ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลุ้นรักหวานๆของยัยเจ้าหญิงน้อย

    ลำดับตอนที่ #2 : ดวงมันซวย

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 51


    [ดวงมันซวย]

     

                    ซ่า~!! เสียงฝนตก

    อ๊ายแย่แล้ว ไม่ได้เอาร่มมาด้วยสิ สงสัยต้องรอจนกว่าฝนจะหยุดแฮะฉันพ่นลมหายใจสุดปอด ก่อนจะสูดอากาศเข้าไปใหม่ ฉันเหม่อมองท้องฟ้าที่ตอนนี้กำลังครึ้มมากพอดู เสียงฝีเท้าของผู้คนมากมายพากันวิ่งขวักไขว้เต็มไปหมด ฉันรีบวิ่งเข้าไปหลบฝนตรงศาลาป้ายรถเมล์สายหนึ่ง ศาลาที่ตอนนี้มีเพียงฉัน...ซักพักก็มีคนเริ่มทยอยเข้ามาหลบฝนในศาลานี้เรื่อยๆ และเรื่อยๆ ฉันถูกเบียดทีละนิด ทีละนิด ในที่สุดร่างของฉันก็ถูกเบียดจนไปติดหลังกำแพง

    โอ้ย!!ไอ้คนข้างหน้าฉันเนี่ย มันจะเบียดมาทางฉันไปถึงเมื่อไหร่น่ะ ฉันกระแทกเสียงดัง ผลักไหล่ผู้ชายตรงหน้าด้วยความฉุนขาด เขาตวัดหน้ามามองฉันเล็กน้อย

    ขอโทษครับ พอดีผมไม่รู้ว่ามีคนอยู่หลังผม

    ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็ต้องขอโทษด้วยฉันพูดเก้อเขิน รีบเปลี่ยนท่ายืนให้ดูเป็นกุลสตรีขึ้นมานิด ฉันกับเขามองหน้ากันอยู่นานพอควร ต่างฝ่ายต่างมอง...

                    ...รู้สึกมันทะแม่งๆชอบกลแหะ...

                    ทำไมนายนี่ ถึงเหมือนวายหนุ่มฮอตอันดับสองจังน้า..รึว่า...จะ...

    เธอ/นายฉันกับเขาร้องออกมาเสียงหลง ชี้หน้ากันอย่างกระต่ายตื่นตูม

    เจอกันอีกแล้วนะยัยเจ้าหญิงน้อยเขาพูดเสียงรอดไรฟันอย่างระงับอารมณ์

    แล้วนายล่ะ~นายไม่มีสิทธิ์มาบอกฉันหรอกน่ะนายเพลย์บอยฉันพูดเสียงสั่นเครือ ชูกำปั้นขึ้นกลางอากาศ เขาแยกเขี้ยวปัดใส่ฉัน แล้วดีดหน้าผากฉันดังเป๊าะ!

    ยัยบ้าเธอมาตามรังครวญฉันถึงที่เลยรึไง

    แล้วไงเล่า ฉันก็มาหลบฝนของฉันนะฉันตอบกลับเสียงแหลมปี๊ด ทำให้คนตรงหน้าต้องรีบเอามือมาอุดหูไว้

    ปากเธอมีลำโพงรึไง หัดอายคนซะบ้างเซ่ ใช่แล้วเขาพูดถูก คนที่เข้ามาหลบฝนในศาลาพากันมามุงดูฉันกับนายวายอย่างกับโรงภาพยนตร์กลางแจ้ง ฉันยิ้มให้คนพวกนั้นจางๆด้วยความอายแสนสุดจะบรรยาย แต่คนพวกนั้นก็ยังคงจ้องมาทางฉันและวายตาไม่กระพริบ

    ไอ้พวกบ้าไม่เคยเห็นสามีภรรยาเขาทะเลาะกันรึไง จ้องกันอยู่ได้เขาตวาดเสียงดังลั่น อะไรนะสามีภรรยา ฉันไปเป็นภรรยากับนายนี่ตอนไหนเนี่ย ฉันคิดจะแก้ข่าวแต่นายวายก็เอามือมาอุดปากฉันไว้แน่น แล้วรีบจุงมือฉันออกจากศาลาท่ามกลางเสียงซุบซิบที่ดังกันให้แซ่ด

    เด็กพวกนั้นเป็นสามีภรรยากันงั้นหรอ งั้นก็ปู้ยี้ปู้ยำกันแล้วสิ

    เป็นแค่เด็กม.ปลายแท้ๆเลย ท่าทางจะเป็นเด็กบ้านแตกนะ

    นั่นสิค่ะ แย่จริงๆเลย

                    นี่เป็นแค่เสียงที่ได้ยินจากพวกแม่บ้านเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าคนอื่นจะพูดอย่างไงบ้าง โอ้ออออม่ายยยย!!  ชีวิตเด็ก ม.ปลาย ที่แสนสุขของฉันถูกนายเพลย์บอยทำลายไปต่อหน้าต่อตา พวกแม่บ้านพวกนั้นพูดออกมาได้ไงกัน ปู้ยี้ปู้ยำ เด็กบ้านแตก แต่งงานก่อนวัยอันควร ฮือๆ

    เป็นเพราะนาย ลีวาย ดูสิฉันเปียกหมดแล้วฉันพูดทั้งน้ำตา ร่างกายสั่นเทาเพราะความหนาวและความกลัวและพร้อมกับความโกรธแค้น

    จะมาพูดอะไรเอาตอนนี้เล่า!!!”เขาโอบไหล่ฉันให้แน่นขึ้น ตอนนี้เราเหมือนแฟนกันจริงๆ ฉันสะบัดร่างกายออกจากมือใหญ่หนานั้น แล้วรีบเดินห่างจากตัวเขาซักสามเมตร

    ไม่ต้องกลัวกันขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ตอบแต่กับยิ่งเดินออกห่างเขาไปเรื่อยๆตอนนี้ฉันกับเขาห่างกันได้ซักประมาณห้าสิบเมตรแล้ว ฉันกอดอกด้วยความหนาว เสื้อนักเรียนตอนนี้มันบางจนเห็นเสื้อในไปหมด

    อยากได้เสื้อโค้ทซักตัวจัง ฉันบ่นอุบอิบเพียงลำพัง ตอนนี้ฉันมองไม่เห็นนายวายเลย หมอนั่นเดินเร็วเป็นบ้า แต่ทำไมมันถึงเย็นๆวาบๆตรงขานัก

    กางเกงในสีขาวสะอาดจริงนะ เสียงของผู้ชายที่ไม่รู้จักดังขึ้นที่ด้านหลัง มีพวกผู้ชายประมาณหกคนกำลังล้อมฉันอยู่ ฉันสังเกตเห็นในมือข้างขวาของผู้ชายที่ย้อมผมสีฟ้าถือกระจกขนาดสีเหลี่ยมเล็กๆอยู่ในมือ ฉันสะดุ้งเล็กน้อย

    กระจกนี่ดีนะ ส่องที่ใต้ขาก็มองเห็นอะไรดีๆซะแล้วชายที่ย้อมผมสีฟ้าพูดเสียงเย้ยหยัน ฉันกำหมัดแน่นร่างกายทั้งหมดไร้สิ้นเรี่ยวแรง ชีวิตม.ปลายที่สวยงามจบสิ้นแล้ว ดวงตาคมสวยหล่อลื้นทั้งน้ำตาที่หยดลงใบหน้าเนียนสวย ฉันเม้นปากแน่น ในใจร้องเรียกอยากให้มีซุปเปอร์ฮีโร่เข้ามาช่วย  

    เฮ้ย!หยุดร้องไห้ ต่อไปนี้พี่จะพาน้องไปสนุก พวกผู้ชายพวกนั้นพูดจนฉันขนลุกซู่ ร่างกายฉันแทบทรุดฮวบลงกับพื้น  

    จะพาฉันไปไหน

    ไปที่ที่...ชายที่ย้อมผมสีฟ้าไม่ทันจะร่ายต่อ ก็ถูกหมัดของใครบางอัดเข้าจนกระเด็นลงไปกองอยู่กับพื้น

    วายฉันเรียกชื่อเขาพลางเอามือป้องปากด้วยความตกใจ

    ที่แท้ไอ้บ้าวายนี่เองว่ะ พวกเราพวกผู้ชายโรคจิตที่เหลือวิ่งไปคว้าท่อนไม้มาคนล่ะท่อน

    ฉันจะจัดการแกวันนี้แหละวายพูดเสียงเฉียบ  พวกผู้ชายโรคจิตวิ่งเข้าไปหาวายคนเดียว เสียงตะรุมบอนดังระงมไปทั่ว ฉันกำมือขึ้นภวานาให้วายปลอดภัย ส่วนพวกผู้ชายพวกนั้นส่งลงนรกได้ยิ่งดี

    หยุดๆเสียงตำรวจร่างอวบอ้วนคล้ายอึ่งวิ่งเข้ามาทางฉัน ฉันพอคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ จึงใช้ความกล้าทั้งหมดวิ่งฝ่ากลุ่มโรคจิตพวกนั้น แล้วรีบไปคว้าตัววายออกมา

    ฉันยังจัดการพวกนั้นไม่เสร็จเลยน่ะเขาจับรีบฝีปาก ตรงมุมปากเขามีรอยช้ำเล็กๆริมฝีปากเขาแตกเป็นรอยเลือดซึมออกมา ฉันมองเขาอย่างรู้สึกผิด ที่ทำให้เขาต้องมาลำบากด้วย

    ฉันว่าเราไปทำแผลที่โรงพยาบาลก่อนนะ

    ไม่จำเป็น เธอต้องพาฉันกลับบ้าน

    แล้วทำไมไม่กลับเองล่ะฉันทำหน้านิ่ว แล้วเบนสายตาไปทางอื่น

    เธอทำให้ฉันเจ็บน่ะ ไม่คิดจะชดใช้เลยรึไงเขาโวยวายเป็นเอ็ดตะโร

    ก็ได้ ว่าแต่บ้านนายอยู่ไหนล่ะ ฉันขอโทรหาแม่ก่อนด้วย เขาชี้ไปสุดถนน ถ้ามองดีๆก็พอมองเห็นบ้านอยู่บ้าง

    บ้านนายหรอ

    เขาพยักหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบ เราเดินไปได้ซักพักก็มาถึงบ้านวาย ใหญ่เป็นบ้าอย่างกับพระราชวังแนะ เขากดกริ่งหน้าบ้านสองครั้งก็มีแม่บ้านวิ่งมาเปิดประตูให้

    กลับมาแล้วหรอค่ะ คนรับใช้วัยกลางคนถามสีหน้าระรื่น

    ครับเขาตอบอู้อี้

    ตายแล้วหน้าคุณหนูไปโดนอะไรมาคะ เดี๋ยวป้าทำแผลให้

    ไม่เป็นไรครับป้าโสม ป้าโสมแค่ช่วยเอายาให้ผู้หญิงคนนี้ก็พอแล้วครับ ผมจะให้เธอทำแผลให้ นายวายผายมือมาทางฉัน คนรับใช้ที่ชื่อป้าโสมก็พยักหน้ารับคำทั้งๆที่ยังงงๆ

                    ป้าโสมพาฉันมาที่ห้องครัว เครื่องครัวภายในถูกจัดไว้อย่างลงตัว ข้าวของทุกอย่างล้วนดูแปลกตาและมีราคาแพงมาก ป้าโสมยื่นกล่องยาให้ฉันแล้วพาฉันไปส่งที่หน้าห้องวาย ป้าโสมทำตากระพริบเล็กๆ แล้วกระซิบที่ข้างหูเบาๆ

    เป็นแฟนกับคุณหนูหรอคะ ป้าก้ขอให้รักกันนานๆนะคะแก่ขนาดนี้ยังจะมาแซววัยรุ่นอีกหรอเนี่ย ฉันฉีกยิ้มทำใบหน้าจิ้มลิ้ม ป้าโสมแค่นหัวเราะออกมารัวเร็วแล้วเดินลงบันไดช้าๆ

     

    แก้ก! เสียงเปิดประตู

    มาแล้วหรอ เขาพูดทั้งๆที่สายตาเขาจับจ้องไปที่หน้าจอทีวี

    อย่าพูดอย่างนั้นสิ ฟังแล้วขนลุกชะมัด

    เธอนี่ก็เข้าข่ายพวกคิดลึกน่ะเขายิ้มกว้างเผยให้เห็นรักยิ้มที่บุ๋มเป็นวงกลมของเขา นับเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขายิ้มออกมา เป็นใบหน้าที่อ่อนโยนไม่เหมือนที่โรงเรียนที่เอาแต่เก๊กแถมยังทำตัวเกกมะเหงกเกเรอีกต่างหาก

    ทำแผลได้แล้ว ฉันจะต้องรีบกลับบ้าน  ฉันวางกล่องยาไว้บนเตียงนอนของเขา เขาละสายตาจากทีวีแวบหนึ่ง แล้วหันหน้ามามองฉันอย่างจริงจัง

    ภรรยาน่ะ เขาต้องเดินมานั่งข้างๆสามีแล้วก็ถามด้วยความเป็นห่วง

    เดินมาเองเซ่!”  เขาไม่ตอบอะไรกับหันหน้าไปดูทีวีต่อ หมอนี่วอนซะแล้วน่ะ ตั้งใจจะให้ฉันเดินไปทำแผลให้ถึงเตียงเลยรึไง

    เอ๋!กองกระดาษอะไรเนี่ย ฉันพยามยามทำให้เขาเบี่ยงเบนความสนใจมาทางฉัน

    ....เงียบ

    ....เงียบ

                    ตกลงหมอนี่ไม่คิดจะสนใจอะไรเลยรึไง ฉันคว้ากองกระดาษหนาเท่าตึกขึ้นมาค้นดูด้วยความอยากรู้ เพราะเนื้อหาในกองกระดาษพวกนั้นเป็นกระดาษเฉลยข้อสอบ

    เธอทำอะไรน่ะ!!”วายตวาดเสียงดัง ฉันสะดุ้งโหยงสุดขีด กระดาษหนาเท่าตึกล่วงหล่นลงไปกองกับพื้น กระดาษสีขาวเนียนเกลื่อนกราดทั่วพื้นห้อง

    ...รูป...

    มีบางสิ่งที่นอกจากกระดาษสีขาว มันเป็นรูปของผู้หญิงคนหนึ่งหลายรูปด้วยกัน ทุกอิริยาบถต่างถูกถ่ายทอดลงสู่กระดาษ เป็นภาพวาดเสมือนจริง...ภาพของเด็กผู้หญิงม.ต้น ซึ่งมันเป็นภาพที่น่ารักมากทีเดียว 

    รูปใครหรอ ขอดูหน่อยสิ ฉันคิดที่จะหยิบรูปวาดขึ้นมาดูแต่วายก็พลักไหล่ฉันล้มลงไปกองกับพื้นกระเบื้อง

    อย่ามายุ่ง!!มันจะเป็นรูปใคร มันก็ไม่เกี่ยวกับเธอหรอก ยัยบ้า!!”เสียงตวาดนั้นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ใบหน้านั้นแดงก่ำด้วยความโกรธจัด ตอนนี้เขากำลังตวาดใส่หน้าฉัน

    ..ทำไม..ฉันก็แค่อยากดูรูปว่า..เป็นใคร...เท่านั้น

    ยัยหน้ารำคาญ!!!เธอนี่มัน~~…”

    ข..ขอโทษ ฉันพูดโดยไม่มองหน้าเขา กับอีแค่ถูกคนตวาดใส่ คนอย่างเราไม่น่าจะมาร้องไห้กับเรื่องแค่นี้เลย

    ยัยบ้า!รีบมาทำแผลให้สามีสิฉันก้มหน้ามองพื้น ไม่ยอมตอบอะไรทั้งนั้น...ฉันชักเกียจหมอนี่จริงๆแล้วสิ

    โกรธรึไง....เขาเบาเสียงลง

    คำก็สามี สองคำก็สามี อะไรอีกล่ะฉันไปเป็นภรรยาในตั้งแต่เมื่อไหร่ หัดเอาใจคนอื่นซะบ้างเซ่!!ฮึกๆๆฉันตะโกนเสียงสั่นเครือ ฉันก้มหน้าตลอดเพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังร้องไห้ เขาไม่เถียงกับเหมือนเคย แต่เขากับยิ้มออกมา จิตใต้สำนึกของฉันมันชาไปหมด ฉันคิดได้เพียงว่า เขาเป็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง เขาเป็นอสูรที่จ้องจะเขมือบคนบริสุทธิ์ได้ทุกเมื่อ

    แหมะ! แหมะ!

    น้ำตาใสๆเอ่อคลอรอบดวงตา ฉันมันเป็นพวกบ่อน้ำตาตื้น ถูกด่านิดหน่อยก็ร้องไห้...ตอนนี้ไม่มีฝ่ายใดเอ่ยปากพูด ภายในห้องเงียบลง ได้ยินเพียงเสียงเจื่อยแจวดังออกมาจากโทรทัศน์ ฉันหรี่ตามองวายเล็กน้อย เขากำลังเก็บกองกระดาษข้อสอบและภาพวาด เพียงแปบเดียวเขาก็เก็บกระดาษพวกนั้นเสร็จ เขาแยกกองภาพวาดกับกองกระดาษไว้ ภาพวาดของหญิงสาว ม.ต้นถูกนำไปเก็บไว้ในลิ้นชักแล้วถูกล็อคกุญแจอย่างแน่นหนา การกระทำอย่างนั้นมันเสียบแทงใจฉันมาก มันมีความรู้สึกเหมือนฉันเป็นฝ่ายผิดจริงๆ

    ฉันกลับล่ะฉันหุนหันเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ยอมตอบอะไรทั้งสิ้น แต่เข้ามาจับเอวฉันไว้แน่น ฉันก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย มือใหญ่หนาของวายปาดน้ำตาที่แก้มของฉันออกเบาๆ

    ฉัน-ขอ-โทษ-น่ะเขาพูดคำนั้น ช้าๆชัดๆ ส่วนฉันก้มหน้าลงไปอีก เจ็บคอชะมัดยาด คนอย่างหมอนี่วันๆเอาแต่ทำตัวเพลย์บอยผู้หญิงคนไหนเขาจะยอมเชื่อคำพูดพล่อยๆของนายล่ะ

    เงยหน้าขึ้นมาสิ เขาพูดเสียงเฉียบ ฉันเงยหน้าขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ ตอนนี้เขากอดเอวฉันอยู่ มันรู้สึกเหมือนว่าเราเป็นคู่รักกันจริงๆ

    ช่วยปล่อยมือได้มั้ย ฉันชี้ไปที่เอวบางๆของตัวเอง รู้สึกว่าเขาจะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ จึงรีบปล่อยมือออกอย่างรวดเร็วด้วยความเขินอาย

    ฉันขอโทษวายพูดทวนอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขาพูดเบามากจนฉันแทบไม่ได้ยินเลย

    ไม่ต้องมาขอโทษหรอก นายกับฉันมันก็แค่คนรู้จักกันเท่านั้นฉันตอบกับอย่างไม่แคร์ เขามองฉันสีหน้าซีดเผือดลง ก่อนที่เขาจะเดินดุ่มๆไปเปิดลิ้นชักตู้ที่เขาเก็บรูปวาดนั้นไว้

    เธออยากดูรูปใช่มั้ย เขายื่นรูปพวกนั้นมาให้ฉัน...ฉันรู้ว่าเขาฝืนทำ...เขาเพียงแค่ไม่อยากให้ฉันโกรธ...แม้แต่คำขอโทษ...เขาก็ยังฝืน...เขาก็แค่ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนหนึ่งเท่านั้น

    นายอย่าฝืนดีกว่านะฉันกระพริบตาปริบๆ แล้วตอบออกไปอย่างคนเสียสติ

                    ปัง!

                ฉันปิดประตูห้องของวายเสียงดัง แล้วรีบวิ่งลงบันไดอย่างไม่คิดชีวิต เสียงโครมครามดังออกมาจากห้องของวายไม่หยุด ท่าทางเขาจะเป็นพวกอารมณ์ร้อน อะไรไม่ได้ดั่งใจต้องพังข้าวของลูกเดียว ป้าโสม และพ่อบ้านมองฉันอย่างเป็นห่วง คงเพราะได้ยินเสียงทะเลาะกัน

    จะกลับบ้านแล้วหรอจ๊ะ

    ค่ะฉันตอบ

    เดี๋ยวป้าให้พ่อบ้านไปส่งนะจ๊ะ นี่มันก็ดึกมากแล้วป้าโสมจับมือฉันแล้วพาฉันไปส่งขึ้นรถที่หน้าบ้าน

                    เฮ้อ! วันนี้เป็นวันที่โคตรจะซวยเลย ชีวิตจริงนี่มันไม่เหมือนนิยายเลย (แล้วนี่ไม่ใช่นิยายหรอ) พรุ่งนี้จะปั้นหน้าอย่างไงไปโรงเรียนละเนี่ย

    ถึงบ้านแล้วครับ

    ขอบคุณค่ะฉันหยิบกระเป๋าสะพายสีดำแล้วกล่าวขอบคุณเสียงขุ่นๆ ตอนนี้ตาฉันแดงมาก ถ้าพี่ทั้งสองคนเห็นฉันในสภาพนี้คงตกใจแน่

     

    ปึง ปึง!!

     ฉันเคาะประตูอยู่นานก็ไม่มีทีท่าว่าจะเปิด

    พี่ซาบิ พี่ซูชิ เฮ้ย!เปิดให้หน่อยสิ พ่อ แม่ เปิดประตูให้หน่อยฉันตะโกน ในใจรอความหวังว่าครอบครัวฉันคงไม่ปล่อยให้ฉันนอนอยู่นอกบ้านเหมือนหมา

                   

     

                    หวืด~ลมผ่านตัว 20 นาทีผ่านไป

    เปิดประตูหน่อยเซ่!”เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ แสดงว่าคงไม่มีใครอยู่บ้านจริงๆ ฉันวิ่งไปทางหลังบ้าน ตอนนี้ฉันยังคงปลอดภัยอยู่ เพราะทางไปหลังบ้านฉันมักจะมีสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดอาศัยอยู่...

    มืดอย่างนี้มองไม่เห็นทางเลยแฮะฉันใช้แสงที่นาฬิกาข้อมือเป็นตัวนำทางแม้ว่ามันจะเป็นแสงระยะสั้นๆ แต่ก็ช่วยได้มาก...แต่...รู้สึกฉันจะเห็นเงาคนเดินนะ... หรือว่าจะเป็น..ผ..ผี

    กรู กรู~

    กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!! ผีหลอก ๐_

    ฉันหันหลังวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว เงาผีตนนั้นก็วิ่งไล่หลังตามฉันมาด้วย  

    กรี๊ด!อย่าตามมานะ ฉันมีพระน่ะจะบอกให้ ฉันหวีดร้องเสียงหลง ผีตนนั้นวิ่งมาใกล้ฉันเรื่อยๆ ตาของผีตนนั้นรู้สึกจะส่องแสงได้ด้วย

    ฮือๆตายแน่ อ่ะอ้าก จะล้มแล้ว จะล้มแล้ว กรี๊ดดดดด!” ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าตัวเองไปสะดุดกับอะไรเข้า แต่กับไม่รู้สึกเจ็บเลย รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมอกของใครบางคน...หรือว่าจะผี..แต่มันอุ่นๆแหะ...ฉันลืมตาขึ้นมาดู แล้วใช้นาฬิกาไฟฉายส่องไป

    และ...

    พ...พี่ ซาบิ

    เป็นอะไรรึป่าว

    ฮือๆฉันกอดพี่ชายตัวเองให้กระชับขึ้นด้วยความโล่งอก

    ไปทำอะไรมาทำไม่ถึงตัวเปียก ตากฝนรึไง พี่ซาบิถามเสียงนุ่ม ฉันพยักหน้าแล้วตอบกลับไป

    พี่ บ้านเรามีผีแหละ

    ผีพี่ซาบิทำหน้าเหวอ

    ใช่เมื่อกี๊มันวิ่งไล่ตามซอสมา

    ยัยซอสบ้า ผีเผอที่ไหนกัน ผีนะน่าจะเป็นไอ้ซูชิมากกว่า ฉันปล่อยตัวออกมาจากพี่ซาบิ แล้วจ้องหน้าพี่ด้วยความสงสัย พี่ซาบิยิ้มแล้วชี้ไปทางด้านหลัง...ฉันหันหลังไปมองก็พบว่า คนที่กำลังยื่นอยู่ด้านหลังฉันก็คือพี่ซูชิ

    แต่ซอสเห็นมันมีตาเรืองแสงด้วยนะ และก็มีขนด้วยฉันยังไม่ตัดใจเชื่อว่าผีตนนั้นจะเป็นพี่ซูชิที่วิ่งไล่ตามฉันมา

    ซอสคงหมายถึงเจ้านี่ พี่ซูชิอุ้มมันขึ้นมาให้อยู่ในอ้อมกอด

    โซยุ ฉันขานชื่อมัน โซยุ เป็นแมวที่บ้านฉันเลี้ยงไว้เอง เป็นแมวขนฟู ตัวใหญ่ โซยุเป็นแมวเพศผู้ตัวสีขาวสะอาด น่ารักน่าชัง ใครเห็นมันก็ต้องหลงรักมันทุกคน

    เชื่อยังล่ะ ว่าบ้านเราไม่มีผีพี่ซาบิและพี่ซูชิถามแค่นหัวเราะรัวเร็ว

    อืมฉันทำปากยื่นด้วยความงอน จนพี่ชายทั้งสองต้องรีบหุบปากลง

    แล้วพวกพี่มาทำอะไรหลังบ้านเนี่ย

    ก็พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน เห็นบอกว่าจะไปเที่ยวที่จีนซักเดือนสองเดือนน่ะ แต่ว่าพ่อกับแม่ดันเอากุญแจบ้านไปด้วย พวกพี่ก็เลยต้องมาหาทางเข้าบ้านนี่ไง พี่ซูชิอธิบายสีหน้าหงุดหงิดลงทันที

    พวกพี่หาทางเข้าบ้านมาเป็นชั่วโมงแล้วก็หาทางเข้าไปในบ้านไม่ได้ซักทีพี่ซาบิอธิบายให้ฟังต่อ

    ซอสมีกุญแจสำรองอยู่นะแต่ว่าเป็นกุญแจหลังบ้าน

    อย่างไงก็ได้แต่ขอให้เข้าบ้านได้ก็พอพี่ชายทั้งสองตอบพร้อมกันท่าทางจะเหนื่อยกับการหาทางเข้าบ้านน่าดู

               

                    เมื่อกับเข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้ว พี่ชายและฉันก็รีบแยกย้ายพากันอาบน้ำกินข้าวและรีบเข้านอนอย่างรวดเร็ว

                    เหนื่อยเป็นบ้าเลยฉันบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว ก่อนจะโน้มตัวลงนอนบนที่นอนลายหมีพูสีสดใส แล้วเอื้อมมือไปปิดโครมไฟที่อยู่ใกล้ๆเตียงนอน

                    พรุ่งนี้ขอให้อย่ามีเรื่องอะไรเลยนะ สาธุ....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×