ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Zodilia สงครามจักรดารา

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1:เซนเทเรียส

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 58


     
    บทที่1:เซนเทเรียส



     ณ  คฤหาสห์แห่งตระกูลเซนเทเรียส


     
    "อัศวินแห่งแสง 'ลิไลเทอร์' " เสียงของนักเวทย์อาวุโสผู้หนึ่ง ที่ร่ายเวทมนต์
    ระดับสูงเรียกอัศวินในชุดเกราะสีเงินพร้อมดาบเงินเล่มใหญ่ที่ส่องแสงเจิดจรัส ออกมาเข้าฟาดฟันชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

    "วิญญานหมาป่าผู้หิวโหย  กรงเล็บวิหคอักคี " ชายหนุ่มผู้นั้นร่ายเวทมนต์
    เรียกร่างเงาของฝูงหมาป่าสีเทาเข้ารับการโจมตีของอัศวินแห่งแสง แล้วจึงโจมตีด้วยกรง
    เล็บไฟสร้างความเสีย
    หายให้กับอัศวินแห่งแสงอย่างหนัก
     
    "ทำได้ดี 'เฟรมิส'" นักเวทย์อาวุโสกล่าวกับชายหนุ่มผู้เป็นศิษย์ ที่ขณะนี้
    กำลังตั้งสมาธิกับอะไรบางอย่างอยู่
     
    "การฝึกซ้อมยังไม่จบนะท่านอาจารย์" เฟรมิสกล่าว ก่อนจะร่ายเวทย์ระดับ
    สูงอีกสามบท เรียกสัตว์อสูรออกมาพร้อมกันถึง 3ตัว  "หมาป่าสายฟ้า ไลท์นิ่งวูลฟ์!   วิหค
    อักคี ไฟร์เออร์
    ฟีนิกซ์!   ยักษ์น้ำแข็ง ไอซ์ไจแอนด์!" 
     
    "ดี  งั้นข้าคงต้องเอาจริงแล้วสินะ" ท่านอาจารย์อาวุโสกล่าว "พายุศร
    เหมันต์เกราะมรกต..."

     

    การต่อสู้ฝึกซ้อมยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือดในห้องฝึกเวทย์ของคฤหาสห์
    ประจำตระกูลอันใหญ่โตหรูหรา สถานที่ตั้งนั้นอยู่บนเนินเขาในเขตที่ 9 ล้อมรอบด้วยสวนพฤกษชาติอันงดงามด้วยพันธุ์ไม้หายากนานาชนิด คฤหาสห์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว เช่นเดียวกันสถานที่สำคัญทั้งหลายในเมือง มหาราชวังของราชินี รวมถึงคฤหาสห์ตระกูลอื่นๆ

     
    ผังเมืองของโซดิร์เลียนครแห่งดวงดาว นี้แบ่งออกเป็น13เขตเชื่อมต่อกัน
    โดยมีเขตที่13เป็นศูนย์กลาง ซึ้งเป็นที่ตั้งของมหาราชวังของราชินีและสภาหลวงของอาณาจักร ณ เมืองแห่งนี้มีตระกูลเก่าแก่ผู้ก่อตั้งอาณาจักร12ตระกูล เดิมทีแล้วราชันผู้ก่อตั้งทั้งสิบสอง ต่างปกครองอาณาเขตของตนเอง แต่เพราะความทะเยอทะยานและความโลภเหล่าราชาต่างก่อสงครามเพื่อแย่งชิงดินแดงกองทัพอันยิ่งใหญ่ฆ่าฟันกัน เลือดของนักรบชโลมแผ่นดิน บ้านเมืองเกิดจลาจลเดือดร้อนกันทุกแห่งหน สุดท้ายหลังจากมหาสงคราม12กษัตริย์ที่ทำลายเมืองทั้งหมดจนเหลือแต่ซากปรักหักพัง ทิ้งไว้เพียงความสูญเสียของทุกฝ่าย เหล่าราชันจึงหันมาเจรจาร่วมมือกัน รวมอาณาจักรเป็นหนึ่งเดียวแล้วร่วมกันสร้างมหานครขึ้นมาใหม่คือ โซดีร์เลียนครแห่งดวงดาว แต่ประชาชนนั้นไม่มีควาศรัทธาว่าราชาที่เลือดร้อนจะสามารถมอบความสงบสุขแก่พวกเขาได้อีกต่อไป พวกเขาจึงขอสถาปนาองค์ราชินีสตรีผู้ฉลาดปราดเปรื่องและสุขุมใจเย็นขึ้นปกครองแทน และเป็นอย่างนั้นเรื่อยมาจนถึงวันนี้
     
     
    หลังจากการฝึกซ้อมเวทย์ในห้องกักเก็บพลัง เขาก็เดินออกมาในสภาพ
    เหน็ดเหนื่อย ผมสีน้ำตาลเทาที่ปกติจะจัดแต่งทรงไว้เปียกชื่นไปด้วยเหงื่อตกลงมาปรกใบหน้าหล่อเหลา ชุดเสื้อและกางเกงสีดำมีรอยยับทั้งตัว ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักเวทย์ระดับสูง แต่การใช้พลังเวทย์ต่อเนื่องในการฝึกก็พลานพลังงานร่างกายไปมาก ทำให้ดูเหน็ด-เหนื่อยเหมือนกับไปวิ่งมาราธอนมา
     
    การใช้เวทย์มนต์นั้นเป็นเรื่องอันตราย เพราะเวทย์มนต์จะซูบพลังเวทย์
    ของ ผู้ร่ายไป ยิ่งเป็นเวทย์ร้ายแรงมากเท่าไร ก็ยิ่งพลานพลังเวทย์ไปมากเท่านั้น  และถ้าใช้พลังโดยไม่ระวังขีดจำกัดของตัวเอง เวทย์มนต์จะซูบแหล่งพลังสุดท้ายคือชีวิตของผู้-ร่าย นักเวทย์มากมายได้สังเวยชีวิตตัวเองไปเพราะใช้พลังเกินขีดจำกัด  
     


    เฟรมิสเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนชุดในห้องนอนส่วนตัวของเขา หนึ่งใน
    ห้องที่สวยที่สุดในคฤหาสห์ เมื่อเขาเปลี่อนไปใส่ชุดเสริมเกราะสีดำเสร็จเขาก็เดินลงบันไดโค้งอันใหญ่ โตไปยังห้องอาหารเช้าสุดหรู ที่มีแม่บ้านหญิงวัยชราในชุดผ้ากันเปื่อนสีขาวปักสัญลักษณ์ประจำตระกูลสีทอง รูปเซนทอร์กำลังยิงธนูอย่างสง่างาม เมื่อหญิงชราเห็นเฟรมิสก็กุลีกุจอสั่งสาวใช้เป็นการใหญ่
     
    "นายน้อยมาแล้วหรือ วันนี้ยายเตรียมอาหารเช้าของโปรดไว้ให้ด้วยนะ มา
    เร็วมานั่งนี่เร็ว" หญิงชราพูดกับเฟรมิสอย่างนุ่มนวลและด้วยความเอ็นดู  
     
    "ขอบคุณครับ แต่ยายไม่ต้องมาเหนื่อยอะไรแบบนี้เลย ให้พวกสาวใช้
    เตรียมให้ก็ได้" เฟรมิสตอบพร้อมกับให้หญิงที่เขาเคารพรักดุจยายพามานั่งที่โต๊ะ  
     
    "ยายอยู่กับนายน้อยมาตั้งแต่เกิดใครจะไปรู้ใจนายน้อยได้ดีกว่ายาย" 
    หญิงชรากล่าวตอบตามประสาคนอยู่ด้วยกันมานาน แล้วก็ให้สาวใช้นำอาหารมาเสริฟ ซึ่งก็ตรงกับที่เฟรมิสต้องการทุกรายระเอียด
     
    หญิงชราผู้นี้แม่บ้านคนสนิดตั้งแต่พ่อของเฟรมิสยังแบเบาะ เธอทำงาน
    ให้กับตระกูลเซนเทเรียสอย่างซื่อสัตย์มาตลอดชีวิตของเธอ และได้รับความไว้วางใจจนเธอได้รับตำแหน่งหัวหน้าแม่บ้าน เธอก็บริหารงานบ้านงานเรือนอย่างดี แล้วยิ่งเมื่อแม่ของเฟรมิสหายตัวไปตอนเฟรมิสมีอายุเพียง 6 ขวบ เธอก็รับหน้าที่เลี้ยงดูเฟรมิสและน้องสาวของเขา เทรลิส ที่มีอายุเพียง3ขวบ ซึ่งเธอก็ดูแลทะนุถนอม สั่งสอนและรักดั่งลูกของตัวเอง ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้รับความเคารพรักเหมือนคนในครอบครัว ทุกคนในบ้านเรียกเธอว่า'ยายลอร่า' แต่กระนั้นเธอก็ไม่เคยทำตัวลามปามด้วยว่าตัวเองเป็นคนสนิท เธ
    ก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นแม่บ้านและสุภาพกับเจ้านายเสมอ 

    ขณะที่เฟรมิสกำลังละเลียดกินพุดดิ้งคาราเมลสุดโปรดอยู่นั้น ยายลอร่า
    ซึ่งปกติแล้วเธอจะมานั่งคุยเรื่องต่างๆพร้อมกับให้คำแนะนำอย่างอารมณ์ดี วันนี้ก็เช่นกันเธอนั่งอยู่ข้างๆเขาที่โต๊ะอาหาร แต่สีหน้าของเธอไม่มีรอยยิ้มอารมณ์ดีเหมือนทุกครั้ง มีแต่รอยบางๆของความไม่สบายใจ
     
    "นายน้อยเฟรมิส ท่านพ่อของเธอพึ่งกลับมาถึงเมื่อคืน แล้วท่านอยากให้
    นายน้อยไปพบเช้านี้เลย"เธอกล่าว
     
    เฟรมิสนิ่งอึ่งไปนาน จนในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นแล้งเดินออกไปจากห้องโดยไม่
    พูดอะไร ทิ้งยายลอร่าที่นั่งถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจในห้องอาหาร
     

    ตั่งแต่ท่านแม่หายตัวไปเมื่อ10ปีก่อน ท่านพ่อเสียใจและเคียดแค้นพวก
    ราชวงค์มาก เพราะเขาเชื่อว่าตระกูล สกอร์เปีย ซึ่งตอนนี้
     
     
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×