ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [อ่านฟรีตามวันที่ระบุ] จางจิ่วหลิน หยกวิเศษพลิกชะตา

    ลำดับตอนที่ #1 : นางจิ้งจอกขี้ขโมย

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 66


    ตอนที่ 1 นางจิ้งจอกขี้ขโมย

    ในป่าลึกอันเงียบสงบ

    ร่างจำแลงของหญิงสาวหน้าตางดงามดั่งนางสวรรค์นั่งขัดสมาธิอยู่ภายในกระท่อมน้อยที่ตั้งอยู่อย่างเดียวดายกลางหุบเขา มนุษย์ธรรมดากล่าวได้ว่ายากจะเข้าถึง ทำให้มีบรรยากาศที่วังเวงเงียบเหงานะชวนขนลุก

    มองไกลออกไปจากตัวกระท่อม หมอกหนาลอยบดบังช่องทางเข้าเอาไว้ดั่งมีพลังงานบางอย่างจงใจซุกซ่อนสถานที่แห่งนี้โดยตั้งใจ สัตว์ต่างๆ ไม่อาจย่างกรายเข้าใกล้ เสียงลมหวีดหวิวและไม้เสียดสีกันดังขึ้นเป็นระยะๆ ฟังดูชวนให้อกสั่นขวัญผวา

    ตรงกันข้ามกับภายในกระท่อมมากนัก

    เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ ในเมื่อภายนอกเงียบเชียบจนได้ยินเพียงเสียงลมและไม้กระทบกันเบาๆ เท่านั้น แต่ภายในที่ควรจะเงียบสงบยิ่งกว่ากลับเกิดปรากฏการธรรมชาติมีอากาศที่ผันผวนขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ พายุฟ้าฝนโหมกระหน่ำ สายลมร้อนและเย็นตีเข้ากับสิ่งของภายในกระท่อมจนเละเทะ

    มีเพียงร่างกายของหญิงสาวกึ่งสัตว์ป่ามีหูผู้หนึ่งนั่งนิ่งเดียวดายคล้ายไม่รับรู้ความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นรอบตัวเลยแม้แต่น้อย

    เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่มีใครทราบ เหงื่อที่ไหลหยดทำให้ใบหน้างดงามยิ่งดูน่าทะนุถนอม คิ้วของนางขมวดติดกันแน่น ลมหายใจหอบถี่ ในที่สุดนางจิ้งจอกไป่เสวี่ยก็ไม่สามารถทนความปั่นป่วนภายในได้ไหวกระอักเลือดออกมาคำใหญ่

    กองเลือดสีแดงสดเปรอะเปื้อนไปตามร่างกายมองดูน่าสยดสยอง ฉับพลันมือเรียวที่วางอยู่บนหน้าขากลับแข็งเกร็ง ความเจ็บปวดไม่ทราบที่มาแล่นไปทั่วร่างตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เลือดในร่างกายที่เหลืออยู่ไม่มากนักเดือดพล่านอีกครั้ง ทั้งลมหายใจยังติดขัดคล้ายคนใกล้ตาย

    จังหวะเดียวกันเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสวรรค์อยู่แค่เอื้อม ด้วยความตั้งมั่นนางจิ้งจอกสาวสงบจิตใจรวบรวมลมปราณเพื่อฝ่าด่านเคราะห์สุดท้ายของตนอย่างสุดความสามารถ เห็นความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม จิตใต้สำนึกโลดแล่นดีใจ

    หลังจากผ่านมาสองพันปีในที่สุดนางก็จะได้บรรลุเซียนขึ้นไปประจำอยู่บนสวรรค์แล้ว ไป่เสวี่ยกัดฟันผ่านความเจ็บปวด เมื่อใกล้ถึงด่านสุดท้าย พายุสายฟ้ากระหน่ำฟาดลงบนร่างอันเพรียวบางหลายต่อหลายครั้ง หางทั้งเก้าของนางจิ้งจอกส่ายสะบัดไปมา ตูม! ตูม! ตูม! ความเจ็บปวดมากมายยากจะอธิบายเป็นคำพูดแล่นปราดเดียวไปถึงแก่นพลัง

    สายฟ้าฟาดลงครั้งแล้วครั้งเล่า

    นางจิ้งจอกกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ‘หากนานไปกว่านี้ นางก็จะทนไม่ไหวแล้ว’ คิดได้ดังนั้นไป่เสวี่ยก็รีบควบคุมลมหายใจพร้อมทั้งพยายามดึงพลังทั้งหมดจากหยกก้อนน้อยที่ห้อยอยู่บนคอออกมาเติมเต็มพลังช่วยเหลือตนเอง...

    ตูม! เสียงฟ้าผ่าครั้งสุดท้ายดังขึ้น นางกลั้นใจรับความเจ็บปวดอีกครั้งก่อนจะล้มตึงหมดสติลงไปที่พื้นทันที

    หลังจากนั้นคล้ายเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน แต่ความเป็นจริงกลับล่วงเลยผ่านมาแล้วหลายร้อยปีแล้ว

    พายุฝนฟ้าสงบลงราวกับไม่เคยสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน กระท่อมน้อยเองก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่พยายามยื้อชีวิตของนางจิ้งจอกก็พลันขาดช่วง ดวงตาหดเกร็งอย่างไม่ยินยอม เสี้ยวจิตของได้นางรับรู้แล้วว่าโซ่ตรวนที่เคยดึงรั้งนางและโลกเอาไว้ได้ขาดสะบั้นลงไปแล้ว ความคิดแรกโผล่ขึ้นมาในจิตใจ ‘ข้าฝ่าด่านเคราะห์ไม่สำเร็จหรือนี่?’

    พลังเซียนที่พอจะเหลืออยู่นำพาให้วิญญาณของนางหลุดลอยออกจากกายเนื้อ หลังจากวิญญาณหญิงสาวหลุดออกจากร่าง หยกวิเศษสีอำพันที่ถูกห้อยไว้บนคอระหงกลับร่วงหล่นลงบนพื้นแล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

    ในเมื่อเจ้านายหมดอายุขัยในโลกมนุษย์แล้วพลังหล่อเลี้ยงที่มีก็หมดสิ้นไป รอยร้าวบนหินเผยให้เห็นหยกสีเขียวอมขาวเนื้อมันแพะรูปร่างคล้ายดอกไม้ดอกหนึ่งบานอยู่ภายใน ระหว่างที่มันกลิ้งไปมาบนพื้นจากแรงกระแทกมันก็ค่อยๆ กะเทาะเปลือกออกมา

    ...ราวกับว่าดอกไม้วิเศษนี้รอเวลาที่จะเบ่งบานมาโดยตลอด แสงสว่างส่องประกายออกมาจากหยกชิ้นน้อยไม่ขาดกระตุ้นความสนใจดวงวิญญาณร้ายที่จ้องมองอยู่ด้วยความเคียดแค้น

    วิญญาณจิ้งจอกสาว เหยียดยิ้มมองหยกน้อยบนพื้น ‘หึ…’ นางเพียรพยายามหล่อเลี้ยงเจ้าหยกน้อยก้อนนี้แทบตาย จนช่วงสุดท้ายของชีวิตก็ยังไม่สามารถทำให้มันเผยรูปร่างที่แท้จริงออกมาได้ น่าขันสิ้นดีที่ตอนนี้นางไม่สามารถสำเร็จเป็นเซียนได้แล้ว หยกดำที่คอยดูดพลังของนางมาโดยตลอดกลับกะเทาะเปลือกตนเองออกมาเย้ยหยันเจ้านาย!

    จิ้งจอกสาวเก้าหาง ระหว่างที่ครุ่นคิดอย่างหนักว่าตนจะออกจากหุบเขานี้ไปอาศัยร่างมนุษย์ฝึกตนอีกครั้งได้อย่างไร พลังวิญญาณที่เหลืออยู่น้อยนิดของนางก็เริ่มสั่นไหวราวกับสายพิณที่ถูกดีดอย่างรุนแรง ความหวาดกลัวเผยออกมาจากดวงตาคู่งาม นางรู้สึกคล้ายมีมือมืดมือหนึ่งมาฉุดรั้งร่างวิญญาณของนางไว้ ดวงตาของนางอดไม่ได้ที่จะมองไปที่หยกวิเศษบนพื้นก้อนนั้น 

    ไป่เสวี่ยโอดครวญออกมาอย่างน่าสงสาร ‘ปล่อยข้าไปเถิด อย่างน้อยหากข้าหาร่างดีๆ สิงสู่ได้ก็อาจจะกลับขึ้นมาผงาดอีกครั้ง ถึงวันนั้นเจ้าอยากได้พลังเซียนเท่าไหร่ก็สามารถสูบไปจากข้าได้ ไว้ชีวิตข้าเถิด’ วิญญาณจิ้งจอกตะเกียดตะกายพยายามหลบหนี แต่หยกน้อยบนพื้นไม่ยอมให้นางทำเช่นนั้น มันเริ่มที่จะดูดพลังที่เหลืออยู่อย่างน้อยนิดของนางจิ้งจอกครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างตะกละตะกราม

    หยกวิเศษพึ่งจะผลิบานออกดอกมาให้ยลโฉมก็ตั้งใจจะกลืนกินวิญญาณนาง…

    ‘เรื่องตลกอันใดกันนี่? หรือเป็นเพราะนางช่วงชิงมันมาจากผู้อื่นเมื่อชาติปางก่อน ผลกรรมตามทันอย่างนั้นรึ?’ วิญญาณจิ้งจอกเอ่ยคำออกมาเบาบาง แม้ไม่มีเสียงแต่กลับอ่านปากได้ใจความตัดพ้อว่า “เป็นข้าที่พรากโชคชะตาผู้อื่นมาสินะ ในเมื่อวันนี้ข้าไม่สามารถสำเร็จได้ดังใจหวังแล้ว น่าตายนัก เช่นนั้นนางฟ้าน้อยนั่นก็อย่าหวังจะได้พลังเซียนที่นางกักเก็บมาตลอดหลายพันปีเลย!”

    วิญญาณจิ้งจอกดิ้นรนส่งพลังเฮือกสุดท้ายเพื่อทำลายหยกวิเศษบนพื้น

    แครก! เสียงหินแตกออกจากกันเป็นสองเสี่ยง ไป่เสวี่ยมองเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นก็อยากจะกระอักเลือดระบายความอัดอั้นตันใจ เพราะการดิ้นรนของนางนอกจากจะไม่ได้ทำลายแล้วยังเป็นการส่งพลังอันน้อยนิดเข้าไปช่วยทำให้เปลือกหินที่คลุมอยู่หลุดลอกออกมาอีกด้วย

    วิญญาณจิ้งจอกไม่ยอมแพ้ นางต้องการสำเร็จเป็นเซียน เวลาที่ผ่านมาหลายพันปีจะต้องไม่เสียเปล่า ไป่เสวี่ยตะเกียกตะกายหนีพลังดูดกลืนลึกลับจากหยกวิเศษ แสงสว่างจากร่างของนางจิ้งจอกลอยวนเวียนขึ้นไปในอากาศ แสงสีขาวที่สว่างไสวภายในกระท่อมค่อยๆ รวมตัวเป็นกลุ่มก้อน ก่อนที่มันจะถูกดูดกลืนโดยเจ้าหยกน้อยที่ตกอยู่ข้างร่างกายจิ้งจอกเก้าหางที่ไร้วิญญาณ

    ภาพของวิญญาณจิ้งจอกสาวค่อยๆ พร่าเลือนหายไป...

    ร่างกายที่เคยนอนไร้ลมหายใจบนเตียงค่อยๆ สลายกลายเป็นผุยผง กระท่อมน้อยพังครืนลงมาเหลือแต่ซากปรักหักพัง สายลมจากที่ลึกลับพัดพานำความทรงจำหายไปในอากาศเหลือเพียงพื้นที่ว่างเปล่าไร้วี่แววสิ่งมีชีวิตพันปี

    ที่แห่งนี้กลับกลายเป็นป่ารกทึบดังเดิม สัตว์น้อยใหญ่ต่างส่งเสียงร้องแสดงความยินดีที่นางจิ้งจอกจากไป ต้นไม้ขยับซ้ายขวาคล้ายการเต้นรำแสดงความดีใจเนื่องจากพลังงานบางส่วนที่หลุดรอดออกมาได้ถูกพวกมันดูดซึมไปพัฒนาเส้นปราณชีวิต

    จะว่าไปภายในป่านั้นคึกคัก… แต่เมื่อมองออกไปภายนอกป่าลึกลับกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พวกมนุษย์ภายนอกยังคงไม่ได้รับรู้เลยว่าชั่วขณะหนึ่งได้มีปีศาจจิ้งจอกสาวถูกทัณฑ์สวรรค์จนร่างกายแหลกเหลวไปเสียแล้ว

     

    ย้อนกลับไปเหตุการณ์ก่อนหน้า

    "นางฟ้า เฝ้าสวนสมุนไพรของเจ้าแม่หนี่วานามว่า จิ่วหลิน เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าตนเองมีความผิดโทษฐานไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ เป็นเหตุให้หยกวิเศษประจำตำหนักชั้นฟ้าสูญหายไม่อาจทวงคืน" อวี้หวงต้าตี้หรือเง็กเซียนฮ่องเต้กล่าวเสียงดังราวกับฟ้าฟาดด้วยอารมณ์คุกรุ่น...

    จิ่วหลินนางฟ้าตัวน้อยนั่งคุกเข่าตัวสั่นงันงกอยู่บนพื้นหยกของหอประหารเซียน นางไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากตอบผู้ปกครองสูงสุดอีกทั้งน้ำตาที่ไหลพรากมิได้ทำให้เทพองค์ใดสงสาร เจ้าแม่หนี่วาแอบมองนางฟ้าในตำหนักของนางก็ได้แต่ส่ายศีรษะไปมาอย่างช่วยไม่ได้

    'ครานี้จิ่วเอ๋อร์ผิดจริง' หยกวิเศษหายไปมีเทพเซียนหลายองค์ได้รับความเสียหาย ครั้นจะออกตัวช่วยอย่างที่เคยเป็นมาก็เกรงว่าจะโดนลูกหลงความพิโรจน์ขององค์เง็กเซียน เห็นคนในอาณัติถูกทำโทษรุนแรง เจ้าแม่หนี่วาจึงหลุบตาต่ำลงไม่อาจจ้องมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าได้อีกต่อไป

    "ไม่ตอบข้าจะถือว่าเจ้ารู้ตนเองดีแล้ว... เช่นนั้นก็ตามนี้ จิ่วหลินนางฟ้าผู้ดูแลมิติสวนสมุนไพรวิเศษ มีความผิดโทษฐานละเลยหน้าที่เป็นเหตุให้พืชพรรณวิญญาณสูญหาย ลงโทษกระโดดหอประหารเซียนเวียนว่ายตายเกิดบนโลกมนุษย์จนกว่าจะหาหยกวิเศษพบและนำมาคืนสวรรค์ เลิกศาล!" เทพสูงสุดกล่าวจบแล้วก็สะบัดมือลวกๆ ครั้งหนึ่ง

    สิ้นเสียงตัดสินนางฟ้าตัวน้อยก็ถูกลากออกไปจากลานหยกทันที จิ่วหลินร่ำไห้เสียงดังปานจะขาดใจ นางไม่ยินยอมด้วยตนเองพึ่งจะบำเพ็ญเซียนขึ้นมาเป็นนางฟ้าได้ไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น ไหนเลยจะคาดคิดว่าทำผิดเพียงครั้งเดียวก็ต้องถูกสั่งลงโทษให้กลับไปเป็นมนุษย์เสียแล้ว!

    เป็นความจริงที่นางฟ้าตัวน้อยมิเคยมีความคิดแค้นต่อใคร ในทุกๆ วันนางทำเพียงแค่ใช้ชีวิตดูแลสวนสมุนไพรตามหน้าที่ที่ได้รับเท่านั้นเป็นไป่เสวี่ย! นางจิ้งจอกปีศาจตนนั้นที่แปรงกายเป็นเทพสาวมาหลอกให้นางมอบหยกวิเศษให้...

    ด้วยความคับข้องใจจิตสุดท้ายของนางฟ้าตัวน้อยแห่งสวนสมุนไพรจึงส่งไปถึงหยกวิเศษในมือของนางจิ้งจอก ไหนๆ ก็จะถูกริบพลังเซียนแล้วนางจึงกลั่นเอาพลังทั้งหมดของตนเองออกมาจนหยดสุดท้าย ก่อนจะส่งมันไปยังที่ที่ไม่รู้จักเพื่อป้องกันมิให้นางจิ้งจอกผู้นั้นนำสมุนไพรวิญญาณในหยกออกไปใช้ได้อย่างสบายใจ

    ฉับพลัน คล้ายหยกวิเศษเองก็กำลังตามหานางฟ้าน้อย เมื่อพลังทั้งสองพบเจอกันครึ่งทาง หยกเนื้อดีพลันเกิดศิลาดำห่อหุ้มขึ้นมาทันทีทันใด เห็นดังนั้นจิ้งจอกเก้าหางไป่เสวี่ยกรีดร้องในใจว่าแย่แล้ว!! มือเรียวที่เต็มด้วยเล็บอันแหลมคมรีบกวาดเอาสมุนไพรมากมายภายในมิติสวรรค์ถูกออกมาก่อนที่ประตูมิติในหยกจะปิดตายลงตรงหน้า

    กาลเวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตา

    นางจิ้งจอกปาดเหงื่อที่ไหลโชกก่อนจะหลุบตามองสมุนไพรวิญญาณมากมายตรงหน้าอย่างเคียดแค้น 'จิ่วหลินนังตัวดี! นางทำเช่นนี้ระยะเวลาการสำเร็จเป็นเซียนของข้าจักต้องยืดออกไปอีกเป็นพันปีแน่!' สบถได้ไม่กี่คำก็รีบหอบเอาสมุนไพรมากมายวิ่งหนีหาที่ซ่อนตัวจากเหล่าเทพชั้นสูงที่กำลังตามล่านาง

    ...จนกระทั่งพบหุบเหวลึกที่เหมาะสม ไป่เสวี่ยมองภาพตนเองที่สะบักสะบอมบนผิวน้ำ ก่อนจะเหยียดยิ้มเก็บตัวปิดตาย ณ กระท่อมร้างหลังหนึ่ง ทั้งนี้นางไม่ลืมที่จะกางม่านพลังบังตาเพื่อฝึกวิชาต่อไปอีกพันปีโดยอาศัยสมุนไพรวิญาณแค่เพียงหยิบมือด้วยความเคียดแค้น

    เสียงลมหวีดหวิวอยู่ข้างหู

    นางฟ้าตัวน้อยร่วงหล่นทะลุผ่านชั้นเมฆไปเกิดบนโลกมนุษย์ จิ่วหลินเกิดและตายครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่มีสิ้นสุด จนกระทั่งวันนั้นมาถึง... วันที่มีเสียงเล็กๆ เรียกนางจากอีกภพชาติ 'นางฟ้าน้อย ข้าเอง... นางฟ้าน้อย...'

    หญิงสาวนอนครึ่งเป็นครึ่งตายบนเตียงในโรงพยาบาล สิ้นเสียงปริศนาที่กำลังเรียกเธออยู่ ทันใดนั้นเองวิญญาณของเด็กสาวแซ่จางนามว่าจิ่วหลิน สตรีขี้โรคศตวรรษที่ยี่สิบก็ถูกดึงออกมาจากกายเนื้อที่นอนนิ่งเป็นผักมาร่วมสิบปี

    เสียงเครื่องวัดสัญญาณหัวใจดังยาวต่อเนื่อง ตื้ดดดดดดดดดด สัญญาณที่ถูกส่งออกมาบ่งบอกว่าร่างเล็กบนเตียงผู้ป่วยนั้นได้จากไปเสียแล้ว…

    จางจิ่วหลินในระหว่างที่กำลังมึนงง หญิงสาวกลับได้ยินเสียงกระซิบนั่นอีกครั้ง 'นางฟ้าน้อยในที่สุดข้าก็พบวิญญาณของเจ้าเสียที มาเถอะ มาใช้ชีวิตชาติสุดท้ายอย่างมีความสุขก่อนจะกลับสวรรค์กัน' สิ้นเสียงปริศนา วิญญาณของหญิงสาวที่ล่องลอยในอากาศอยู่นานปรากฏภาพฉากต่าง ๆ ของแต่ละยุคสมัยลอยผ่านหน้าของเธอไปราวกับว่าเธอกำลังดูภาพยนตร์อยู่อย่างไรอย่างนั้น

    พรึ่บ...

    จางจิ่วหลินในปี ค.ศ. 2000 ได้ตายไปเสียแล้ว กว่าจะรู้ตัว... ฟื้นขึ้นมาอีกทีเธอก็ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงใบ้ปัญญาอ่อนผู้หนึ่งในยุคจีนโบราณ!! นี่มันอะไรกัน? บ้านก็ จน ย่าก็เป็นเมียน้อยของผู้อื่น? แล้วอย่างนี้เธอจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ยังไง? ไหนจะเสียงกระซิบนั่นอีกมันคงไม่ได้หลอกดวงวิญญาณของเธอมาใช่ไหม?

    คิดแล้วก็ตั้งสติมองเด็กชายตัวน้อยตรงหน้า เจ้ากุ้งตากแห้งนี่ อย่าบอกนะว่าเป็นลูกของเธอ!!


    ฝากติดตามนักเขียนตัวเล็กๆ อย่าง “ซองแดงหนึ่งร้อยหยวน” ด้วยนะคะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×