ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MR. IM💋 (BNIOR FEAT. JACKJAE/MARKBAM)

    ลำดับตอนที่ #10 : You’re my everything.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.91K
      413
      20 ส.ค. 62

    Chapter 9

    You’re my everything.





      

              อิมแจบอมไม่ได้ขับมุ่งไปโซลซึ่งระหว่างทางก็พาคนรักและลูกสาวไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในโกยาง เกาหลีใต้ โดยสถานที่แรกที่จะไปคือ โพชอน อาร์ต วัลเล่ย์ คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า ศิลปะแห่งหุบเขา และเป็นที่ถ่ายทำละครย้อนยุคอีกด้วยเมื่อรถยนต์จอดยังสถานที่จอดรถที่ทางสถานที่จัดไว้ให้ ทั้งสามคนก็พากันเดินไปยังที่ทะเลสาปที่โอบล้อมไปด้วยหินแกรนิตซึ่งดูสวยงาม จากนั้นสถานที่สองที่ไปคือ Herb Island เป็นสวนสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุด มีคาร์เฟ่ และร้านอาหารมากมายซึ่งมาถึงที่นี่ก็เกือบบ่ายกว่าความหิวก็เริ่มมา อิมแจบอมพาจินยองและลูกสาวเข้าไปในร้านอาหารส่วนใหญ่แม่ลูกมักจะพากันไปร้านของกินมากกว่า เฮนาจูงจินยองแวะทุกอย่างเป็นทริปที่สองที่มากันแค่สามคน

              เฮนา เดินเบาๆหน่อยครับ ม้าเมื่อยแล้วน่ะอิมแจบอมบอกลูกสาวที่ติดจินยองแจ ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นผลดีในอนาคตข้างหน้า

              งื้อ หนูลืมเลย เหนื่อยใช่ไหมคะ?” เด็กน้อยถามด้วยใบหน้าสำนึกผิดที่มัวแต่สนุกแล้วลืมว่าหม่าม้าของเธอนั้นอาจจะเหนื่อยก็ได้

              พักก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวค่อยเดินเที่ยวต่อจินยองจูงมือเด็กน้อยไปที่ม้านั่งเพื่อนั่งพัก ระหว่างนั้นอิมแจบอมก็เดินหายไปจากฝูงชนสองทั้งจินยองและเฮนาหันไปอีกทีก็ไม่เห็น

              ป๊ะป๋าไปไหนอ่ะคะเด็กน้อยเหลียวซ้ายที ขวาทีเพื่อมองหาไหล่กว้างของป๊ะป๋า

              น่าจะไปเข้าห้องน้ำมั้งคะ เดี๋ยวก็คงมาจินยองบอกลูกสาว ไม่นานนักร่างหนาก็มาพร้อมกับไอศกรีมลาเวนเดอร์ 3 โคน ขายาวก้าวมาทางสองแม่ลูกที่นั่งอยู่ที่ม้านั่ง

              ป๊าเอาไอติมมาให้ครับอิมแจบอมยื่นไอศกรีมให้กับลูกสาวและจินยอง หนูน้อยกล่าวขอบคุณก่อนจะขยับไปนั่งบนตักของจินยองเพื่อให้ป๊ะป๋านั่งบ้าง

              ท่ามกลางหมู่นักท่องเที่ยวที่แวะเข้ามาชมในสวนสมุนไพรนับว่าละลานตาไปหมดจนเมื่อพักทานไอศกรีมเสร็จทั้งสามคนก็พากันเดินชมที่เหลือก่อนจะกลับโซล พอกลับออกมาจาก Herb Island ก็เกือบช่วงเย็นแจบอมและจินยองพาเด็กน้อยไปเที่ยวให้หนำใจก่อนพรุ่งนี้จะเปิดเรียน...

              รถยนต์ Mercedes Benz E – class Saloon ขับมาถึงบ้านที่โซลประมาณทุ่มกว่าๆ ร่างหนาทำการดับเครื่องยนต์มองไปยังกระจกหลังเฮนานอนตัวงออยู่และด้านเก้าอี้ฝั่งคนขับจินยองก็ไม่ต่างกันเรือนผมสีน้ำตาลเข้มพิงอยู่ตรงกระจกรถมือหนาเขย่าตัวเรียกให้ตื่นทันที

              จินยองถึงบ้านแล้วครับร่างเล็กงัวเงียลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตอนนี้เขามาถึงคฤหาสน์ตระกูลอิมเรียบร้อยขาเยวค่อยๆหย่อนลงโดยมีแจบอมที่เดินอ้อมไปทางประตูรถด้านหลังเพื่ออุ้มลูกสาวของตนให้นอนบนบ่าจากนั้นก็แบกพาเข้าไปในบ้านโดยกำชับให้แม่บ้านทุกคนช่วยขนของกันลงมา แจบอมอุ้มลูกสาวเดินขึ้นบันไดพามาที่ห้องนอนเจ้าหญิงเดินไปที่เตียงค่อยๆวางอิมเฮนานอนบนเตียงโดยไม่ลืมห่มผ้าและเปิดเครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิที่เหมาะสม ร่างหนาก้มลงจูบกระหม่อมลูกสาวอย่างแผ่วเบา

              ฝันดีนะคนดีของป๊า

              อิมแจบอมเดินออกจากห้องนอนของลูกสาวจากนั้นก็ตรงเข้ามายังห้องนอนของตัวเองเมื่อมาถึงก็เห็นจินยองนั้นอาบน้ำเสร็จอย่างรวดเร็วแล้วตอนนี้ก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ร่างหนาอมยิ้มเล็กๆเมื่อมองไปที่เตียงที่คนตัวเล็กหลับขายาวก้าวไปที่ตู้เก็บผ้าขนหนูหยิบมันออกมา 2 ผืนถือเข้าห้องน้ำไปเพื่อทำธุระส่วนตัวให้เสร็จเร็วเพื่อจะรีบเข้านอนตามน้องไปอีกคน..

             

              เช้านี้รถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ อี คลาส ซาลูนขับเข้ามาจอดในบริษัทสายการบินอิม ร่างหนาขับรถเข้ามาจอดในโซน VVIP โดยมีเลขามายืนรอรับหน้าบริษัทเพื่อเข้าประชุมการเปิดขยายสายการบินที่ประเทศล่าสุดรัฐนิวแม็กซิโกนั้นสำเร็จลงและเขาจะส่งตัวแทนในการดำเนินงานไปโดยมีการจัดตั้งองค์ประชุม ที่จะเริ่มดำเนินแผนการตามที่ฝ่ายวางแผนได้วางไว้

              บอสครับ ทางห้องประชุมจัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วครับร่างหนาของเลขานุการอย่างบังชานถือแฟ้มเรื่องที่จะประชุมเดินตามเจ้านายไปยังชั้นของห้องประชุมบริษัท

              ร่างหนาของประธานของสายการบินเดินเข้ามาในที่ประชุมโดยใบหน้าเรียบตึงทุกคนหรือคณะกรรมการต่างๆตกอยู่ในคอมเงียบ บังชานเริ่มเปิดสไลด์บนจอโปรเจ็คเตอร์ระหว่างที่แจบอมกำลังพูดนั้นหนึ่งในที่คณะกรรมการมีหญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีครีมนั่งร่วมอยู่กับคณะองค์ประชุมจ้องมองไปที่ชายหนุ่มตรงกลางที่กำลังอธิบายเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆโต้แต้งในองค์ประชุม ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงในการโต้แย้งข้อสรุปต่างเสร็จร่างหนาของอิมแจบอมเดินออกมาจากห้องประชุมไปที่ห้องทำงานของตัวเองโดยมีเลขาเดินตามมาด้วย

              บอสเอาชาหรือกาแฟไหมครับเดี๋ยวผมเอาเข้าไปให้บัง ชานถามเจ้านายของตน

              ผมขอกาแฟแล้วกันแจบอมบอกเลขาแล้วเดินไปที่โต๊ะจากนั้นเสียงปิดประตูก็ปิดลง

              บังชานเดินไปที่ห้องสำหรับชงกาแฟของผู้บริหารเขาหยิบซองกาแฟฉีกซองใส่ในแก้วกาแฟกดน้ำร้อนในกาต้มน้ำคนผงกาแฟให้เข้ากันกำลังจะยกไปเสิร์ฟเจ้านายแต่ทว่าหันไปเจอกับจื่อวีที่ยืนกอดอกทำหน้าเย่อหยิ่งใส่เลขาหน้าจืดอย่างบังชาน

              มีอะไรหรือเปล่าครับคุณจื่อวี

              จะเอากาแฟไปให้พี่แจบอมเหรอใบหน้าสวยบึ้งตึงกอดอกถามเลขาของแจบอม

              ครับ

              เอามา เดี๋ยวฉันเอาไปให้เขาเองนายไปทำงานของนายเถอะจื่อวีคว้าแก้วกาแฟในมือของเลขาหนุ่มก่อนจะเดินไปที่ห้องของประธานใหญ่สายการบินอิม

              จื่อวีเดินถือกาแฟถึงหน้าห้องหลังมือเคาะประตูเชิงขออนุญาตก่อนจะมีเสียงตอบรับตอบกลับมา ร่างเล็กจึงผลักประตูเข้าไปพร้อมวางกาแฟลงที่โต๊ะทำงานเธอนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามไม่ได้ออกไป แจบอมคิดว่าเป็นบังชานต้องการให้เขาเซ็นเอกสารสำคัญหรือเปล่า

              ชาน คุณมีอะไรให้ผมเซ็นอีกหรือเปล่าเขาโพลงถามขึ้นโดยไม่ได้หันไปมองว่าความจริงแล้วคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ใช่เลขาส่วนตัวของตัวเอง

              ไม่ใช่เลขาของพี่หรอกค่ะเสียงหวานทำให้อิมแจบอมลสายตาจากหน้าจอมือถือและหันเก้าอี้มาเผชิญหน้าร่างเล็ก

              จื่อวี เธอมีอะไรกับพี่หรือเปล่า

              พอดีชงกาแฟมาให้น่ะค่ะ เห็นคุณชานเลขาของพี่นั้นดูยุ่งๆเลยเข้ามาช่วยเธอเอนตัวไปด้านหลังพร้อมกอดอกหน้าอกหน้าใจอวบอัดทำเอาแจบอมพยายามเสตามองไปทางอื่น

              ขอบคุณมากนะครับแจบอมส่งยิ้มให้ตามมารยาทแต่เขาไม่ได้แตะต้องแก้วกาแฟที่จื่อวียกมาให้ ทำให้เธอแอบจิ๊ปากด้วยความที่เขาไม่สนใจเธอเลยสักนิด

              งั้นจื่อวีขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ ไว้เจอกันค่ะเธอลุกออกจากเก้าอี้พร้อมเดินก้าวฉับออกไปจากห้องทำงานของแจบอมด้วยความหัวเสียที่เขาไม่แตะกาแฟแก้วนั้นที่เธอนั้นอุตส่าถือมาให้เลยสักนิด เธอผลักประตูออกมาจากห้องสาวเท้าเดินออกไป บังชานได้แต่สั่นหัวให้กับลูกสาวของคณะกรรมการของสายการบินอิมอย่าง โจว จื่อวี ใครจะรู้ว่าความจริงแล้วประธานสายการบินนั้นมีคนรักอยู่แล้วต่างหากเขาเห็นว่าเป็นสจ็วตหน้าหวานแต่เห็นไกลๆก็รู้ว่าสวย ระหว่างที่ชานเลิกสนใจจื่อวีสักพักหนึ่งโทรศัพท์จากห้องข้างในโทรมาหาเขา

              เดี๋ยวผมจะออกไปแล้ว ถ้าคุณทำงานของคุณเสร็จก็กลับเลยก็ได้แจบอมสั่งเลขาทิ้งท้ายไว้ร่างหนาก้าวขายาวเดินไปที่ลิฟต์เพื่อไปรับลูกสาวเพราะว่าอิมยองอุคและอิมฮเยริยังไม่กลับมาจากฮันนีมูน

    ห้างสรรพสินค้า Wang   

              ปาร์คจินยองนั่งรอแบมแบมและยองแจที่ร้านคาเฟ่ข้างในห้างสรรพสินค้าซึ่งนัดกันตอนสี่โมงครึ่งจนตอนนี้ใกล้เวลาเต็มทีก็ไม่เห็นว่าเพื่อนจะปรากฏตัวออกมาระหว่างที่จินยองกำลังนั่งดื่มชาพีชรอเพื่อนทั้งสองคนอย็มีคนเลื่อนเก้าอี้ข้างหน้าเขาเอง จินยองคิดว่าเป็นแบมแบมไม่ก็ยองแจที่มาจึงจะหันไปว่าทำไมถึงมาช้าแต่พอเงยหน้าขึ้นกลับไม่ใช่เพื่อนของเขาแต่เป็นเด็กข้างบ้านอย่าง ฮวัง ฮยอนจิน ที่อยู่ตรงหน้ายืนยิ้มแฉ่งให้

              ใช่ พี่จินยองจริงๆด้วยร่างสูงเขยิบเก้าอี้เพื่อนั่ง จินยองงงว่าทำไมฮยอนจินถึงมาอยู่โซลได้

              มากับใครเนี่ย

              มาคนเดียวดิพี่ มารอใครครับฮยอนจินมองออกไปข้างนอกคาเฟ่เพื่อมองหาคนที่มาพร้อมกับจินยองแต่ก็ไม่เจอ

              พอดีพี่นัดเพื่อนไว้น่ะ แล้วมาทำอะไรที่นี่จินยองถาม ร่างสูงชี้ไปยังกระเป๋าหนังสือซึ่งจินยองจำได้ว่าคนตรงหน้าเคยบอกเขาว่าจะกลับมาเรียนต่อให้จบ อย่าบอกว่าเรียนต่อ

              ใช่พี่ ผมมาเรียนต่อให้จบแต่ผมเรียนวิศวกรรมการบินฮยอนจินยิ้มอย่างภาคภูมิใจความจริงสาขานั้นเขาก็เรียนที่นู่นมาจึงส่งเกรดมาต่อที่นี่มหาวิทยาลัยแห่งชาติโชลซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ในประเทศเกาหลีเพราะส่วนใหญ่ล้วนหัวกระทิทั้งนั้น

              เก่งจัง งั้นก็อีกปีเดียวอ่ะดิ

              ใช่ ถ้าจบแล้วผมจะมาขอพี่แต่งงานนะสายตาของฮยอนจินเปล่งประกายเชิงอ้อนขอร้องซึ่งสีหน้าของจินยองรู้สึกลำบากใจอย่างเห็นได้ชัดทำได้เพียงยิ้มฝืนๆให้ไปเพราะไม่ว่าจะปฏิเสธไปเท่าไหร่แต่ฮยอนจินก็ยังคงรุกเขาอยู่ดี

              อะแฮ่มแบมแบมที่เดินเข้ามาเห็นเด็กหนุ่มหน้าใสแถมยังหล่ออีกต่างหากนั่งกับเพื่อนเขาตอนนี้ ฮยอนจินยืนขึ้นทำความเคารพรุ่นพี่ที่แก่กว่าอย่างแบมแบม ร่างสูงยกข้อมือดูนาฬิกาว่ากี่โมงก่อนจะขอตัวไปก่อน ฮยอนจินยิ้มหวานให้สองหนุ่มหน้าหวานก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากร้านและสวนทางกับยองแจพอดี

              แก หล่อน่ารักมากอ่ะยองแจรีบเดินเข้ามาหาทั้งสองคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะร้านคาเฟ่และกำลังพูดถึงคนที่เพิ่งเดินสวนทางไปเมื่อกี้

              เด็กจินยองไงแบมแบมบอกยองแจ ยองแจมองจินยองหรี่ตาเรียวเล็กอย่างจับผิด

              ไม่ใช่เด็กกูไอ้แบมแบม แล้วพวกมึงนัดกูสี่โมงครึ่งแล้วทำไมเพิ่งมาครับจินยองค้อนใส่เพื่อนก่อนจะถามหาเหตุผลที่ทำไมเพื่อนถึงมาสาย

              โอ้ยยยย นิดหน่อยเองน่าพอดีกูหากุญแจรถไม่เจออ่ะยองแจว่า

              เพิ่งทำธุระมาจ้าเลยมาช้า ซอรี่นะเพื่อนนะแบมแบมยกมือลวกๆ

              กูรอพวกมึงจนรากจะงอกแล้วมะแขนเรียวของแบมแบมเกี่ยวแขนเพื่อนรักอย่างจินยองลากออกไปจากร้านคาเฟ่เพื่อไปเดินเที่ยวเตร่กันตามประสา

              มาเหอะน่า รีแล็กซ์หน่อยดิ

              ตอนค่ำจินยองนั่งรถแท็กซี่มาลงยังหน้าบ้านร่างเล็กโทรหาคนในบ้านช่วยเปิดประตูให้เมื่อเดินเข้าไปในบ้านเดินผ่านห้องครัวเห็นสองพ่อลูกกำลังเทอาหารแมวทั้งสามตัวจินยองดูความอบอุ่นของอิมแจบอมและอิมเฮนาที่กำลังเทอาหารใส่ภาชนะอาหารของเจ้าพวกแมวอ้วน ร่างหนาเงยหน้าขึ้นมาริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มบางๆ

              คุณม้าขาเสียงเล็กเรียกคนที่ยืนกอดอกอยู่หน้าเคาน์เตอร์ครัว

              ว่าไงครับ ให้อาหารเจ้าอ้วนพวกนี้อยู่เหรอ

              ใช่ค่า พรุ่งนี้หม่าม้าว่างมั๊ยคะ

              ว่างค่ะ พรุ่งนี้หยุดอยู่บ้านจินยองบอกลูกสาวรอยยิ้มเล็กเผยอย่างดีใจ

              งั้นพรุ่งนี้หม่าม้ากับป๊ะป๋าไปรับน้องที่โรงเรียนนะคะจินยองย่อตัวลงไปหาเด็กหญิงแล้วชูนิ้วก้อยเป็นสัญญา

              ได้ค่ะหนูน้อยยื่นหน้าไปหอมแก้มคุณหม่าม้าในท่าทีที่ขี้อ้อน ก่อนจะวิ่งไปหาแม่นมของเธอทางด้านนอกห้องครัว จินยองหลงเฮนาจนไม่รู้จะหลงอย่างไรแล้ว

              หลังจากที่คุณพ่อแมวให้อาหารเสร็จก็พาเจ้าแมวอ้วนสามตัวไปนอนในห้องนอนด้วยซึ่งจะมีเตียงสำหรับแมวซึ่งแมวพวกนี้จะไม่ค่อยวอแวเท่าไหร่นอกจากตอนหิวมือหนาปล่อยแมวลงที่พื้นพร้อมผลักประตูเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ร่างหนาจัดการเสื้อผ้าของตัวเองใส่ลงในตะกร้าหวายและเดินตัวเปล่าเข้าไปในห้องน้ำที่มีใครบางคนกำลังแช่กายอยู่ในอ่างเสียงประตูปิดลงทำให้คนที่กำลังแช่กายด้วยอารมณ์สุนทรีนั้นลืมตาขึ้นมา แม้ว่าจะเห็นบ่อยครั้งแต่ยากที่จะทำใจให้ชินได้ ขาแกร่งก้าวเข้ามานั่งในอ่างและนั่งแช่ตัวด้านตรงข้าม

              เข้ามาทำไมครับ

              อยากอาบน้ำ วันนี้ไปไหนมาครับกลับซะค่ำเลยแจบอมเท้าแขนกับที่ขอบอ่างและถามคนตรงหน้าเพื่อพูดคุยเรื่องต่างๆ

              ก็ไปเจอเพื่อนๆครับ แบมแบมกับยองแจ

              ขัดหลังให้หน่อยได้ไหมอิมแจบอมหันแผ่นหลังแกร่งให้น้องขัด จินยองหยิบใยบวบชุบกับน้ำฟองสบู่ที่อยู่ในอ่างจากนั้นก็ใช้บวบนั้นขัดแผ่นหลังแกร่ง

              เหมือนผมขัดให้พ่อเลยอ่ะคำว่าพ่อทำเอาหนุ่มวัย 34 น้ำตาจะไหลเขาห่างจากจินยองแค่ 11 ปีเอง รอบหนึ่งเอ๊ง

              ว่าพี่แก่หรือไง หืม?”

              เปล่าสักหน่อย ไม่แก่เลยสักนิดจินยองพูดตามความจริง ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มอย่างชอบใจ มือบางที่ขัดอยู่ก็ต้องหยุดเมื่อร่างหนานั้นหันหน้ามาเผชิญแทนเขาหยิบใยบวบจากมือบางพร้อมทำมือเป็นสัญลักษณ์ให้น้องหันหลังไป

              ฮ๊า สบายจังครับใยบวบถูวนอยู่บนหลังขาวเนียนวนซ้ำๆและไล้ไปตามรอยกลีบกุหลาบที่อยู่บนลำคอขาว ความรู้สึกใยบวบนั้นลอยมาข้างหน้าของเขาจินยองสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆเป่ารดอยู่บริเวณกกหูมือหนาไล้ไปตรงบั้นเอวขอดไปเรื่อยๆ ริมฝีปากจูบตรงลำคอราวกับย้ำรอยให้มันชัดขึ้นกว่าเดิม มือหนาลูบไล้ไปตามเรียวขาภายใต้น้ำในอ่างจินยองรีบตะครุบมือหนาให้ออกไปทันที

              หยุดเลยครับ ให้ผมพักบ้างแล้วจินยองก็รีบลุกออกไปจากอ่างอาบน้ำเดินไปล้างตัวที่ฝักบัว อิมแจบอมมองตามตาละห้อยก่อนน้องจะยิ้มโปรยเสน่ห์แล้วเดินออกจากห้องน้ำไป

              ในตอนเช้าอิมแจบอมพาลูกสาวไปส่งที่โรงเรียนก่อนจะวนรถมารับจินยองที่บ้านอีกครั้ง รถยนต์ไลแคน ไฮเปอร์สปอร์ตขับมาด้วยความเร็วแต่เมื่อเขตบ้านค่อยๆชะลอความเร็วเขาจอดเทียบยังหน้าบ้าน สักพักหนึ่งจินยองก็เดินออกมาเพราะว่าวันนี้เขาจะพาน้องไปที่ทำงานด้วย เมื่อน้องก้าวขึ้นรถร่างหนาก็เหยียบคันเร่งมุ่งไปยังบริษัททันที ไลแคน ไฮเปอร์สปอร์ตขับมาด้วยความเร็วบนท้องถนนก่อนจะตบไฟเลี้ยวเมื่อเห็น บริษัทเขาขับเข้ามาจอดยังที่จอดของผู้บริหารแจบอมพาจินยองเข้าไป สายตาของคนทั้งบริษัทต่างจับตามองคนที่มากับผู้บริหารทำให้จินยองเลือกที่จะเดินเลี่ยงจากที่เดินเคียงข้างในตอนแรกนั้นกลับเปลี่ยนเป็นเดินตามด้านหลังแทน ฝีเท้าของแจบอมหยุดอยู่ตรงหน้าประตูที่จะเข้าทาบบัตรในบริษัท เขาเดินหันหลังมายืนตรงหน้าน้อง

              เป็นอะไรครับ ทำไมไม่เดินข้างพี่ล่ะแจบอมถามเพราะเห็นน้องชะงักฝีเท้าแล้วเปลี่ยนเป็นเดินตามหลังเขาแทน

              ผมไปรอที่อื่นดีกว่าไหมครับ ผมไม่ชินสักเท่าไหร่จินยองพูดเพราะส่วนใหญ่เขาทำงานแค่ที่สนามบินแค่นั้น ยิ่งสายตาของเหล่าพนักงานที่มองมาอย่างสนใจนั้นทำเอาเขานั้นแทบไม่ชินแม้ว่าครั้งก่อนจะมากับเฮนาแต่ครั้งไหนมันก็ไม่ชินทั้งนั้นแหละ

              รอในห้องทำงานนั่นแหละครับ เข้าไปข้างในเถอะเป็นแฟนผู้บริหารนะมั่นใจหน่อยสิมือหนาลูบผมเรียกรอยยิ้มชวนเขินของจินยองเป็นอย่างดี อิมแจบอมจูงมือพาน้องเดินเข้าไปรอที่ชั้นลิฟต์ของผู้บริหารทันที

              เมื่อลิฟต์เปิดออกชานเดินเข้ามาต้อนรับ ครั้งแรกที่เขาเพิ่งเห็นคนรักของบอสตัวเองแบบใกล้ๆ น่ารักจริงๆด้วย แจบอมพาน้องเดินเข้าไปในห้องเพื่อนั่งรอจนถึงช่วงเย็นเวลาเลิกเรียนของอิมเฮนา ระหว่างที่ชานนำเอกสารเข้ามาให้อิมแจบอมนั้น เขาสั่งให้ชานช่วยไปหาเครื่องดื่มให้กับจินยอง ชานขยับแว่นหนาก่อนจะตอบตกลงแต่จินยองเลือกที่จะไปเองโดยมีเลขาของอิมแจบอมพาไปที่ห้องชงกาแฟซึ่งทั้งชั้นนั้นจะมีทั้งสองห้องซึ่งแยกระหว่างพนักงานและผู้บริหาร

              คุณชานเพิ่งมาทำงานเหรอครับจินยองถามคนตรงหน้าเพราะดูจากวัยคงจะไม่ห่างจากเขามากนัก ร่างเล็กยิ้มให้คุณเลขาแสดงความเป็นกันเองไม่ได้ถือตัวว่าเป็นแฟนของเจ้านายเขาแล้วกดขี่

              ครับ ผมเพิ่งทำงานได้ประมาณเกือบสองเดือนแล้วครับมาแทนคนเดิมที่ลาออกไปชานผลักประตูกระจกเข้าไป คุณจินยองอยากทานอะไรสามารถเลือกได้เลยครับ ที่นี่มีเครื่องดื่มหลากหลายอยู่เขาแนะนำเครื่องดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะซึ่งมันมีเยอะอย่างที่เห็น

              ขอบคุณครับ คุณชานไปทำงานเถอะครับจินยองยิ้มให้กับเลขาตรงหน้า ทำเอาหัวใจของเลขาหนุ่มกระตุกวูบกับใบหน้าน่ารักนั้น แต่แค่เอ่ยชมไม่ได้คิดที่จะตีท้ายครัวเจ้านายแต่อย่างใด เขาปล่อยให้จินยองชงเครื่องดื่มก่อนที่จะกลับไปทำงานที่ค้างไว้

              อีกทางด้านหนึ่งของห้องทำงานของจื่อวีที่ได้ยินมาว่าประธานบริษัทพาแฟนมาทำงานด้วย ทำเอาเธออยากจะเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นที่มาแทนที่ยุนเฮรา เพื่อนรักของเธอ จื่อวีตัดสินใจนำงานขึ้นไปหาแจบอมที่ห้องทำงานโดยจุดมุ่งหมายคืออยากเห็นหน้าของคนรักของอิมแจบอม เมื่อคิดได้ดังนั้นมือเรียวยาวหยิบแฟ้มเอกสารก้าวขาเรียวยาวของตัวเองไปที่ลิฟต์ทันที

              จินยองที่ถือเครื่องดื่มเข้ามาในห้องทั้งสองแก้วมาให้แจบอมซึ่งเขาเป็นคนชงโกโก้ร้อนแทนกาแฟ ร่างหนายิ้มให้ก่อนจะหยิบถ้วยนั้นขึ้นมาจิบ

              ทำไมถึงเป็นโกโก้ล่ะ

              ทานกาแฟเยอะไม่ดีต่อสุขภาพครับ ผมจู้จี้แต่ผมห่วงพี่นะคำว่าเป็นห่วงของน้องทำเอาหนุ่มวัย 34 รู้สึกเขินเป็นเหมือนกันแหะ อ๊ะ หนังสือเล่มนี้พี่อ่านด้วยเหรอครับจินยองเปลี่ยนความสนใจไปที่หนังสือเล่มหนึ่งชื่อหนังสือว่า ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ ร่างเล็กเงยหน้าจากหน้าปกหนังสือก่อนจะทำหน้าอ้อนเพื่อขออ่านมัน ผมอ่านมันได้ใช่ไหมครับ

              อ่านเลยครับ ของพี่ก็เหมือนของเรานั่นแหละจินยองยิ้มดีใจเขาเปิดหนังสือหน้าแรกบรรยากาศเริ่มเข้าสู้ความเงียบอีกครั้งจินยองนั่งเอนหลังอ่านหนังสือในมือด้วยความสนใจ

              เมื่อประตูลิฟต์เปิดเธอเดินตรงมายังห้องทำงานของแจบอมทันที ร่างบางผลักประตูเข้าไปโดยที่ไม่แจ้งเจ้าของห้องล่วงหน้าซึ่งทางเลขานุการอย่างบัง ชาน พยายามห้ามแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเดินนวยนาดเข้ามาในห้องทำงานอย่างไม่เกรงกลัวเพราะว่าตัวเองเป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อของอิมแจบอมทำให้เธอไม่เกรงใจในเรื่องนี้ เสียงส้นสูงทำให้จินยองนั้นละสายตาจากหนังสือมองคนที่เข้ามาในห้องเธอเป็นผู้หญิงสวยและรูปร่างสูงเพรียวหุ่นนางแบบ แจบอมที่ละสายตาจากเอกสารในมือทำหน้าไม่พอใจหญิงสาวตรงหน้า

              ทำไมไม่เคาะประตูหรือแจ้งที่เลขาผมน้ำเสียงเขาดูไม่พอใจและตำหนิ

              จื่อวีต้องขอโทษพี่แจบอมด้วยค่ะเธอมองหาแฟนของอิมแจบอมสายตาหยุดมองไปที่โซฟาเธอเหยียดยิ้ม คนอย่างอิมแจบอมนั้นเปลี่ยนรสนิยมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอไล่ตามรูปร่างจนมองหน้าแต่มองไม่ได้เพราะมีหนังสือปิดอยู่

              คุณมีอะไรหรือเปล่า ผมมีงานต้องทำนะครับ

              แหม จื่อวีเอาเอกสารนี้มาให้พี่เซ็นค่ะ เป็นเอกสารด่วน ผู้ชายคนนั้นใครเหรอคะที่มากับพี่จื่อวี่วางแฟ้มเอกสารที่ต้องเซ็นให้กับประธานและถามคนที่นั่งอยู่ในห้องเพื่อให้คนตรงหน้าแนะนำ จินยองที่ลอบมองผ่านหนังสือก็ต้องมองเพราะผู้หญิงคนนั้นนั่งแบบอวดเรียวขาสุดฤทธิ์สุดเดช

              แฟนของผมเองครับ ปาร์ค จินยองอิมแจบอมยื่นแฟ้มเอกสารที่เซ็นเสร็จส่งคืนให้หญิงสาว

              งั้นเหรอคะ สวัสดีค่ะคุณปาร์ค จินยอง ฉันจื่อวีค่ะเธอเดินมาตรงหน้าของจินยองพร้อมยื่นมือทำความรู้จักด้วยใบหน้าที่แสร้งว่ายินดี

              เอ่อ ครับ สวัสดีครับจินยองวางหนังสือไว้ที่ข้างตัวจากนั้นก็ลุกขึ้นเพื่อให้เกียรติอีกฝ่าย ทันทีที่จื่อวีเห็นใบหน้าของจินยองก็ต้องตะลึง

    ไม่ใช่ ไม่จริงหรอกนะ คนบ้าอะไรจะเหมือนกันมากขนาดนี้

              จื่อวีมองหน้าของจินยองไม่วางตาเพราะว่าใบหน้าที่เธอเห็นตอนนี้คือใบหน้าของยุน เฮรา อดีตเพื่อนรักของเธอน่ะสิ จากความคิดที่ว่าจะสามารถทำให้อิมแจบอมมีโอกาสหันมาสนใจเธอบ้างความคิดนั้นกลับเป็นศูนย์ทันที ไม่ว่ากิริยาหรือท่าทางคล้ายกับเฮรา ถ้าเธอไม่ได้เห็นศพของเพื่อนรักกับตาก็คงคิดว่าเฮราคงปลอมเป็นผู้ชายมาอยู่ตรงหน้าเธอ

              ฉันขอตัวก่อนนะคะจื่อวีเดินออกไปจากห้องโดยหันมองจินยองอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากประตูไปซึ่งสายตาของเธอนั้นยากที่จะคาดเดาว่าเป็นเพราะอะไรเธอถึงมองด้วยสายตาที่มีทั้งความอิจฉาและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน

              หลังจากที่จื่อวีออกไปจินยองก็หันมาถามแจบอมที่นั่งตรวจเอกสารต่อ...

              ทำไมเธอถึงมองผมแปลกๆด้วยอ่ะ อย่าบอกว่าเพราะผมเหมือนกับภรรยาเก่าของพี่อย่างนั้นเหรอเขาเห็นเพียงแค่รูปภาพซึ่งมันก็เหมือนแต่เขาไม่ใช่ยุน เฮรา เขาคือ ปาร์ค จินยองต่างหาก

              คิดมากน่า ในสายตาใครเขาจะมองยังไงก็ช่างแต่สิ่งที่พี่เห็นคือตัวตนของเราจริงๆไม่ใช่ตัวแทนของใคร เข้าใจไหมเด็กน้อย

              มีสักวันไหมครับที่จะไม่ทำให้ผมเขินจินยองพูดด้วยน้ำเสียงเบาแต่ก็ไม่พ้นหูของคนตรงนี้หรอก ริมฝีปากกระตุกเมื่อรู้ว่าน้องเขิน

              จินยองเลือกที่ซ่อนใบหน้าแดงปิดบังมันด้วยหนังสือแทน เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเที่ยงงานของอิมแจบอมเสร็จพอดีเขาละสายตาจากเอกสารก่อนจะวางปากกาหมึกไว้ที่โต๊ะสายตาคมมองไปยังโซฟาก็เห็นจินยองนั้นงีบหลับไปเรียบร้อย เสียงเคาะประตูของเลขาหนุ่มดังขึ้น บัง ชานเดินเข้ามาเพื่อถามเกี่ยวกับอาหารกลางวันนี้แต่ก็ต้องโดนสายตาดุของประธานทำเอาหนุ่มแว่นต้องขอโทษทันที

              เอ่อ ท่านประธานครับ ผมแค่จะมาถามว่าเที่ยงนี้ต้องการอะไรหรือเปล่าครับเดี๋ยวผมไปซื้อให้

              ไม่ต้องหรอกครับคุณชาน เดี๋ยวผมไปทานข้างนอกแทน คุณก็พักก็ได้ตอนบ่ายค่อยมาทำงานต่อ

              อ่อ ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ

              เมื่อบัง ชาน เดินออกไปจากห้องอิมแจบอมลุกจากเก้าอี้จากนั้นก็แกะมือที่เกาะติดกับหนังสือราวกับว่ามันจะหายไป มือหนาจับแก้มนุ่มพร้อมเขย่าปลุกให้ตื่น

              ตื่นได้แล้วครับ เที่ยงแล้ว

              ฮื่อ เที่ยงแล้วเหรอครับ อ๊าจินยองบิดขี้เกียจ ไปทานข้าวกันเถอะผมหิวมากเลยตอนนี้ จะทานที่ไหนครับ โรงอาหารของบริษัทหรือข้างนอกดีครับ

              แล้วแต่เราเลย อยากทานอะไรพี่ตามใจทุกอย่าง

              น่ารักที่สุด งั้นทานข้างนอกนะครับเดี๋ยวเป็นคนเลือกร้านให้เอง

              ป่ะแจบอมยื่นมือมาให้น้องจับจากนั้นก็เดินออกไปจากห้องทำงาน ทั้งสองคนเดินลงมาจากตัวลิฟต์มุ่งหน้าไปทางรถที่จอดอยู่

              ไลแคน ไฮเปอร์สปอร์ตขับออกไปจากบริษัทโดยรถยนต์มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารย่านฮงแด ซึ่งมีคนตัวเล็กที่กำลังบอกทางตามจีพีเอสให้ไปยังร้านนี้ รถไฮเปอร์สปอร์ตขับตามที่จินยองบอกจนกระทั่งเครื่องมือนั้นบอกว่าตอนนี้สิ้นสุดเส้นทางแล้วซึ่งร้านอาหารนั้นตั้งอยู่ตรงหน้า ร่างหนาขับเข้าไปในที่ที่จอดรถ ทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้านเลือกโต๊ะก็มีพนักงานเสิร์ฟของที่นี่มารับออเดอร์ ทั้งคู่สั่งอาหารจากที่ดูในเมนูโดยเฉพาะจินยองที่เคยคิดจะมาทานที่ร้านนี้สักครั้งเขาจดเมนูเด็ดๆมาเพียบ ซึ่งแจบอมก็ตามใจทุกอย่างถ้าอยากทานอะไรก็สามารถสั่งได้เต็มที่

              เดี๋ยวทีเด็ดคือของหวานพี่ต้องชิมบอกเลย

              มีหวานกว่าปากเราอีกเหรอแจบอมยิ้ม

               ทำเอาจินยองแทบจะมุดโต๊ะ คนบ้าเอ้ยยยย

              ไม่คุยด้วยแล้ว

              ไม่นานนักอาหารก็มาเสิร์ฟซึ่งมีประมาณ 45 อย่างที่สั่งไป จินยองหยิบกล้องมือถือขึ้นมาถ่ายก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหารในจานที่วางเรียงกันอยู่เต็มโต๊ะ บรรยากาศเป็นไปด้วยดีภายในร้านระหว่างที่กำลังรอขนมจู่ๆเพลงในร้านก็เปิดขึ้น คือเพลง 2002 ของ Anne Marie สักพักหนึ่งโต๊ะทางด้านหลังก็มีผู้ชายคนหนึ่งลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของแฟนสาว ซึ่งทุกคนในร้านต้องกลั้นยิ้มเมื่อผู้ชายคนนั้นหยิบกล่องแหวนออกมาพร้อมเอ่ยคำขอแต่งงาน อิมแจบอมสังเกตแฟนของตัวเองตรงหน้าที่ดูเขินกับอะไรแบบนี้มันก็น่ารักอยู่หรอก ยิ่งแก้มกลมนั้นแดงนิดๆ

              ฮื่อออ น่ารักมากเลยครับ

              อยากแต่งงานไหมจินยองจากที่เขินกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้ากลับกลายเป็นนิ่งค้างกับคำถามของอิมแจบอม

              ห่ะ โห ยังไม่เคยคิดเลยอ่ะ ถ้าแต่งงานผมอยากแต่งสักสามสิบกำลังดีเลยนะจินยองคิดแบบนั้น

              อืม งั้นทานเถอะ ขนมเรามานู่นแล้ว

              เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็นใกล้เวลาเลิกเรียนของลูกสาวอย่างอิม เฮนาแล้ว ซึ่งหลังจากที่ทานอาหารที่ฮงแดเสร็จแจบอมไม่ได้กลับเข้าไปที่บริษัทอีกเขาพาจินยองตะเวนหาที่ท่องเที่ยวต่างๆในโซล รถยนต์ไลแคน ไฮเปอร์สปอร์ตขับเข้ามาจอดในโรงเรียน อิมแจบอมเอารถจอดไว้ที่ลานจอดรถซึ่งวันนี้เหมือนจะมีงานอะไรสักอย่างเพราะมีรถของผู้ปกครองจอดกันเต็มไปหมด อิมแจบอมพาจินยองไปที่ห้องเรียนของเฮนาเมื่อเข้าไปในห้องก็เห็นเด็กน้อยกำลังนั่งเล่นกับเพื่อนอยู่ จินยองเลยเรียกน้องให้มาหา เฮนาเมื่อเห็นหม่าม้ามาด้วยก็รีบขอตัวจากเพื่อนไปหยิบกระเป๋าเป้ลายเจ้าหญิงมาหาทันที

              มารับหนูจริงๆด้วย

              สัญญาแล้วไงครับ กลับกันเลยไหมจินยองถามคนตัวเล็กที่จับมือเขา เฮนาส่ายหน้ายังไม่อยากกลับ

              งั้นอยากไปไหนครับอิมแจบอมก้มมองลูกสาวที่สูงแค่เอวของเขาเท่านั้น น้องมีท่าทีคิดแป๊บหนึ่งจากนั้นก็ ไปกินขนมกันไหมคะ หนูอยากทานบิงซูค่ะ

              ตามใจลูกสาวป๊าเลยครับทั้งสามคนเดินไปที่ลานจอดรถร่างหนาปล่อยลูกสาวลงเดินก่อนจะปลดล็อกรถ    จินยองเปิดเข้าไปนั่งโดยมีเฮนาตามขึ้นมานั่งตรงระหว่างขาคุณป๊ะป๋าเตรียมสตาร์ทรถพาลูกสาวไปทานบิงซูตามที่ต้องการทันที

              อิมแจบอมพาทั้งสองคนมาที่ห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมืองของโซลรถยนต์ขับเข้าไปจอดยังลานจอดชั้นใต้ดินเมื่อจอดยังชั้นที่ต้องการเสร็จแจบอมก็พาลูกสาวไปทานบิงซูตามที่ต้องการระหว่างที่กำลังนั่งทานนั้นจินยองก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำเหลือแค่สองพ่อลูกที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ

              ป๊าขา น้องคืออะไรเหรอคะ

              น้องก็คือ น้องสาวหรือน้องชายของหนูหรืออาจจะเป็นลูกของป๊ะป๋าอีกคนไงครับ ถามทำไมหืม?” แจบอมเลิ่กคิ้วเมื่อจู่ๆยัยตัวน้อยของเขาก็ถามขึ้นมา

              ก็คือว่าเมื่อตอนเช้าเห็นซูอินเพื่อนของน้องพูดว่ากำลังจะมีน้องหนูกะงงค่ะ ซูอินยังบอกอีกว่าถ้าหนูมีน้องหนูจะไม่เหงาด้วย

              อยากมีน้องเหรอครับเด็กน้อยตักบิงซูเข้าปากและพยักหน้าหงึกหงัก

     

              อันนี้หนูต้องไปถามคนนู้นครับแจบอมชี้ไปที่จินยองที่กำลังจะเดินเข้ามาในร้าน ร่างเล็กเดินเข้ามาก็เห็นว่าสองพ่อลูกสองคนจ้องมาที่เขาก็เลยเดินเข้ามานั่ง

              คุยอะไรกันครับ

              ไม่มีอะไรหรอกค่า เนอะป๊าเนอะเฮนายิ้มเห็นฟันซี่เล็ก

              จริงเร้ออ ปากเปื้อนแหนะหันหน้ามาเร็วจินยองหยิบทิชชู่มาสองสามแผ่นเช็ดริมฝีปากน้องให้สะอาด อิมแจบอมแอบอมยิ้มกับสองคนตรงหน้าที่ดูมุ้งมิ้งกัน

              ไว้ป๊าจะเก็บไปคิดเรื่องนั้นอีกทีแล้วกันนะครับ

              อิมแจบอมระบายยิ้มให้กับภาพตรงหน้า จากนั้นก็แอบบันทึกภาพไว้ในกล้องมือถือตอนที่สองคนไม่รู้ตัว

    ………………………………………..

    เวลาผ่านไปสองเดือนหลังจากที่กลับมาจากไร่ของอิมแจบอมเขาลองนับวันเวลาที่คบกันได้เกือบจะหกเดือนแล้วนานกว่าที่คาดคิดไว้ ตอนนี้จินยองกำลังยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกอีกสองชั่วโมงจะต้องเตรียมบินไปยังลอสแองเจลิสเขาสวมชุดอยู่ในชุดสจ๊วตจากนั้นก็เช็กของให้เรียบร้อยก่อนจะเตรียมตัวไปที่สนามบิน

              “หม่าม้าขา” เสียงเจื้อยแจ้วของอิมเฮนาดังลั่นห้องนอน จินยองที่กำลังเช็กของอยู่จึงหันมาสนใจคนตัวเล็กที่เดินมาหา

              “ว่าไงครับคนเก่ง มีอะไรหรือเปล่าครับ”

              “หม่าม้าจะไปทำงานเหรอคะ” เด็กน้อยทำหน้าเศร้าที่หม่าม้าจะไม่อยู่เล่นด้วยหลายวัน

              “ใช่แล้ว ไม่ทำหน้าเศร้าสิเดี๋ยววันจันทร์ก็กลับแล้วนะครับคนดี”

              “งื้อออ งั้นซื้อขนมมาฝากหนูด้วยนะคะ”

              “โอเคครับ ป่ะงั้นเราลงไปข้างล่างกันดีกว่าเนอะ” จินยองจูงมือลูกสาวเดินลงจากบันไดมาห้องทานอาหารโดยมีอิมแจบอม อิมยองอุคและอิมฮเยริที่นั่งทานข้าวอยู่ด้วยกันทั้งสองคนเพิ่งกลับมาจากฮันนีมูนเมื่อเดือนที่แล้ว หญิงวัยกลางคนสั่งให้แม่บ้านไปตักข้าวให้กับหลานสาวและจินยอง

              “นี่จินยองช่วงนี้เราดูแก้มเยอะขึ้นหรือเปล่า” อิมฮเยริเอ่ยทักเพราะพักหลังที่เธอสังเกตคือจินยองนั้นดูอ้วนขึ้นตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เห็นทีลูกชายเธอคงตามใจ

              “ครับ ผมก็คิดแบบนั้นแต่ไม่มีเวลาออกกำลังเลยครับ”

              “แต่แบบนี้แม่ก็ว่าน่ารักดีค่ะ เมื่อก่อนผอมไปแบบนี้แหละกำลังดีเลย ทานข้าวต่อเถอะจะได้รีบไปทำงาน”

              “ครับ”

              จินยองทานข้าวต้มกุ้งที่แม่บ้านของที่นี่เป็นคนทำระหว่างนั้นเสียงไลน์กรุ๊ปในที่ทำงานก็ดังขึ้นรัวๆ จนทำให้        จินยองต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านว่าตอนนี้เกิิดอะไรขึ้นทำไมข้อความถึงเข้ารัวๆ แบบนี้ มือเรียวไล่นิ้วไปตามหน้าจอเพื่อเลื่อนอ่านข้อความเหล่านั้นซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแอร์โฮสเตสที่เขาจับใจความเหมือนสาวๆพวกนั้นกำลังหวีดใครสักคนอยู่ จนกระทั่งมีแอร์คนหนึ่งส่งรูปถ่ายผู้ชายคนหนึ่งเข้ามา

     

    หล่อแฮะ

              จินยองคิดในใจพร้อมกดดูรูปภาพขนาดเต็มหน้าจอดูผู้ชายตรงหน้ามีใบหน้าที่หล่อและเครื่องหน้านั้นเข้ากันทุกส่วนไม่ว่าจะหู ตา จมูก ปาก ล้วนเข้ากันได้อย่างดีไม่มีที่ติ ขณะที่ทานไปด้วยก็ดูรูปในมือถือไปด้วยจนแจบอมที่นั่งอยู่ถัดจากลูกสาวไปหันมาสนใจว่าคนตัวเล็กของเขากำลังทำอะไรอยู่

              “ทำไรอยู่ครับรีบทานได้แล้วจะสายนะ” มือหนาชี้ให้ดูนาฬิกา จินยองจึงเก็บโทรศัพท์คุณพ่อบ่นซะขนาดนี้ก็ต้องเก็บแหละเนอะ

              เมื่อทานข้าวเสร็จอิมแจบอมเดินขึ้นไปข้างบนเพื่อยกกระเป๋าเดินทางของน้องเอามาไว้ข้างล่างเพื่อเตรียมที่จะเก็บไว้ที่รถ ไม่นานนักแจบอมก็ลงมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางเขานำของต่างๆลงมาไว้เพื่ให้น้องเช็กว่าของทุกอย่างนั้นครบถ้วนดีหรือยัง

              “โอเคครบหรือยังจินยอง”

              “ครบแล้วครับ เดี๋ยวพี่เอากระเป๋าไปเก็บเลยก็ได้ครับ” จินยองสั่งคนพี่ให้เดินไปเก็บกระเป๋าไว้ที่รถก่อนที่เขาจะเดินไปหาลูกสาวน้องเฮนาที่นั่งหน้ามุ้ยคราแรกก็เหมือนจะโอเคแต่พอว่าหม่าม้าจะไปจริงๆ ก็แอบเศร้า

              “ทำไมหน้าบูดแบบนั้นละครับ เดี๋ยวไม่สวยน้า” มือบางลูบแก้มนิ่มของลูกสาวเบาๆ ทำไมน่ารักแบบนี้ก็ไม่รู้

              “หม่าม้าต้องไปจริงๆเหรอคะ”

              จินยองมองเด็กน้อยงอแงก็เอ็นดูแต่เขาต้องไปทำงาน

              “ปะ เฮนา ไปกับย่าให้คุณม้าเขาไปทำงานเดี๋ยววันจันทร์ก็มาแล้วค่ะ” อิม ฮเยริ พาหลานสาวไปเล่นที่ห้องเด็กน้อยจึงไปแต่โดยดี

              “เดี๋ยวซื้อขนมมาฝากนะครับ” จินยองตะโกนบอกอิมเฮนาเสร็จก็ออกไปข้างนอกบ้านเห็นแจบอมกำลังยืนพิงรออยู่ที่ข้างรถ มือหนาโยนกุญแจให้น้องขับแทนส่วนตัวเองก็ไปนั่งข้างฝั่งของคนขับแทน

              จินยองรับกุญแจมาก็ขึ้นมาอย่างที่นั่งของคนขับจากนั้นก็เหยียบคันเร่งพารถ Porsche 811 ไปยังสนามบินทันทีระหว่างที่ขับไปก็ติดไฟแดงอยู่ตรงห้าแยกร่างหนาก็หันมาชวนคุยเรื่องลูกสาว

              “เฮนาไม่ยอมให้นายไปเหรอ”

              “ครับ เห็นใบหน้าน้องผมเกือบใจอ่อนแหนะ” จินยองยิ้มเมื่อนึกถึงหน้างอแงของเฮนาตอนที่เขาจะไปทำงาน

              “หึ จำวันที่เราไปทานบิงซูกันได้ไหม”

              จินยองทำท่าครุ่นคิด...

              “อ๋อ ครับจำได้ทำไมเหรอ” ร่างเล็กเหยียบคันเร่งเมื่อสัญญาณด้านหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียว รถยนต์คันหรูมุ่งหน้าไปสนามบินอีกประมาณ 10 กิโลเมตร

              “เขาบอกพี่ว่าเขาอยากมีน้อง”

    เอี๊ยดดดดด

              เสียงของล้อบดกับถนนเสียงดังจินยองเบี่ยงรถไปตรงไหล่ทางโชคดีที่ไม่มีรถตามหลังไม่งั้นก็คงชนท้ายกันเรียบร้อย ใบหน้าของคนที่นั่งข้างๆก็ใจหายไม่แพ้กันจู่ๆจินยองกับหักหลบข้างทางแล้วเบรก หลังหูและแก้มกลมนั้นขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด คนบ้าเอ๊ย

              ไม่นานนักจินยองก็เดินทางมาถึงสนามบินเขาจอดยังหน้าประตูทางเข้าโดยมีอิมแจบอมกำลังช่วยขนกระเป๋าเดินทางลงจากข้างหลังให้

              ผมไปก่อนนะครับ ไว้ถ้าถึงที่นู่นผมจะโทรหานะจินยองกำลังจะเดินหันหน้าเดินเข้าประตูสนามบินแต่ทว่ามือหนาดึงไว้

              ก่อนจะไปทำไงก่อนใบหน้าและสายตานั้นดูกรุ้มกริ่ม นิ้วชี้ชี้ไปตรงที่แก้มข้างขวาของตัวเองและทำแก้มป่องข้างเดียว

              พี่ครับ ผมจะสายนะ

              ถ้าไม่ทำพี่ก็ไม่ให้ไปค่ะริมฝีปากสีชมพูคว่ำลงเมื่อคนพี่ไม่ยอมปล่อยเขาไปสักทีเวลาเข้างานเหลืออีกแค่ 10 นาทีเท่านั้น

              ใบหน้าหวานยื่นหน้าเข้าไปก่อนจะใช้ริมฝีปากทาบลงบนแก้มสากของคนรัก ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มด้วยความชอบใจและยอมปล่อยให้คนตัวเล็กไปทำหน้าที่ของตัวเอง

              ไปละนะครับ นิสัยไม่ดีก่อนไปก็แจ้งค้อนให้ทีนึงจากนั้นจะรีบลากกระเป๋าไปที่เครื่องของตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมแสตนบายบนเครื่อง

              ตอนนี้จินยองและทีมแอร์โฮสเตสและสจ๊วตคนอื่นๆกำลังจะเตรียมความพร้อมก่อนที่ลูกเรือด้วยสารจะขึ้นมาระหว่างนั้นก็มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเอ่ยแซวเพราะว่าเห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

              แหม ช่วงนี้จินยองจะโลกชมพูหน่อยเนอะแอร์รุ่นพี่เอ่ยแซว

              ไม่ใช่สักหน่อย ไม่ต้องแซวเลยครับจินยองเดินหนีไปยังโซนฺ Business Class โซนด้านหน้าแทน เหลือเวลาอีก 15 นาทีที่ลูกเรือจะขึ้นระหว่างนั้นแอร์โฮสเตสก็หยิบมือถือขึ้นมาหวีดใครสักคนและเดินมาหาเขา

              เนี่ย น้องจินยองวันนี้เรามีนักธุรกิจจาก MONTRA CORPERATIONมาไฟลท์เดียวกับเราด้วยแหละ เห็นในกรุ๊ปไลน์แล้วใช่ไหม

              อ่อ ครับ เดี๋ยวคนนี้พี่จะดูแลเป็นพิเศษเหรอครับจินยองแซวตอบบ้าง

              หูย แน่นอนสิคะซอนแตฮี รุ่นพี่ที่เป็นแอร์โฮสเตสรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ

              ทางเกสต์ปล่อยลูกเรือมาที่เครื่องบินโดยจินยองก็พาคนอื่นๆ ไปที่นั่งตามเลขที่นั่งในตั๋วเครื่องบินที่บอกไว้ สักพักหนึ่งคนดังของเครื่องบิน JJ 0622 ก็เดินเข้ามาพร้อมกับเลขาส่วนตัวใบหน้านิ่งขรึมเดินมาที่เก้าอี้ชั้น Business class เมื่อตรวจนับเช็กลูกเรือโดยสารครบถ้วนเครื่องก็ทำการเทคออฟขึ้นไปยังน่านฟ้าเมื่อเครื่องทำการอยู่ในระดับเดียวกันแอร์และสจ๊วตก็ได้ได้นำรถเข็นบนเครื่องบินบริการลูกเรือโดยเดินตามทางเดินและบริการอาหารสำหรับลูกเรือที่สั่งออเดอร์ไว้ล่วงหน้าจากนั้นสักพักก็มีรุ่นพี่แอร์คนหนึ่งวิ่งตรงมาทางเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ

              “จินยองพี่วานไปช่วยตรงนั้นหน่อยได้ไหมรุ่นพี่ที่เป็นแอร์โฮสเตสชี้ไปทางชั้นผู้โดยสารบิสสิเนสจากนั้นจะรีบสาวส้นสูงวิ่งไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านท้ายของเครื่องบินอย่างรวดเร็ว

              จินยองจึงฝากหน้าที่ตรงนี้ให้คนอื่นดูแลแทนก่อนที่ตัวเองจะเดินไปที่ชั้นผู้โดยสารบิสสิเนส ร่างเล็กของสจ๊วตหนุ่มเดินไปที่รถเข็นอาหารของเครื่องบินที่วางไว้ตรงข้างจุดลูกเรือโดยสารท่านหนึ่งเมื่อเดินไปถึงเขาก็จำได้ว่าคือลูกเรือที่เหล่าแอร์สาวๆรุมกรี๊ดกันกำลังนั่งอ่านนิตยสารในมือของตัวเขาเองอยู่จินยองจึงถามสิ่งที่เขาต้องการอีกหนึ่งครั้ง

              “ขอประทานโทษนะครับขอคุณบอกสิ่งที่คุณต้องการอีกสักครั้งได้ไหมครับ”

              นำเสียงหวานลื่นหูทำเอาซอน ฮยอนวูที่กำลังก้มอ่านนิตยสารเงยหน้าขึ้นมาทันทีหลังจากที่ก้มหน้าตั้งแต่แรกเพราะรำคาญกับท่าทางของแอร์โฮสเตสคนก่อนหน้าที่มัวแต่กระบิดกระเมี้ยน แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตะลึงกับใบหน้าที่แสนหน้ารักของพนักงานต้อนรับบนเครื่องรอยยิ้มราวกับดอกไม้แรกแย้มในฤดูใบไม้ผลิ หัวใจของเขาเต้นระส่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

              “เอ่อ คุณครับ คือ...” จินยองที่เห็นคนตรงหน้านั่งจ้องเขานานแล้วจึงชี้ไปที่รถเข็นเป็นเชิงว่าต้องการอะไรอีกหรือไม่

              “เอ่อ...ชาเนสทีและแยมโรลละกัน” ปาร์ค จิน ยอง เขาอ่านชื่อป้ายเล็กๆบนอกของคนตัวเล็กที่กำลังก้มไปหยิบขนมให้และหยิบแก้วขึ้นมาฮยอนวูมองท่าทีกิริยาอันแสนคล่องแคล่วของเจ้าตัวก็ยิ้มมุมปากออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

              “นี่ครับ เอ่อ คุณลืมเอาโต๊ะออกมาน่ะครับ” จินยองชี้ให้ลูกเรือได้รู้ตัวก่อนที่เขาจะรีบนำโต๊ะออกมาจินยองจึงวางชาและขนมไว้ตรงนั้น

              “ทานให้อร่อยนะครับ” สายตาเรียวเล็กมองไปยังร่างบางที่เดินไปทางคนอื่นต่อ เลขาที่มาด้วยถึงกับมองบนถ้าเจ้านายของเขาจะมองสจ๊วตหนุ่มขนาดนี้ถ้าเดินตามได้นี่คงเดินไปแล้วแหละ

              “มองขนาดนี้ให้ผมเดินไปขอเบอร์ให้เลยไหมครับ” เลขาหนุ่มขยับแว่นถามเจ้านายแอบเหน็บเล็กน้อยที่นายเขาเอาแต่คอยชะเง้อ

              “เอาสิ ถ้าขอได้นี่เพิ่มโบนัสเลยก็ได้” ฮยอนวูเห็นดีเห็นงามจนเลขาทำหน้าเซ็งที่เขากำลังประชดประชันอยู่ต่างหากเล่า ร่างเล็กของเลขาหนุ่มหันไปอีกทางด้านหน้าต่างทันทีขี้เกียจคุยกับคนเพ้อพก

     

    Los Angeles 21.25 PM

              เครื่องบิน IM Airline เที่ยวบิน JJP0622 กำลังจะทำการลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแองเจลิสเสียงประกาศตามเครื่องบินเตรียมให้ลูกเรือนั่งอยู่กับที่เพื่อความปลอดภัยแก่ทุกท่าน โดยจินยองและเหล่าแอร์โฮสเตส สจ๊วตก็นั่งประจำที่ว่างบนเครื่องบิน ความสั่นไหวขณะที่เครื่องกำลังลงจอดล้อวางกับพื้นรันเวย์เคลื่อนไปจอดยังลานจอดของเครื่องไม่ไกลมากนักกับประตูทางออกจากรันเวย์เพื่อเข้าสนามบิน เมื่อทำการลงจอดเสร็จเรียบร้อย เหล่าพนักงานรอให้ลูกเหลือหลายร้อยชีวิตให้ออกจากเครื่องบินให้เสร็จสิ้นจากนั้นก็ดูแลตรวจเช็คความเรียบร้อยภายในนั้นจากนั้นก็ไปรอยังที่โหลดสัมภาระของสายการบินซึ่งก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังยืนรอกันอยู่

              “จินยองได้ของหรือยัง” หวัง แจ็คสันที่เป็นนักบินหลังจากที่ทำการนำเครื่องไปเก็บไว้ที่สถานีสำหรับเก็บเครื่องบิน ร่างสูงในชุดนักบินเดินมาหาแฟนเพื่อนก่อนจะปรายตามองไปยังใครคนหนึ่งทีจะเดินมาหาจินยอง

              “กำลังรอเลยครับ” 

              เวลาผ่านไปเกือบ 15 นาทีทั้งจินยองและแจ็คสันก็ได้สัมภาระจากนั้นก็เดินทางไปพักยังโรงแรมที่ไม่ไกลจากสนามบินมากนักระหว่างที่รอรถบัสของที่นั่นจินยองก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระกับรุ่นพี่แอร์คนต่างๆที่มารอยังจุดเดียวกันของทางออก ไม่นานนักรถบัสก็เทียบจอดให้ทุกคนได้ขึ้นไปจนถึงโรงแรมก็ทำตามเข้าพัก จินยอง แจ็คสัน พักห้องเดียวกันเมื่อถึงห้องต่างคนก็ต่างนอนเพราะเวลา 13 ชั่วโมงที่ผ่านมาถือว่าพวกเขานอนน้อยมากโดยที่ชั่วโมงพักนั้นแทบจะไม่เพียงพอ ตื่นมาอีกทีก็เช้าของอีกวันจินยองเตรียมแยกไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองลอสแองเจลิสร่างเล็กเตรียมกล้องฟิลม์หนึ่งตัวพร้อมออกเดินทางมีเวลาว่างเกือบ 2 วัน ร่างเล็กสะพายเป้ใบเล็กที่เตรียมมาพร้อมกับกล้องเดินไปโบกแท็กซี่ไปยังหอดูดาวกริฟฟิท หรือGriffith Observatory ซึ่งระยะทางอยู่ในตัวเมือง 13 กิโลเมตร เมื่อแท็กซี่จอดยังหน้าสวนสาธารณะกริฟฟิทเพื่อให้เขาเดินเข้าไปเอง จินยองเดินสะพายเป้แบกกล้องฟิลม์เดินไปตามเส้นทางแผนที่ในมือ เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับตัวตึกสีขาวหลังคาแบบโดมสีดำส่วนใหญ่ที่พบเห็นจะเป็นครอบครัวหรือคู่รักทำเอาจินยองแอบคิดถึงเฮนาและอิมแจบอมเหมือนกันจนฉุกคิดได้ว่าตั้งแต่ถึงที่นี่เขายังไม่ได้โทรหาเลยด้วยซ้ำ มือบางหยิบโทรศัพท์ยี่ห้อแอปเปิ้ลขึ้นมาแสกนนิ้วมือและกดเข้าแอพสีเขียวและเข้าไปที่ข้อความที่คุยล่าสุดจากนั้นก็กดวิดีโอคอลหา

              “รับไวจังเลยครับ ทำอะไรอยู่ครับ” เรียวปากแต้มยิ้มเมื่อพบกับใบหน้าที่แสนคุ้นเคย

              (รอตั้งหนึ่งวันเต็มๆคิดว่าจะไม่โทรมาแล้วซะอีก) น้ำเสียงที่เอ่ยเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความงอนระดับสิบ

              “ผมขอโทษครับพอดีผมเหนื่อยน่ะ ตอนนี้ผมอยู่ที่นี่ แท่แด” มือบางยกกล้องถ่ายมุมสูงให้เห็นวิวรอบข้าง

              (วิวสวยจัง แต่คนในหน้าจอนี้สวยกว่าวิวอีก)

              “เลี่ยนเหอะ แล้วเฮนาอยู่ไหนครับ” คนเขินแกล้งกลบเกลื่อนถามเรื่องลูกสาว

              (ยังไม่เลิกเรียนเลยให้แม่ไปรับให้สงสัยคงโดนตามใจอ้อนคุณย่าไปเที่ยวแล้วล่ะ นี่เขินละเปลี่ยนเรื่องหรือไง)

              “ไม่ใช่สักหน่อยใครเขิน ไม่มี๊”

              (แล้วไปหอดูดาวทำไมไม่ไปตอนกลางคืน?)

              “ผมเดินมาถ่ายรูปตอนกลางวันเฉยๆแล้วเดี๋ยวตอนเย็นค่อยกลับมาใหม่คงจะสวยแต่ตอนนี้เพิ่งจะสายๆเองว่าจะเดินชมสวนสาธารณะไปเรื่อยๆอีกอย่างที่นี่มีสวนสัตว์อีกอยากพาน้องมาด้วยเลย”

              (น้องคนที่ 2 ?)

              “ย๊าส์ ไม่ใช่สักหน่อยไม่คุยด้วยเล่า เดี๋ยวถ้าคืนนี้ถ้าพี่ไม่นอนพบจะโทรหานะครับ”

              (หึ จะรอนะครับหม่าม้า)

              จินยองโบกมือและยิ้มให้กับคนในหน้าจอจากนั้นก็กดวางสายไป เขาเดินกลับไปยังสวนสาธารณะเพื่อไปสวนสัตว์และสวนพฤกษาศาสตร์ระหว่างที่เดินเข้ามากล้องฟิมล์นั้นเต็มไปด้วยรูปถ่ายมากมายที่มา ริมฝีปากเรียวเล็กกระตุกยิ้มเมื่อความทรงจำในหัวนึกถึงตอนที่มาเที่ยวกับอิมแจบอมที่เจอกันครั้งแรกบนเครื่องหรือเหตุบังเอิญที่ทำให้ความสัมพันธ์นั้นเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ ระหว่างที่เจ้าตัวมัวแต่นึกถึงความทรงจำนั้นอีกทางฟากหนึ่งกำลังมองมาที่คนยืนอยู่ตรงหน้าไม่ไกลนัก ฮยอนวูยิ้มราวกับดีใจเมื่อเจอพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่เจอที่ไฟล์บินเดียวกัน ร่างสูงเดินเข้ามาทำความรู้จักทันทีโดยปล่อยให้เลขาตัวเล็กที่มาด้วยกันไว้ที่อีกแปลงหนึ่ง

              “เอ่อ...สวัสดีครับ คุณคือสจ๊วตเที่ยวบิน JJ0622 ใช่ไหมผมจำได้” ร่างเล็กของจินยองถึงกับสะดุ้งเมื่อจู่ๆก็มีใครไม่รู้เดินมาทักแต่พอมองดีๆเขาจำได้ว่าคือลูกเรือโดยสารเที่ยวบินเดียวกันที่เหล่าแอร์โฮสเตสต่างหวีดกัน

              “อ๋อครับ ผมจำคุณได้” จินยองยิ้มให้ซึ่งฮยอนวูก็ยิ้มดีใจไม่ต่างกันที่คนตรงหน้าจำตัวเองได้

              “มาคนเดียวเหรอครับแล้วแฟนที่เป็นนักบินคนนั้น?” ฮยอนวูถามและนึกถึงเรื่องที่มีนักบินตอนแรกที่เขาจะเข้าไปทำความรู้จักแต่โดนไอ้นั่นกันท่าเข้า

              “ห่ะ แฟนผมไม่ได้เป็นนักบินสักหน่อยครับคนนั้นเป็นรุ่นพี่ผมเองน่ะ”

              “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” ร่างสูงยิ้มกว้าง “งั้นถ้าวันนี้ผมไปเที่ยวด้วยได้ไหมครับ”

              “หา ได้ครับถ้าผมไม่น่าเบื่อเกินไปน่านะ” ฮยอนวูยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อคนตัวเล็กอนุญาตให้เขาเดินเที่ยวด้วย ส่วนเลขาที่ติดตามมาด้วยนั้นไล่ตามหาเจ้านายจนขวักไขว่จนต้องยิ้มหน้าแห้งเมื่อเห็นเจ้านายตนนั้นระริกระรี้อยู่กับคุณสจ๊วตหน้าสวยคนนั้น

              ซอน ฮยอนวูเดินไปพร้อมกับจินยองพร้อมเดินกันไปชมสวนพฤกษาศาสตร์จากนั้นก็เข้าแวะชมสวนสัตว์ของ กริฟฟิท พาร์กโดยการเดินทางไปที่จอดรถที่คนตัวโตกว่าเป็นคนเช่ามา รถยุโรปขับไปตามเส้นทางตามแผนที่ซึ่งก็ดีกว่าเดินสวนสาธารณะที่มีไร่มากกว่า 4,000 เอเคอร์ จากคราแรกที่ตั้งใจว่าจะเดินเล่นต้องพับเก็บโครงการไป รถยนต์ Ferrari คันสีขาวขับเข้าไปหาที่จอดรถจากนั้นก็จ่ายเงินค่าเข้าชมโดยฮยอนวูยื่นเงินให้พนักงานขายตั๋ว

              “คุณครับ เดี๋ยวผมจ่ายเงินให้” ร่างสูงสั่นหน้าไม่ยอมรับเงินคนตัวเล็ก ซึ่งใบหน้าหวานง้ำงอที่คนตรงหน้าดึงดันไม่ยอมรับเงินจากตัวเอง

              “งั้นข้าวกลางวันต้องให้ผมเลี้ยงนะ” ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มก่อนจะยอมให้คนดื้อทำตามใจ

              ทั้งสองคนใช้เวลาในการเดินเที่ยวชมสวนสัตว์เกือบ 2 ชั่วโมงในการเดินทางดูสัตว์หายากต่างๆที่ไม่มีในเกาหลีสวนใหญ่จะเป็นสัตว์ที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องการอนุรักษ์ไว้เมื่อเดินมาจนเหนื่อยเจอสวนอาหารข้างในนั้นจึงแวะพัก จินยองเดินนำหน้าเข้าไปข้างในร้านเลือกที่นั่งจากนั้นก็สั่งอาหาร จมูกเล็กฟุดฟิดราวกับว่าเหมือนเหม็นอาหารที่มีคนเดินถือผ่านมาแต่ก็ไม่ถึงขั้นอยากอาเจียนแต่เขารู้สึกว่ากลิ่นนี้คือสิ่งต้องห้ามแต่ความหิวทำให้ต้องทนกับกลิ่นนี้แม้มันจะชวนอารมณ์ให้น่าเวียนหัวก็ตาม หลังจากที่อาหารที่สั่งมานั้นมาเสิร์ฟซึ่งเขาทานพวกของง่ายๆคือเบอร์เกอร์เนื่องจากตลอดการเดินทางนั้นเขาแวะทานขนมไปหลายชิ้นเหมือนกัน

              “เดี๋ยวคุณจะไปที่ไหนต่อครับ”

              “ผมว่าจะไปหอดูดาวต่อแล้วคุณล่ะ”

              “ผมก็เหมือนกันนี่ตั๋วในมือผมมีอีกหนึ่งใบของเลขาผมเขาไม่ไปแล้วล่ะ” ร่างสูงยื่นตั๋วให้ จินยองรู้สึกเกรงใจ

              “จะดีเหรอครับ”

              “ดีสิครับ เอาไปเถอะ” จินยองจึงรับตั๋วไปจากนั้นก้ถึงเวลากลับจากสวนสัตว์ไปชมหอดูดาวกริฟฟิท รถยนต์คันหรูขับไปตามเส้นทางโดยขับไม่เร็วมากนักจนถึงที่จอดรถก็จ่ายเงินค่าที่จอดแล้วเดินหยุดอยู่ตรงอาคารสีขาว

              “จริงสิครับตั้งแต่เช้าที่เที่ยวด้วยกันมาผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลยนะ ผมปาร์ก จินยองครับ”

              “ซอน ฮยองวูครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ร่างสูงยิ้มกว้างจินยองก็ยิ้มตอบด้วยความยินดี

              ทั้งสองคนเดินเข้าชมยังหอดูดาวกลับมาเกือบค่ำเวลานี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่มที่พวกเขาออกมาจากสถานที่นั่นระหว่างนั้นจินยองก็หารถกลับโรงแรมแต่ฮยอนวูอาสาที่จะไปส่งเอง

              “คุณกลับกับผมไหมนี่มันก็ค่ำแล้ว”

              “แล้วเลขาคุณล่ะครับจะกลับยังไงที่มีแค่สองที่เอง” จินยองนึกเป็นห่วงเลขา

              “คุณลืมหรือเปล่าว่าเขากลับไปแล้วผมบอกเมื่อตอนเช้าแล้ว ให้ผมไปส่งเถอะครับ” ฮยอนวูร้องขอที่จะไปส่งคนตรงหน้าให้ได้จินยองทำหน้าลำบากใจเพราะความเกรงใจล้วนๆ แต่พอร่างสูงขะยั้นขะยอเยอะเข้าจนเขาต้องยอมกลับด้วย

              “งั้นก็ได้ครับ ผมพักอยู่โรงแรม XXX” จินยองบอกตำแหน่งที่อยู่โรงแรมให้ฮยอนวูทราบจากนั้นก็เดินไปที่รถเฟอรารี่สีขาวที่จอดอยู่ ระหว่างที่สตาร์ทรถร่างสูงพิมพ์ข้อความในมือถือส่งไปให้เลขาของเขาให้หาทางกลับเอง

    ติ๊ง

              กลับเองนะ โอนเงินค่าแท็กซี่ให้แล้วถ้าเหลือก็เอาไปเถอะ

              เลขาตัวเล็กที่นั่งรออยู่ที่ม้านั่งสวนสาธารณะถอนหายใจหลังจากที่อ่านข้อความบนมือถือนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อิตาเจ้านายของเขาชอบทิ้งเขาไว้อยากลาออกใช้งานหนักอย่างกับทาสแต่เงินเดือนดีและโบนัสหนักหรอกจึงยอมอยู่ต่อมาจนจะ 3 ปีนี้ วอนโฮเก็บมือถือใส่ไว้ในกระเป๋าข้างหลังก่อนจะเดินออกไปทางถนนเพื่อโบกแท็กซี่กลับโรงแรมแทน

              รถยนต์เฟอรารี่สีขาวเลี้ยวขับเข้ามาจอดยังหน้าโรงแรม XXX จินยองขอบคุณและยิ้มให้กับฮยอนวูเขาเอื้อมไปหยิบของข้างหลังรถรวมๆแล้วส่วนใหญ่เป็นของฝากของอิมเฮนาซะส่วนใหญ่เขาเปิดประตูลงจากรถเดินไปทางประตูทางเข้าของโรงแรม

              “เอ่อ คุณจินยองครับ” เสียงเรียกทำให้จินยองหยุดการเคลื่อนไหว ร่างสูงก้าวยาวมายืนตรงหน้าพร้อมยื่นกล้องสีน้ำเงินมาให้ จินยองเลิ่กคิ้วเล็กน้อยเพราะของชิ้นนี้เขาไม่ได้เป็นคนซื้อและถ้าตกอยู่ในรถก็คงไม่ใช่ของเขา

              “อันนี้ไม่ใช่ของผมนะครับ”

              “ผมเห็นว่ามันเหมาะกับคุณเลยซื้อให้น่ะ”ฮยอนวูยิ้มกว้างยื่นกล้องส่งให้ตรงหน้า “ถือว่าเป็นการเริ่มต้นของการเป็นเพื่อนกันดีไหมครับ”

              “ผมคงรับมันไว้ไม่ได้หรอกครับ”

              “รับไว้เถอะครับ ผมไปก่อนนะยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ซอน ฮยอนวูหย่อนใส่ลงไปในถุงที่จินยองถือก่อนที่เขาจะขอตัวเดินไปที่รถที่จอดไว้และขับหายไปออกจากโรงแรมในที่สุด ร่างเล็กมองถุงในมือที่มีกล่องสีน้ำเงินนั้นอยู่ก็ต้องจำใจยอมรับมันไว้ระหว่างนั้นแจ็คสันที่กลับมาจากการท่องเที่ยวก็เห็นกับเหตุการณ์ทุกอย่าง ร่างหนากระตุกยิ้มมุมปากคิดจะยั่วให้เพื่อนเขาถ่ายรูปถ่ายจินยองและผู้ชายที่เจอส่งไปให้อิมแจบอมเพื่อนรัก

              ทางด้านอิมแจบอมตอนนี้เกาหลีนั้นประมาณตี 4 กว่าเขากำลังนอนหลับสบายก็ต้องพบว่าเสียงข้อความที่ส่งมารัวๆจนน่ารำคาญนั้นทำเอาร่างหนาต้องลุกขึ้นมามือหนาคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงเมื่อเปิดหน้าจอแสกนนิ้วมือเข้าไปในแอปพลิเคชั่นสีเขียวเมื่อเข้าไปถึงเขาไล่อ่านข้อความที่แจ็คสันส่งมาระหว่างที่รอรูปภาพที่โหลดด้วยใจลุ้นระทึกเมื่อโหลดรูปสมบูรณ์ทำเอาคนขี้หึงอย่างอิมแจบอมถึงกับขบกรามแน่นเพราะเป็นคนที่เขาคุ้นเคยและรู้จักมันดียิ่งกว่าอะไร

              “ไอ้ ฮยอนวู!

              อิมแจบอมเลือกที่จะไม่นอนต่อร่างสูงเปิดแล็บท็อปกดจองตั๋วไปยังลอสแองเจลิสทันที เขาจองตั๋วไฟล์บินตอนเช้าของวันนี้ และเก็บเสื้อผ้าที่จะใส่ไปลงในกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยร่างหนาเดินเข้าไปในห้องลูกสาวที่นอนหลับสนิทเขาแปะโน๊ตไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งของลูกสาวและฝากข้อความถึงแม่บ้านให้บอกทางครอบครัวว่าเขาไปทำธุระที่ต่างประเทศเป็นเวลาหลายวันและบอกให้เลขาถ้ามีเอกสารสำคัญให้วางไว้บนโต๊ะเขากลับมาเมื่อไหร่ค่อยกลับมาเซนต์ตอนนี้เขาต้องไปคุมคนรักของเขาจากแมลงหวี่แมลงวันพวกนั้นสักหน่อย


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×