คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : อาการของคนแพ้ (100%)
Chapters 10
อาการของคนแพ้
ช่วงเช้าในการใช้ชีวิตวันที่สองในเมืองลอสแองเจลิสแสงอาทิตย์จากระเบียงลอดส่องลงมายังเตียงกว้างทางฝั่งด้านในของเตียงร่างบางหรี่ตาเพื่อหลบเลี่ยงแสงแดดยามเช้าด้วยการเอาใบหน้ามุดผ้าห่มส่วนแจ็คสันที่นอนอยู่อีกเตียงหนึ่งกำลังนอนหลับสนิทเนื่องจากใส่ผ้าปิดตานอน จินยองอดทนไม่ไหวกับแสงที่ลอดผ่านเข้ามาจึงลืมตาตื่นขึ้นมามองบรรยากาศรอบตัว ริมฝีปากอิ่มหาวหวอดอย่างง่วงนอนเป็นที่สุด เขาเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์กดเข้าแอพสีเขียวเข้าไปที่ข้อความล่าสุดอิมแจบอมยังไม่มีวี่แววจะทักมาเลยสงสัยว่าอาจจะนอนอยู่ก็ได้ เขาจึงลุกขึ้นมาอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเพื่อเตรียมลงไปหาอะไรทานข้างนอก เสื้อยืดสีขาวล่นขึ้นมาจนเห็นเอวกิ่วขอดขณะที่กำลังยืนบิดขี้เกียจอยู่หน้ากระจกตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบชุดที่จะใส่วันนี้เดินเข้าไปในห้องน้ำ เวลาผ่านไปจนเกือบครึ่งชั่วโมงเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำเห็นแจ็คสันนั้นนั่งหน้าจุมปุกคล้ายคนเหมือนโดนโทรเรียกให้ตื่นคงไม่พ้นแฟนสุดน่ารักอย่าง...ยองแจเพื่อนของเขาเองนั้นแหละ
“วันนี้มีแพลนไปไหนหรือเปล่าครับพี่แจ็คสัน”
จินยองถาม
“ว่าจะไปเที่ยวหาดซานตาโมนิก้าน่ะ”
จินยองพยักหน้าร่างบางจึงอวยพรให้แฟนเพื่อน
“งั้นขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับ”
แจ็คสันมีเพียงรอยยิ้มมุมปากเล็กๆ
พอพ้นเข้าห้องน้ำไปปุ๊บใบหน้าหงิกเป็นตูดทันที ถ้าไอ้แจบอมไม่โทรมารบกวนเขาในเวลานี้เขาจะไม่ว่าเลยแต่นี่ไล่ด้วย
จ้า!!!!! ที่ยอมไปไม่ใช่อะไรหรอกแลกกับการที่ล่องเรือสำราญสุดหรูพัก 3 วัน 2
คืนก่อนบินกลับ เอาดิวะ ราคาไม่ใช่แพงเล่นๆ
ไหนๆจะถลุงไอ้เพื่อนเวรก็ขอถลุงมันทีเถอะ!
ย้อนไปเมื่อ 15
นาทีก่อนหน้า
ร่างหนาที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงอย่างมีความสุขจำต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะว่าเสียงโทรศัพท์มือถือที่สั่นไม่หยุดอยู่
ณ ตอนนี้
ร่างหนากวาดมือหาต้นตอของเสียงด้วยเปลือกตาสีไข่ยังคงไม่ยอมลืมตาตื่นขึ้นมาจากนั้นเขาสไลด์หัวแม่มือเพื่อกดรับปลายสายด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความง่วงอย่างที่สุด
“ฮัลโหล”
(ตอนนี้กูอยู่บนเครื่องบินแล้วขอให้มึงรีบออกจากห้องด่วน)
แจ็คสันถอนหายใจพรืดใหญ่เวลาเดินทางมันกว่าจะถึงแอลเอก็นู่นเกือบสามทุ่มแต่ตอนนี้มันคือเวลาเก้าโมงเช้ามันใช่เวลาไล่ไหมวะ
แจบอม
“ไว้เที่ยงค่อยย้ายได้ไหมวะ”
(ไม่ ได้) หนักแน่นจริงๆ ไอ้...
(ถ้ามึงย้ายกูมีข้อเสนอกับที่พักที่เบเวอรี่ฮิลล์พร้อมกับพักผ่อนบนเรือสำราญ
3 วัน 2 คืน ว่าไง)
“สัส
เอาเงินมาล่อหรอวะ นี่เพื่อนไง” แจ็คสันขึ้นเสียงใส่โชคดีที่จินยองคงไม่ได้ยินเพราะในห้องน้ำเก็บเสียงทำให้การได้ยินนั้นหายห่วงไปเลย
(ไม่เอา?)
“เอาครับ
ย้ายเลย”
(เยี่ยม
ภายในสองชั่วโมงไม่งั้นข้อเสนอที่กูให้ไป โมฆะ!)
ติ๊ด...
สั่งเก่ง
ไอ้สัส!
หลังจากที่จินยองออกมาจากห้องน้ำ
แจ็คสันก็เก็บของที่จะไปเที่ยวเบเวอรี่ฮิลล์เสร็จเรียบร้อยและกำลังจะเดินไปทำธุระส่วนตัว
เขาล่ำลาก่อนจะหยิบกระเป๋าตัวเก่งเดินออกจากห้องพักเพื่อออกไปหาอะไรทานข้างนอกซึ่งไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก
ร่างเล็กก้มมองดูโทรศัพท์ก็ไม่มีวี่แววว่าอิมแจบอมจะส่งข้อความหรืออะไรมาสักอย่างแต่ก็ไม่ได้อะไรนักเขาเลิกสนใจแล้วมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่เขาค้นอยากจะไปซึ่งเป็นสิ่งที่เขาลิสต์ไว้ทั้งหมด
เมื่อเดินได้สักพักเสียงโทรศัพทืมือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นจินยองรีบหยิบขึ้นมารับสายและเห็นหน้าจอเป็นแบมแบมที่วิดิโอคอลมาหาเขา
“ว่าไงครับคุณแบมแบม
อยู่ไหน”
(อยู่เกาหลีนี่แหละ
กลับเมื่อไหร่นัดเที่ยวกัน)
จินยองทำหน้าเอือมนี่โทรข้ามประเทศนี่แค่ชวนเที่ยวหรือไงล่ะ
“ลงทุนเนาะโทรข้ามประเทศเพื่อชวนเที่ยวเนี่ย
แล้วนี้ห้องพี่มาร์คเหรอ” ริมฝีปากสีแดงสดกระตุกยิ้มใส่เพื่อนรักเมื่อเห็นแผ่นหลังในเสื้อสีดำของใครบางคนที่อยู่ไม่ไกลจากเพื่อนเขานัก
(ทำไมมั่นใจว่าเป็นมาร์คล่ะ
อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้ โอ๊ย) เสียงแบมแบมหวีดร้องเมื่อโดนคนที่เขาเพิ่งพูดถึงทำร้ายเข้าให้
พร้อมกับเสียงเล็ดลอดที่ว่า ‘กล้ามีคนอื่นเหรอไง’
ทำเอาถึงกับเขินกับภาพบนหน้าจอเมื่อมาร์คงับที่แขนเล็กของแบมแบม
“นี่
เกรงใจหน่อย อีกประมาณ 2 วันก็กลับแล้วจะนัดก็นัดนะจ๊ะ”
(โอเค จองตัวแล้วอยากไปผับ งื้ออ
มันเจ็บพี่มาร์คอย่ากัด)
“วางละนะ
ไปกัดกันเถอะ” แบมแบมค้อนใส่หนึ่งทีก่อนสายจะตัดไป...
กริ๊ง...งงง
เสียงกระดิ่งที่แขวนไว้ที่ประตูของร้านอาหารเป็นสัญญาณเตือนว่ามีลูกค้ากำลังจะเข้าไปไม่นานนักพนักงานก็เดินเข้ามาต้อนรับเขาบอกชื่อของตัวเองที่ใช้ในการจองโต๊ะไว้จากนั้นพนักงานก็เดินนำไปที่โต๊ะอาหาร
เมื่อสั่งเมนูทุกอย่างเสร็จสรรพ
รอไม่นานอาหารที่สั่งทุกอย่างก็ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ
ทันทีที่ได้กลิ่นของอาหารจินยองเริ่มมีอาการแปลกๆ
เมื่ออาหารตรงหน้านั้นเหม็นไปหมดสำหรับตัวเขาเอง
“อึก...”
ความรู้สึกอยากอาเจียนออกมากำลังตีตื้นอยู่ในลำคอ
จินยองเลื่อนอาหารตรงหน้าออกไปและใช้มือปิดจมูกความรู้สึกตอนนี้ทำให้ความหิวลดลงเขาไม่สามารถทานต่อได้อีก
แต่อีกใจหนึ่งก็เสียดายค่าอาหารที่เสียไป จะฝืนทานก็คาดว่าไม่ได้แน่ๆ
เขาได้แต่สงสัยกับอาการที่ร่างกายเป็นอยู่เพราะไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน
จินยองตัดสินใจเรียกให้พนักงานเก็บอาหารที่สั่งใส่ลงกล่องเพื่อนำกลับไปทานที่โรงแรมแทน
พนักงานเสิร์ฟยกอาหารไปทั้งหมดเพื่อเก็บลงกล่องให้ใช้เวลาในการรอไม่นานนัก
ถุงอาหารก็ถูกถือออกมาโดยพนักงาน
“นี่ค่ะ
คุณลูกค้า”
“ขอบคุณนะครับ”
จินยองยิ้มให้และรับถุงอาหารมาถือไว้ในมือเป็นอันว่ามื้ออาหารมื้อนี้เป็นหมันไปโดยปริยาย
เขาเดินกลับไปยังห้องพักทันทีไม่เลือกที่จะไปไหนต่ออีกเพราะความรู้สึกตอนนี้มันไม่ไหว
มึนหัวไปหมด
ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแองเจลิส
เครื่องบินตรงเกาหลี –
LA ของสายการบิน Aim Airline ลงจอดเครื่องเวลา
20.22 เสียงประกาศภายในเครื่องบินให้ลูกเรือโดยสารเตรียมตัวที่จะลงไปยังประตูขาออกของเครื่องร่างหนาเตรียมเอกสารในการเข้าประเทศอย่างถูกต้อง
กระเป๋าสัมภาระใบขนาดกลางถูกหิ้วลงไปพร้อมเดินไปขึ้นรถของสายการบินที่เตรียมไว้ให้เพื่อเข้าสู่ชานชาลาของท่าอากาศยานนานาชาติลอสแองเจลิส
ร่างหนาของอิมแจบอมเดินไปรอกระเป๋าที่ถูกโหลดมาจากใต้ท้องเครื่อง
เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแจบอมใช้มือสางผมที่มันยุ่งเล็กน้อยให้เรียบร้อยจากนั้นก็เดินออกไปรอแท็กซี่ไปยังโรงแรม
แท็กซี่ขับไปตามถนนจนกระทั่งเลี้ยวเข้าไปในโรงแรมคนขับค่อยๆ
ชะลอจอดตรงหน้าโรงแรมแจบอมหยิบเงินหลายเหรียญให้กับคนขับรถก่อนเขาจะลงมาช่วยขนกระเป๋าลง
ร่างหนาเดินเข้าไปในโรงแรมดังกล่าวพร้อมขอกุญแจห้องสำรองของห้องพักที่คนรักของตัวเองพัก
อีกทางด้านหนึ่งของห้องกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงกว้างเข้าไปที่ข้อความล่าสุดที่คุยกับอิมแจบอมก็ปรากฏว่ายังไม่มีการเปิดอ่านใดๆ
ทั้งสิ้น คนตัวเล็กถอดหายใจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงดังจากประตูทำเอาร่างของจินยองที่นอนอยู่ถึงกับสะดุ้งสายตามองไปที่ประตู
ใบหน้าหวานขมวดคิ้วแปลกใจว่าใครที่มาเคาะประตูห้องของตัวเองกัน
หรือพี่แจ็คสันจะลืมของไว้...
เมื่อคิดได้ดังนั้นจินยองก็รีบเดินไปที่ประตูมือเรียวจับที่ลูกบิดเตรียมเปิดประตูเพราะคิดว่าเป็นแจ็คสัน
เมื่อเปิดประตูสีหน้าของปาร์ค
จินยองดูตกใจทันทีเมื่อคนที่เขารอการติดต่อทั้งวันปรากฏอยู่ตรงหน้าของตัวเองในตอนนี้
“พี่แจบอม...”
อิม
แจบอมยืนยิ้มอยู่หน้าประตูพร้อมอ้าแขนแล้วพูดคำว่า...
“เซอร์ไพรส์ครับ”
“พี่มาได้ไงเนี่ย”
จินยองถามใบหน้าเรียวคิ้วขมวดด้วยความสงสัย
“มาทำงานครับ
ทำไมไม่ดีใจเลยล่ะ” มือหนาลูบที่พวงแก้มนิ่มของน้อง
ใบหน้าอันแสนน่ารักอมยิ้มเล็กๆ
“ก็ดีใจครับแต่ก็ตกใจหน่อยๆ
ทานอะไรมาหรือยังครับ” ร่างบางเดินนำร่างหนาเข้ามาในห้องพักของตัวเอง
“ทานบนเครื่องมาแล้ว
ทำไมอาหารเยอะจังเลย” อิมแจบอมกวาดตามองถุงอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะแกรนิต
“ตอนแรกมันก็หิวผมก็เลยสั่งมาเยอะเลยแต่อาหารพวกนี้บางอันมันกลิ่นแปลกๆอ่ะ
ได้กลิ่นแล้วไม่ไหว” จินยองส่ายหน้าหวือเมื่อนึกถึงกลิ่นอาหารอันแสนน่าพะอืดพะอม
“ทานอาหารไม่ตรงเวลาบ่อยๆไง
ดื้อ”
“บ่นเป็นคนแก่เลยนะครับ”
แจบอมตีหน้ายุ่งทันทีเมื่อถูกน้องบอกว่าแก่
“ระวังคืนนี้จะเหนื่อยนะครับ
ปาร์ค จินยอง” ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มแววตาแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์พวงแก้มกลมของจินยองขึ้นสีระเรื่อมือบางทุบเข้าที่แผ่นอกกว้างด้วยความหมั่นไส้
บ้าเอ๊ย...
ท่ามกลางทะเลซานตาโมนิก้าร่างหนากำลังพักดื่มด่ำกับห้องพักสุดหรูบนเรือสำราญอย่างมีความสุข
สระว่ายน้ำขนาดกลางมีร่างหนากำลังแหวกว่ายอยู่ในสระด้วยความเริงร่า
ซึ่งไม่นานนักก็มีเหล่าหญิงสาวในชุดว่ายน้ำบิกีนี่สีหวานเดินเข้ามาซึ่งเป็นบริการสุดพิเศษของโปรแกรมการล่องเรือ
นมตูมๆ
ที่บดเบียดกันมา อื้อหือ...
หวัง
แจ็คสันยืนอยู่ในน้ำเพื่อรอให้เหล่าสาวทั้งสามคนเดินลงมา
หุ่นสีแทนน้ำผึ้งสะท้อนกับแสงจันทร์ทำเอาร่างกายของหนุ่มแน่นหายใจไม่ค่อยคล่องสักเท่าใดนัก
ทั้งสามสาวเดินเข้ามาพร้อมส่งสายตายั่วยวน
“คืนนี้เราจะทำให้คุณพอใจนะคะ”
คนที่สวมบิกีนี่สีแดงใช้นิ้วเรียวไล้ไปตามแผงอกแกร่งของร่างหนาช้าๆ
สายตาหวานจดจ้องกันอย่างไม่ยอมลดละ
“หวังว่า...แฟนของคุณคงไม่มาแหกอกพวกเรานะ”
หญิงสาวอีกสองคนยืนประกบด้านข้าง
เมียมีเมียพี่ต้องมา
แต่ถ้าเมียไม่มาคือเมียไม่มีจ้า!
ระหว่างที่มีปาร์ตี้ริมสระร่างหนากำลังนัวเนียกับเหล่าสาวบิกีนี่นมตูมด้วยความสุขสำราญใจ
สักพักเสียงของสายเรียกเข้าสมาร์ทโฟนดังขึ้นไม่หยุด
แจ็คสันถอนหายใจจากนั้นตัดสินใจเดินขึ้นมาจากสระเพื่อหยิบสมาร์ทโฟนที่วางคว่ำหน้าอยู่บนเก้าอี้ยาว
‘ยองแจสุดที่รัก❤’
หวัง แจ็คสันขนลุกซู่โดยอัตโนมัติเมื่อเห็นหน้าจอขึ้นชื่อของแฟนสุดที่รัก
ร่างหนาส่งสัญญาณให้สาวๆช่วยเบาเสียงลงก่อนจะตัดสินใจกดรับสายพร้อมกรอกเสียงหวานปนสั่นๆ
นิดหน่อย
“นอนไม่หลับเหรอคะ”
แจ็คสันถามคนในหน้าจอที่ส่งยิ้มหวานมาให้เขา
(ครับ ยังไม่ง่วงเลยตาสว่างม้ากกกก อ้าว
แล้วนี่พี่แจ็คสันอยู่ที่ไหนครับเนี่ย) น้ำเสียงของคนตัวเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงใส
แต่คนที่ถูกตั้งคำถามถึงกับอึกอักขึ้นมา
“เอ่อคือ...พี่ได้รางวัลจากผู้โชคดีนั่งเรือสำราญนะจ๊ะ”
(โห อิจฉาอ้ะ
ขอดูรูปบรรยากาศหน่อยสิห้องพักต้องเห็นวิวทะเลด้วยใช่ไหม)
“เห็นจ๊ะ
ภูเขาใหญ่มาก” แจ็คสันมองไปที่หน้าอกของเหล่าพริตตี้ที่ทางโรงแรมจ้างมาคอยบริการ
(ถ่ายบรรยากาศมาเลย)
“เอ่อ
พี่ว่าพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ” แจ็คสันไม่ยอมท่าเดียวจนยองแจเริ่มที่จะเคลือบแคลงในตัวแฟน
(มีอะไรซ่อนไว้ที่ไม่อยากให้ผมรู้หรือไงครับ)
น้ำเสียงที่เรียบเฉยของคนในหน้าจอแต่ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ตาย ตาย ตายแน่
แจ็คสันเหงื่อผุดที่ขมับเม็ดใหญ่...มือหนาผายมือเชิญสามสาวสวยให้ขึ้นจากสระเมื่อขึ้นไปกันหมดแจ็คสันก็เริ่มเปิดกล้องหลังถ่ายบรรยากาศรอบๆ
ให้คนรักดู อีกมือหนึ่งที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์ก็ใช้เป็นสัญลักษณ์ให้สาวๆเหล่านั้นหลบไปอีกทางเมื่อกล้องแพนไป
(อิจฉาอ่ะ อยากไปด้วยจังเลย)
“มาหาพี่สิคะ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยิ้มผ่านหน้าจอคนตัวเล็กที่กำลังเขินแต่ทว่าจู่ๆก็มีเงาผู้หญิงโผล่ขึ้นมาตรงกำแพง
ยองแจจึงปั้นหน้าเข้มกดเสียงต่ำ
(เงาอะไรตรงนั้นพี่แจ็คสัน)
ชิบหายแล้ว
งานเข้า มึงจะไปยืนทำไมตรงแสงไฟเล่า!!!
“เดี๋ยวๆ
ยองแจพูดอะไรครับ พี่กลัวนะ” แจ็คสันทำสีหน้าหวาดหวั่นมองซ้ายทีขวาที
(หมายความว่างะ...ไง)
“พี่อยู่คนเดียวนะคะ”
(โอ๊ย พี่แจ็คสัน
แล้วไอ้เงาที่ยองแจเห็นในกำแพงคืออะไรอ่ะ ฮือ) ยองแจก็กลัวแทน
ร่างหนาแอบขำสายตาคมมองไปที่เงินทิปที่วางไว้ตรงโต๊ะโดยใช้น้ำส้มทับแบงค์ไว้ก่อนจะชี้บอกให้สาวๆ
เหล่านั้นออกไป
“งั้นพี่เข้าไปคุยในห้องแล้วค่ะ”หลังจากที่ในห้องเหลือเพียงแค่เขาคนเดียวแจ็คสันก็พาชมห้องโดยการ
ถ่ายไปรอบๆเพื่อให้ยองแจคลายความกลัว
คาดว่าในอนาคตลาออกจากการเป็นนักบินและเจ้าของธุรกิจแล้ว
ไปเป็นนักแสดงคงจะรุ่งเลยทีเดียว
ภายในห้องพักของโรงแรมมีเพียงแค่โคมไฟที่เปิดแสงสว่างอยู่บนหัวเตียงพร้อมกับร่างเล็กของจินยอง
ที่ซุกอยู่ที่อกแกร่งของอิมแจบอมโดยเตียงทั้งสองเตียงที่ถูกแยกกันนั้นเปลี่ยนเป็นชิดกัน
ร่างกายทั้งสองคน เบียดกันอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา
จนเวลาผ่านไปแสงอาทิตย์ในยามเช้าเข้ามาทักทาย
จินยองที่ถูกปลุกให้ตื่นก่อนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาร่าง
เล็กเปลี่ยนท่าเป็นนอนคว่ำพร้อมจ้องไปที่ใบหน้าคมคายของคนรักนิ้วเรียวไล้ไปตามโครงหน้าและส่วนต่างๆ ของร่างกาย จากนั้นก็หยุดอยู่ที่ไผตรงใต้คิ้วสองจุดริมฝีบางอิ่มแต้มยิ้มให้กับคนนอนหลับอย่างสบายใจ จนกระทั่งร่างหนาค่อยๆ
รู้สึกตัวและลืมตาขึ้นใบหน้าจิ้มลิ้มของคนรักอยู่ใกล้กันเพียงนิดเดียวเท่านั้น
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
ลำแขนแกร่งโอบรอบเอวบางของจินยอง
“อรุณสวัสดิ์เหมือนกันครับ
พี่หิวหรือยังออกไปหาอะไรกินดีไหม”
“ยังไม่หิวเท่าไหร่เลย
หิวเรามากกว่า”
“อื้อ..”
ริมฝีปากอิ่มถูกปิดไปเป็นที่เรียบร้อย มือบางรีบดันออกทันที
นิสัยไม่ดีอ่ะ
เขายังไม่ได้ตั้งตัวสักหน่อย
“หึ่ย
พี่แจบอมหยุดเลยนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า
โอเคพี่ไม่แกล้งแล้วครับ”
“ปล่อยเลยจะไปอาบน้ำเล่า”
คนตัวเล็กงอแงพร้อมแกะมือหนาออกจากเอว
“อาบด้วยกันดีกว่าค่ะ
เร็วด้วย” ว่าแล้วแจบอมก็รีบลุกขึ้นยืนและช้อนตัวอุ้มร่างบางเข้าไปทันที
“งื้อ
พี่แจบอมปล่อย มันจะตก”
เสียงปิดประตูห้องน้ำปิดพร้อมกับร่างหนาที่วางคนร่างบางไว้ในอ่างอาบน้ำและเปิดน้ำให้
จินยองหน้ามุ่ยทันทีเมื่อชุดนอนเปียกจนลู่แนบเนื้อไปหมด
“พี่อ่ะ
แกล้งผม หลับตาเลยนะไม่ให้มอง!” จินยองบ่นแล้วค่อยๆ
ถอดเสื้อผ้าที่ลู่จนแนบเนื้อนั้นถอดออกไป
ชุดนอนสีน้ำเงินถูกถอดพาดวางไว้ที่อ่างล้างหน้า
จินยองที่กำลังจะถอดกางเกงหันไปหาคนตัวโตที่ยืนอยู่ข้างนอกอ่างยิ้มแป้นแล้นทั้งที่บอกให้หลับตาแต่แจบอมยังยืนยิ้มอยู่เลย
“ก็บอกให้ปิดตาไง!!”
“ถ้าพี่ปิดตาพี่ก็อดมองเห็นสิ่งสวยงามตรงหน้าสิ”
สายตาคมแพรวพราวมองกายขาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า แจบอม
เขาค่อยๆถอดเสื้อผ้าของตัวเองทั้งหมดแล้วเดินเข้าไปนั่งในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่
น่าไม่อาย
พูดอะไรไม่รู้ เขาเขินจนบ้าแล้วนะ
“หึ่ย”
จินยองตัดสินใจถอดส่วนล่างออก อยากดูก็ดูไป
จินยองจัดการกับเสื้อผ้าเสร็จก็เดินไปที่อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่และทิ้งกายลงไปในน้ำทันที
รถแท็กซี่ขับมุ่งหน้าไปยังถนนเบเวอรี่ฮิลล์จอดยังหน้าร้านอาหารเกาหลีตรงหน้า
จินยองเมื่อเห็นอาหารเกาหลีก็ตาลุกวาวเพราะอยู่ที่นี่หลายวันนั้นคิดถึงอาหารเกาหลีขนาดไหน
อิมแจบอมเดินจูงมือคนตัวเล็กเข้าไปในร้านมองหาโต๊ะว่างจนกระทั่งสายตาดันไปสะดุดกับใครบางคนที่คุ้นเคยและรู้จักกันเป็นอย่างดี
ประจวบเหมาะกับตรงข้างโต๊ะของฮยอนวูมีโต๊ะว่างพอดี
ร่างหนาของอิมแจบอมจูงมือจินยองเดินเข้าไปนั่งตรงนั้นทันที
ครืด
แจบอมเลื่อนเก้าอี้ให้จินยองนั่ง
ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งที่ตรงข้ามกับน้องสักพักพนักงานเสิร์ฟก็เดินนำเมนูของที่ร้านมาให้
ฮยอนวูที่มองมายังแจบอมสลับกับมองจินยองคิ้ววหนาขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่
อิมแจบอมยกยิ้มให้กับเพื่อนเก่า
ใบหน้าคมคายของฮยอนวูกัดริมฝีปากแน่นราวกับอิมแจบอมกำลังเยาะเย้ยเขา
“โอ๊ะ
คุณฮยอนวูสวัสดีครับ” จินยองเอ่ยทักทายคนที่อยู่โต๊ะตรงข้าม
ริมฝีปากแต้มยิ้ม ผิดกับใบหน้าของคนที่มาด้วยนั้นบึ้งตึงทันทีเมื่อน้องทักมัน
“บังเอิญจังเลยนะครับที่เจอกันที่นี่”
ฮยอนวูมองหน้าแจบอมพร้อมกระตุกยิ้มราวกับเหนือกว่าเพราะจินยองเป็นคนทักเขาก่อน
“ครับ
คนนี้เลขาคุณเหรอครับสวัสดีครับ”
“ครับ
สวัสดีเช่นกันครับ”
“คุณมาทานข้าวกับใครครับเนี่ย
ญาติหรือเปล่า” ฮยอนวูตั้งท่าจะกวนประสาทแจบอมเต็มที่
“เอ่อ
ไม่ใช่ครับ”
“เป็นแฟนของจินยองน่ะครับ”
เย้ยทีหลัง
ดังกว่า...
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูอึมครึมจนจินยองและวอนโฮเลขาของฮยอนวูมองหน้ากัน
สายตาของทั้งคู่กำลังหำหั่นกันอย่างไม่ยอมกันและกันราวกับมีประกายไฟที่ลั่นใส่กันดังเปรี๊ยะ
เปรี๊ยะ
“อาหารมาเสิร์ฟแล้วค่ะ
ขออนุญาตนะคะ”
พนักงานเดินนำอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะแต่ละอย่างจนเต็มไปหมด
เธอหยิบเมนูอาหารและทวนอีกครั้งเมื่อลูกค้าไม่ได้คัดค้านอะไรก็เดินจากไป
บรรยากาศอึมครึมกลับมาอีกครั้ง
จินยองจึงพยายามดึงความสนใจของร่างหนาที่จดจ้องคุณฮยอนวูจนแทบจะตีกันแล้ว
“เอ่อ
พี่แจบอมครับ ทานกันเถอะ”
“เอ่อ บอสครับผมว่าเรากลับกันเถอะ”
ทางด้านอีกโต๊ะวอนโฮจึงชวนเจ้านายกลับเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงต้องพบลูกค้าตามสถานที่นัดหมาย
ฮยอนวูลุกขึ้นจากนั้นหันมาทางจินยองแล้วพูดว่า
“ไว้เจอกันใหม่นะครับคุณจินยอง”
ร่างหนาเดินออกไปจากร้านทันทีโดยมีสายตาเรียวมองตามไปด้วยความไม่ชอบใจ
ฝันไปเถอะมึง!
ตั้งแต่กลับจากร้านอาหารนั้นอิมแจบอมนั้นเงียบไปนานจนจินยองเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะปกติแจบอมจะไม่เคยนิ่ง
เงียบแบบนี้
“พะ...พี่แจบอม
เป็นอะไรครับ”
“เปล่าสักหน่อย
พี่ไม่ได้เป็นไรค่ะ”
แน๊
บอกไม่เป็นไรแต่ว่าไม่สบตาผม
“มีอะไรก็พูดกับผมสิครับ
ผมเป็นแฟนพี่นะ” ร่างเล็กใช้กายขาวบดเบียดเข้าหาพร้อมเอาแก้มกลมเกยตรงไหล่กว้าง
ซึ่งโคตรน่ารักชิบหายเลยสำหรับอิมแจบอมนั้น
“เรารู้จักกับไอ้นั้น
เอ่อ ซอน ฮยอนวู ตอนไหนครับ”
อา
ที่ไม่ยอมพูดเพราะงอนเขาแค่เรื่องนี้เหรอเนี่ย...
“เขาคือลูกเรือของสายการบินไงครับ
แค่นี้งอนผมแล้วเหรอ” ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มชอบใจเวลาที่น้องมาอ้อน
อยากจับฟัดที่โซฟาตรงนี้เลย
“ไม่ได้งอนค่ะ
พี่แค่หวงเราเฉย จุ๊บ หวงมาก” ปาร์คจินยองที่ถูกคนตัวหนาจู่โจมริมฝีปากอิ่มทำเอาตัวแข็งและหน้าขึ้นสี
อุณหภูมิในร่างกายนั้นร้อนระอุอย่างเห็นได้ชัด
“งื้อ
จุ๊บทำไมเล่า” จินยองโวยวายก่อนจะลุกออกไปจากโซฟาแต่ถูกแขนแกร่งคว้าไว้ลำแขนแกร่งสัมผัสเข้าที่เอวของน้องความรู้สึกว่าร่างผอมบางเมื่อก่อนตอนนี้เริ่มนุ่มนิ่มเต็มไม้เต็มมือเขาไปหมดแล้ว
“จะไปไหนเหรอ
พี่ไม่ให้ไป”
“โอ้ย
ปล่อยผมเลยพี่แจบอม ฮื่อ มันจั๊กกะจี้” ร่างเล็กดิ้นพล่านเมื่อโดนคนพี่แกล้งด้วยการฟัดแก้มไปหลายที
“โอ๊ย”
จินยองจู่ๆก็หน้าเสียขึ้นมา
ทำให้ร่างหนาตกใจผละลำแขนแกร่งออกจากเอวเล็กทันที
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ผะ...ผมเจ็บท้องมากๆเลย”
อิมแจบอมหน้าตื่นทันทีก่อนจะจับให้น้องนั่งดีๆแล้ววิ่งไปหยิบกระเป๋าเงินก่อนจะช้อนตัวของน้องเพื่อออกมาจากโรงแรมและตรงไปยังโรงพยาบาลในตัวเมืองลอสแองเจลิสทันที
อิมแจบอมแบกร่างของจินยองที่นอนเหงื่อซึมอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง
ร่างหนาดันตัวของน้องเข้าไปนั่งในรถแท็กซี่และตรงไปยังโรงพยาบาลทันที
แท็กซี่จอดยังหน้าทางฉุกเฉินสักพักหนึ่งบุรุษพยาบาลก็มาพร้อมกับเตียงเสริมจินยองถูกแบกลงจากแท็กซี่วางลงบนเตียงเสริมจากนั้นจะถูกหามไปยังห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล
ประตูห้องฉุกเฉินปิดลงพร้อมกับร่างหนาที่เดินว้าวุ่นอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
เวลาไม่นานนักประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออกมาพร้อมกับหมอ แจบอมรีบปรี่เข้าไปหาทันที
“หมอครับ
ปาร์ค จินยองเขาเป็นอะไรเหรอครับ” หมอมีสีหน้าขรึม
“ขอคุณไปคุยกับผมที่ห้องนะครับ”
“หมออยากให้คนไข้ทานอาหารที่ไม่เป็นอันตรายสักเท่าไหร่นะครับ
เพราะคนไข้ไม่ควรทานอาหารรสจัดเกินไปมันไม่ดีต่อสุขภาพนัก” หมอพูดก่อนจะเว้นช่วงจังหวะ
“ตอนนี้คนไข้ต้องทานอาหารอ่อนๆนะครับเนื่องจากตอนนี้คนไข้ตั้งครรภ์ได้เกือบ
7 สัปดาห์แล้วนะครับซึ่งเป็นเคสที่หายากมากสำหรับผู้ชายที่สามารถตั้งครรภ์
ยินดีด้วยนะครับคุณพ่อ คนไข้พักอยู่ชั้น 6 ห้อง 622 นะครับ”
ครืด...ดดด
เสียงประตูของห้องพักผู้ป่วยพิเศษในโรงพยาบาลร่างหนาของแจบอมเดินเข้าไปหาร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
อาการที่เป็นอยู่ตอนนี้คืออาการของคนช็อก ภายในหูอื้ออึงไปหมด
เขามองใบหน้าหวานที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง
มือหนากอบกุมมือเล็กพร้อมยิ้มไม่คิดว่าสิ่งที่เขาคิดมันจะเร็วขนาดนี้
เขากำลังจะกลายเป็นคุณพ่อลูกสอง
“อือ”
จินยองที่เพิ่งตื่นขึ้นมาก็มองไปรอบๆ
ก็พบว่าตอนนี้ตัวเขาเองอยู่โรงพยาบาล เข้าค่อยๆ
พยุงร่างตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแจบอมจึงลุกขึ้นมาปรับเตียงให้
“โอเคขึ้นไหมครับ”
มือหนาวางลงบนแก้มนิ่มพร้อมลูบอย่างแผ่วเบา
“โอเคขึ้นแล้วครับ
หมอบอกว่าไงบ้าง”
แจบอมอมยิ้มเล็กๆ
“ถ้าพี่บอกเราห้ามตกใจนะครับ”
น้องพยักหน้าหงึกๆ อย่างว่าง่าย
“เรากำลังจะมีเจ้าตัวน้อยนะ”
มือหนาวางลงบนพุงนิ่มของคนรัก
ตอนนี้จินยองนิ่งไปเสียสนิท
เหมือนกับว่าตอนนี้สติของเขานั้นหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แล้วเขาจะบอกพ่อ
แม่ ยังไงดีล่ะเนี่ย!!
“พี่ล้อผมเล่นหรือเปล่าอ่ะ”
จินยองถามย้ำกับคนรักอีกครั้ง
“ไม่ได้ล้อเล่นครับ
ตอนนี้เรากำลังมีเบบี๋อยู่ข้างในนี้จริงๆค่ะ
แล้วเราก็ต้องงดทานอาหารรสจัดที่เจ็บท้องเพราะหนูทานอาหารไม่มีประโยชน์
โชคดีนะคะที่ไม่มีผลอะไรกับเจ้าตัวเล็ก” คนเป็นคุณพ่อถึงกับดุคุณแม่มือใหม่
“ผมจะบอกพ่อกับแม่ยังไงดีอ่ะครับ”
จินยองมีสีหน้าเป็นกังวลอย่างจริงจัง
“เรื่องนี้พี่จะเป็นคนจัดการเองค่ะ
ตอนนี้เราก็ต้องนอนพักก่อนนะครับรอน้ำเกลือถุงนี้หมดก็คงเช้าพอดี นอนเถอะคุณแม่”
มือหนาขยี้ศีรษะด้วยความเอ็นดูจากนั้นจะปรับเตียงให้ราบตามปกติโดยคุณแม่มือใหม่นั้นก็นอนอย่างว่าง่าย
ภายในความคิดตอนนี้ของจินยองมีแต่คำที่จะคิดไปบอกพ่อกับแม่ว่าตัวเองจะบอกอย่างไรดี
ฮืออ
เครียดดดดด!!!!
ภายในห้องพักฟื้นห้องพิเศษที่จินยองนอนพักรักษาตัวของโรงพยาบาลลอสแองเจลิส
คุณหม่าม้ามือใหม่ที่ตอนนี้คุณป๋านั้นซื้อขนมมาตุนให้กองไว้บนเตียงอย่างตามใจ
“ห้ามกินเยอะนะครับ
มันไม่ดีต่อสุขภาพ” อิมแจบอมปรามแม่ของลูกที่เพิ่งจะแกะขนมขบเคี้ยวถุงที่สอง
“มันอร่อยอ่ะพี่แจบอม
ออกจากโรงพยาบาลนี่เราต้องบินกลับแล้วใช่ป่ะ”
“ครับ”
“งั้นผมก็ต้องพักงานอ่ะดิ
ฮือ” ร่างเล็กทำหน้างอแงเพราะรักงานเกี่ยวกับการเป็นสจ๊วต
เขายังไม่พร้อมที่จะถือขวดนมและอุ้มลูกเลยสักนิด
“ถึงไม่ยอมพักพี่ก็ต้องให้พักค่ะ
เมียพี่ทั้งคนไม่ยอมให้อุ้มท้องไปกระเต็งที่ไหนหรอกนะ ดื้อ” มือหนาบีบจมูกของจินยองจนแดงเพราะหมั่นเขี้ยวคุณแม่ที่งอแงจะไม่ยอมพักงานท่าเดียว
“พี่แจบอม
ผมอยากกินน้ำผลไม้อ่ะ ลงไปซื้อให้หน่อยสิ” ริมฝีปากอิ่มพูดงุ้ยๆ
อ้อนคนพี่ให้ตามใจ
“มีน้ำเบอรี่อยู่ในตู้ค่ะ
พี่ซื้อมา เดี๋ยวไปเทใส่แก้วมาให้เนอะ” อิมแจบอมกำลังจะลุกแต่น้องไม่ยอม
“ผมอยากกินพีชอ่ะ
ได้ไหม”
“โอเคครับ
เราจะกินพีชแล้วอะไรอีก”
“แค่นี้ก็พอแล้วครับ
ทำไมพี่ตามใจผมจัง” ปาร์ค
จินยองยิ้มตาหยีด้วยความพอใจที่คุณแฟนนั้นตามอกตามใจมากกว่าเดิม
“รอนี่นะ
เดี๋ยวพี่มาครับ”
อิมแจบอมรีบหยิบกระเป๋าเงินออกจากห้องพักผู้ป่วยตอนกลางคืนเพื่อลงไปซื้อน้ำผลไม้รสพีชมาให้แม่ของลูก
ร่างหนาเดินไปรอลิฟต์เนื่องจากว่าชั้นมินิมาร์ทนั้นอยู่เกือบอีกตึกหนึ่งซึ่งไกลพอสมควร
ร่างหนาเดินไปถึงมินิมาร์ทก็หยิบน้ำผลไม้รสพีชที่จินยองอยากทานใส่ในตะกร้าจากนั้นก็หยิบนมจืดสำหรับคนท้องใส่ไปอีกด้วย
ใช้เวลาในการคิดเงินเขาก็รีบเดินไปหาน้องที่ห้องพักฟื้นคนป่วยทันที
ครืด
จินยองที่ยืนอยู่หน้าตู้เย็นเปิดขวดน้ำผลไม้รสเบอรี่ดื่มอย่างสบายใจ
อิมแจบอมถึงกับยืนนิ่งสตั๊นกับความไม่เข้าใจกับฮอร์โมนของคนท้อง
“ไหนเราบอกว่าไม่กินไงครับ
เบอรี่เนี่ย” อิมแจบอมเอ่ยน้ำเสียงดุๆ
“ก็เปลี่ยนใจแล้วครับ
พีชไว้กินตอนเช้าก็ได้”
ร่างหนาของคุณอิมน้ำตาไหลพรากเขาเดินลงไปซื้อตั้งเกือบอีกตึกหนึ่งกลับมาเมียดันกินน้ำเบอรี่
กูละเครียด!
“ครับๆ
จะกินอะไรอีกไหม” จินยองส่ายหน้า
“ว่าจะทานน้ำนี่เสร็จก็จะนอนแล้วครับ
พี่จะกลับไปนอนโรงแรมก็ได้นะ”
“นอนด้วยกันที่นี่นั้นแหละ
พี่จะนอนเตียงเสริมนี่เอง” ร่างหนาก็เดินไปนั่งบนที่นอนโชว์ให้ดูว่าเตียงนั้นนุ่มสบายมาก
“ก็ได้ครับ
ผมนอนแล้วครับ ราตรีสวัสดิ์นะครับคุณป๊ะป๋า” จินยองจัดการกับผ้าห่มจากนั้นก็นำไปคลุมกายและล้มตัวลงนอน
ส่วนแจบอมก็เดินไปดับไฟเหลือเพียงแสงสว่างตรงห้องน้ำที่เดียวเท่านั้น
เขาเดินกลับไปยังเตียงเสริมไม่นานนักเสียงลมหายใจของคุณแม่ก็แว่วตามมาเบาๆ
อิมแจบอมยกยิ้มมุมปากด้วยความเอ็นดูไม่น้อย
เช้าวันต่อมาร่างหนาของอิมแจบอมที่ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อพยาบาลเข้ามาเพื่อตรวจเช็คน้ำเกลือและร่างกายของคนไข้ก่อนจะออกจากโรงพยาบาลในบ่ายวันนี้
ไม่นานนักก็มีแม่บ้านเข็นอาหารเช้าของคนไข้เข้ามาในห้องพร้อมกับทีมแพทย์ที่จะมาตรวจร่างกายในตอนเช้านี้
“น้ำเกลือใกล้หมดแล้วนะครับ
เดี๋ยวตอนบ่ายก็คงกลับบ้านได้”
“ครับ”
หลังจากที่ทีมแพทย์ออกไปจากห้องพักผู้ป่วยนั้นแจบอมก็เดินไปเข็นรถเข็นสำหรับอาหารมาให้น้องทาน จานกระเบื้องสีขาวปลาแซลม่อนนอนแอ้งแม้งอยู่ด้านบนราดด้วยซอสครีมสีเหลือง
และถ้วยเล็กเป็นมันบด
และยังมีชามสำหรับใส่เค้กกล้วยหอมจินยองตาลุกวาวกับอาหารตรงหน้า
“อร่อยอ่ะ”
จินยองหั่นเนื้อแซลมอนพอดีคำตักเข้าปากถึงแม้ว่ารสชาติจะแตกต่างกับเชฟร้านอาหารแต่ถ้ามันอยู่ในโรงพยาบาลก็ถือว่าอร่อยใช้ได้
“อร่อยเชียว
กินจนพี่หิวไปกับเราด้วยละเนี่ย”
“มันอร่อยจริงๆนิครับ”
ว่าแล้วน้องก็ตักมันบดเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ่ยๆ
อิมแจบอมยกมือถือขึ้นมาถ่าย
แชะ!!!
“ย่าห์
ลบเดี๋ยวนี้เลยนะครับ”
“ฮ่าาา
ไม่มีทาง น่ารักจะตาย” แจบอมกดเปิดอัลบั้มภาพยื่นให้น้องดูก่อนจะชักมือกลับเมื่อน้องจะเอื้อมมาหยิบเพื่อลบทิ้ง
“น่าเกลียดอ่ะพี่
ลบเหอะ” น่ารักบ้าบออะไรเล่าเคี้ยวอาหารจนแก้มตุ่ยขนาดนั้น
ฮื่อ
“เก็บไว้ละกัน
เดี๋ยวเราทานข้าวไปก่อนเดี๋ยวพี่ขอลงไปหาอะไรทานแล้วจะรีบขึ้นมานะ”
“ก็ได้ครับ”
ช่วงบ่ายหลังจากที่แจบอมกำลังเคลียร์ค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาล
จินยองก็นั่งรอที่ม้านั่งไม่ไกลจากจุดเคาน์เตอร์ที่แจบอมยืนอยู่โดยมีถุงขนมนมเนยวางอยู่ข้างๆ
แต่ในมือนั้นจินยองกำลังดื่มน้ำผลไม้รสพีชแช่เย็นที่พี่แจบอมคนเก่งออกไปซื้อให้เมื่อคืนนี้
เวลาเกือบหลายนาทีร่างหนาของแจบอมก็หยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับถุงยาขนาดเล็กที่หมอจัดเตรียมไว้ให้ซึ่งเป็นยาบำรุงของคุณแม่และคุณลูก
“เรียบร้อยแล้วเหรอครับ
กลับไปเก็บของกันเนอะ” จินยองยิ้มตาหยีกำลังจะลุกเอื้อมไปหยิบของช่วยแต่ทว่าอิมแจบอมไม่ยอม
“ไม่ต้องถือค่ะมันหนัก
พี่ถือเอง”
“โอ๊ยแค่ท้องนะครับ
ผมไม่ได้เป็นง่อยสักหน่อยอ่ะ” ร่างหนาส่ายหัวไม่ยอมท่าเดียว
อิมแจบอมเดินนำหน้าน้องไปรอแท็กซี่ด้านหน้าโรงพยาบาลเพื่อกลับไปยังโรงแรม
สนามบิน
นานาชาติลอสแองเจลิส
Los Angeles 16.05 PM Soul South Korea 6.35
AM
ร่างหนาของอิมแจบอมกำลังเข็นสัมภาระเพื่อทำการเช็คอินที่เคาน์เตอร์ของสายการบิน
ร่างหนาเข็นเหลือเวลาอีก 1
ชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่องก็เลยตามใจจินยองเดินช็อปของในสนามบินระหว่างรอโดยเขาเข้าไปยังโซนช็อปของน้ำหอมแบรนด์ระดับโลกอย่างซีเค
หรือ CALVIN
KLEIN (คลาวิน เคลน) ร่างเล็กของจินยองเดินเข้าไปดมกลิ่นเทสน้ำหอม
เขาดมกลิ่นฟุดฟิดอย่างชอบใจกับกลิ่นที่ได้ดอมดม
ใช่
จินยองจะซื้อกลิ่นนี้ไปให้คุณ ปาร์ค จินซอง นี่ไม่ใช่การติดสินบนก่อนจะโดนด่า
ไม่มี๊ ไม่มีจริ๊ง จริง
“พี่แจบอมกลิ่นนี่หอมไหมอ่ะ”
จินยองหันไปเรียกคนรักให้มาช่วยดมกลิ่นระหว่าง Obsessed for
Men EDT และ Eternity for Men Eau de Toilette Spray
“พี่ว่ากลิ่นนี้นะ”
แจบอมชี้ไปที่กลิ่นของขวดที่สองของ Eternity for Men Eau de
Toilette Spray กลิ่นหอมและอบอุ่นดี
“คิดเหมือนผมเลย
พ่อต้องชอบมากแน่ๆเลย ไปจ่ายเงินก่อนนะครับ” ไม่นานนักจินยองก็มาพร้อมกับถุงน้ำหอม
เหลือเวลาอีก 30
นาทีแจบอมก็พาน้องเข้าไปในเกสต์เพื่อเตรียมตัวขึ้นเครื่องภายในอีกไม่ช้านี้
โดยโชคดีมากที่เจ้าน้ำหอมนั้นผ่านเข้ามาได้อย่างฉลุย
เมื่อไปถึงเกสต์ก็นั่งรอจินยองนึกถึงในอนาคตที่ตัวเขาจะต้องทิ้งงานที่ตัวเองรักเกือบหลายหลายปีแน่ๆ
เขาจะโอเคกับมันหรือเปล่า
การเป็นแม่คนทั้งที่ไม่พร้อมมันรู้สึกอะไรหลายๆอย่างดูยากไปหมด
แต่อิมแจบอมนั้นประคบประหงมตามใจเกือบทุกอย่างนั้นมันก็คือข้อดีอย่างหนึ่งเหมือนกัน
ไฟล์ BN0622 ทยานขึ้นสู่น่านฟ้าลอสแองเจลิสเพื่อบินตรงไปยังประเทศเกาหลีใต้
ผ่านไปเกือบ 13
ชั่วโมงที่ใช้เวลาในการบินอยู่นานนับหลายชั่วโมงในที่สุดเครื่องก็แลนดิ้งลงจอดยังท่าอากาศยานอินชอน
ประเทศเกาหลีใต้
จินยองที่นอนซบไหล่แกร่งของแจบอมอยู่ด้วยความอ่อนเพลียก็ถูกปลุกขึ้นมา
ร่างเล็กที่งัวเงียเห็นคนหลายคนกำลังจัดเตรียมกันลงเครื่อง
ทันทีที่เท้าเหยียบลงบนผืนแผ่นดินเกาหลีใต้ความรู้สึกเหมือนกลับมาบ้านเกิดเมืองนอน
ทั้งสองคนเดินไปรอกระเป๋าสัมภาระเพื่อออกมายังข้างนอกเกสต์
เมื่อออกมายังประตูขาออกก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวคนสวย
“หม่าม้า
ป๊ะป๋า” เด็กน้อยยิ้มด้วยความดีใจ
“ยัยดื้อของป๋า
มานี่สิ” อิมแจบอมอุ้มลูกสาวด้วยความคิดถึง อิม
เฮนากอดป๋าแน่นเหมือนกัน
“คุณพ่อ
คุณแม่สวัสดีครับ” จินยองทำความเคารพอิมยองวุคและอิมฮเยริ
สองวัยกลางคนยิ้มให้กับการกลับมาอย่างปลอดภัยของลูกชายและลูกสะใภ้
“กลับบ้านกันเถอะ
แม่ง่วงมากเลย ยัยดื้อแถมไม่ยอมนอนเลยด้วยซ้ำ” ยองวุคฟ้องลูกชายที่หลานสาวไม่ยอมนอนเพราะตั้งใจจะมารับป๊ะป๋าและหม่าม้าของเธอ
“ทำไมไม่นอนละครับคนดี
ป่ะ มาหาป๋ามา” อิมแจบอมอุ้มยัยหนูเฮนามาอุ้ม
และให้คนขับรถแบกสัมภาระของเขาและจินยองไปที่รถแทน
รถตู้ครอบครัวขนาดกลางขับเข้ามายังคฤหาส์นตระกูลอิมจอดยังบริเวณหน้าบ้านอิมแจบอมอุ้มลูกสาวที่ผล็อยหลับไปเป็นที่เรียบร้อยโดยใบหน้าหวานของน้องซบลงบนบ่าของป๊ะป๋าอย่างเขา
จินยองจึงช่วยด้วยการลงไปเปิดประตูที่ห้องนอนของตัวเองโดยอิมแจบอมวางน้องไว้บนเตียงนุ่ม
“นอนกันเถอะครับ
ไว้สายๆค่อยตื่น”
“ก็ได้ครับ
ผมง่วงมากเลย”
อิมแจบอมเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำกลายเป็นชุดนอนและสอดตัวนอนข้างลูกสาวตัวเอง
ส่วนจินยองก็เปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วก็ล้มลงตัวนอนข้างๆโดยมีพี่สาวคนโตนอนคั่นกลาง
ไม่รู้ความบังเอิญหรือเปล่าที่มือเล็กของอิมเฮนาวางสัมผัสบนหน้าท้องของหม่าม้าโดยเหมือนรู้ว่าน้องอยู่ข้างในนั้นเป็นที่เรียบร้อย
ริมฝีปากอิ่มสีชมพูแต้มยิ้มเล็กเอาไว้ทำเอาจินยองแอบเอ็นดูไม่ได้ ส่วนอีกคนนั้นเข้าสู่ห้วงนิทราก่อนเขาอีก
เสียงกรนเบาๆทำเอาจินยองอดนึกขำไม่ได้เพราะอยู่ที่นู้นแจบอมก็คงเหนื่อยไม่น้อย
“ฝันดีนะครับคนดีของหม่าม้าทั้งสองคน
เอ๊ะ ทั้งสามคนสิ”
ช่วงสายๆของวันแสงอาทิตย์สาดส่องผ่านทะลุม่านสีเข้มแผ่ไปยังเตียงคิงไซซ์
ร่างของอิมแจบอมนอนหลับสนิทพร้อมมีอิมเฮนาที่นอนซุกอกป๊ะป๋าอยู่แต่มือเรียวเล็กวางทับพาดไปที่หม่าม้า
แสงไล่ไปตามใบหน้าหวานของคุณแม่ทำให้จินยองค่อยๆเริ่มรู้สึกตัว
กี่โมงแล้วเนี่ย
จินยองมองไปที่สองพ่อลูกที่นอนหลับสนิทกันอยู่บนเตียงร่างเล็กของเขาค่อยๆลุกออกมาอย่างเบาที่สุดจินยองตื่นขึ้นมาเพื่อเก็บเสื้อผ้านั้นใส่ลงในตะกร้าผ้าและนำข้าวของต่างๆของตัวเองไปไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งและตรงห้องน้ำ
เขาทำเสียงไม่ดังนักเพราะกลัวพ่อลูกจะตื่น
เวลาไม่นานนักลูกสาวคนโตก็ตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้างัวเงียจากนั้นจะลุกเดินมาหม่าม้ามาอ้อน
จินยองอดฟัดแก้มยัยน้องไม่ได้
“คิก
จั๊กกะจี้ค่ะ คิก” อิมเฮนาใช้ฝ่ามือวางไว้บนแก้มคุณหม่าม้าจากนั้นจะหอมคืนด้วยการก้มใบหน้าหวานจมูกเล็กชนเข้ากับหน้าผากมนของจินยอง
“คิดถึงกันมากเลยเหรอคะเนี่ย
ไปไม่กี่วันเอง” จินยองอมยิ้มที่น้องทำแบบนี้ไม่ไหว
จะว่าไปพ่อกับแม่เขามีหลานทันใช้แน่นอน
“ที่สุดค่ะ
หม่าม้าไม่อยู่เฮนาเหงาม้ากมาก” เด็กน้อยพูดจาฉอเลาะจนผู้ใหญ่อดยิ้มตามไม่ได้
“จะให้หลงไปถึงไหนค่ะเด็กคนนี้
เดี๋ยวม้าอาบน้ำแป๊บหนึ่งนะคะ แล้วเจอกันข้างล่างเนอะ”
“โอเคค่า
งั้นน้องไปหาแม่นมก่อนนะคะ” เด็กน้อยยิ้มให้คุณหม่าม้าทีหนึ่งก่อนจะเดินออกไปจากห้องนอนเมื่อเด็กน้อยออกไปก็ถึงเวลาของเขาที่รู้สึกอยากอาบน้ำอยู่ตั้งหลายชั่วโมงเพราะความง่วงทำให้เขาลืมเรื่องอาบน้ำไปซะสนิทเลย
ภายในห้องอาบน้ำจินยองปลดเปลื้องอาภรณ์ทุกอย่างใส่ไว้ลงในตะกร้าสานจากนั้นก็เดินไปเปิดน้ำภายในอ่างอาบน้ำนิ้วเรียวบิดหมุนปรับระดับน้ำและอุณหภูมินิ้วเรียวบิดเปิดกระปุกบับเบิ้ลบาทต์ใส่ลงไปในอ่างอาบน้ำจนฟองฟอด
เมื่อฟองได้ที่เรียวขายาวก้าวลงอ่างจากนั้นจะแช่กายขาวลงไปจนฟองสบู่กลบกายเนียนไปหมด
กลิ่นหอมอ่อนๆของฟองสบู่ที่ตีขึ้นสร้างความรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
จ๋อม จ๋อม จ๋อม
เรียวขาเรียวส่ายไปมาใต้ฟองสบู่อย่างเพลิดเพลิน
ไม่นานนักเสียงเปิดประตูจากคนด้านนอกก็เปิดเข้ามายังห้องน้ำ
อิมแจบอมยืนอยู่หน้าประตูอมยิ้มมองคนรักที่อยู่ในอ่างอาบน้ำมีเพียงใบหน้าหวานที่โผล่พ้นฟองบับเบิ้ล
ร่างหนาปลดเชือกผ้าคลุมอาบน้ำห้อยไว้ตรงราวใกล้ประตูจากนั้นก็เดินก้าวเข้ามาหาคนรักที่อ่างอาบน้ำ
กายแกร่งแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำซึ่งอยู่ตรงข้ามกับน้อง
“อยากกินอะไรหรือเปล่าครับ
ไม่แพ้อะไรเลยเหรอ” อิมแจบอมถามน้อง
แต่คุณแม่มือใหม่ส่ายหน้าหวือส่วนใหญ่ไม่เหมือนในละครที่แบบเอะอะจะอ้วกตลอดเวลาถือว่าลูกคนนี้คงจะรักเขาไม่น้อย
“ไม่นะครับแต่ช่วงที่อยู่แอลเอก็มีนิดหน่อยที่กลิ่นเครื่องเทศมันตีขึ้นมา
วันที่พี่เห็นผมเอาอาหารมาวางเต็มเคาน์เตอร์ห้องในโรงแรมนั้นแหละ”
“ไม่รู้ว่าจะเป็นยัยหนูหรือไอ้หนูก็ไม่รู้เนอะ”
กายแกร่งขยับเข้าไปสัมผัสหน้าท้องของคุณแม่ทำเอาใบหน้าขึ้นสีเพราะไม่ชินสักเท่าไหร่
“ไม่รู้สิไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็รักหมดอ่ะ
ถ้าเป็นผู้หญิงต้องน่ารักเหมือนเฮนาใช่ไหม”
“ใช่
แต่ถ้าเป็นผู้ชายก็หล่อเหมือนป๋า” จินยองอดหมั่นไส้คนชมตัวเองไม่ได้
“ชิ
หลงตัวเอง”
“ใครบอกพี่หลงจินยองตั้งหาก”
โอเค
รอบนี้แพ้แรงมาก หยอดเก่ง
แจบอมยิ้มสายตากรุ้มกริ้มมือหนาลูบตามพุงเนียนวนไปมาจนความรู้สึกอบอุ่นเริ่มร้อนๆหนาวส่งผ่านความรู้สึกมาทางคุณแม่ครรภ์อ่อนๆ
ร่างหนาเลื่อนนิ้วไปตามเรือนกายภายใต้ฟองสบู่แทรกกายตัวเองเข้ามาทำให้ตอนนี้หลังของน้องชิดเข้ากับขอบอ่างเป็นที่เรียบร้อย
ลมหายใจดังอยู่ใกล้ริมกกหูริมฝีปากหนากระตุกยิ้ม
“พะพี่...ผมว่าเฮนาคงรอจะ...อื้อ”
ริมฝีปากหนาตักตวงความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มของน้อง
มือบางกำขอบอ่างแน่นฉากนี้มัน
เสียงริมฝีปากที่ดูดดึงกันอย่างไม่มีใครยอมใครแม้ความคิดจะปฏิเสธแต่ร่างกายของจินยองกลับตอบสนองทุกสิ่งอย่างที่แจบอมเป็นคนมอบให้
มือหนากำชับกอบกุมส่วนอ่อนไหวภายใต้ฟองอันมหาศาล
“อือ...หะ...”
ข้อมือหนาคลึงส่วนบอบบางของคนตัวเล็กเอาไว้
จินยองใช้มือที่กำขอบอ่างแปรเปลี่ยนเป็นคล้องคอแกร่งและบดเบียดกายเข้าหา
“อา
พะ...พี่แจ...บอม อึก” ริมฝีปากที่ถูกปล่อยเป็นอิสระครางแทบไม่เป็น
“ดีหรือเปล่า
หืม?” เสียงกระซิบอันแหบพร่าของร่างหนาที่ดังอยู่ริมกกหู
“อืม...มมม
หะ อื้อ” ไม่ทันไรน้ำนมสีข้นก็แตกซ่านในฟองสบู่ใบหน้าแดงซ่านจนถึงกกหู
หอบหายใจเข้าออกอย่างเชื่องช้าจนอกกระเพื่อมด้วยความเหนื่อยอ่อน
“ขึ้นไปล้างตัวได้แล้วครับหรือถ้าจะต่อพี่ก็ไม่ขัดนะ”
พรวด!!!
ปาร์คจินยองจึงรีบลุกออกจากอ่างอาบน้ำพร้อมกับคนพี่โดยจินยองรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วจนอิมแจบอมยิ้มขำกับท่าที
เขารอผ่านพ้นช่วงไตรมาศ 3 เดือนเท่านั้นแหละหลังสามเดือนก็คงจะเหนื่อยหน่อยนะ หม่าม้าจินยอง
จินยองรีบแต่งตัวเดินลงไปข้างล่างซึ่งแม่บ้านกำลังจัดเตรียมอาหารเช้าและอาหารกลางวันที่เป็นมื้อเดียวกันของวันนี้ภายในห้องอาหารอิมยองวุคและอิมฮเยรินั่งอยู่ด้วยและอิมเฮนาที่ส่งยิ้มหวานให้เขา
“มาแล้วเหรอหนูจินยอง
มานั่งเร็วลูก” ฮเยริชวนลูกสะใภ้ของตัวเองจากนั้นจะถามต่อ
“ตอนบ่ายนี้หนูว่างไหมคะ?”
“ว่างครับคุณแม่มีอะไรหรือเปล่า”
จินยองทำหน้าฉงนกับสีหน้าพอใจของว่าที่แม่สามี
“ตัดชุดค่ะ
อีกสองอาทิตย์จะมีการเปิดงานประมูลสินค้าอะไรสักอย่างแม่ก็จำไม่ค่อยได้
เขาเชิญครอบครัวของเราให้ไป งานที่แล้วหนูก็ติดงานแต่งานนี้แม่อยากให้ไปนะคะ”
ฮเยริเอ่ยเชิงขอร้อง
“ก็ได้ครับ”
“น่ารักที่สุดเลยค่ะ
เฮนาจะไปกับย่าไหม” คนเป็นย่าหันไปชวนหลานสาว
“ไปซี่
น้องไปด้วย แต่ว่าทำไมป๊ะป๋ายังไม่ลงมาละคะ” เด็กน้อยชะเง้อไปทางประตู
ไม่นานนักอิมแจบอมก็เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารด้วย
“ถามหาป๋าทำไมคะ
ตื่นมาก็ไม่เรียกกันเลยนะ” อิมแจบอมใช้นิ้วดึงแก้มลูกสาว
เฮนายู่หน้าทันที
“อ่ะๆ
มากันครบแล้วกินข้าวกัน”
แม่บ้านเดินนำเครื่องเคียงมาเสิร์ฟจากนั้นก็วางต้มยำหม้อไฟเนื้อวางบนโต๊ะพร้อมกับซี่โครงย่าง
ทันทีที่จินยองได้สูดดมกลิ่นเข้าไปอาการแพ้เริ่มมาจนมือบางรีบปิดจมูกจนฮเยริและยองอุคถึงกับสงสัยอาการ
“อุก...”
จากนั้นไม่นานนักร่างเล็กของคุณแม่ก็รีบวิ่งออกไปจากห้องอาหารวิ่งไปที่ครัวเพราะใกล้ที่สุดก่อนจะโก่งคออ้วกที่อ่างล้างจาน
ฮเยริและยองอุคหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปมองลูกชายที่วิ่งตามไปด้วยคามเร็วแสงจนฮเยริจึงเดินตามไปด้วย
“อ้วก
แค่กๆ อ่อก” จินยองโก่งคออาเจียนจนยืนเกาะแทบไม่อยู่เพิ่งเอ่ยชมไปเองนะลูก
เล่นแม่เองซะแล้ว
“ค่อยๆนะ”
มือหนาลูบหลังอย่างช้าๆ
“นี่น้ำลูก
ให้น้องทานน้ำก่อน” ฮเยริยื่นแก้วน้ำเปล่าให้กับลูกชายเพื่อนำให้จินยอง
“ทานน้ำก่อนจินยอง”
มือบางประคองร่างหนาที่ยืนอยู่ข้างๆไว้แน่นถ้าปล่อยนี่ก็ยื่นทรงตัวไม่ได้เช่นกัน
“น้องเป็นอะไรเนี่ยหืม?
ไปทำยังไงให้น้องป่วย” น้ำเสียงของเธอดูเป็นห่วงลูกสะใภ้
“แม่
จินยองไม่ได้ป่วย”
“ไม่ได้ป่วยแล้วที่น้องอ้วกขนาดนี้คืออะไร...หรือว่า...”
เธอเบิกตากว้างเพราะอาการนี้เธอเคยเป็นช่วงตอนที่แจบอมอยู่ในท้อง
“ครับ
จินยองท้องได้ 7 สัปดาห์แล้วครับ” จินยองคลี่ยิ้มให้กับแม่ของแจบอม
“มัน...มันเป็นเรื่องดีมาก
คุณยองอุคคะ!!!”
ร่างเล็กของฮเยริสั่นด้วยความดีใจหลานคนที่สองของเธอกำลังถือกำเนิดขึ้นมาจากลูกสะใภ้คนนี้
ฮเยริกึ่งวิ่งกึ่งเดินมายังห้องอาหารท่าทางมีอาการหอบเล็กน้อยเพราะตัวเธอเองนั้นอายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว
ยองอุคที่เงยหน้าเห็นภรรยาวิ่งหน้าตื่นจึงถามด้วยความเป็นห่วง
“อะไรแม่
มีอะไรหรือเปล่า”
“คุณคะ
คือ...เรา...เรา” ตอนนี้เธอเรียบเรียงคำพูดไม่ถูกแล้ว
“แม่ใจเย็นก่อน
ค่อยๆ เรียบเรียงคำพูด” ยองอุคบอกภรรยาให้ใจเย็น...ใช้เวลาเกือบสักพักที่รอภรรยาในการเรียบเรียงคำพูด
“โอเค...คือจินยอง...เรากำลังจะมีหลานค่ะ”
ฮเยริบอกสามีทำเอายองอุคถึงกับสำลักน้ำที่ยกแก้วดื่มรอฟังที่เธอพูด
“แค่ก ๆ
ว่าไงนะ”
“เราจะมีหลานแล้วค่ะ
กลางวันนี้ฉันจะพาจินยองไปฝากครรภ์ต้องเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุด” คนเป็นย่ายิ้มแก้มปริ
“คุณหม่าม้าเป็นอะไรกันแน่คะ
คุณย่าขา” อิมเฮนาถามคนเป็นย่าตาแป๋ว
ฮเยริคลี่ยิ้มให้หลานสาวร่างบางของเธอย่อตัวลงตรงหน้าของหลานสาว
“หนูกำลังจะมีน้องค่ะ
ดีใจไหม เราจะมีเพื่อนเล่นละน้า”
“จริงเหรอคะ
น้องกำลังจะมีเพื่อนเล่นเหรอ”
“ใช่แล้วค่ะ
แต่อีกนานนากว่าน้องจะเล่นด้วยได้” คุณย่าบอกหลานสาวคนโต
“น้องรอได้ค่ะคุณย่า
น้องจะดูแลในท้องหม่าม้าให้ดีเลย” เด็กน้อยรับปากสร้างรอยยิ้มให้คนเป็นย่าไม่น้อย
“งั้นไปแต่งตัวใหม่ไหมคะ
ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนหม่าม้าจินยองกัน”
“โอเคเลยค่า
นมขา พาน้องไปเปลี่นเสื้อผ้าหน่อยค่า” เด็กน้อยวิ่งไปหาแม่นมที่อยู่อีกห้องหนึ่งกำลังทำความสะอาดในห้องรับแขก
“ว่าไงคะคุณหนู?”
“นมพาน้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
แม่นมของเฮนาให้แม่บ้านคนอื่นมาทำความสะอาดแทนจากนั้นจะเดินตามทูนหัวของเธอไปที่ห้องเพื่อเลือกเสื้อผ้า
ภายในห้องนอนเจ้าหญิงเธอยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าสีขาวกำลังครุ่นคิดในการเลือกเสื้อผ้า
ร่างเล็กชี้ให้แม่นมช่วยหยิบชุดเดรสสีหวานที่อยู่ในตู้ที่อยู่ข้างใน
“นมขา
หยิบชุดนั้นให้น้องหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ
เดี๋ยวนมหยิบให้นะคะ” เธอเดินไปหยิบชุดเดรสสีสวยในตู้ยื่นให้เฮนานั้นไปเปลี่ยนในห้องแต่งตัว
ไม่นานนักหนูน้อยนั้นสวมใส่ชุดเดรสสีน้ำเงินลายดอกเดซี่เมื่อแต่งตัวเสร็จก็ให้แม่นมช่วยทำผมให้ตัวเอง
อีกทางด้านฝั่งหนึ่งอิมแจบอมที่ยืนลูบหลังให้กับจินยองที่โก่งคออ้วกจนแทบหมดเรี่ยวหมดแรง
ฮเยริเดินมาหาลูกสะใภ้ของเธอ
“ไหวไหมคะลูก
จะไปลองชุดตอนบ่ายได้ไหมเนี่ย”
“วะ...ไหวครับ
พี่แจบอม พาผมไปนั่งพักหน่อย” อิมแจบอมประคองร่างบางของจินยองไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขก
ศีรษะของน้องซบลงบนไหล่หนาด้วยความอ่อนเรี่ยวแรง
โดยมีฮเยริยืนเป็นห่วงอยู่ไม่ห่างสักพักแม่บ้านก็เดินเข้ามาพร้อมกับชามซุปมาวางตรงหน้าของจินยอง
“ทานก่อนนะคะ
คุณจินยอง จะได้มีอาการดีขึ้นค่ะ” แม่บ้านที่ผ่านประสบการณ์นี้รู้ดีว่าการที่ทานของร้อนจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น
จินยองพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
อาการแบบนี้เขาไม่ชอบเลยสักนิดมือบางยกชามขึ้นมาลองตักซุปทานเข้าปาก
รสชาติของน้ำซุปช่วยให้อาการของเขาดีขึ้นมันบรรเทาอาการแพ้ท้องได้ไม่น้อย
“คุณม้าขา”
เฮนาในชุดเดรสลายดอกเดซี่เดินมาหาใบหน้าแสดงสีหน้าถึงความเป็นห่วง
“ว่าไงครับ”
“หม่าม้าโอเคขึ้นไหมคะ
เดี๋ยวหนูไปเอาขนมมาให้ไหมคะ” เด็กน้อยถาม
จินยองคลี่ยิ้มบางเบา เขาพยักหน้าช้าๆ ไม่ให้หนูน้อยเป็นห่วง
“โอเคแล้วครับ
ตอนนี้เราจะมีน้องดีใจหรือเปล่า”
“ดีใจค่ะ
น้องจะมีเพื่อนเล่นแล้ว แต่ว่าพอเห็นหม่าม้าเป็นแบบนี้แล้ว...” เด็กน้อยทำหน้าเศร้า
ทำเอาอิมแจบอมนึกขำท่าทางความเป็นห่วงที่มีต่อจินยองที่แสดงออกมา
“มันเป็นอาการปกติค่ะลูก
คุณม้าจินยองเขาไม่เป็นไรหรอก”
“จริงเหรอคะ”
เด็กน้อยหันไปถามคุณย่า
“ใช่แล้ว
ตอนย่าท้องพ่อเราก็มีอาการแบบนี้เหมือนกัน” เด็กน้อยฟังแล้วก็ตาโตด้วยความสนใจ
“ว้าว
วิเศษจังเลยค่ะ” เด็กน้อยย้มหวานแววตาฉายความตื่นเต้นในสิ่งที่ได้รู้จากคนเป็นย่า
เวลาผ่านเลยจนไปช่วงบ่ายทั้งสี่คนกำลังจะเดินทางกันไปที่โรงพยาบาลเมื่อเตรียมตัวเสร็จคนขับรถก็นำรถตู้สำหรับครอบครัวมาจอดรอที่หน้าบ้าน
อิมแจบอมและจินยองก็เดินออกมาจากบ้านเพื่อเตรียมตัว
ไม่นานนักรถตู้ก็ขับออกไปยังถนนใหญ่มุ่งสู่โรงพยาบาลในตัวเมืองของโซล
รถตู้ขับเข้ามายังโรงพยาบาลซัมซองซาซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีขนาดใหญ่และขึ้นชื่อเรื่องเครื่องมือทางการแพทย์ที่พร้อมทุกสิ่งอย่างโดยคนขับรถจอดยังหน้าโรงพยาบาลเพื่อส่งเจ้านายลงก่อนตัวเขาจะขับไปรอแถวลานจอดรถของโรงพยาบาล
โดยอิมแจบอมและทุกคนพาจินยองไปที่เคาน์เตอร์ของโรงพยาบาลเขาบอกจุดประสงค์ก่อนที่พยาบาลจะทำการตรวจร่างกายของคนไข้เบื้องต้นจากนั้นจินยองจะถูกพาไปยังแผนกผดุงครรภ์
ทั้งสี่คนมานั่งรอตรงหน้าห้องตรวจเพื่อรอเสียงเรียกจากพยาบาลตรงหน้าแผนกเรียกชื่อเข้าห้องตรวจเพื่อทำการฝากครรภ์กับโรงพยาบาลระหว่างที่นั่งรอยัยตัวเล็กของพวกเขาก็เหลือบไปมองเด็กน้อยที่อยู่ในตักของคุณแม่คนไข้ที่นั่งข้างๆ
“คุณย่าขา
น่ารักจังค่ะ” เฮนามองไปที่เด็กทารกที่นั่งอยู่บนตักของคุณแม่ของเขา
ผู้หญิงคนนั้นได้ยินก็หันมายิ้มให้เธอ
“อยากเล่นด้วยไหมคะ”
หญิงสาวถามเด็กน้อยพร้อมหันลูกของเธอมาให้เฮนาได้เล่นกับน้อง
“เล่นได้เหรอคะ”
หญิงสาวพยักหน้า มือเล็กสัมผัสกับนิ้วมือเล็กปุ้มของหนูน้อย
หัวเราะคิกคักด้วยความชอบ
“อย่าจับน้องแรงนะลูก”
ฮเยริเอ่ยเตือนหลานสาว
ระหว่างที่รอคุณหมอเรียกเข้าห้องตรวจไม่นานนักหญิงสาวคนนั้นก็ขอตัวเมื่อพบว่าพยาบาลเรียกชื่อของลูกสาวของเธอ
“ไปก่อนนะคะ”
เธอยิ้มก่อนจะอุ้มเด็กทารกเข้าไปในห้องตรวจ
เฮนาหงอยนิดนึงเมื่อน้องไม่อยู่แล้วจึงขยับไปหาหม่าม้าที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“หม่าม้า
ป๊ะป๋าขา ถ้าน้องหนูจะน่ารักแบบน้องคนนั้นไหมคะ”
“น่ารักสิครับ
ต้องน่ารักเหมือนหนูไง” จินยองลูบแก้มน้อง
“งื้อออ
น้องจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายง่า” เด็กน้อยมองตาแป๋วไปที่พุงเล็กของคุณหม่าม้า
“ไปลุ้นในห้องตรวจแล้วกันเนอะ”
อิมแจบอมบอกลูกสาว
ไม่นานนักพยาบาลก็ออกมาเรียกคนไข้อย่างปาร์ค
จินยองเข้าไปในห้องตรวจอิมแจบอมพาร่างบางเข้าไปพร้อมกันโดยให้เฮนานั้นรออยู่เป็นเพื่อนคุณย่าข้างนอก
เมื่อไปถึงห้องตรวจคุณหมอที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะมีสีหน้าอย่างเหลือเชื่อเมื่อพบว่าเปอร์เซ็นต์ผู้ชายที่ท้องได้นั้นมีแค่
10%
เท่านั้นร่างบางนั่งลงตรงหน้าคุณหมอจากนั้นก็เริ่มตรวจร่างกายของคุณแม่ก่อนอันดับแรกของการฝากครรภ์
“สุขภาพของคุณแม่ดีมากเลยนะครับ”
คุณหมอบอกคุณพ่อคุณแม่
“เอ่อ
คุณหมอครับ ถ้าผมอยากรู้เพศลูกตอนนี้สามารถรู้ได้ไหมครับ” อิมแจบอมถามคุณหมอเพราะอยากจะรู้เจ้าหนูน้อยในท้องนั้นเป็นเพศไหนจะได้เตรียมของให้ถูกต้อง
“ตอนนี้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้
7 สัปดาห์เพศยังไม่แน่ชัดครับ หมอแนะนำว่าตอนช่วง 16 – 22
สัปดาห์จะเห็นเพศชัด”
“อ่อครับ”
“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ
หมอขอนัดตรวจอีกทีขอเป็นสัปดาห์ที่12 นะครับหมอจะเขียนในใบนัดไว้ให้”
“ขอบคุณมากๆเลยครับ
คุณหมอ”
อิมแจบอมพาน้องออกมาจากห้องตรวจเสร็จก็เดินตรงมาหาลูกสาวและแม่ที่นั่งรออยู่
คนเป็นย่ายิ้มดีใจเมื่อจินยองออกมาจากห้องตรวจ
“เป็นไงบ้างแจบอม”
“ร่างกายคุณแม่แข็งแรงครับ”
“แล้วเขาไม่อัลตร้าซาวน์ให้เหรอลูก”
จินยองส่ายหัว
“ได้ไงละนั่น”
ฮเยริไม่พอใจเล็กน้อย
เมื่อหมอที่นี่ไม่อัลตร้าซาวน์ให้กับลูกสะใภ้ของเธอ
“แม่ใจเย็นก่อนครับหมอนัดอีกทีสัปดาห์ที่
10 ครับ” จินยองเดินไปหาฮเยริให้ใจเย็นลง
“งั้นไปรอกับแม่ที่รถค่ะ
ให้ตาแจบอมเขารอจ่ายเงินไป” เธอพาลูกสะใภ้และหลานไปที่รถโดยโทรหาคนขับรถเพื่อรู้ที่จอดเพื่อให้เธอเดินไป
ทางด้านฝั่งของอิมแจบอมที่ยืนรอจ่ายเงินค่าฝากครรภ์ยาบำรุงต่างๆพอหันมาอีกทีก็พบว่าแม่ของเขาพาเมียกับลูกเดินลงจากลิฟต์ไปเป็นที่เรียบร้อย
“ซองนี้เป็นยาแก้แพ้ท้องของคุณแม่นะคะ
แล้วซองนี้สำหรับยาบำรุงครรภ์ค่ะ ทั้งหมดรวมค่าฝากครรภ์เป็น 1,200,000 วอนค่ะ”
เธอยื่นใบเสร็จให้ร่างหนาตรวจดู
“จ่ายบัตรนี้แทนได้ใช่ไหมครับ”
ร่างหนาล้วงหยิบบัตรเดบิตสีทองขึ้นมาให้พนักงานของโรงพยาบาลนำไปรูดจ่ายเมื่อชำระเสร็จเรียบร้อยอิมแจบอมก็รับถุงยาและเดินไปที่ลิฟต์ตามเมียกับลูกไปทันที
ฝั่งจ่ายยาก็แทบกรี๊ดกับความหล่อของคุณพ่อที่เพิ่งจ่ายเงินเมื่อกี้
“แก
หล่อมาก ฉันอิจฉาภรรยาของเขาจังเลย”
“แกเห็นบัตรนั่นไหม
ไม่รวยจริงมีไม่ได้นะ” แล้วพนักงานก็หวีดร้องไปพร้อมกันก่อนจะโดนมองแรงจากหัวหน้าที่อยู่ด้านหลังพวกเธอทำให้เธอหันไปทำหน้าที่จ่ายยาต่อ
ความคิดเห็น