ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END ทัณฑ์รัก ในเพลิงแค้น (BNIOR)

    ลำดับตอนที่ #6 : รีไรท์: ที่มาของความแค้น (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.63K
      160
      19 ม.ค. 64

     

    ตอนที่ ๕

    ที่มาของความแค้น

                    ตั้งแต่กลับมาจากบ้านพักท้ายเกาะติณฑ์แวะไปที่โกศของน้องชายของเขา หน้าโกศสลักชื่อ ตรัยภูมิ กันอทิวราห์ เขาทรุดตัวลงนั่งคุยและทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนว่าเขาทำถูกต้องแล้วหรือไม่

    แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงรู้สึกผิดละ

                    “ตรัยกูทำถูกแล้วใช่ไหม” ร่างสูงคุยกับโกศของน้องชาย ความรู้สึกของเขามันตีกันสับสนไปหมด ติณฑ์พยายามสะบัดมันออกจากหัว เขาต้องไม่ใจอ่อนต้องทำให้มันเจ็บและทรมานอย่างที่ตรัยมันรู้สึก

                    เขากลับมาอีกทีก็เกือบสายของวัน ร่างสูงของติณฑ์เดินเข้ามาในบ้านก่อนจะสอดส่ายสายตาหาร่างบางของใครคนหนึ่งที่คุ้นตาก่อนจะสั่งให้แม่บ้านของเขาไปปลุกทาสของเขาให้ตื่นขึ้นมา เพื่อลุกมาทำงานได้แล้ว

                    “ป้าอรครับ ช่วยเรียกคนให้ไปปลุกมันให้ผมที”

                    “เอ่อ ได้ค่ะ คุณติณฑ์” 

                    สองแม่บ้านไขกุญแจเข้าไปภายในบ้านพักหลังเล็กก็ต้องแปลกใจเมื่อไร้ร่างของคนที่ถูกถามหาไม่ได้อยู่บนเตียง ร่างเล็กของแม่บ้านอ่อนวัยเปิดดูผ้าห่มที่อยู่บนฟูกก่อนจะตกใจกับคราบเลือดที่อยู่บนผ้าปูที่นอนที่แห้งกรัง

                    “ป้า มาดูนี่เร็ว คุณเขาหายไปไหน ทำไมมีเลือด เกิดอะไรขึ้น” ทั้งสองแม่บ้านดูสภาพห้องก็พอจะเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออก

    ทำไมคุณติณฑ์ของป้าถึงทำแบบนี้ละคะ

                    ป้าอรตัดสินใจเดินไปดูที่ห้องน้ำเพราะคิดว่าร่างเล็กอาจจะอยู่ในห้องน้ำก็เป็นได้ ร่างท้วมของป้าอรเดินเข้ามาเคาะประตูที่ห้องน้ำแต่ไร้เสียงตอบรับจากคนที่อยู่ข้างใน ก่อนจะถือวิสาสะผลักประตูเข้าไปก่อนจะพบร่างเปลือยเปล่าของพระพายที่นอนไม่ได้สติอยู่ที่พื้นห้องน้ำ

                    “เอาผ้าห่มมาคลุมกายคุณเขาเร็ว ไอ้กระแต” หญิงสาวรีบหยิบผ้าห่มบนเตียงและยื่นให้ผู้เป็นป้า

                    “ออกไปเรียกไอ้ไม้ให้มาแบกคุณเขาหน่อย และแจ้งคุณติณฑ์ด้วยนะ” หลังจากที่สั่งเสร็จร่างท้วมก็นำผ้าห่มมาคลุมร่างกายที่เปลือยเปล่าของร่างเล็ก

    โธ่ คุณขา ป้าสงสารคุณจัง

                    ป้าอรรู้สึกสงสาร และรู้สึกโกรธเจ้านายของตนเองมาก ทำไมคนอย่างคุณติณฑ์ถึงได้กลายเป็นคนใจยักษ์ใจมารได้ขนาดนี้ เขาไม่เห็นความเป็นมนุษย์ของคุณคนนี้เลยด้วยซ้ำ หญิงสูงวัยมองรอยช้ำบนเนื้อตัวก็รู้สึกเวทนาในใจ หลังจากที่กระแตตามไม้มาเพื่อพยุงร่างเล็กของพระพาย ไม้รีบปรี่เข้ามาก่อนจะอุ้มร่างเล็กของพระพายขึ้นมาแนบอกและวางลงบนฟูกอย่างเบามือ ลมหายใจร้อนๆของพระพาย และเม็ดเหงื่อบนใบหน้าที่ผุดขึ้นด้วยอาการพิษไข้

                    “ป้า ผมว่าตามหมอมาเถอะ” ไม้บอกเพราะดูท่าทางเหมือนคนตัวเล็กจะไม่รอดแน่ ๆ หญิงวัยกลางคนรีบควักโทรศัพท์หาหมอประจำตระกูลทันทีและให้กระแตติดต่อเรือมารับคุณหมอที่ฝั่งให้เร็วที่สุด

                    ติณฑ์หงุดหงิดที่แม่บ้านหายไปไหนกันหมด เขาให้ไปตามนายนั่นมาแต่กลับหายไปไหนกันหมด ติณฑ์เห็นกระแตวิ่งหอบมาแต่ไกลจึงเดินเข้าไปถามด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิด

                    “หายไปไหนกันตั้งนาน” กระแตถึงกับหน้าเสียทันที

                    “เอ่อ นายหัวหนูมาเรียนว่า คุณอาโป ไม่สบายค่ะ ตอนนี้ป้าอรกำลังให้คนขับเรือไปรอรับหมอแบมแบมมาตรวจค่ะ” กระแตแจ้งให้นายหัวทราบ ติณฑ์ยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยวาจาที่คนฟังรู้สึกไม่โอเคเลยสักนิด

                    “สำออย ผ่านผู้ชายมาเยอะขนาดนั้น เจอฉันหน่อยก็สำออย มารยาสาไถย” ติณฑ์กล่าวร้ายให้พระพาย เขาทำแค่นี้มันยังน้อยกว่าที่น้องชายของเขาตายด้วยซ้ำเขารู้สึกทั้งหงุดหงิดก่อนจะเดินขึ้นห้องนอนไปโดยที่ไม่คิดที่จะเหลียวแลคนที่ตัวเองกระทำเลยสักนิด กระแตได้แต่ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าสงสารคุณเขา

                    แบมแบมหรือหมอแบมแบมหลังจากที่มีคนโทรหาเขาและเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะให้เขาฟัง ร่างสูงของแบมแบมรีบออกจากโรงพยาบาลทันทีก่อนจะตรงไปยังท่าเรือเพื่อข้ามฝั่งไปยังเกาะของลูกพี่ลูกน้องของตน เมื่อเขามาถึงเกาะก็ถูกเชิญให้ไปยังบ้านพักหลังเล็กของคุณอาโป

                     เมื่อแบมแบมเข้าไปก็เตรียมนำเครื่องมือหมอที่ตนเองเตรียมมาตรวจดูอาการของคนไข้ทันที เขาตรวจคนไข้เสร็จจัดการให้น้ำเกลือร่างบางที่นอนซมเพื่อให้พักฟื้นเร็วขึ้น และมีอะไรมากกว่านั้นที่เขาต้องเคลียร์กับลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง เพราะดูท่าทางคนไข้จะถูกพี่ชายของเขาทารุณกรรมเหลือเกินเพราะช่องทางข้างหลังฉีกและมีรอยช้ำไปทั่วร่างกาย

                    แบมแบมหลังจากตรวจคนไข้เสร็จก็ให้ป้าอรดูเฝ้าอาการจนกว่าน้ำเกลือจะหมด เขาเดินไปยังบ้านใหญ่ทันทีและเห็นคนต้นเหตุกำลังดูทีวียิ้มหัวเราะ ร่างสูงพลันโกรธขึ้นมาก่อนจะเขวี้ยงอุปกรณ์หมอที่ตนถือมาใส่ลูกพี่ลูกน้องของตัวเองด้วยความโมโห

                    “โอ๊ย ใครวะ ไอ้แบมมม” ติณฑ์ที่กำลังกินขนมอยู่หน้าทีวี ขนมเกือบติดคอเขาตายด้วยความโมโหและกำลังจะหันมาด่าแต่พอเห็นเป็นลูกพี่ลูกน้องของตนจึงเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อนลง

                    “พี่ทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่า พี่ติณฑ์” แบมแบมท้าวสะเอวด่าพี่ชายปาวๆ

                    “รู้ แต่กูจะทำ มันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตรัยมันตาย ” เมื่อติณฑ์นึกถึงน้องและเนื้อหาจดหมายที่เขียนความแค้นมันมักจะสุมอยู่ในทรวงเสมอ

                    “มึงทำแบบนี้กับเขามึงก็ไม่ถูกพี่ติณฑ์” แบมแบมพูดในความถูกต้อง ถึงผู้ชายคนนั้นจะเป็นต้นเหตุให้ตรัยตายแต่ไม่ได้หมายความว่า ต้องทำสิ่งที่มันไม่มีมนุษยธรรมแบบนี้ ลิดรอนสิทธิเขาเกินไป ต้องไปอยู่ในคุกใช่ไหมไอ้พี่ติณฑ์ มึงถึงจะสำนึก 

    แบมแบมด่าในใจ

                    “ถ้ามีมึงนำมาขนาดนี้มึงก็ไม่ต้องเติมพี่ให้กูหรอกแบม กูจะทำให้มันรับรู้ความทรมานจนกว่ามันจะสาแก่ใจกู” ติณฑ์ยักไหล่ไม่แยแสกับการกระทำที่ป่าเถื่อนของตัวเองเลยสักนิด

                    “ระวังเกิดรักเขาขึ้นมาละกันพี่ติณฑ์ แล้วพี่จะรู้สึกเสียใจที่พี่ทำแบบนี้ ผมกลับละนะเห็นหน้าพี่แล้วผมอยากข่วนหน้าด้วยเล็บตีน ไปนะ” แบมแบมเอื้อมไปหยิบกล่องเครื่องมือแพทย์ที่เขวี้ยงไปก่อนจะเก็บใส่ในกระเป๋าใบใหญ่และลงเรือเพื่อกลับไปบ้านพักที่โรงพยาบาล

                    “กลับไปเถอะมึงอะ กูไม่มีทางรักมันลงหรอก”

                    พระพายฟื้นขึ้นมาในตอนบ่ายๆของวันนั้นด้วยร่างกายที่บอบช้ำ ร่างเล็กพยายามฝืนลุกออกจากที่นอนแต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากเจ็บช่องทางข้างหลังทำให้ตัวของเขาทรุดลงที่ข้างเตียง ป้าอรที่กำลังยกเข้าต้มร้อนๆมาถึงกับปรี่เข้าไปช่วยพยุงร่างขึ้นมานั่ง พระพายยิ้มบางๆเป็นการขอบคุณ

                    “หิวหรือยังคะคุณ” ป้าอรถามด้วยความเป็นห่วง

                    “ยังครับ” ร่างเล็กตอบป้าแม่บ้านด้วยสายตาที่เศร้า

                    “งั้นป้าวางข้าวต้มไว้ตรงนี้นะคะ” ร่างท้วมของแม่บ้านนำถ้วยข้าวต้มวางไว้ตรงโต๊ะไม้โต๊ะเล็ก ๆ พร้อมกับแก้วน้ำดื่มก่อนจะออกไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง พอพ้นสายตาจากแม่บ้าน น้ำตาที่เขากลั้นไว้ค่อยๆไหลออกมา พระพายได้แต่นั่งมองข้าวเขามีความรู้สึกหิวเลยสักนิด

                    ร่างสูงของติณฑ์ตัดสินใจเดินไปดูร่างเล็กที่บ้านพักไม้หลังเล็กท้ายเกาะ ทำไมอยู่ดีๆคำพูดของแบมแบมถึงทำให้เขาฉุกคิดอีกครั้ง ร่างสูงสาวเท้าเดินเข้าไปก่อนจะหงุดหงิดเมื่อพระพายเห็นเขาเข้าก็สอดตัวเข้าที่นอนตามเดิมพร้อมหันหลังให้

                    “ทำไมไม่กินข้าว” ติณฑ์มองไปที่ข้าวต้มที่เย็นชืด

                    “...” พระพายไม่ตอบพร้อม

                    “อาโป กูถามว่าทำไมมึงไม่กินข้าว” ติณฑ์เริ่มหงุดหงิดที่คนตัวเล็กไม่สนใจเขาและหันหลังหนี ร่างหนาของเขาจึงกระชากพระพายให้ลุกขึ้นมาคุยกับตัวเอง

                    “โอ๊ย ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ อยากฆ่าผมก็เถอะเผื่อมันชดใช้ในสิ่งที่ (พี่ชาย) ผมทำได้” พระพายน้ำตาคลอเบ้า

                    “หึ ไม่อยากเห็นหน้าผัวตัวเองหรอ” คำว่า ผัว ของติณฑ์ทำให้พระพายแกะมือหนาออกจากข้อแขนแต่แกะไม่ออกและติณฑ์กลับบีบแรงขึ้นไปอีก

                    “ฆ่าผมเถอะ จะโยนผมลงทะเลก็ได้คุณติณฑ์ ผมไม่ไหวแล้วฮึก” ไหล่เล็กที่สั่นเทาจากการร้องไห้อย่างหนักเขาไม่ไหวแล้ว

                    “ไม่ตายง่ายๆหรอก มึงมานี่ มาดูผลที่มึงทำว่ามันเลวร้ายแค่ไหน” ติณฑ์ลากข้อมือพระพายก่อนจะลากขึ้นไปยังเนินเขาเล็ก ๆ ทั้งที่รู้ว่าคนตัวเล็กยังไม่หายดีด้วยซ้ำ เมื่อไปถึงก็ผลักลงพื้นอย่างรุนแรง

                    “มึงแหกตาดูสิอาโป มึงแหกตาดูความเลวที่มึงทำ มึงทำให้ชีวิตคนๆหนึ่งต้องมาตาย ซึ่งนั่นก็คือ น้องกู ตรัยภูมิ”        ติณฑ์ลงไปผลักไล่ร่างเล็กจนร่างสันคลอน พระพายได้แต่ร้องไห้แต่ก็ต้องมาสะดุดชื่อ ตรัยภูมิ เขาค่อยหันไปมองสิ่งที่อยู่ข้างหน้า น้ำตาพรั่งพรูอีกครั้งสิ่งที่เขาเห็นคือโกศขนาดเล็กมีชื่อและรูปภาพของตรัยภูมิ กันอทิวราห์ พระพายร้องไห้และไม่น่าเชื่อคนตัวเล็กนั่งร้องไห้ฟูมฟายกับสิ่งที่เขารู้

                    พี่ชายของเขาจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าทำให้ชีวิตของใครต้องดับไปเพราะความใจร้ายของตัวเอง

                     “ตรัย.. ฮึกก ” พระพายได้แต่เรียกชื่อคนในรูป แม้จะไม่มีเสียงที่ตอบกลับมาเหมือนเคยความทรงจำต่างๆก็ย้อนเข้ามา ถึงแม้เขาและตรัยจะรู้จักกันในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขาคือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของพระพายและเป็นคนที่พระพายรักมาตลอดตั้งแต่ปี 1

    …………………………………………………………………………..

    อีกด้านหนึ่งของแฝดพี่ อาโป ธารธารา หิรัญธกูล

                    เป็นเวลาเกือบ 2 อาทิตย์ที่เขามาใช้ชีวิตอยู่ที่นิวยอร์กชีวิตของอาโปดีขึ้นมาก มีสังคมใหม่ๆและผู้ชายใหม่เข้ามาทำความรู้จักกับเขาหลายคนและทุกคนที่เข้ามาก็จบกันที่เตียงทุกครั้ง อาโปใช้ชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อตามที่คู่ขาของตนนั้นเปย์มาให้ เขาไม่มีความคิดที่จะนึกถึงแฝดคนน้องของเขาเลยสักนิด ว่าตอนนี้กำลังรับกรรมแทนตนเองอยู่หรือเปล่า

                    มาร์ค ต้วนที่มาประชุมที่นิวยอร์ก โดยมีเลขาส่วนตัวไปด้วยเขาพยายามที่จะตามหาพระพายมามากกว่า 2 อาทิตย์แต่กลับหาไม่เจอและไร้วี่แววต่อร่างเล็ก มาร์คหลังจากประชุมเสร็จก็ถูกค้านัดมาเลี้ยงขอบคุณที่ผับแห่งหนึ่งใจกลางมหานครนิวยอร์กเป็นสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนที่ขึ้นชื่อของที่นี่

                    ร่างสูงใส่เสื้อเชิ้ตสีแดง พร้อมกางเกงยีนขาเดฟเดินมายังโซน V I P ของผับ เขาต่างดื่มฉลองกับลูกค้าเรื่องที่ธุรกิจประสบความสำเร็จ ร่างสูงดื่มหลายแก้วต่อหลายแก้วก่อนจะขอตัวมาเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ร่างสูงเพ่งไปยังบนฟลอร์ก่อนสีหน้าจะแสดงออกด้วยความดีใจก่อนจะปรี่ไปที่อาโปยืนอยู่

                    “พระพาย หายไปไหนมา” มาร์คเดินเข้ามากอดอาโปที่คิดว่าเป็นพระพาย อาโปได้แต่ยืนนิ่งก่อนจะมองหน้าร่างสูงของมาร์คก่อนจะนึกออกว่าเป็นคนๆเดียวกันที่มาส่งพระพายในวันนั้น พระพายจึงคิดสวมรอยเป็นน้องชายฝาแฝดของตัวเองเพราะดูท่าทางผู้ชายคนนี้คงมีรวยน่าดูรวยกว่าพวกฝรั่งพวกนั้นซะอีก

                    “ขอโทษทีครับที่ผมไม่ได้บอกว่าผมย้ายไป” อาโปเนียนจนมาร์คเชื่อว่าคือพระพายจริงๆเพราะความดีใจและความมึนเมาแอลกอฮอล์ที่อยู่ภายในร่างกาย

                    “พี่ไม่เคยเห็นเราในลุคนี้ พี่ชอบนะ” มาร์คยิ้มจนเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ

                    อาโปและมาร์คนั่งดื่มกันอย่างออกรสจนมาร์คเมาเริ่มไม่ได้สติ อาโปจึงเข้าแผนโดยการพาร่างสูงของมาร์คพามายังคอนโดของตัวเอง มาร์คที่เมานิดๆทั้งคู่นั่งอยู่บนโซฟาของคอนโดก่อนจะประกบปากกันด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เสื้อผ้าของคนสองคนค่อยๆหลุดไปทีละชิ้นจนไม่เหลือสิ่งใดปกปิดร่างกาย มาร์คดันไหล่ร่างเล็กให้นอนราบกับโซฟาก่อนจะคร่อมร่างบางด้วยอารมณ์ปรารถนาของทั้งคู่ที่เข้าครอบงำ


     

             
     

     

    TBC.

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×