ตอนที่ 20 : [ Episode 19 ] : For your entertainment
บทที่ 19
For your entertainment
สัปดาห์ก่อนฟิลลิปได้รับรายงานมาว่ามีนักโทษหลบหนีออกจากคุกกวนตานาโมรวมทั้งสิ้นสองราย พอรู้ว่านักโทษที่แหกคุกออกไปไม่ใช่มีชัมก็โล่งใจไปได้เปราะหนึ่ง แต่พอผ่านพ้นคืนอันแสนวุ่นวายมาได้กลับกลายเป็นว่านักโทษขังเดี่ยวมีชัม ลี ออสติสนอนแน่นิ่งเป็นร่างไร้วิญญาณไปเสียแล้ว เขามั่นใจว่าเรื่องการตายอย่างปริศนาของออสติสเป็นฝีมือของบุคคลอันตราย
...อีธาน แบรนโด
นักโทษที่หลบหนีไปเองก็เป็นคนของอีธานเช่นเดียวกัน ตัวน่ารำคาญเพียงแค่สองคนยังสร้างความปั่นป่วนให้ซีไอเอได้ขนาดนี้คงไม่ใช่มือสมัครเล่น และมันก็เป็นดังคาด นักโทษที่ย้ายมาตอนนั้นคือ ลีโอและมือซ้ายของอีธาน....โนเอล
ในเมื่อมีชัมไม่สามารถให้ข้อมูลกับเขาได้อีก ความซวยคงต้องตกไปที่ภรรยาและลูกสาวของเจ้าตัว มันอาจจะผิดและดูไร้ศีลธรรม หากแต่เขาอยู่ในซีไอเอไม่ว่าจะเป็นเรื่องสกปรกแค่ไหนเขาก็ต้องทำ "เอียน ส่งที่อยู่ของคุณนายออสติสให้ฉันที จะแวะไปเยี่ยมน่ะ" เจ้าหน้าที่หนุ่มหันไปพูดกับคนผิวสีที่บังเอิญเดินถือแก้วกาแฟสวนกับเขา
"Of course, Boss! ขอ 5 นาที นายไปรอที่รถได้เลย" เอียนหมุนตัวกลับก่อนจะขยิบตาให้เขาหนึ่งที
เอียน สลาวอยนายนี่อารมณ์ดีจริงๆ
ฟิลลิปมุ่งหน้าออกจากสำนักข่าวกรองกลางเพื่อเดินไปนั่งรอในรถของตน ใช้เวลาไม่นานเอียนก็ส่งที่อยู่มาให้เขาพร้อมแนบรูปแก้วกาแฟที่มีหน้ายิ้มสีเหลืองกำลังพูดว่า 'eat me' เขากวาดสายตาอ่านที่อยู่อีกรอบก่อนจะกดปิดหน้าจอโดยไม่สนใจเรื่องไร้สาระที่เอียนส่งมา
บางทีเขาก็เผลอคิดเล่นๆ ถ้าเอียนไปอยู่ในตลกคาเฟ่ยังจะดีซะกว่ามาทำงานเครียดๆแบบนี้
ดิ๊ง~ ด่อง~
ฟิลลิปกดออดหน้าบ้าน ยืนรออยู่สักพักจนประตูถูกเปิดออก "สวัสดีครับคุณออสติส ผมเจ้าหน้าที่ฟิลลิป สวอนจากซีไอเอ" เมื่อเขาเอ่ยแนะนำตัวเสร็จ สีหน้าเธอดูตื่นตกใจเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า "มีอะไรรึเปล่าคะ" ชายหนุ่มสังเกตปฏิกิริยาของเจ้าของบ้าน คุณนายออสติสติดนิสัยชอบลูบฝ่ามือ เมื่อครั้นเธอจะพูดต่อเขาก็สวนขึ้นมาอย่างทันควัน
"ผมต้องการสอบปากคำคุณนิดหน่อย กรุณาให้ความร่วมมือด้วยครับ" พอเห็นว่าตัวหล่อนไม่สามารถปัดป่ายไปเรื่องอื่นได้จึงต้องจำใจเชิญฟิลลิปเข้ามาในบ้าน
เมื่อเด็กสาวตัวน้อยเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาก็วิ่งเข้าไปหลบหลังคนเป็นแม่ "มิเชล...ขึ้นไปเล่นด้านบนก่อนนะ แม่มีธุระนิดหน่อย" คุณนายออสติสลูบหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดู มิเชลทำแค่เพียงพยักหน้าก่อนจะวิ่งขึ้นไปยังห้องด้านบนตามที่แม่ของเธอบอก
"เชิญนั่งก่อนค่ะ"
ฟิลลิปหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาผ้าสีอ่อนส่วนเจ้าของบ้านก็ไปเตรียมน้ำมาเสิร์ฟแขกเป็นอันเสร็จสิ้น เขายกน้ำขึ้นดื่มพอเป็นพิธีและวางแก้วลงที่เดิม
"คุณคงทราบเรื่องการตายของมีชัมแล้ว" เธอพยักหน้ารับ
"ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยนะครับ"
"ถึงสามีฉันจะมีชีวิตอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น สู้เขาตายไปแบบนี้ยังจะดีกว่า"
คุณนายออสติสพูดอย่างไม่ลังเล ดูเหมือนเธอคงจะยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้แล้ว แต่ก็ดี....เขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาปลอบ
"มีชัมเคยบอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างมั้ยครับ" ฟิลลิปล้วงภาพถ่ายออกมาจากกระเป๋าก่อนยื่นให้อีกฝ่ายดู 'กุญแจของออสติส'
เธอส่ายหน้าแทนคำตอบ "เขาไม่เคยบอกเรื่องกุญแจกับฉันเลย เรื่องเมื่อสามปีก่อนก็เหมือนกัน"
"งั้นหรอครับ" ชายหนุ่มจ้องคนตรงหน้าอย่างจับผิด พอเห็นว่าทุกอย่างยังปกติดีจึงถามต่อ
"แล้วมีชัมเคยติดต่อกับใครที่ดูน่าสงสัยบ้างมั้ยครับ"
"ยังไงคะ"
"อย่างเช่น คนที่ติดต่อกันบ่อยจนผิดปกติ"
"ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้สังเกต" คุณนายออสติสนั่งกุมมือเข้าหากันแน่น ถึงแม้แต่สายตาหล่อนจะมองตรงมาที่เขาเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ แต่คนที่จบด้านจิตวิทยาโดยตรงคงปฏิเสธไม่ลงว่า เธอกำลังโกหกแถมยังเป็นคำโกหกคำโตซะด้วยสิ
ฟิลลิปเหยียดยิ้มมุมปากก่อนจะถามต่อ "เขาไม่เคยบอกอะไรกับคุณจริงๆหรอครับ" จงใจถามย้ำเพื่อกดดันอีกฝ่าย แต่เธอก็ยังยืนยันคำเดิมว่าเธอกับลูกไม่รู้เรื่องอะไรด้วย
ในเมื่อใช้ไม้อ่อนไม่สำเร็จคงต้องใช้ไม้แข็ง
"คุณรู้รึเปล่าครับว่า คนที่กำลังโกหกมีอาการยังไง" เธอชะงักไปครู่นึงก่อนจะเอ่ยด้วยน้้ำเสียงสั่นเทา
"มะ ไม่ค่ะ"
ฟิลลิปเอนตัวพิงโซฟาด้วยท่าทีไม่รู้สึกทุกข์ร้อนใดๆ เขาล้วงหยิบเอากระบอกปืนพกขึ้นมาหมุนดูเล่นฆ่าเวลา "คุณติดนิสัยชอบลูบฝ่ามือใช่มั้ยครับ" เธอพยักหน้ารับอย่างกล้าๆกลัวๆ น้ำตาเอ่อล้นขอบตาเพราะกลัวว่าชีวิตตัวเองจะดับสูญตามสามี
"ทุกครั้งที่คุณกังวลว่าผมจะจับคำโกหกได้รึเปล่า คุณจะหยุดลูบหลังฝ่ามือเพราะเครียด"
".........."
"มนุษย์เราจะหยุดทำสิ่งเคยชินตอนที่กำลังโกหก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงรู้ว่าคุณโกหกผมอยู่"
ฟิลลิปหยัดกายลุกขึ้นเดินอ้อมไปยังด้านหลังของโซฟา เขากรีดนิ้วลงบนขอบโซฟาช้าๆทำให้เกิดเสียงชวนขนหัวลุกเพื่อบั่นทอนประสาทเจ้าของบ้านก่อนจะค้อมกายกระซิบกระซาบข้างหูของหญิงสาว "จะว่าไป....ลูกสาวคุณก็น่ารักดีนะครับ โตมาเธอคงจะสวยเหมือนแม่" จงใจมุ่งเป้าไปที่ลูกสาวคนเดียวของออสติสเพราะเขารู้ดีว่าสัญชาตญาณของคนเป็นแม่ ยังไงซะก็ต้องเลือกจะปกป้องลูกตัวเอง
"อย่า...มิเชลเธอไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้!"
"งั้นก็เลือกเอานะครับ ระหว่างยอมตอบทุกอย่างที่ผมสงสัยกับเห็นลูกสาวของคุณถูก..."
ยังไม่ทันพูดจบดีเธอก็โพล่งขึ้นมา "ฉะ ฉันจะยอมบอกคุณทุกอย่าง ขออย่างเดียว...อย่ายุ่งกับมิเชล" เธอก้มหน้าก้มตาพูดทั้งน้ำตา ในขณะที่ฟิลลิปยกยิ้มมุมปากอย่างมีชัยเหนือกว่า ถ้าเอียนมาเห็นเขาในสภาพนี้คงได้โดนบ่นจนหูชาแน่ๆ
ครืดๆ
เขาล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คดู ข้อความถูกส่งเข้ามาโดยสายสืบจากทางหน่วยงานของเขาเอง ฟิลลิปกดเปิดดูไฟล์ที่แนบไว้ปรากฏภาพของชายทั้งสองคนเดินจูงมือกัน ภาพถูกถ่ายจากด้านข้างถึงจะเบลอแต่เขาก็พอจะเดาออกว่าคือใคร "ลีโอ เรนเดล กับ อีธาน แบรนโด?" พูดพึมพัมชื่อเจ้าของภาพอย่างแผ่วเบา ใครมองดูก็รู้ว่าไม่ใช่สิ่งที่เจ้านายกับลูกน้องควรทำ แต่ก็นะ...เหมือนคิดไว้ไม่มีผิด สองคนนั้นมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน
ฟิลลิปกดปิดหน้าจอพร้อมเก็บโทรศัพท์เข้าเสื้อคลุม เขาเดินกลับทิ้งตัวลงที่เดิมก่อนจะระบายยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเป็นมิตร
หนังเรื่องนี้มันเปลี่ยนแผ่นตั้งแต่อีธานเลือกฆ่าออสติสทิ้งแล้ว...
"เอาล่ะครับ คุณนาย...เรามาต่อเรื่องของเราให้จบเถอะ"
♜ THE MISSION SNIPER ♜
นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนเงยขึ้นสบกับวัตถุโค้งกลมมีรูตรงกลาง สิ่งที่ถูกเรียกว่าแหวนมันกวนใจเขามาพักนึงแล้ว เขาแค่ไม่รู้ว่าควรจะสวมมันไว้ตลอดดีรึเปล่า กลัวว่ามันจะเปื้อนเลือดแล้วล้างไม่ออกนี่สิ "เห้อ...." ลีโอพ่นลมหายใจออกมาในขณะที่ใช้นิ้วลูบวนสัมผัสเรียบเนียนของตัวแหวนไปพลาง
แหวนทองคำขาวไม่มีเพชรประดับให้เป็นที่สังเกต แต่มันก็ไม่เหมาะสำหรับคนที่ถืออาวุธแบกปืนเป็นว่าเล่นแบบเขาอยู่ดี
ชายหนุ่มนอนเกลือกกลิ้งไปมาราวกับเด็กน้อยกำลังใช้ความคิด จู่ๆไอเดียก็ผุดขึ้นมาในหัว เขาเอื้อมมือไปคว้าสร้อยสแตนเลสบนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วเอาแหวนมาร้อยเข้าด้วยกัน ในเมื่อสวมนิ้วแล้วมีปัญหาสู้ห้อยไว้ที่คอก็หมดเรื่อง
ก็อกๆๆ
ลีโอเหลือบตาไปมองยังต้นทางเสียง เขาหยัดกายลุกขึ้นเดินไปส่องที่ตาแมวเพื่อดูว่าเป็นใคร พอเห็นว่าเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารยืนรออยู่จึงยอมเปิดประตูออก "มาส่งเครื่องดื่มค่ะ เป็นโพรเซ็กโก้หนึ่งรายการ" เธอพูดขึ้นในขณะที่ลีโอยืนงงทำสีหน้าฉงนระคนประหลาดใจ
"แต่ผมไม่ได้สั่งนะครับ"
"แขกห้องข้างๆที่พึ่งเช็คเอาท์ไปสั่งมาให้คุณค่ะ"
"ใครหรอครับ?"
ตัวเขาเองออกจะประหลาดใจไปหน่อย ใครมันจะบ้าเช็คเอาท์ออกตอนดึกๆดื่นๆเอาป่านนี้ แถมยังสั่งแชมเปญมาให้เขาอีก "ขอโทษด้วยนะคะ แขกไม่ประสงค์ออกนามค่ะ" พนักงานสาวตอบกลับมาก่อนจะส่งขวดแชมเปญกับแก้วมาให้
เขารับมาถือไว้ในมือพลันสายตาเหลือบไปเห็นป้ายชื่อ 'ซูซาน สมิธ'
"ถ้าหมดธุระแล้ว ดิฉันขอตัว" เธอโค้งตัวพร้อมกับกล่าวลา เขาทำเพียงพยักหน้ารับแล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง วางแชมเปญไว้บนโต๊ะและก้มสำรวจดูแก้วภายในมีกระดาษถูกพับไว้อยู่
ชายหนุ่มชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะคลี่มันออกด้วยความอยากรู้อยากเห็น เผื่อว่ามันอาจจะเป็นเบอร์โทรติดต่อใครสักคน แต่ความคิดนั้นต้องหายไปเมื่อบนกระดาษมีแต่ความว่างเปล่า เขาพลิกหน้าพลิกหลังดูกลับพบเพียงตัวอักษรเดี่ยวอยู่ล่างสุดของหน้า
'G.'
ตัวอักษรที่มีลักษณะเป็นชื่อย่อ.....G? Ghost?
ทันทีที่เริ่มประติดประต่อเรื่องได้บางส่วนเขาก็เบิกตาโพลงพร้อมหันหลังวิ่งกลับออกไปนอกห้อง หันซ้ายหันขวากวาดสายตาไปจนสุดทางเดินเมื่อพบร่างเป้าหมายก็รีบตะโกนดักไว้ก่อน "เดี๋ยวก่อน! คุณหยุดตรงนั้นแหละ!" เธอหันกลับมามองเขาแค่เสี้ยววินาทีก่อนจะสลัดรถเข็นทิ้งและรีบกระโจนตัวลงจากหน้าต่างที่ถูกเปิดอ้า
ไวเท่าความคิดชายหนุ่มออกตัววิ่งเร่งฝีเท้าไปยังจุดที่หญิงสาวโดดลงไป ยื่นหน้าก้มลงไปมองด้านล่างกลับพบเพียงร่างของเป้าหมายที่หนีไปไกลแล้ว หนีไว จับตัวยากเหมือนแมวไม่มีผิด
ในเมื่อไล่จับไม่ทันก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องวิ่งตามให้เหนื่อยเปล่า ลีโอกลับเข้ามายังห้องพักอีกรอบ มือควานหาโทรศัพท์มือถือใต้หมอนก่อนจะกดโทรออก เขายืนรอสายจนอีกฝ่ายรับในที่สุด
(มีอะไร สิงโตตัวน้อย) อีธานเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงห้วนๆแต่คำเรียกแทนเขามันช่าง....น่าทุบจริงๆ!
"ผมมีเรื่องสำคัญ เราต้องคุยกันเดี๋ยวนี้"
(อืม ว่ามาสิ)
"โกสต์....เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว มีกระดาษถูกส่งมาในนั้นมีตัวย่อ G. ผมมั่นใจว่าเป็นโกสต์" คนปลายสายเงียบไปสักพักราวกับกำลังใช้ความคิดกับเรื่องนี้
"แล้วก็...ดูเหมือนโกสต์จะส่งคนสะกดรอยตามผมมา"
(จัดการรึยัง) มือปืนหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
"ยัง เธอหนีไปก่อน"
(เธอ? ผู้หญิงงั้นเหรอ)
"อืม ไม่ใช่มือสมัครเล่น เธอกระโดดหนีผมจากชั้นสี่ ถ้าเป็นคนธรรมดาไม่ตายก็พิการ"
(อย่าพึ่งวู่วามไป ฉันคิดว่าคนที่นายเจอคือแคทเธอรีน เธอทำงานให้โกสต์และเคยเป็นทหารแบบนายมาก่อน ยัยนั่นจับตัวยากซะยิ่งกว่าอะไร ในเบลดเรียกว่าแมวขโมย) เสียงอีธานดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นักเมื่อพูดถึงแคทเธอรีน บางทีสองคนนี้คงจะมีอดีตที่ไม่น่าจดจำเอามากๆ
"แมวขโมย? ฟังจากชื่อก็น่าจะเดาออกว่าเธอร้ายขนาดไหน"
(หึ แล้ว....ในกระดาษมีอะไรบอกอีกมั้ย?)
"ไม่มี" ลีโอตอบแทบจะทันที เขาพลิกกระดาษดูหน้าหลังแล้วก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดปกติตรงไหน
กึก...
"เดี๋ยวนะ มีบางอย่างแปลกๆ"
ใช่ มีบางอย่างผิดแผกไป เนื้อกระดาษที่เขาลองลูบดูเมื่อครู่มันสากเหมือนเป็นกระดาษพิเศษที่ถูกสั่งทำขึ้น ทำไมเขาถึงไม่ดูให้ดีตั้งแต่แรกนะ!?
(นายลองดมดูว่ากลิ่นมันเป็นยังไง) เขาทำตามที่อีธานแนะนำ พอลองดมดูก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง
กลิ่นเลม่อน....
"มีกลิ่นน้ำเลม่อนอยู่บนกระดาษ"
(.............) ลีโอตัดสินใจเปิดลำโพงแล้ววางมือถือลงบนโต๊ะ เขาหยิบไฟแช็คขึ้นมาลนด้านหลังกระดาษ ความร้อนจากเปลวไฟทำให้บางส่วนของกระดาษเปลี่ยนสี เวลาผ่านไปสักพักมันถึงปรากฏตัวอักษรอย่างชัดเจน
ภาษารัสเซีย?
ลีโอปิดไฟแช็คลงก่อนจะกางกระดาษขึ้นอ่านข้อความให้อีธานฟังพร้อมกัน "หนึ่งศพแทนหนึ่งอักษร หยดเลือดแทนระยะทาง ให้กลิ่นเลือดเป็นตัวนำทางแล้วจะพบคำตอบ" พูดจบก็วางกระดาษลง
(ฉันเกลียดคำใบ้....) เขาเห็นด้วยกับอีธานสุดๆ ถ้าจะใบ้ก็ช่วยหาคำที่มันดูง่ายกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง!
"คุณคิดว่าไง โกสต์พยายามจะสื่ออะไรกับเรา" คนปลายสายถึงกับต้องถอนหายใจ บางทีพวกเขาอาจจะเข้าใกล้คำตอบไปอีกก้าวทั้งๆที่ยังไม่รู้ตัวก็ได้
(กลิ่นเลือดน่าจะหมายถึง รอยหลักฐานที่โกสต์ทิ้งไว้)
"งั้นศพก็คงจะหมายถึง.....ศพจริงๆสินะ"
อีธานครางเสียงต่ำตอบ การแก้โจทย์ข้อนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายซะแล้วสิ
"ถ้าได้เรื่องแล้วผมจะโทรกลับนะ ตอนนี้มีบางอย่างต้องไปพิสูจน์หน่อย" เขาพูดก่อนจะกดวางสายไป
ตอนนี้สิ่งที่กวนใจลีโอคือห้องข้างๆนี่ เขาต้องเข้าไปดูสักหน่อยเผื่อโกสต์จะทิ้งบางสิ่งไว้ให้ ไม่แน่ก็อาจจะเป็นศพตามที่ในกระดาษบอก....
ชายหนุ่มก้าวเท้าออกไปนอกระเบียง ใช้มือจับขอบที่ยื่นออกมาเพื่อยึดเกาะก่อนจะเหวี่ยงตัวไปยังระเบียงห้องข้างๆ ทันทีที่ขาถึงพื้นก็นั่งคุกเข่าลงกันบาดเจ็บ เยี่ยม ลงจอดได้อย่างสวยงาม!
ทีนี้ก็.....เข้าไปดูว่าโกสต์ทิ้งอะไรไว้
ลีโอเลื่อนประตูกระจกออกและเดินเข้าไปอย่างถือวิสาสะ กลิ่นอับตลบอบอวลไปทั่วราวกับไม่ได้เปิดหน้าต่างระบายอากาศมาหลายวัน เขากดเปิดหน้าจอมือถือเพื่อใช้ส่องหาปุ่มสวิตซ์ไฟ
พรึบ
เมื่อคลำไปเรื่อยจนเจอก็กดเปิดทันที แต่สิ่งที่เขาเดาไว้มันดันเกิดขึ้น.....มีศพอยู่ในห้องนี้จริงๆ
เขาเดินเข้าไปและย่อตัวลงเพื่อสำรวจศพบนพื้น เป็นชายวัยกลางคนอายุราวๆสี่สิบปีได้ ที่คอมีรอยถูกบีบ นอกจากนั้นก็ไม่มีร่องรอยการทำร้ายอื่นอีก เขาลองเอามือไปทาบกับรอยบีบที่คอเพื่อดูขนาด "คิดไว้ไม่มีผิด...แคทเธอรีนเป็นคนจัดการสินะ" ขนาดรอยเล็กเกินกว่าจะเป็นมือของผู้ชายได้ ยัยนั่นแสบไม่เบา
ลีโอยันตัวลุกขึ้นโดยที่ไม่ลืมหยิบหลักฐานสำคัญที่ถูกทิ้งไว้บนตัวเหยื่อมาด้วย เก็บมันใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อและรีบออกจากห้องนั้นก่อนที่จะมีคนมาเห็น เขาเลือกกลับไปที่ระเบียงดั่งเดิม ไม่ควรเสี่ยงออกทางประตูเพราะกล้องวงจรปิดอาจจะจับภาพเขาได้ และอีกอย่างเขาเองก็ไม่อยากจะเข้าไปพัวพันกับคดีที่โกสต์เป็นคนก่อ
ใครมันอยากจะหาเหาใส่หัวกันเล่า....
ครืดๆ
ได้พักหายใจไม่ทันไร อีธานก็ส่งข้อความมาหาได้จังหวะพอดี 'อีกสองวัน เราจะไปไซบีเรีย เตรียมของให้พร้อมฉันจะให้โนเอลไปรับ' เขาทำเพียงอ่านเท่านั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับไป บทจะมาก็มา บทจะไปก็ไป สมกับเป็นคนเอาแต่ใจจริงๆ
#talk
ปมตรงนี้อาจจะดูแก้ยากสักนิดนึงนะคะ ถ้ามีตรงไหนฟังแล้วดูไม่เมคเซ้นอันนี้หมาก็ต้องขออภัยจริงๆเพราะพึ่งเคยเขียนแนวนี้เป็นครั้งแรก.-.
ส่วนนิยายเรื่องนี้ก็ดำเนินมาเกินครึ่งทางแล้วคะ แต่ไม่ต้องห่วงว่าอีกไม่กี่ตอนจะจบเพราะมีบางปัญหาที่ยังไม่ได้เคลียร์เหมือนกันค่ะ และโกสต์จะเป็นใครอันนี้พอเดากันได้รึเปล่าเอ่ย5555
ปล.เดาถูกนี่มีเฮนะ หมาคิดว่าคนอ่านน่าจะคาดไม่ถึงชัวร์ๆ แต่จะใบ้ให้นิดนุงง เคยเป็นคนที่ปรากฏตัวใน19ตอนที่ผ่านมา#โดนตรบบ อันนี้ก็ลองไปไล่ๆเดากันเอาเองละกันเนอะะะะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

62 ความคิดเห็น
-
#14 NRD.MV. (จากตอนที่ 20)วันที่ 8 เมษายน 2562 / 17:04ลุ้นๆๆๆๆ สู้ๆนะคะไรท์~#140