหลังกองฟางเช่นกันแต่ครู่เดียวก็ได้สติ ภาพหญิงชราผู้หนึ่งเปิดประตูรั้วหลังบ้านเข้ามาอย่างถือวิสาสะทำให้หญิงสาวพรูลมหายใจออกมาอย่างโกรธแค้น เธอจำยายแก่ผู้นี้ได้! สตรีหน้าหนาผู้นี้คือย่าใหญ่ของเจ้าของร่าง! นางคือลั่วเหม่ยเมียคนแรกของปู่จาง...

    นางลั่วถือตะกร้าใบเล็กไว้ในมือ สายตาสอดส่องไปในเล้าไก่อย่างอารมณ์ดี พอเห็นเป้าหมายที่ต้องการนางจึงหันซ้ายแลขวาก่อนจะมุดเข้าเล้าไก่ของบ้านรองจางอย่างรวดเร็วและช่ำชอง ภาพการคุ้ยเขี่ยเศษกองฟางด้วยมือเหี่ยวๆ นั้นอยู่ในสายตาของจางจิ่วหลินทั้งหมด แม่ไก่ที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีกางปีกบินพรึ่บพรับวิ่งหนีนางลั่วกันไปตัวละทิศละทาง เพียงไม่กี่นาทีหญิงชราแซ่ลั่วก็ลุกยืนพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม มองๆ ดูแล้วนางมีไข่ไก่อยู่ในตะกร้ามากกว่า 3 ฟอง! หญิงชราวาดฝันว่าคืนนี้เสี่ยวเสียนหลานชายตัวน้อยของนางจะต้องได้กินไข่ต้มน้ำตาลหอมๆ ก่อนนอน

    จางจิ่วหลินกลอกตามองหญิงแก่ตรงหน้า 'หน็อย... นี่สินะเหตุผลที่ทำให้พวกเธอมีไข่ไก่กินกันแค่อาทิตย์ละ 1 ฟอง ที่แท้มันมีที่มาเช่นนี้นี่เอง' คิดแล้วก็โมโห เธอไม่สามารถระงับอารมณ์โกรธเอาไว้ได้ ยิ่งเมื่อเห็นนางลั่วกำลังจะมุดเล้าไก่ออกไป หญิงสาวตัดสินใจลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง "ย่าใหญ่!! ท่านกำลังทำสิ่งใด? ที่นี่ไม่ใช่บ้านของท่าน เหตุใดจึงมาหยิบเอาไข่ไก่ของบ้านคนอื่นไปเสียดื้อๆ เล่า?" เสียงที่เธอเปล่งออกมาดังพอที่จะทำให้จางหยุนเต๋อร์ที่ถูกย่าอวี๋ใช้ให้มาตามดูแลเธอได้ยินเข้าพอดี 

    เด็กชายได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งถือกระบุงที่เต็มไปด้วยวัชพืชตรงเข้ามายืนกั้นระหว่างเธอและนางลั่วเอาไว้ สายตาของเด็กชายตัวน้อยหยุดอยู่ที่ตะกร้าใบเล็กในมือหญิงชรา จางหยุนเต๋อร์กรีดร้อง "ย่าใหญ่! ท่านแอบย่องเข้ามาในบ้านของพวกเราอีกแล้ว เมื่อไม่นานมานี้... ครั้งล่าสุดท่านก็เอาแม่ไก่ของเราไป ครั้งนี้ยังจะมาเอาไข่ไก่ไปอีก ท่านย่า! หากท่านยังเป็นคนแก่นิสัยไม่ดีเช่นนี้ ระ..วัง ...ระวังจะถูกชาวบ้านรอบข้างนินทาเอาได้!" พูดจบเด็กชายก็คว้าตะกร้าใบเล็กในมือของนางลั่วเอาไว้แน่น ครั้งนี้ดูเหมือนจางหยุนเต๋อร์จะไม่ยอมให้ตนและครอบครัวถูกเอาเปรียบอีกต่อไป

    จางจิ่วหลินเมื่อเห็นน้องชายสู้เพื่อไข่ไก่ เธอเองก็ไม่อยู่เฉย อาศัยจังหวะที่ย่าลั่วยื้อยุดตะกร้ากับน้องชายตัวน้อยคว้าเอาไข่ในนั้นไปทั้งหมดแล้ววิ่งกลับเข้าบ้านทันที หญิงสาวมองหาที่ซ่อนในครัวแคบๆ ก่อนจะพบว่าต่อให้ซ่อนเพียงใดหากหญิงชราหน้าด้านต้องการ นางก็จะเข้ามาแย่งไปอยู่ดี ดังนั้นจึงตัดสินใจเดินไปที่หม้อต้มน้ำข้าวของย่าอวี๋แล้วกล่าว "ท่านย่าไก่ที่บ้านเราออกไข่มากถึงสามฟอง วันนี้เป็นวันดีไหนๆ ข้าก็เปล่งเสียงพูดออกมาได้แล้ว เช่นนั้นเราก็มาต้มไข่เพื่อฉลองกันเถอะ" ไม่พูดเปล่า หญิงสาวตอกไข่ที่แย่งมาสดๆ ร้อนๆ ลงในหม้อต้มทันที

    น่าหลันอวี๋อ้าปากค้างมองไก่ไข่ที่ราคาหลายอีแปะถูกตอกลงหม้อรวดเดียวสามฟองก็ได้แต่กลืนน้ำลายดัง เอื้อก! ครั้นจะคว้ามือยั้งหลานสาวคนโตไว้ก็ไม่สามารถทำได้ทัน ทำได้แค่เพียงรีบปิดฝาหม้อไม่ให้น้ำกระเด็นออกมาให้เสียของ

    เวลาเดียวกันนั้นนางลั่ววิ่งตามมาติดๆ จนถึงทางเข้าห้องครัวพยายามจะบุกไปตักเอาไข่ออกจากหม้อต้ม ย่าอวี๋ตกใจรีบยืนขวางเอาไว้ทันที

    "นังเมียน้อย เสนอหน้ามาขวางทำไมหลีกทางไปเดี๋ยวนี้ โอ๊ย! ไข่ของหลานข้า ขวางทำไมหลบไป ข้าจะดีนังเด็กใบ้นี่ให้ตาย กล้าดีอย่างไรมาขโมยไข่ไก่ไปจากมือข้า เนรคุณ หมาป่าตาขาว! รู้อย่างนี้ข้าขายแกให้ชายชราขาเป๋หมู่บ้านข้างๆ ราคาถูกๆ เสียยังดีกว่า ไม่น่าปล่อยให้แกโตขึ้นมาเป็นเสี้ยนหนามชีวิตของข้าเลย!" หญิงชราตะโกนด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ ไข่สามฟองนางสามารถเก็บไว้ต้มได้ตั้งสามวัน!

    จางจิ่วหลินได้ยินเรื่องที่หญิงแก่นี่ตั้งใจจะขายตนให้ผู้อื่นก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอีกครั้งจนหน้าร้อนเป็นไฟ ความทรงจำในหัวของเธอนั้นบอกว่าเจ้าของร่างคุ้นเคยกับหญิงชราผู้นี้เป็นอย่างดี เพราะตอนที่ตนมีอายุเพียง 5-6 ขวบด้วยหน้าตาที่งดงามและละม้ายคล้ายคลึงกับย่าอวี๋ เด็กสาวก็เกือบจะถูกจับไปขายเป็นคนใช้ของเศรษฐีในเมืองอยู่สองถึงสามครั้ง ยังดีที่เรื่องราวความอัปมงคลและความพิการเป็นใบ้นั้นแดงขึ้นเสียก่อน พ่อบ้านในจวนพวกนั้นจึงหมางเมินเธอ แม้กระทั่งนายหน้าค้าทาสเองก็กดราคาเสียจนไม่คุ้มค่าที่จะขายเธอออกไป

    10 อีแปะ... ราคานี้ยังซื้อซาลาเปาไส้หมูดีๆ สักลูกไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นี่มันดูถูกกันชัดๆ...

    ในระหว่างที่ย่าอวี๋ยังคงกันท่าหญิงชราแซ่ลั่วเอาไว้ จางจิ่วหลินก็อาศัยจังหวะนี้ใช้กระบวยทรงกลมที่วางอยู่ไม่ไกลลงไปคนและตีไข่ไก่ในหม้อทั้งหมดให้แตกออกจากกัน พวกมันผสมเข้าเป็นน้ำเดียวกับข้าวต้มธัญพืช ไข่ก็แตกไปแล้วหากนางลั่วยังคงต้องการมาแย่งของจากครอบครัวเธอไปอีก หญิงชราก็คงต้องยกหม้อที่เต็มไปด้วยน้ำนี่ไปด้วยตัวเองแล้วล่ะ เมื่อคิดถึงร่างกายที่แก่ชราแต่ใบหน้ายังคงหนาของสตรีตรงหน้า จางจิ่วหลินก็เผลอหัวเราะออกมาเบาๆ

    นางลั่วที่จ้องมองไข่ในหม้อไม่วางตา เห็นดังนั้นก็กรีดร้องออกมาเสียงดัง "นังเด็กใบ้ เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร! นั่นมันเงินตั้งหลายอีแปะนะที่แกเอาไปละลายในหม้อต้มน้ำ!" พูดไปก็หอบไป หญิงชราแซ่ลั่วไม่ยอมแพ้ ระหว่างที่พูดนางก็กวาดตามองหาถ้วยชามภายในห้องครัวไปด้วย อย่างไรก็ต้องตักไข่ที่ชิ้นใหญ่ที่สุดไปให้หลานชายของนางให้จงได้ แม้จะหอบเหนื่อยจากการวิ่งตามเด็กใบ้มาที่นี่ นางก็ยังคงคิดถึงหลานชายตัวน้อยของตนเองเสมอ

    "คำก็เนรคุณ สองคำก็เด็กใบ้... ข้าพูดออกมาตั้งหลายประโยค ย่าใหญ่ก็ยังคงไม่สนใจ เห็นทีหลานสาวเช่นข้าคงจะไม่สำคัญเท่าเศษไข่ในหม้อต้มน้ำนี่กระมัง!" นางลั่วหยุดดิ้นรนทันทีที่ได้ยินเสียงของจางจิ่วหลินอย่างชัดเจนอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจนางรีบหันขวับไปมองหน้าเด็กใบ้ให้ชัดๆ เมื่อพบว่าเสียงที่เป่งออกมานั้นมาจากหลานสาวตรงหน้าจริงๆ นางลั่วก็ตกใจจนปากสั่น "กะ แก.. พูดได้! ตัวอัปมงคลพูดได้..." หญิงชรายกมือขึ้นกุมหน้าอก

    เรื่องราวเช่นนี้น่าตกใจเสียยิ่งกว่าทหารบุกเข้าหมู่บ้านมาเกณฑ์บุรุษในบ้านตนเสียอีก ลมหายใจของหญิงชราหน้าหนาติดขัด จางจิ่วหลินมองแล้วก็เดาว่านางลั่วคงกำลังจะเป็นโรคที่เรียกว่า 'ความดันขึ้น' เวลาผ่านไปไม่นานทั้งยังไม่ทันได้ฟังจางจิ่วหลินพูดอีกสองสามประโยคนางลั่วก็ชิงตาเหลือกแล้วเป็นลมลงไปเสียก่อน...

    จางจิ่วหลิน จิ๊ ปากเสียงเบา เมื่อเห็นว่าย่าอวี๋กำลังมองเธอด้วยสายตาตำหนิ หญิงสาวก็รีบกล่าวความอัดอั้นตันใจของตนเองออกมาทันที "ท่านย่า... นางเรียกค่าว่าเด็กใบ้ นอกจากนั้นนางยังตั้งใจมาขโมยไข่ไก่ที่บ้านพวกเราอีก ทำไมเราต้องยอมให้นางรังแก นางไม่ได้ให้เงินอีแปะเรากินข้าวเสียหน่อย มีเพียงครอบครัวเราที่ทำงาน ลุงใหญ่ ลุงรอง กับน้าเล็ก ไม่มีใครได้เรื่องสักคน ย่า... ข้าอยากแยกบ้าน!" กล่าวจบ ย่าอวี๋ก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที

    หญิงชราคิดตามคำพูดของหลานสาวอย่างหนักแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดเปลี่ยนเรื่อง...

    ในเวลาเที่ยงของวันเดียวกัน หลังจากหลีซื่อซีกลับมาน่าหลันอวี๋ก็สั่งให้สมาชิกทุกคนในบ้านช่วยกันช้อนตัวนางลั่วไปส่งที่หน้าประตูบ้านใหญ่ตระกูลจาง จางจิ่วหลินแม้จะไม่เข้าใจเหตุผลของผู้เป็นย่าแต่เธอก็ทำตามคำสั่งของหญิงชราอย่างดี วันนี้สมาชิกทุกคนในครอบครัวได้กินไข่กันถ้วนหน้า บุคคลที่มีความสุขมากที่สุดเห็นจะเป็น จางหยุนเต๋อร์ เด็กชายตัวน้อยที่ผ่านมาแล้วสี่ปีกลับเคยกินไข่ไก่เพียงแค่ไม่กี่สิบครั้งเท่านั้นตั้งแต่เกิดมา ซดน้ำซุปไข่เสียจนเกลี้ยงหม้อ

    จางจิ่วหลินแทบจะกลั้นน้ำตาของเธอเอาไว้ไม่อยู่ ไข่ไก่ในยุคของเธอสามารถซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป มันไม่ได้หายากถึงขนาดที่ต้องมีวันสำคัญเท่านั้นถึงจะได้กินมันสักฟองหนึ่ง ยามเมื่อเห็นคนในบ้านค่อยๆ ซดน้ำซุปเพื่อชิมรสชาติจางๆ ของไข่อย่างมีความสุข เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ได้การเสียแล้ว...

    ในเมื่อเธอมีความรู้มากมาย เธอจะต้องหาเนื้อมาให้พวกเขากินให้ได้เลยคอยดู!!


    ฝากกดหัวใจดวงน้อยๆให้เป็นกำลังใจเล็กๆให้ไรท์ขยันลงนิยายหน่อยนะคะ

    ขอบคุณมากๆที่ติดตามค่ะ! ฝากเพจ Facebook ไว้พูดคุยกันด้วยนะคะ 

    เพจ ซองแดงหนึ่งร้อยหยวน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×