คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่11 จบศึกและวันพักผ่อน(ที่ไม่ได้พักของคาเรียน่า)(1)
คาเรียน่า บรรยาย
"เหรอเป็นอย่างนี้นี่เองเสียใจด้วยนะเรื่องคุณแม่ที่ป่วยน่ะ"
'ไม่เป็นไรหรอกค่ะฉันเชื่อว่าคุณแม่จะหายดีค่ะแล้วก็กลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้งหนึ่งค่ะ'
ตอนนี้ฉันกับเอริก้าก็เปลี่ยนมานั่งคุยกันภายในห้องทำงานของฟรานซิสหลังจากที่พวกนั้นออกไปสู้กันที่ชั้นบนสุดชีวิตของเด็กคนนี้ดีมากเลยล่ะ คุณพ่อ คุณแม่ แล้วก็ เอริก้า อยู่กันพร้อมหน้าตลอดแถมกิลด์เมื่อก่อนยังคอยช่วยเหลือผู้คนอีกด้วย (อันนี้ไรท์ไม่รู้ว่าจริงมั้ยแต่เดาเอาค่ะ//ไรท์)มันทำให้นึกถึงท่านแม่ขึ้นมาเลยล่ะ
ตูม~!!!
"คงจบแล้วล่ะขึ้นไปกันเถอะ"
ฉันบอกพร้อมกับจับมือของเอริก้าแล้วพาวาร์ปขึ้นมาทันทีก่อนจะเห็นร่างของฟรานซิสค่อยๆร่วงลงจากวาฬเผือก หรือที่เรียกอีกชื่อว่าโมบี้ดิคทำให้วิณญาณสาวที่อยู่ข้างฉันกรีดร้องทันที
'คุณคาเรย์ได้โปรดช่วยคุณพ่อไว้ด้วยค่ะ!'
ฉันพยักหน้ารับก่อนจะพุ่งเข้าไปคว้าข้อมือของร่างสูงไว้แล้วก็ดึงขึ้นมาทำให้เจ้าตัวกับอีกสองคนพากันสงสัยและตกใจแต่ฉันก็พูดกับฟรานซิสว่า
"ที่ฉันช่วยเพราะลูกสาวของคุณขอร้องหรอกนะถ้าตามปกติฉันคงไม่สนใจด้วยซ้ำ"
"!!!"
ฉันไม่สนใจสีหน้าตกใจก่อนจะปล่อยข้อมือทำให้เขาทรุดลงไปนั่งเพราะหมดแรงที่พอดูได้คงมีแต่อาคุตากาวะล่ะนะ
"...ทำไมเธอถึงรู้ว่าฉันมีลูกสาว?...ทั้งๆที่เธอไม่ได้อยู่บนนี้ก่อนหน้านั้นแท้ๆ"
"เพราะคุณเอาแต่สนใจตามหาแต่หนังสือเลยไม่รู้ตัวเลยว่าลูกสาวสุดที่รักของคุณอยู่ข้างๆคุณตลอดเวลาน่ะ!"
ให้ตายเถอะก็เข้าใจหรอกว่ารักครอบครัวมากน่ะแต่การจะเอาคนตายกลับมาน่ะ มันต้องใช้สิ่งที่มีค่าเท่ากันมาแลกเปลี่ยนนะไม่ใช่ว่าพอได้หนังสือนั่นมาพอเขียนไปมันจะได้มาแบบง่ายๆสะหน่อย
"......เธอเห็นสินะลูกสาวของฉันน่ะ?"
"ชัดเจนเลยล่ะกำลังนั่งร้องไห้อยู่ทางขวามือคุณน่ะ"
ฟรานซิสหันไปทางขวามือของตัวเองสิ่งที่เขาเห็นมีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น เห้อ~ มนุษย์นี้มันเข้าใจยากจริงๆ(เธอก็มนุษย์นะยะ!//ไรท์)เอาเป็นว่าจะช่วยหน่อยก็แล้วกันฉันเดินอ้อมไปข้างหลังเขาแล้วบอกว่า
"ถ้าอยากเห็นและอยากสัมผัสเอริก้าเดี๋ยวฉันจะช่วยก็ได้พอดีเป็นคนมีสัมผัสที่หกน่ะ"
แหมะ
ฉันไม่รอช้ารีบวางมือลงบนไหล่ของฟรานซิสทันทีก่อนจะอนุญาตให้เขาเห็นวิณญาณของลูกสาวตัวเอง แค่เฉพาะวิณญาณของเอริก้านะเขาจะมองไม่เห็นดวงวิณญาณดวงอื่นนอกจากเอริก้าเลย
'คุณพ่อ...'
"...เอริก้า...ลูกรักของพ่อ..."
หมับ!
ฟรานซิสโผ่เข้ากอดเอริก้าอย่างดีใจแต่สำหรับอัตสึชิและอาคุตากาวะคงเห็นเขากอดอากาศ ฉันเลยใช้มือข้างที่ว่างกวักเรียกทั้งสองคนให้เข้ามาใกล้ๆพอได้ระยะที่จับได้ ฉันก็จับมือของอัตสึชิคุงแล้วให้อาคุตากาวะจับข้อมือฉันอีกทีถึงทั้งคู่จะสงสัยแต่ก็ทำตามล่ะนะ
"เห็นรึยังล่ะว่าเขากอดใครอยู่น่ะ"
"!!!"x2
ฮะๆๆ เห็นสีหน้าของสองคนนี้แล้วมันตลกดีจังทำให้บรรยากาศไม่ดราม่ามากเกินไปล่ะนะ
'หนูขอโทษที่ทิ้งคุณพ่อกับคุณแม่เอาไว้นะคะ...ฮึก!...หนูขอโทษจริงๆค่ะ...ฮึก!'
"ไม่เป็นไรแล้วเอริก้าพ่อกับแม่ไม่โกรธหนูหรอกเพียงแค่แม่เขา...ขี้เหงาเท่านั้นเอง^_^"
'ฝืนพูดสุดๆเลยนะนั่นทั้งๆที่ลูกสาวเห็นมาหมดแล้วแท้ๆ'
'ปล่อยให้คุยกันไปเถอะคิราร่ายังไงสะครอบครัวคนอื่นพวกเราไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายหรอก'
ฉันเห็นด้วยกับคำพูดของอโฟรไดร์มันก็จริงนั่นแหละนะเรื่องของคนอื่นพวกเราไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งหรอก และในขณะที่บรรยากาศกำลังดีนั้นวาฬเผือกก็ได้เริ่มร่วงลง ฉันเดาได้ว่าอัตสึชิคุงต้องกดเครื่องเทอร์มินอลควบคุมแล้วแน่ๆ เพราะสีหน้าของเขามันทั้งตกใจและสงสัยน่ะสิอาคุตากาวะเองก็เหมือนกันถึงจะนิ่งกว่าก็เถอะ
"ทำไมมันถึงร่วงล่ะ!?ทั้งๆที่กดไปแล้วนิ!"
พวกหนูนี่มันเก่งกันจริงๆขนาดฉันบอกดาไซไปแล้วแท้ๆว่าให้ระวังแฮ็กเกอร์ไว้ก็ยังเจาะเข้าได้อีกสมแล้วล่ะที่เป็นหมอนั่นน่ะ
"มีใครบางคนแทรกซึมเข้ามาจากภายนอกแล้วชิงสิทธิ์การควบคุมไป"
เสียงทุ้มที่มีอายุดังขึ้นทำให้พวกฉันหันไปมองก็เห็นเป็นลุงที่อัญเชิญวาฬเผือกออกมายืนอยู่ตรงหน้าพวกฉัน ทำให้อัตสึชิคุงถึงกับเครียดทันทีแต่ฉันรู้ว่ามันจะจบยังไงเลยบอกให้ทุกคนไปหาร่มชูชีพใส่สะ
"แล้วเอริก้าล่ะ!?"
"ลืมแล้วหรอว่าเอริก้าเธอเป็นวิณญาณลอยลงไปได้น่า"
ฉันตอบคำถามของฟรานซิสไปเมื่อดูท่าเขาไม่ยอมปล่อยข้อมือฉันง่ายๆแต่พอได้คำตอบก็เลยปล่อย จากนั้นทุกคนก็ไปเอาร่มชูชีพมาใส่กันยกเว้นฉันเพราะฉันจะขอคุยอะไรกับเคียวกะจังหน่อย
"พี่คาเรย์!"
"ลงไปกันก่อนเลยเดี๋ยวพี่ตามไป"
"แต่ว่า!"
"อย่าชักช้าเสือสมิงความสูงแค่นี้คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอหรอก"
ก็ถูกอย่างที่อาคุตากาวะบอกความสูงแค่นี้ไม่สะเทือนฉันหรอกอัตสึชิทำท่าจะพูดต่อแต่ฉันก็เดินออกมาก่อน ปล่อยให้เขาโดนลากกระโดดร่มไปพร้อมกับอีกสามคนที่เหลือ ที่ที่ฉันมาก็คือห้องควบคุมนั่นแหละก่อนจะติดต่อไปหาเคียวกะจัง
"เทสๆเคียวกะจังได้ยินฉันหรือเปล่า?"
[มีอะไรงั้นเหรอคะ?พี่คาเรย์]
"เธอคิดจะทำยังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้ล่ะ?"
ถึงจะรู้อยู่แล้วก็เถอะแต่ว่าฉันเองก็เปลี่ยนเนื้อเรื่องพอควรนะแบบนี้โดนบ่นจนหูชาแน่ๆ หรือไม่ก็โดนโทษของการฝ่าฝืนกฏของโลกข้อที่666 ถ้าเปลี่ยนเนื้อเรื่องจะโดนโทษประหารทันทีซึ่งฉันจงใจเปลี่ยนเองแหละ
[หาอะไรที่มีน้ำหนักเยอะๆไปชนจะทำให้มันตกก่อนไปถึงเมืองได้ใช้อากาศยานไร้คนขับนี่แหละ]
"อย่างงี้นี่เองแต่มันแลกด้วยชีวิตของเธอเลยนะยอมเหรอ?"
[ที่ผ่านมาฉันไม่เคยมีแสงสว่างเลยแม้แต่น้อยแต่วันนี้เข้าใจแล้วว่าฉันเองก็มีสิทธิ์เลือกถ้าสละชีวิตเพื่อช่วยทุกคน ฉันต้องผ่านบททดสอบเข้างานจะได้กลายเป็นพนักงานนักสืบจริงๆแน่ ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรให้เสียใจแล้ว]
ฉันกอดอกยืนฟังอย่างเงียบๆไม่หวาดกลัวต่ออากาศยานไร้คนขับที่ใกล้เข้ามาทุกทีก่อนจะพูดประโยคหนึ่งกับเคียวกะจัง แล้วก็วาร์ปออกมาจากห้องควบคุมทันทีสิ่งที่ฉันพูดก็คือ
"เธอไม่ตายหรอกเคียวกะจังแล้วก็ยินดีด้วยที่สอบผ่านบททดสอบน่ะ"
พรึ่บ! ตูม!!
พรึ่บ!
"อ๊ะ! พี่คาเรย์!"
ฉันหันไปตามเสียงเรียกก็เป็นอัตสึชิคุงที่เรียกพร้อมกับที่ดาไซและประธานฟุคุซาวะกับพวกทาคุจัง มารออยู่ที่ท่าเรือก่อนแล้วก่อนจะพูดในสิ่งที่อัตสึชิคุงตกใจว่า
"เคียวกะจังกล้าหาญมากเลยนะอัตสึชิคุงยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อเมืองนี้น่ะ"
"เอ๊ะ? หมายความว่ายังไงเหรอครับ?พี่คาเรย์"
"ก็ตามที่คาเรย์พูดนั่นแหละอัตสึชิคุงเคียวกะจังยอมตายเพื่อปกป้องผู้คนปกป้องเมืองแห่งนี้"
พอทาคุจังขยายความเพิ่มอีกทำให้สีหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าฉันซีดลงอย่างเห็นได้ชัดฮะๆๆตลกฉะมัดเอาล่ะเลิกแกล้งดีกว่า
"แต่ก็ยืนยันไม่ได้ว่าเคียวกะจังตายจริงมั้ยคะ?ประธานฟุคุซาวะ:)"
ฉันหันไปถามประธานสำนักงานนักสืบซึ่งเขาก็ตอบมาว่า
"พลังพิเศษของฉัน[ฟ้าลิขิตคนเท่าเทียม]จะใช้ได้แค่กับลูกน้องของฉันหรือก็คือพนักงานสำนักงานนักสืบเท่านั้น"
"เป็นพลังสายควบคุมที่จะจำกัดระดับของพลังพิเศษให้ผู้ใช้สามารถคุมได้ที่อัตสึชิคุงสามารถควบคุมพลังเสือได้ในระดับหนึ่ง ก็เพราะเธอเข้าสำนักงานนักสืบมาแล้วนั่นเอง และเคียวกะจังก็ผ่านบททดสอบเข้างานเรียบร้อยในชั่ววินาทีก่อนที่จะชนน่ะนะ เข้าใจรึเปล่าว่ามันหมายความว่ายังไง?"
วิ้ง~! กริ๊ง!
"!!!"
"ใช้ดาบของปีศาจหิมะตัดโซ่หนีออกมาน่ะ...กลับมาแล้ว:)"
ตึกๆๆ! หมับ!
กล้องอยู่ไหนนะขอถ่ายสักรูปเถอะและดูเหมือนทาคุจังจะรู้เลยหยิบกล้องออกมาให้ ฉันจึงเดินเข้าไปใกล้อย่างเนียนๆแล้วก็กดถ่ายรัวๆดีที่กล้องตัวนี้ไม่มีเสียงเลยถ่ายได้หลายภาพ
"ยินดีต้อนรับกลับ"
"เจ็บ"
"ขะ..ขอโทษ"
น่าเสียดายน่าจะกอดให้นานกว่านี้นะอัตสึชิคุงถ่ายได้แค่สามสิบช็อตเองอ่ะ(แค่นี้ก็เยอะแล้วโว๊ย!//ไรท์)แล้วดาไซก็พูดขึ้นมาว่า
"โทษทีนะทั้งสองคนที่ปิดเป็นความลับเพราะถ้าไม่ทำแบบนี้มันจะตัดสินผลการสอบเข้าไม่ได้น่ะ"
ตรงตามแผนของนายกับคุณรัมโปทุกอย่างแล้วอาคุตากาวะคุงก็เรียกดาไซอย่างดัง ขนาดฉันที่อยู่ไกลกับจุดที่เด็กนั่นยืนอยู่ยังได้ยินอ่ะคิดดูว่าดังแค่ไหน
"คุณดาไซ!ตอนนี้ไม่มีใครมาขวางแล้ววันนี้แหละ!กระผมจะแสดงพลังให้ดู!"
"ก็ไม่รู้สินะถึงขีดจำกัดแล้วไม่ใช่เหรอ?ยังไงก็โค่นหัวหน้ากิลด์ไปนี่นะถึงจะยังอยู่ตรงนี้ก็เถอะ"
โอ๊ะ เกือบลืมฟรานซิสแล้วไหมล่ะดีนะที่ดาไซพูดถึงน่ะไม่งั้นฉันก็จะลืมไปแล้วล่ะเอาเป็นว่า เรื่องของพวกนายสองคนฉันจะไม่ยุ่งก็แล้วกันขอถ่ายภาพวิวต่อเลยแล้วกัน
"วิวดีเลยนี่นา"
ฉันพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับถ่ายภาพต่อไปโดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าที่ดาไซพูดไม่ได้หมายถึงวิว แต่เป็นตัวฉันเองแต่ฉันที่สนใจแต่ถ่ายภาพเลยไม่ค่อยรู้สึกตัวเท่าไหร่
ไรท์ บรรยาย
(เช้าวันต่อมา)
(ณ สำนักงานนักสืบบุโซ)
ภายในสำนักงานเต็มไปด้วยบรรยากาศสนุกสนานจากงานเลี้ยงต้อนรับสมาชิกใหม่ล่าสุดอย่างเคียวกะ
"นี่จ๊ะเคียวกะจังของขวัญที่ได้เข้าทำงานกับสำนักงานนักสืบบุโซจ๊ะ:)"
คาเรียน่าบอกพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญรูปร่างสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ยาวขนาดเท่าสองฝ่ามือต่อกัน ห่อด้วยกระดาษสีเหลืองรูปกระต่ายน่ารักๆตามด้วยริบบิ้นสีแดงให้กับเด็กสาว
"อะไรงั้นเหรอคะ?"
"เปิดดูสิฉันทำเองกับมือเลยน้า~"
หญิงสาวบอกอย่างร่าเริงตามจริงก็ดูจะแปลกๆไปหน่อยที่นักฆ่าของพอร์ตมาเฟียมาอยู่ร่วมกับนักสืบน่ะ แต่ในเมื่อเจ้าตัวยืนยันว่าอยู่ฝั่งดาไซก็ไม่เป็นไร แถมประธานของสำนักงานนักสืบก็ไว้ใจเธอด้วยเหมือนกันแต่มันก็อาจเป็นวิธีที่ใช้สานสัมพันธ์ มาเฟียกับนักสืบให้ทำงานร่วมกันได้ก็ได้นะ
"นี่มัน..."
"เผื่อเอาไว้สำรองน่ะถ้าดาบสั้นเล่มใดเล่มหนึ่งหักก็ใช้อีกเล่มแทนหรือไม่ก็เป็นดาบสั้นคู่เลย เดี๋ยวฉันสอนให้เอามั้ยล่ะ?รับรองเป็นประโยชน์กับเธอแน่นอน:)"
"หยุดเลยครับพี่คาเรย์!นี่พี่กำลังชักชวนให้เคียวกะจังกลับไปเป็นมือสังหารนะครับ!"
อัตสึชิรีบห้ามคาเรียน่าทันทีเมื่อเห็นว่าของขวัญที่เธอให้นั้นเป็นอะไร
"พี่ไม่ได้ชวนเคียวกะจังให้กลับไปเป็นมือสังหารแค่จะช่วยฝึกให้เก่งขึ้นเท่านั้นรับรองว่าเคียวกะจังเป็นกำลังรบที่สุดยอดได้แน่นอน"
"แบบนั้นมัน..."
"น่าๆอัตสึชิคุงยังไงสะเคียวกะจังก็ลืมวิธีของมือสังหารไม่ได้หรอกก็ให้คาเรย์ฝึกจนเก่งขึ้นจะได้ช่วยคนอื่น แล้วจัดการพวกคนไม่ดียังไงล่ะแบบนี้ได้ประโยชน์เห็นๆ แต่ฉันขอเตือนนะเคียวกะจังฝึกกับคาเรย์น่ะถ้าไม่อึดจริงถึงตายเลยนะ^_^"
ประโยคแรกพูดกับชายหนุ่มส่วนประโยคที่สองหันมาพูดกับเด็กสาวซึ่งคำพูดของริวยิ่งทำให้อัตสึชิเครียดหนักกว่าเก่าอีก
"แต่จะฝึกหรือไม่ฝึกก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเคียวกะจังนะฉันไม่บังคับหรอก"
บอกจบก็แยกตัวออกมาหาน้ำส้มดื่มซึ่งโจเซฟก็เป็นฝ่ายเอามาให้คาเรียน่าจึงรับมาแล้วพูดขอบคุณ
"ช่วงนี้ทางนั้นเป็นยังไงบ้างล่ะ?"
"พวกสภาเวทย์มนต์กับ7โกสร่วมมือกันตอนนี้7โกสอยู่ที่มิตินี้แล้ว"
ฟังจบก็ดื่มน้ำส้มไปอึกหนึ่งพร้อมกับที่มองไปข้างหน้าที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสนุกสนานด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก
"นี่โจเซฟถ้าฉันตายไปทุกอย่างมันจะดีกว่านี้มั้ย?"
"มันแย่ลงกว่าเดิมน่ะสิขอล่ะคาเรย์เลิกคิดฆ่าตัวตายสักทีเถอะพวกฉันเป็นห่วงเธอมากเลยนะ อาการของเธอก็ทรุดลงเรื่อยๆเหลือเวลาอีกแค่5ปีเธอก็จะแต่งงานแล้วด้วยช่วยสนุกกับชีวิตหน่อยเถอะ"
นับว่าเป็นในรอบหลายปีที่โจเซฟจะพูดยาวแบบนี้แต่มันก็เพราะความรักเพื่อนล้วนๆเขาไม่อยากให้หญิงสาวข้างๆตาย ถ้าเธอตายก็เหมือนกับว่าโลกตายไปด้วยน่ะสิ
"ผ่านมาห้าปีแล้วสินะที่ฉันเป็นอิสระจากคนๆนั้นน่ะ?แถมอีกห้าปีข้างหน้าก็ต้องกลับไปแต่งงานอีก"
"อืม"
คาเรียน่าถอนหายใจออกมาก่อนจะกระดกแก้วที่ใส่น้ำส้มดื่มจนหมดภายในรวดเดียวก่อนจะพูดขึ้นว่า
"ยังไงฉันก็อยากตายอยู่ดีนั่นแหละโลกใบนี้น่ะ...ฉันเกลียดมันแต่ก็รักมันเหมือนกันนายว่ามันแปลกมั้ยล่ะ? ที่ฉันอยากทำลายโลกใบนี้ทิ้งแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมันเป็นสถานที่ที่มีความทรงจำของฉันกับท่านแม่อยู่"
"..."
ชายหนุ่มเงียบไม่พูดอะไรเขารู้ดีว่าพูดอะไรไปตอนนี้ร่างบางก็ไม่สนหรอกแต่ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้เธอตายแน่นอน เขาจะขอขัดขวางทุกทางที่เธอจะฆ่าตัวตายให้ถึงที่สุด! สัญญากับชีวิตของเขาได้เลย!แต่ถ้าเขาทำตามไม่ได้ ก็จะขอตายตามเธอไปแน่นอนว่าคนในกลุ่มอีกสามคนที่เหลือก็คิดเหมือนกับเขา
"เห้อ~ ไม่เอาแล้วไม่พูดถึงเรื่องทางนั้นแล้วงานเลี้ยงต้อนรับเคียวกะจังทั้งทีต้องร่าเริงเข้าไว้"
พูดเสร็จก็ยกยิ้มขึ้นแต่โจเซฟรู้ดีว่านั่นเป็นเพียงหน้ากากเท่านั้นถ้าจะให้คาเรียน่าแสดงความรู้สึกจริงๆก็คงต้องลากตัว ดาไซ โอซามุ มาล่ะนะแต่จะว่าไปดาไซก็ไม่อยู่ในงานเลี้ยงนะ
"แล้ว ดาไซ โอซามุ ไปไหนแล้วล่ะ?"
"ไปหาคุณฮิโรสึนั่นแหละคุยเรื่องของ ปีศาจเฟียวดอร์ ดอสโตเยฟสกี ดูท่าจะมีเรื่องสนุกมาเพิ่มแล้วล่ะนะ หึหึหึ"
โจเซฟกุมขมับให้กับความคิดของเพื่อนสาวทันทีพร้อมกับคิดในใจอย่างปลงตกว่า
'เธอสนุกคนเดียวน่ะสิ'
ก็อก! ก็อก! ก็อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปสนใจก่อนที่ทานิซากิคนพี่จะหันไปถามคุนิคิดะอย่างสงสัยว่า
"มีคนมาจ้างงานอะไรหรือเปล่าครับ?"
"ไม่นะเพราะฉันติดป้ายไปว่าวันนี้หยุดให้บริการมันคงไม่มีใครมาจ้างงานตอนนี้หรอก"
แล้วทั้งหมดก็พากันเตรียมพร้อมสู้ทันทีถ้าเกิดว่าเป็นศัตรูยกเว้นเพียงสี่คนที่ไม่สะทกสะท้านอะไรเลยแน่นอนว่าสี่คนนั้นคือพวกคาเรียน่า
"ทุกคนใจเย็นก่อนไม่ใช่ศัตรูหรอกแค่ผู้หญิงคนหนึ่งน่ะ"
ทาสุคุบอกเมื่อเห็นว่าทุกคนเตรียมจะชักอาวุธทำให้โยซาโนะหันมาถามบ้าง
"แล้วนายรู้ได้ไงว่าอีกฝั่งของประตูเป็นผู้หญิง?"
"มันง่ายมากก็ท่าทางของคาเรย์มันบอกได้ดีเลยล่ะว่าใครมาน่ะ:)"
นักสืบทุกคนพากันหันไปมองหญิงสาวผมดำอย่างพร้อมเพียงทำให้เห็นว่าท่าทางของเธอตอนนี้คือตัวสั่นมากแถมหน้ายังซีดอีกด้วย
ก็อก! ก็อก! ก็อก!
เฮือก!!
คาเรียน่าสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูอีกครั้งก่อนจะกอดแขนของโจเซฟแน่นขึ้นซึ่งชายหนุ่มอีกสามคนก็รู้ดีว่าท่าทางแบบนี้ของร่างบางคืออะไร
"ยะ..ยะ..อย่าเปิดประตูเด็ดขาดเลยนะ"
เสียงสั่นเครือของร่างบางยิ่งไปกระตุ้นให้ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของพวกสำนักงานนักสืบมากขึ้น แต่ในอีกทางก็กังวลเหมือนกันถ้าขนาดทำให้นักฆ่าของพอร์ตมาเฟียตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าได้ แสดงว่าเป็นคนที่น่ากลัวมากเลยล่ะ
เกร็ง! แอ็ด~!
"ทำไมถึงไม่เปิดประตูให้--"
"กรี๊ดดด~!! ปิดประตูเดี๋ยวนี้!!"
ผู้มาใหม่ถึงกับตกใจเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดของคาเรียน่าพร้อมกับคำสั่งแน่นอนว่าทุกคนก็พากันชักอาวุธออกมาเตรียมพร้อม แต่พอเห็นว่าเป็นดาไซเลยลดอาวุธลงก่อนจะหันไปทางหญิงสาว ที่ตอนนี้หลับตากอดโจเซฟแน่นมาก แถมฝังหน้าลงกับหน้าอกของอีกฝ่ายด้วย!งานนี้ต้องมีคนหึงแน่ๆ
"เกิดอะไรขึ้นกับคาเรย์น่ะคุนิคิดะคุง?"
"ไม่รู้เหมือนกันพวกฉันก็พึ่งรู้จักคาเรย์ได้ไม่นานเลยไม่รู้ว่าอาการของเธอคืออะไรแต่พวกนายสามคนคงรู้สินะเพราะไม่ตกใจเลยนิ"
"แน่นอนว่าต้องรู้มันเป็นเรื่องปกติจะตาย"
ริวตอบแบบสบายๆพร้อมกับจิ้มเค้กกินไปด้วยทาสุคุจึงต้องพูดแทนเพราะโจเซฟไม่ชอบพูดกับคนที่ไม่สนิทน่ะ
"อาการของคาเรย์มันเป็นเรื่องปกติน่ะพอดีผู้หญิงคนนั้นเป็นพี่เลี้ยงของเธอน่ะ มาแนะนำตัวหน่อยสิครับเจ๊ฟ้า:)"
ประโยคแรกบอกกับพวกดาไซส่วนประโยคที่สองมองเลยไปทางข้างหลังดาไซซึ่งมีร่างระหงของหญิงสาวยืนอยู่ พร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับไว้บนหน้าสวยพอได้ยินให้แนะนำตัวก็เดินเข้ามาก่อนจะพูดว่า
"สวัสดีฉันชื่อ โซราโนะ ฟ้าใส เป็นพี่เลี้ยงของคาเรย์จังยินดีที่ได้พบนะนักสืบทุกท่าน:)"
(แปะรูปของฟ้าใสค่ะ//ไรท์)
"ก็ดูเป็นคนดีนิครับแล้วทำไมพี่คาเรย์ถึงต้องกลัวคุณโซราโนะกัน?"
อัตสึชิถามอย่างสงสัยเมื่อมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าสงสัยเป็นเพราะรอยยิ้มของเธอล่ะมั้งที่ทำให้ชายหนุ่มคิดแบบนั้นแต่ถ้ารู้จักกันมากขึ้นก็จะเข้าใจเองว่าทำไมคาเรียน่าถึงมีอาการสั่นกลัว
"อะไรนะ!?คาเรย์จังกลัวเจ๊เหรอ!?"
ฟ้าใสถามอย่างตกใจก่อนจะก้าวฉับๆเข้าไปหาตัวของคาเรียน่าอย่างรวดเร็วพร้อมกับลูบหัวของร่างบางที่ยังกอดโจเซฟอยู่แล้วพูดปลอบว่า
"โอ๋ๆ ไม่ต้องกลัวน้า~ครั้งนี้เจ๊ไม่ได้มาจับคาเรย์จังเป็นตุ๊กตาลองชุดสักหน่อยครั้งนี้เจ๊มาหาเพราะอยากให้คาเรย์จังไปทำภารกิจกับเจ๊น่ะ^_^"
"ภะ...ภารกิจ...อะไรคะ?"
ถึงจะยังกลัวอยู่แต่ถ้าบอกว่าไม่ได้มาจับตัวเธอไปลองชุดใหม่ๆล่ะก็พอจะโล่งใจอยู่...นิดหนึ่งนะ
"เหมือนเดิมจ๊ะคาเรย์จัง..."
ฟ้าใสหยุดพูดไปก่อนจะหลับตายกมือขึ้นไหว้คาเรียน่าแล้วพูดออกมาเสียงดังว่า
"ขอร้องล่ะคาเรย์จัง!ช่วยไปที่ผับเปิดใหม่อย่างผับค้างคาวทมิฬกับเจ๊ทีนะ!"
TBC.
__________________________
กว่าจะหาเวลามาลงได้นานเหมือนกันนะเอาล่ะมาดูกันสิว่าคาเรียน่าจะทำยังไงกับภารกิจที่พี่เลี้ยงขอร้องให้ช่วยทำขอสปอยว่าได้เจอกับคนรู้จักของนางแน่นอนหุหุหุ
และอย่าลืมนะคะ 1 เม้น = 100 กำลังใจค่ะ
เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ^_^
ความคิดเห็น