ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิค[Bungou Stray Dogs]ความรักที่ไม่สมหวัง(ดาไซxOc)

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่11 จบศึกและวันพักผ่อน(ที่ไม่ได้พักของคาเรียน่า)(1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 329
      12
      17 ต.ค. 64

    คาเรียน่า บรรยาย



    "เหรอเป็นอย่างนี้นี่เองเสียใจด้วยนะเรื่องคุณแม่ที่ป่วยน่ะ"



    'ไม่เป็นไรหรอกค่ะฉันเชื่อว่าคุณแม่จะหายดีค่ะแล้วก็กลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้งหนึ่งค่ะ'



    ตอนนี้ฉันกับเอริก้าก็เปลี่ยนมานั่งคุยกันภายในห้องทำงานของฟรานซิสหลังจากที่พวกนั้นออกไปสู้กันที่ชั้นบนสุดชีวิตของเด็กคนนี้ดีมากเลยล่ะ คุณพ่อ คุณแม่ แล้วก็ เอริก้า อยู่กันพร้อมหน้าตลอดแถมกิลด์เมื่อก่อนยังคอยช่วยเหลือผู้คนอีกด้วย (อันนี้ไรท์ไม่รู้ว่าจริงมั้ยแต่เดาเอาค่ะ//ไรท์)มันทำให้นึกถึงท่านแม่ขึ้นมาเลยล่ะ



    ตูม~!!!



    "คงจบแล้วล่ะขึ้นไปกันเถอะ"



    ฉันบอกพร้อมกับจับมือของเอริก้าแล้วพาวาร์ปขึ้นมาทันทีก่อนจะเห็นร่างของฟรานซิสค่อยๆร่วงลงจากวาฬเผือก หรือที่เรียกอีกชื่อว่าโมบี้ดิคทำให้วิณญาณสาวที่อยู่ข้างฉันกรีดร้องทันที



    'คุณคาเรย์ได้โปรดช่วยคุณพ่อไว้ด้วยค่ะ!'



    ฉันพยักหน้ารับก่อนจะพุ่งเข้าไปคว้าข้อมือของร่างสูงไว้แล้วก็ดึงขึ้นมาทำให้เจ้าตัวกับอีกสองคนพากันสงสัยและตกใจแต่ฉันก็พูดกับฟรานซิสว่า



    "ที่ฉันช่วยเพราะลูกสาวของคุณขอร้องหรอกนะถ้าตามปกติฉันคงไม่สนใจด้วยซ้ำ"



    "!!!"



    ฉันไม่สนใจสีหน้าตกใจก่อนจะปล่อยข้อมือทำให้เขาทรุดลงไปนั่งเพราะหมดแรงที่พอดูได้คงมีแต่อาคุตากาวะล่ะนะ



    "...ทำไมเธอถึงรู้ว่าฉันมีลูกสาว?...ทั้งๆที่เธอไม่ได้อยู่บนนี้ก่อนหน้านั้นแท้ๆ"



    "เพราะคุณเอาแต่สนใจตามหาแต่หนังสือเลยไม่รู้ตัวเลยว่าลูกสาวสุดที่รักของคุณอยู่ข้างๆคุณตลอดเวลาน่ะ!"



    ให้ตายเถอะก็เข้าใจหรอกว่ารักครอบครัวมากน่ะแต่การจะเอาคนตายกลับมาน่ะ มันต้องใช้สิ่งที่มีค่าเท่ากันมาแลกเปลี่ยนนะไม่ใช่ว่าพอได้หนังสือนั่นมาพอเขียนไปมันจะได้มาแบบง่ายๆสะหน่อย



    "......เธอเห็นสินะลูกสาวของฉันน่ะ?"



    "ชัดเจนเลยล่ะกำลังนั่งร้องไห้อยู่ทางขวามือคุณน่ะ"



    ฟรานซิสหันไปทางขวามือของตัวเองสิ่งที่เขาเห็นมีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น เห้อ~ มนุษย์นี้มันเข้าใจยากจริงๆ(เธอก็มนุษย์นะยะ!//ไรท์)เอาเป็นว่าจะช่วยหน่อยก็แล้วกันฉันเดินอ้อมไปข้างหลังเขาแล้วบอกว่า



    "ถ้าอยากเห็นและอยากสัมผัสเอริก้าเดี๋ยวฉันจะช่วยก็ได้พอดีเป็นคนมีสัมผัสที่หกน่ะ"



    แหมะ



    ฉันไม่รอช้ารีบวางมือลงบนไหล่ของฟรานซิสทันทีก่อนจะอนุญาตให้เขาเห็นวิณญาณของลูกสาวตัวเอง แค่เฉพาะวิณญาณของเอริก้านะเขาจะมองไม่เห็นดวงวิณญาณดวงอื่นนอกจากเอริก้าเลย



    'คุณพ่อ...'



    "...เอริก้า...ลูกรักของพ่อ..."



    หมับ!



    ฟรานซิสโผ่เข้ากอดเอริก้าอย่างดีใจแต่สำหรับอัตสึชิและอาคุตากาวะคงเห็นเขากอดอากาศ ฉันเลยใช้มือข้างที่ว่างกวักเรียกทั้งสองคนให้เข้ามาใกล้ๆพอได้ระยะที่จับได้ ฉันก็จับมือของอัตสึชิคุงแล้วให้อาคุตากาวะจับข้อมือฉันอีกทีถึงทั้งคู่จะสงสัยแต่ก็ทำตามล่ะนะ



    "เห็นรึยังล่ะว่าเขากอดใครอยู่น่ะ"



    "!!!"x2



    ฮะๆๆ เห็นสีหน้าของสองคนนี้แล้วมันตลกดีจังทำให้บรรยากาศไม่ดราม่ามากเกินไปล่ะนะ



    'หนูขอโทษที่ทิ้งคุณพ่อกับคุณแม่เอาไว้นะคะ...ฮึก!...หนูขอโทษจริงๆค่ะ...ฮึก!'



    "ไม่เป็นไรแล้วเอริก้าพ่อกับแม่ไม่โกรธหนูหรอกเพียงแค่แม่เขา...ขี้เหงาเท่านั้นเอง^_^"



    'ฝืนพูดสุดๆเลยนะนั่นทั้งๆที่ลูกสาวเห็นมาหมดแล้วแท้ๆ'



    'ปล่อยให้คุยกันไปเถอะคิราร่ายังไงสะครอบครัวคนอื่นพวกเราไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายหรอก'



    ฉันเห็นด้วยกับคำพูดของอโฟรไดร์มันก็จริงนั่นแหละนะเรื่องของคนอื่นพวกเราไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งหรอก และในขณะที่บรรยากาศกำลังดีนั้นวาฬเผือกก็ได้เริ่มร่วงลง ฉันเดาได้ว่าอัตสึชิคุงต้องกดเครื่องเทอร์มินอลควบคุมแล้วแน่ๆ เพราะสีหน้าของเขามันทั้งตกใจและสงสัยน่ะสิอาคุตากาวะเองก็เหมือนกันถึงจะนิ่งกว่าก็เถอะ



    "ทำไมมันถึงร่วงล่ะ!?ทั้งๆที่กดไปแล้วนิ!"



    พวกหนูนี่มันเก่งกันจริงๆขนาดฉันบอกดาไซไปแล้วแท้ๆว่าให้ระวังแฮ็กเกอร์ไว้ก็ยังเจาะเข้าได้อีกสมแล้วล่ะที่เป็นหมอนั่นน่ะ



    "มีใครบางคนแทรกซึมเข้ามาจากภายนอกแล้วชิงสิทธิ์การควบคุมไป"



    เสียงทุ้มที่มีอายุดังขึ้นทำให้พวกฉันหันไปมองก็เห็นเป็นลุงที่อัญเชิญวาฬเผือกออกมายืนอยู่ตรงหน้าพวกฉัน ทำให้อัตสึชิคุงถึงกับเครียดทันทีแต่ฉันรู้ว่ามันจะจบยังไงเลยบอกให้ทุกคนไปหาร่มชูชีพใส่สะ



    "แล้วเอริก้าล่ะ!?"



    "ลืมแล้วหรอว่าเอริก้าเธอเป็นวิณญาณลอยลงไปได้น่า"



    ฉันตอบคำถามของฟรานซิสไปเมื่อดูท่าเขาไม่ยอมปล่อยข้อมือฉันง่ายๆแต่พอได้คำตอบก็เลยปล่อย จากนั้นทุกคนก็ไปเอาร่มชูชีพมาใส่กันยกเว้นฉันเพราะฉันจะขอคุยอะไรกับเคียวกะจังหน่อย



    "พี่คาเรย์!"



    "ลงไปกันก่อนเลยเดี๋ยวพี่ตามไป"



    "แต่ว่า!"



    "อย่าชักช้าเสือสมิงความสูงแค่นี้คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอหรอก"



    ก็ถูกอย่างที่อาคุตากาวะบอกความสูงแค่นี้ไม่สะเทือนฉันหรอกอัตสึชิทำท่าจะพูดต่อแต่ฉันก็เดินออกมาก่อน ปล่อยให้เขาโดนลากกระโดดร่มไปพร้อมกับอีกสามคนที่เหลือ ที่ที่ฉันมาก็คือห้องควบคุมนั่นแหละก่อนจะติดต่อไปหาเคียวกะจัง



    "เทสๆเคียวกะจังได้ยินฉันหรือเปล่า?"



    [มีอะไรงั้นเหรอคะ?พี่คาเรย์]



    "เธอคิดจะทำยังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้ล่ะ?"



    ถึงจะรู้อยู่แล้วก็เถอะแต่ว่าฉันเองก็เปลี่ยนเนื้อเรื่องพอควรนะแบบนี้โดนบ่นจนหูชาแน่ๆ หรือไม่ก็โดนโทษของการฝ่าฝืนกฏของโลกข้อที่666 ถ้าเปลี่ยนเนื้อเรื่องจะโดนโทษประหารทันทีซึ่งฉันจงใจเปลี่ยนเองแหละ



    [หาอะไรที่มีน้ำหนักเยอะๆไปชนจะทำให้มันตกก่อนไปถึงเมืองได้ใช้อากาศยานไร้คนขับนี่แหละ]



    "อย่างงี้นี่เองแต่มันแลกด้วยชีวิตของเธอเลยนะยอมเหรอ?"



    [ที่ผ่านมาฉันไม่เคยมีแสงสว่างเลยแม้แต่น้อยแต่วันนี้เข้าใจแล้วว่าฉันเองก็มีสิทธิ์เลือกถ้าสละชีวิตเพื่อช่วยทุกคน ฉันต้องผ่านบททดสอบเข้างานจะได้กลายเป็นพนักงานนักสืบจริงๆแน่ ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรให้เสียใจแล้ว]



    ฉันกอดอกยืนฟังอย่างเงียบๆไม่หวาดกลัวต่ออากาศยานไร้คนขับที่ใกล้เข้ามาทุกทีก่อนจะพูดประโยคหนึ่งกับเคียวกะจัง แล้วก็วาร์ปออกมาจากห้องควบคุมทันทีสิ่งที่ฉันพูดก็คือ



    "เธอไม่ตายหรอกเคียวกะจังแล้วก็ยินดีด้วยที่สอบผ่านบททดสอบน่ะ"



    พรึ่บ! ตูม!!






    พรึ่บ!



    "อ๊ะ! พี่คาเรย์!"



    ฉันหันไปตามเสียงเรียกก็เป็นอัตสึชิคุงที่เรียกพร้อมกับที่ดาไซและประธานฟุคุซาวะกับพวกทาคุจัง มารออยู่ที่ท่าเรือก่อนแล้วก่อนจะพูดในสิ่งที่อัตสึชิคุงตกใจว่า



    "เคียวกะจังกล้าหาญมากเลยนะอัตสึชิคุงยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อเมืองนี้น่ะ"



    "เอ๊ะ? หมายความว่ายังไงเหรอครับ?พี่คาเรย์"



    "ก็ตามที่คาเรย์พูดนั่นแหละอัตสึชิคุงเคียวกะจังยอมตายเพื่อปกป้องผู้คนปกป้องเมืองแห่งนี้"



    พอทาคุจังขยายความเพิ่มอีกทำให้สีหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าฉันซีดลงอย่างเห็นได้ชัดฮะๆๆตลกฉะมัดเอาล่ะเลิกแกล้งดีกว่า



    "แต่ก็ยืนยันไม่ได้ว่าเคียวกะจังตายจริงมั้ยคะ?ประธานฟุคุซาวะ:)"



    ฉันหันไปถามประธานสำนักงานนักสืบซึ่งเขาก็ตอบมาว่า



    "พลังพิเศษของฉัน[ฟ้าลิขิตคนเท่าเทียม]จะใช้ได้แค่กับลูกน้องของฉันหรือก็คือพนักงานสำนักงานนักสืบเท่านั้น"



    "เป็นพลังสายควบคุมที่จะจำกัดระดับของพลังพิเศษให้ผู้ใช้สามารถคุมได้ที่อัตสึชิคุงสามารถควบคุมพลังเสือได้ในระดับหนึ่ง ก็เพราะเธอเข้าสำนักงานนักสืบมาแล้วนั่นเอง และเคียวกะจังก็ผ่านบททดสอบเข้างานเรียบร้อยในชั่ววินาทีก่อนที่จะชนน่ะนะ เข้าใจรึเปล่าว่ามันหมายความว่ายังไง?"



    วิ้ง~! กริ๊ง!



    "!!!"



    "ใช้ดาบของปีศาจหิมะตัดโซ่หนีออกมาน่ะ...กลับมาแล้ว:)"



    ตึกๆๆ! หมับ!



    กล้องอยู่ไหนนะขอถ่ายสักรูปเถอะและดูเหมือนทาคุจังจะรู้เลยหยิบกล้องออกมาให้ ฉันจึงเดินเข้าไปใกล้อย่างเนียนๆแล้วก็กดถ่ายรัวๆดีที่กล้องตัวนี้ไม่มีเสียงเลยถ่ายได้หลายภาพ



    "ยินดีต้อนรับกลับ"



    "เจ็บ"



    "ขะ..ขอโทษ"



    น่าเสียดายน่าจะกอดให้นานกว่านี้นะอัตสึชิคุงถ่ายได้แค่สามสิบช็อตเองอ่ะ(แค่นี้ก็เยอะแล้วโว๊ย!//ไรท์)แล้วดาไซก็พูดขึ้นมาว่า



    "โทษทีนะทั้งสองคนที่ปิดเป็นความลับเพราะถ้าไม่ทำแบบนี้มันจะตัดสินผลการสอบเข้าไม่ได้น่ะ"



    ตรงตามแผนของนายกับคุณรัมโปทุกอย่างแล้วอาคุตากาวะคุงก็เรียกดาไซอย่างดัง ขนาดฉันที่อยู่ไกลกับจุดที่เด็กนั่นยืนอยู่ยังได้ยินอ่ะคิดดูว่าดังแค่ไหน



    "คุณดาไซ!ตอนนี้ไม่มีใครมาขวางแล้ววันนี้แหละ!กระผมจะแสดงพลังให้ดู!"



    "ก็ไม่รู้สินะถึงขีดจำกัดแล้วไม่ใช่เหรอ?ยังไงก็โค่นหัวหน้ากิลด์ไปนี่นะถึงจะยังอยู่ตรงนี้ก็เถอะ"



    โอ๊ะ เกือบลืมฟรานซิสแล้วไหมล่ะดีนะที่ดาไซพูดถึงน่ะไม่งั้นฉันก็จะลืมไปแล้วล่ะเอาเป็นว่า เรื่องของพวกนายสองคนฉันจะไม่ยุ่งก็แล้วกันขอถ่ายภาพวิวต่อเลยแล้วกัน



    "วิวดีเลยนี่นา"



    ฉันพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับถ่ายภาพต่อไปโดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าที่ดาไซพูดไม่ได้หมายถึงวิว แต่เป็นตัวฉันเองแต่ฉันที่สนใจแต่ถ่ายภาพเลยไม่ค่อยรู้สึกตัวเท่าไหร่






    ไรท์ บรรยาย



    (เช้าวันต่อมา)



    (ณ สำนักงานนักสืบบุโซ)



    ภายในสำนักงานเต็มไปด้วยบรรยากาศสนุกสนานจากงานเลี้ยงต้อนรับสมาชิกใหม่ล่าสุดอย่างเคียวกะ



    "นี่จ๊ะเคียวกะจังของขวัญที่ได้เข้าทำงานกับสำนักงานนักสืบบุโซจ๊ะ:)"



    คาเรียน่าบอกพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญรูปร่างสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ยาวขนาดเท่าสองฝ่ามือต่อกัน ห่อด้วยกระดาษสีเหลืองรูปกระต่ายน่ารักๆตามด้วยริบบิ้นสีแดงให้กับเด็กสาว



    "อะไรงั้นเหรอคะ?"



    "เปิดดูสิฉันทำเองกับมือเลยน้า~"



    หญิงสาวบอกอย่างร่าเริงตามจริงก็ดูจะแปลกๆไปหน่อยที่นักฆ่าของพอร์ตมาเฟียมาอยู่ร่วมกับนักสืบน่ะ แต่ในเมื่อเจ้าตัวยืนยันว่าอยู่ฝั่งดาไซก็ไม่เป็นไร แถมประธานของสำนักงานนักสืบก็ไว้ใจเธอด้วยเหมือนกันแต่มันก็อาจเป็นวิธีที่ใช้สานสัมพันธ์ มาเฟียกับนักสืบให้ทำงานร่วมกันได้ก็ได้นะ



    "นี่มัน..."



    "เผื่อเอาไว้สำรองน่ะถ้าดาบสั้นเล่มใดเล่มหนึ่งหักก็ใช้อีกเล่มแทนหรือไม่ก็เป็นดาบสั้นคู่เลย เดี๋ยวฉันสอนให้เอามั้ยล่ะ?รับรองเป็นประโยชน์กับเธอแน่นอน:)"



    "หยุดเลยครับพี่คาเรย์!นี่พี่กำลังชักชวนให้เคียวกะจังกลับไปเป็นมือสังหารนะครับ!"



    อัตสึชิรีบห้ามคาเรียน่าทันทีเมื่อเห็นว่าของขวัญที่เธอให้นั้นเป็นอะไร



    "พี่ไม่ได้ชวนเคียวกะจังให้กลับไปเป็นมือสังหารแค่จะช่วยฝึกให้เก่งขึ้นเท่านั้นรับรองว่าเคียวกะจังเป็นกำลังรบที่สุดยอดได้แน่นอน"



    "แบบนั้นมัน..."



    "น่าๆอัตสึชิคุงยังไงสะเคียวกะจังก็ลืมวิธีของมือสังหารไม่ได้หรอกก็ให้คาเรย์ฝึกจนเก่งขึ้นจะได้ช่วยคนอื่น แล้วจัดการพวกคนไม่ดียังไงล่ะแบบนี้ได้ประโยชน์เห็นๆ แต่ฉันขอเตือนนะเคียวกะจังฝึกกับคาเรย์น่ะถ้าไม่อึดจริงถึงตายเลยนะ^_^"



    ประโยคแรกพูดกับชายหนุ่มส่วนประโยคที่สองหันมาพูดกับเด็กสาวซึ่งคำพูดของริวยิ่งทำให้อัตสึชิเครียดหนักกว่าเก่าอีก



    "แต่จะฝึกหรือไม่ฝึกก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเคียวกะจังนะฉันไม่บังคับหรอก"



    บอกจบก็แยกตัวออกมาหาน้ำส้มดื่มซึ่งโจเซฟก็เป็นฝ่ายเอามาให้คาเรียน่าจึงรับมาแล้วพูดขอบคุณ



    "ช่วงนี้ทางนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ?"



    "พวกสภาเวทย์มนต์กับ7โกสร่วมมือกันตอนนี้7โกสอยู่ที่มิตินี้แล้ว"



    ฟังจบก็ดื่มน้ำส้มไปอึกหนึ่งพร้อมกับที่มองไปข้างหน้าที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสนุกสนานด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก



    "นี่โจเซฟถ้าฉันตายไปทุกอย่างมันจะดีกว่านี้มั้ย?"



    "มันแย่ลงกว่าเดิมน่ะสิขอล่ะคาเรย์เลิกคิดฆ่าตัวตายสักทีเถอะพวกฉันเป็นห่วงเธอมากเลยนะ อาการของเธอก็ทรุดลงเรื่อยๆเหลือเวลาอีกแค่5ปีเธอก็จะแต่งงานแล้วด้วยช่วยสนุกกับชีวิตหน่อยเถอะ"



    นับว่าเป็นในรอบหลายปีที่โจเซฟจะพูดยาวแบบนี้แต่มันก็เพราะความรักเพื่อนล้วนๆเขาไม่อยากให้หญิงสาวข้างๆตาย ถ้าเธอตายก็เหมือนกับว่าโลกตายไปด้วยน่ะสิ



    "ผ่านมาห้าปีแล้วสินะที่ฉันเป็นอิสระจากคนๆนั้นน่ะ?แถมอีกห้าปีข้างหน้าก็ต้องกลับไปแต่งงานอีก"



    "อืม"



    คาเรียน่าถอนหายใจออกมาก่อนจะกระดกแก้วที่ใส่น้ำส้มดื่มจนหมดภายในรวดเดียวก่อนจะพูดขึ้นว่า



    "ยังไงฉันก็อยากตายอยู่ดีนั่นแหละโลกใบนี้น่ะ...ฉันเกลียดมันแต่ก็รักมันเหมือนกันนายว่ามันแปลกมั้ยล่ะ? ที่ฉันอยากทำลายโลกใบนี้ทิ้งแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมันเป็นสถานที่ที่มีความทรงจำของฉันกับท่านแม่อยู่"



    "..."



    ชายหนุ่มเงียบไม่พูดอะไรเขารู้ดีว่าพูดอะไรไปตอนนี้ร่างบางก็ไม่สนหรอกแต่ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้เธอตายแน่นอน เขาจะขอขัดขวางทุกทางที่เธอจะฆ่าตัวตายให้ถึงที่สุด! สัญญากับชีวิตของเขาได้เลย!แต่ถ้าเขาทำตามไม่ได้ ก็จะขอตายตามเธอไปแน่นอนว่าคนในกลุ่มอีกสามคนที่เหลือก็คิดเหมือนกับเขา



    "เห้อ~ ไม่เอาแล้วไม่พูดถึงเรื่องทางนั้นแล้วงานเลี้ยงต้อนรับเคียวกะจังทั้งทีต้องร่าเริงเข้าไว้"



    พูดเสร็จก็ยกยิ้มขึ้นแต่โจเซฟรู้ดีว่านั่นเป็นเพียงหน้ากากเท่านั้นถ้าจะให้คาเรียน่าแสดงความรู้สึกจริงๆก็คงต้องลากตัว ดาไซ โอซามุ มาล่ะนะแต่จะว่าไปดาไซก็ไม่อยู่ในงานเลี้ยงนะ



    "แล้ว ดาไซ โอซามุ ไปไหนแล้วล่ะ?"



    "ไปหาคุณฮิโรสึนั่นแหละคุยเรื่องของ ปีศาจเฟียวดอร์ ดอสโตเยฟสกี ดูท่าจะมีเรื่องสนุกมาเพิ่มแล้วล่ะนะ หึหึหึ"



    โจเซฟกุมขมับให้กับความคิดของเพื่อนสาวทันทีพร้อมกับคิดในใจอย่างปลงตกว่า



    'เธอสนุกคนเดียวน่ะสิ'



    ก็อก! ก็อก! ก็อก!



    เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปสนใจก่อนที่ทานิซากิคนพี่จะหันไปถามคุนิคิดะอย่างสงสัยว่า



    "มีคนมาจ้างงานอะไรหรือเปล่าครับ?"



    "ไม่นะเพราะฉันติดป้ายไปว่าวันนี้หยุดให้บริการมันคงไม่มีใครมาจ้างงานตอนนี้หรอก"



    แล้วทั้งหมดก็พากันเตรียมพร้อมสู้ทันทีถ้าเกิดว่าเป็นศัตรูยกเว้นเพียงสี่คนที่ไม่สะทกสะท้านอะไรเลยแน่นอนว่าสี่คนนั้นคือพวกคาเรียน่า



    "ทุกคนใจเย็นก่อนไม่ใช่ศัตรูหรอกแค่ผู้หญิงคนหนึ่งน่ะ"



    ทาสุคุบอกเมื่อเห็นว่าทุกคนเตรียมจะชักอาวุธทำให้โยซาโนะหันมาถามบ้าง



    "แล้วนายรู้ได้ไงว่าอีกฝั่งของประตูเป็นผู้หญิง?"



    "มันง่ายมากก็ท่าทางของคาเรย์มันบอกได้ดีเลยล่ะว่าใครมาน่ะ:)"



    นักสืบทุกคนพากันหันไปมองหญิงสาวผมดำอย่างพร้อมเพียงทำให้เห็นว่าท่าทางของเธอตอนนี้คือตัวสั่นมากแถมหน้ายังซีดอีกด้วย



    ก็อก! ก็อก! ก็อก!



    เฮือก!!



    คาเรียน่าสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูอีกครั้งก่อนจะกอดแขนของโจเซฟแน่นขึ้นซึ่งชายหนุ่มอีกสามคนก็รู้ดีว่าท่าทางแบบนี้ของร่างบางคืออะไร



    "ยะ..ยะ..อย่าเปิดประตูเด็ดขาดเลยนะ"



    เสียงสั่นเครือของร่างบางยิ่งไปกระตุ้นให้ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของพวกสำนักงานนักสืบมากขึ้น แต่ในอีกทางก็กังวลเหมือนกันถ้าขนาดทำให้นักฆ่าของพอร์ตมาเฟียตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าได้ แสดงว่าเป็นคนที่น่ากลัวมากเลยล่ะ



    เกร็ง! แอ็ด~!



    "ทำไมถึงไม่เปิดประตูให้--"



    "กรี๊ดดด~!! ปิดประตูเดี๋ยวนี้!!"



    ผู้มาใหม่ถึงกับตกใจเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดของคาเรียน่าพร้อมกับคำสั่งแน่นอนว่าทุกคนก็พากันชักอาวุธออกมาเตรียมพร้อม แต่พอเห็นว่าเป็นดาไซเลยลดอาวุธลงก่อนจะหันไปทางหญิงสาว ที่ตอนนี้หลับตากอดโจเซฟแน่นมาก แถมฝังหน้าลงกับหน้าอกของอีกฝ่ายด้วย!งานนี้ต้องมีคนหึงแน่ๆ



    "เกิดอะไรขึ้นกับคาเรย์น่ะคุนิคิดะคุง?"



    "ไม่รู้เหมือนกันพวกฉันก็พึ่งรู้จักคาเรย์ได้ไม่นานเลยไม่รู้ว่าอาการของเธอคืออะไรแต่พวกนายสามคนคงรู้สินะเพราะไม่ตกใจเลยนิ"



    "แน่นอนว่าต้องรู้มันเป็นเรื่องปกติจะตาย"



    ริวตอบแบบสบายๆพร้อมกับจิ้มเค้กกินไปด้วยทาสุคุจึงต้องพูดแทนเพราะโจเซฟไม่ชอบพูดกับคนที่ไม่สนิทน่ะ



    "อาการของคาเรย์มันเป็นเรื่องปกติน่ะพอดีผู้หญิงคนนั้นเป็นพี่เลี้ยงของเธอน่ะ มาแนะนำตัวหน่อยสิครับเจ๊ฟ้า:)"



    ประโยคแรกบอกกับพวกดาไซส่วนประโยคที่สองมองเลยไปทางข้างหลังดาไซซึ่งมีร่างระหงของหญิงสาวยืนอยู่ พร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับไว้บนหน้าสวยพอได้ยินให้แนะนำตัวก็เดินเข้ามาก่อนจะพูดว่า



    "สวัสดีฉันชื่อ โซราโนะ ฟ้าใส เป็นพี่เลี้ยงของคาเรย์จังยินดีที่ได้พบนะนักสืบทุกท่าน:)"



    (แปะรูปของฟ้าใสค่ะ//ไรท์)




    "ก็ดูเป็นคนดีนิครับแล้วทำไมพี่คาเรย์ถึงต้องกลัวคุณโซราโนะกัน?"



    อัตสึชิถามอย่างสงสัยเมื่อมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าสงสัยเป็นเพราะรอยยิ้มของเธอล่ะมั้งที่ทำให้ชายหนุ่มคิดแบบนั้นแต่ถ้ารู้จักกันมากขึ้นก็จะเข้าใจเองว่าทำไมคาเรียน่าถึงมีอาการสั่นกลัว



    "อะไรนะ!?คาเรย์จังกลัวเจ๊เหรอ!?"



    ฟ้าใสถามอย่างตกใจก่อนจะก้าวฉับๆเข้าไปหาตัวของคาเรียน่าอย่างรวดเร็วพร้อมกับลูบหัวของร่างบางที่ยังกอดโจเซฟอยู่แล้วพูดปลอบว่า



    "โอ๋ๆ ไม่ต้องกลัวน้า~ครั้งนี้เจ๊ไม่ได้มาจับคาเรย์จังเป็นตุ๊กตาลองชุดสักหน่อยครั้งนี้เจ๊มาหาเพราะอยากให้คาเรย์จังไปทำภารกิจกับเจ๊น่ะ^_^"



    "ภะ...ภารกิจ...อะไรคะ?"



    ถึงจะยังกลัวอยู่แต่ถ้าบอกว่าไม่ได้มาจับตัวเธอไปลองชุดใหม่ๆล่ะก็พอจะโล่งใจอยู่...นิดหนึ่งนะ



    "เหมือนเดิมจ๊ะคาเรย์จัง..."



    ฟ้าใสหยุดพูดไปก่อนจะหลับตายกมือขึ้นไหว้คาเรียน่าแล้วพูดออกมาเสียงดังว่า



    "ขอร้องล่ะคาเรย์จัง!ช่วยไปที่ผับเปิดใหม่อย่างผับค้างคาวทมิฬกับเจ๊ทีนะ!"




    TBC.

    __________________________

    กว่าจะหาเวลามาลงได้นานเหมือนกันนะเอาล่ะมาดูกันสิว่าคาเรียน่าจะทำยังไงกับภารกิจที่พี่เลี้ยงขอร้องให้ช่วยทำขอสปอยว่าได้เจอกับคนรู้จักของนางแน่นอนหุหุหุ


    และอย่าลืมนะคะ 1 เม้น = 100 กำลังใจค่ะ


    เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ^_^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×