ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END ทัณฑ์รัก ในเพลิงแค้น (BNIOR)

    ลำดับตอนที่ #3 : รีไรท์: เจ็บแค้นเคืองโกรธ โทษฉันใย (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 18 ม.ค. 64


    คลื่นทะเลที่พัดกระหน่ำจนเรือโคลงเครงกำลังขับเข้ามายังเกาะนรก ร่างบางที่นอนไร้สติถูกมัดมือ มัดเท้าติดอยู่กับเสาเรือ นอนไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตนในไม่ช้านี้

                     ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่พระพายรู้สึกตัว จมูกเรียวฟุดฟิดได้กลิ่นเค็มของทะเลและกลิ่นคาวของปลา พระพายค่อยลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจ

                    ตัวเองที่นอนอยู่บนเรือประมงท่ามกลางทะเล พระพายทั้งกลัวและมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดวงตากรอกไปมารอบ ๆ  ก็สะดุดเข้ากับร่างใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงกาบเรือ พระพายพยายมปรับสายตาโฟกัสร่างตรงนั้นเห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้จัก แล้วทำไมถึงพาเขามาที่นี่

                    พระพายพยายามที่จะหนี แต่ปรากฏว่าเขานั้นขยับตัวไม่ได้แม่แต่น้อยเนื่องจากมือและขาถูกมัดติดกับเสาเรืออย่างไร้ความเป็นมนุษย์

                    “อ่า” พระพายเจ็บแปลบที่ข้อมือและข้อเท้าจนเผลอครางออกมา

                    “ตื่นแล้วหรอมึง” ร่างสูงเดินเข้ามาหาเขาพร้อม บีบปากเขาจนเจ็บกรามไปหมด พระพายต้องการจะถดตัวหนีด้วยความกลัว

    เขาทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ

    ทำไมถึงกระทำเขาเยี่ยงสัตว์ขนาดนี

                    ”ฮึก คุณเป็นใคร จับผมมาทำไม โอ๊ย” พระพายถามด้วยน้ำเสียงอู้อี้ ก่อนจะร้องโอดโอยเพราะนิ้วมือหนาของชายแปลกหน้ายิ่งบีบกรามเขาแน่นจนน้ำตาคลอด้วยความเจ็บร้าวไปหมด

                    “พามึงมาทรมานยังไงล่ะ” ติณฑ์เปลี่ยนจากบีบกรามเป็นลูบใบหน้าเรียวสวย

                    “หน้าอย่างมึงพาไปขายได้ราคา” พระพายสะบัดหน้าหนีแต่ก็โดนมือหนาบีบคางอีกครั้ง 

    เจ็บ...

                    “ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมไม่รู้จักคุณ ฮึก” ร่างเล็กพนมมือไหว้ด้วยน้ำตาและขอร้องอ้อนวอนคนผู้นี้ให้ปล่อยเขาไป

                    “กูจะปล่อยมึงก็ต่อเมื่อกูพอใจ” ติณฑ์ปลดเชือกที่มัดตัวของพระพายที่ติดอยู่กับเสาออกและแก้เชือกที่ผูกขาทั้งสองข้าง ร่างบางพยายามที่จะหนีแต่ถูกมือหนาล็อกไว้และกดไว้กับพื้น

                    “ปล่อยผมเถอะ ฮึกฮือ” พระพายร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว ติณฑ์มองใบหน้าหวานก่อนจะแสยะยิ้มเหี้ยม เรือประมงค่อยๆ ถูกร่างสูงขับพาไปยังเกาะฟาร์มมุก

                    ทันทีที่เรือประมงจอดเทียบท่าติณฑ์แก้เชือกที่ขาและแขนของพระพายก่อนจะบังคับให้ลงไป

                    “ลงมา ถึงแล้ว” ร่างสูงกอดอกมองหน้าพระพายที่ทำท่าทีกลัว ร่างเล็กกอดเสาเรือแน่น

                    “ไม่เอา ผมว่ายน้ำไม่แข็ง” พระพายที่ยืนขาสั่นเมื่อถูกมือหนาผลักไปข้างหน้าเพื่อให้ลงจากเรือ

                    “กูบอกให้ลงไปไงวะ จะลงดีๆหรือให้กูถีบลงไป” ท่าทางความรำคาญของติณฑ์จึงจัดการถีบคนกระแดะลงทะเล อย่างแรง 

                    

    ตู้มมม

                    ร่างพระพายตกลงสู่พื้นทะเลเขาพยายามตะเกียกตะกายพยายามขึ้นฝั่งมีชาวบ้านแอบหัวเราะกับท่าทางตลกราวลูกหมาตกน้ำ ติณฑ์เห็นแล้วรู้สึกสมเพชจึงเดินลงไปคว้าแขนแล้วพาขึ้นฝั่ง 

                    “โง่ น้ำมันตื้น” พระพายหยุดดิ้นและลองเอาขาแตะลงบนผืนทรายปรากฏว่ามันตื้นแค่ประมาณเอวของเขาเองมั้ง พระพายเมื่อเห็นโอกาสทางที่จะหนีจึงว่ายน้ำหนีออกไปแต่ทว่าถูกมือหนาที่คว้าข้อขาทันก่อนจะลากขึ้นฝั่งมาอย่างทุลักทุเล

                    “แค่ก ๆ ๆ โอ๊ยยยย” พระพายหงายหน้าตามแรงกระชากของนิ้วทั้งห้าที่จิกหัวของตัวเองอยู่ น้ำตาไหลพรากที่ขอบตา ผมทำอะไรผิดเหรอ คุณจับผมมาทำไม

                    ร่างสูงฉุดกระชากลากถูพระพายขึ้นฝั่งมาและโยนร่างบางลงกับทรายจนมันบาดผิว พระพายรู้สึกแสบที่บริเวณหลังแขน ใบหน้าหวานช้อนสายตาด้วยความโกรธ ติณฑ์ตวัดสายตามองเหยียดคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า

                    พระพายถูกคนใจร้ายฉุดกระชากลากมาที่ห้องเก็บของ ร่างของเขาถูกผลักลงกับพื้นอย่างแรง คนใจเหี้ยมเดินออกไปแล้วล็อกประตูขังเขาไว้ราวกับสัตว์

    ปัง ปัง ปัง

                    “คุณเปิดประตู ผมกลัวความมืด เปิดสิ ฮือ” มือเล็กยกขึ้นมาทุบอย่างสุดกำลัง เขาทั้งเป็นคนกลัวความมืดตั้งแต่เด็ก ๆ 

                    ย้อนไปตอนประถมเคยถูกเพื่อนแกล้งด้วยการขังในห้องเก็บของตั้งแต่เช้า จนเย็น พระพายตะโกนเรียกจนเสียงแหบแต่ไม่มีใครเปิดให้เขาเลย ถ้าภารโรงไม่มาเปิดประตูเพื่อมาเอาของเขาคงไม่มีชีวิตรอดจนถึงทุกวันนี้

                     พระพายนั่งกอดเข่าน้ำตานองหน้า ทำไมเขาต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้...เขาผิดอะไรอย่างนั้นหรือ

                    ติณฑ์ปล่อยพระพายทิ้งไว้ในห้องเก็บโรงไม้ต่อเรือของเขาเอง ก่อนจะสั่งคนงานทั้งสองคนให้เฝ้าดูร่างบางไว้อย่าให้คลาดสายตา ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับมันให้แจ้งเขา ติณฑ์สั่งคนงานเสร็จก็เดินเข้าไปในบ้าน โดยมีแม่บ้านที่ทำหน้าลำบากใจเพราะรู้ว่าเจ้านายของตนกำลังทำผิด เขาได้ยินจากคนงานมาว่าเจ้านายของเขาจับตัวใครไม่รู้มา ซึ่งเขาเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่ก็รู้สึกเป็นห่วง

                    “เอ่อ คุณติณฑ์ค่ะ ป้าว่า...” ป้าอร เป็นแม่บ้านที่นี่กำลังพูดเตือนสติ แต่โดนชายหนุ่มตวัดสายตาที่น่ากลัวส่งมาทำให้หญิงวัยกลางคนนึกกลัว คุณติณฑ์ของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้

                    “ไม่ใช่เรื่องของป้าอร ป้ามีอะไรทำก็ทำไปเถอะ ฝากเอาข้าวไปให้สัตว์เลี้ยงของผมหน่อยสิ ผมล่ามไว้ในห้องเก็บโรงไม้ต่อเรือ” ติณฑ์หันไปส่งแม่บ้านก่อนจะเดินขึ้นห้องนอนของตัวเองไป

    คุณติณฑ์ของป้าเลี้ยงสัตว์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?

                    ป้าอรตัดสินใจเดินไปที่ห้องเก็บลังไม้ มือเหี่ยวเปิดไขประตูเข้าไปก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็นร่างผู้ชายตัวเล็กที่นั่งร้องไห้กอดเข่า ป้าอรจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งยองๆกับพื้น พระพายที่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับหญิงวัยกลางคนก็ยิ้มออกมาก่อนจะอ้อนวอน

                    " ป้าครับ ช่วยผมด้วย ฮึก " พระพายตะเกียกตะกายลุกขึ้นทั้งที่มีเชือกล่ามขาอยู่

    โธ่ คุณติณฑ์ของป้าทำไมโหดเหี้ยมแบบนี้ละคะ

                    ป้าอรรีบสั่งแม่บ้านอีกคนให้ไปเอาอาหารที่เก็บไว้ในตู้มาให้ผู้ชายตัวเล็กคนนี้ ก่อนจะพยายามปลอบประโลมให้คนตัวเล็กของเขาใจเย็นๆ

                    “ใจเย็นๆนะคะ คุณ คุณชื่ออะไรคะ ป้าจะได้เรียกคุณถูก " ป้าอรพยายามที่จะชวนคุย ใจจริงเขาก็อยากช่วยแต่ไม่อยากโดนไล่ออกตอนแก่ หวังว่าบาปคงไม่กัดกบาลเขาหรอกมั้ง

                    “ผมชื่อ พะ...”

                    “มันชื่ออาโป" ติณฑ์ตอบแทนนักโทษของเขา

                    พระพายเงยหน้าขึ้นมามองหน้าร่างสูงที่เรียกชื่อพี่ชายของตน เขาไม่ใช่พี่อาโปสักหน่อย เขาใจผิดแล้วต่างหากเล่า

                    “ผมไม่ได้ชื่ออา... " พระพายกำลังจะอ้าปากแย้ง

                    "หุบปากของมึงซะ” ติณฑ์ตะคอกใส่ร่างบาง ก่อนจะมีแม่บ้านอีกคนนำอาหารมาให้ร่างเล็กที่นั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆกองไม้ที่มีแต่ฝุ่น

                    “ป้าว่าพาคุณเขาออกมาเถอะค่ะ คุณติณฑ์เกิดคุณเข้าเป็นอะไรขึ้นมาจะแย่ " ป้าอรพยายามที่จะช่วยให้คุณตัวเล็กของเขาให้ออกจากที่โรงไม้ฝุ่นหนาเตอะนี้ที

                    “ตายก็ดีนี่ " พระพายหันขวับมองร่างสูง 

                    ตายอย่างนั้นหรอถึงจะดี เขาไม่เคยไปทำอะไรให้เขาเลยสักกะนิด รู้จักกันก็ไม่รู้จัก

                    “ผมทำอะไรให้คุณหรอ คุณถึงต้องทารุณกับผมขนาดนี้ คุณติณฑ์ " พระพายถาม เขาอยากรู้ว่าตานี่จับเขามาทำอะไร

                    “หึ ไม่ต้องเรียกชื่อฉันหรอก เสนียด " ติณฑ์ปรายตามองร่างเล็กแล้วทำหน้าขยะแขยง

                    พระพายเริ่มโมโหก่อนจะตะโกนออกมาใส่หน้าติวานนท์ อย่างเหลืออด

                    “อย่าฆ่าผมนักเหรอ เอาสิ เอาเลย" พระพายเอ่ยท้าร่างสูงไป ติณฑ์กัดฟันกรอดก่อนจะกระชากแขนบางให้ปลิวไปตามแรง

    แกร็งง

                    “โอ้ย " พระพายล้มลงกองกับพื้น เพราะเขาลืมปลดเชือกที่ข้อเท้าที่ตอนนี้มันเสียดสีผิวขาวจนเป็นรอยแดงและมีเลือดซิบตรงข้อเท้าเล็กๆ ร่างสูงเดินไปปลดสายเชือกเสร็จก็ลากพระพายไปยังชายหาด

                    คลื่นลมที่พัดแรงกว่าปกติ เหมือนอากาศเริ่มที่จะเย็นลงและได้กลิ่นฝนจางๆที่กำลังไล่ตามลมมา บรรยากาศช่างเป็นใจกับคนใจดำอย่างนายเหลือเกินนะอาโป

                    ร่างสูงเหยียดยิ้มก่อนจะพาร่างเล็กไปที่ชายหาดและสั่งให้คนงานหยิบเชือกอันใหญ่ไปด้วย พระพายที่ดิ้นสุดแรงพยายามเอาตัวรอดอย่างสุดชีวิตแต่ก็ทำไม่ได้ มือหนาที่ล็อกเอวเขาไว้จนแน่นก่อนจะลากลงทะเลไปเรื่อย ๆ ติวานนท์มัดพระพายติดเสากลางน้ำทะเลสำหรับวัดระดับความลึกของน้ำทะเลก่อนจะว่ายน้ำขึ้นฝั่งเพื่อรอดูผล

                    พระพายร้องไห้ตอนนี้เขาปวดไปหมดน้ำทะเลกำลังกัดแผลจนแสบ ลมกำลังซัดคลื่นขึ้นมาสูงเรื่อย ๆ ผ่านเวลาไปไม่นานจนตอนนี้น้ำถึงระดับคอเขาแล้ว

                    พระพายตอนนี้น้ำทะเลเข้าปากไปไม่รู้กี่อึกต่อกี่อึก เขากำลังจะตายใช่ไหม เขากำลังจะได้ไปอยู่กับพ่อกับแม่บนท้องฟ้าบนนู้นหรือเปล่า พระพายเงยหน้ามองท้องฟ้าตอนนี้สติอันน้อยนิดของเขาทำให้เห็นภาพบนท้องฟ้าที่มีพ่อกับแม่ของเขาอยู่บนนั้น

    พ่อกับแม่มารับพระพายแล้วใช่ไหม ฮึก...

                    ร่างบางที่นอนซมพิษไข้เนื่องจากแช่น้ำเป็นเวลานานแถมยังเกือบจมน้ำตาย

                    พระพายที่ตอนนี้ไข้ขึ้นสูงจนเพ้อ ทำให้ป้าอรต้องคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้และคอยดูอาการของคุณตัวเล็กให้หายดี ติวานนท์ยืนดูแม่บ้านคอยเช็ดตัวให้ร่างเล็กก็พลันเบะปากอย่างน่าหมั่นไส้

                    "สำออย"

                    ป้าอรทำสีหน้าเป็นกังวลเมื่อพยายามเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับคุณตัวเล็กของเขาแต่ไข้กลับไม่จางลงสักนิด เหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าและลมหายใจร้อนๆของคนที่นอนไร้สติ

                    "พ่อจ๋า แม่จ๋า ฮึกก" พระพายนอนละเมอออกมา ป้าอรต่างเช็ดเนื้อเช็ดตัวกันอย่างแข็งขันเพื่อให้คุณของเขาหายไวๆ แม่บ้านที่ดูแลที่นี้อดเป็นห่วงไม่ได้

    ย้อนไปเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้ว

                    ติณฑ์เฝ้าดูร่างกายที่ถูกมัดอยู่บนแท่งวัดระดับน้ำตอนนี้น้ำทะเลกำลังจะตาย พระพายที่เสียงมีอันน้อยนิดตะโกนขอให้ช่วยแต่คนใจดำที่ยืนมองบนฝั่งนั่นกลับยืนยิ้มด้วยความสะใจ

                    “ชะ...ช่วย....ด้วย ช่วยผม...ด้วย”

                    “คุณติณฑ์ค่ะ ช่วยคุณเข้าขึ้นมาเถอะนะคะ" ป้าอรพยายามหว่านล้อมให้ติวานนท์พาร่างบางที่สติใกล้ดับและใกล้ตายในคลื่นทะเลบ้าคลั่งตอนนี้ฝนห่าได้กระหน่ำตกลงมาอย่างหนัก จนป้าอรเริ่มนึกเป็นห่วง

                    ติวานนท์เริ่มมองไม่เห็นร่างของนักโทษมีเพียงแต่เสาร์วัดระดับน้ำที่โผล่พ้นมา ร่างสูงจึงตัดสินใจโดดน้ำลงไปช่วยก่อนจะใช้มีดตัดเชือกและล็อกคอลากเข้าฝั่งอย่างทุลักทุเล

                    เมื่อติณฑ์พาพระพายขึ้นฝั่ง พวกคนงานก็ต่างมายืนออเพื่อดูเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้ เขาอุ้มร่างบางขึ้นมาบนฝั่งก่อนจะช่วยปฐมพยาบาลด้วยการผายปอด ร่างสูงพยายามปั๊มหัวใจให้คนที่นอนหมดสตินั้นคายน้ำออกมาจากปอด

                    “แค่ก ๆ " พระพายสำลักน้ำออกมาอึกใหญ่ ตอนนี้ดวงตาหนักเหมือนมีพิษไข้กำลังจะมาเยือน ติณฑ์เห็นร่างบางสะลืมสะลือก็อุ้มคนตัวเล็กขึ้นมาแนบอกก่อนจะพาไปยังห้องรับรองแขกชั้นสอง เขาวางคนตัวเล็กนอนลงบนเตียงเบา ๆ ก่อนจะกำชับให้ป้าแม่บ้านคอยดูแล

                    “ถ้าเขาตื่นก็เรียกผมนะป้าอร”

                    ผ่านไปหลายชั่วโมงไข้เริ่มลดเบาลงจนเบาใจ ติณฑ์ให้แม่บ้านกลับไปทำงานของตัวเอง เขาจะอาสาดูแลคนป่วยให้เอง

                     ป้าอรทำสีหน้าลำบากใจเพราะกลัวเจ้านายจะใจร้ายและรังแกคุณเขาแบบวันนี้อีก แต่เมื่อเจอสายตาดุก็ต้องยอมออกไป ป้าอรเหลือบมองไปที่คนป่วยบนเตียงนั้นมีสีหน้าดีขึ้นก็โล่งใจ

                    “งั้นป้าไปก่อนนะคะ ถ้าคุณหนูต้องการอะไรเรียกป้านะคะ”

                     พอป้าอรออกจากห้องไป ติณฑ์ลากเก้าอี้มานั่งเฝ้าและมองร่างเล็กที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงดูไร้พิษภัย จู่ๆ ความรู้สึกผิดเริ่มถาโถมเข้ามาในใจเมื่อมองหน้าหวานตรงหน้า

                    “พ่อจ๋า แม่จ๋า ฮึก หนาว น้องหนาว " พระพายละเมอออกมาพร้อมควานหาผ้าห่ม ติณฑ์วางมือหนาลงบนหน้าผากก็ต้องตกใจเพราะคนตัวเล็กไข้ขึ้นอีกแล้ว

                    “ลำบากกูจนได้นะ " ติณฑ์เดินถือกะละมังใบเล็กที่มีน้ำอุ่นบรรจุอยู่ภายในและผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก ก่อนจะนำผ้าชุบน้ำและบิดหมาดๆ ค่อยๆ ไล่ย้อนตามเส้นขนบนใบหน้าเป็นการไล่เลือดลมให้ร่างบางแต่ไม่มีอาการทุเลาลงเลย ร่างสูงจึงตัดสินใจทิ้งตัวลงนอนข้างๆและดึงร่างเล็กเข้ามากอดเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย

                    พระพายเมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นก็ซุกตัวเข้าไปหาอกแกร่ง ติณฑ์ไม่เข้าใจตัวเองนัก เขาต้องการให้มันตายแต่ไปช่วยมันทำไม  แถมตอนนี้ก็ยังกอดมันอีกต่างหาก ติณฑ์มองร่างบางที่เอาหน้าซุกเข้าเหมือนแมวตัวหนึ่ง ร่างบางหลับตาพริ้มสีหน้าดีขึ้น ติณฑ์ลอบสังเกตมือหนาค่อยไล้แก้มกลม ถ้าคนคนนี้ไม่ได้เป็นคนที่ฆ่าน้องชายของเขา ก็คงจะดีกว่านี้..

                    ณ กรุงเทพร้านอาหารที่พระพายกำลังมีปัญหา เจ้าของร้านที่วานลูกจ้างไปซื้อของแต่ตอนนี้ได้หายไปและไม่สามารถติดต่อได้ ป้าพิณเจ้าของร้านลองโทรตามกี่รอบต่อกี่รอบโทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง ซึ่งมิใช่นิสัยปกติของลูกจ้างอย่างพระพายที่ไม่เคยหายไปเฉยๆ แบบนี้

                    มาร์คลูกค้าประจำที่มักจะมานั่งที่ร้านนี้เป็นประจำตัดสินใจถามพนักงานร้าน  ร่างสูงพยายามมองหาพระพายเพราะปกติเมื่อเขาเข้ามาในร้านก็จะได้ยินเสียงเอ่ยทักทายและเสียงหวานๆ ของพนักงานคนนี้ แต่วันนี้กลับไม่มีและดูเหมือนว่าร้านจะดูวุ่นวายไม่น้อย

                    “วันนี้พระพายไม่มาหรอครับ " มาร์คถามพนักงานที่ร้าน 

                    “เอ่อ ไม่มาค่ะ" พนักงานร้านตอบตามซื่อ 

                    มาร์คจึงตัดสินใจเดินไปถามเจ้าของร้านที่ตอนนี้กำลังกดโทรศัพท์พระพายแต่ไม่สามารถติดต่อปลายทางได้เลย เขาตัดสินใจจ่ายค่าอาหารโดยที่ไม่ได้กินมันเลย ก่อนจะขับรถออกไปยังบ้านที่เขาเคยไปส่ง บ้านปิดรั้วเงียบ บ่งบอกว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่ ร่างหนารู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที 

    แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เขาตัดสินใจขับรถกลับและพรุ่งนี้จะกลับมาดูที่บ้านอีกครั้ง

                    ณ ชายทะเลทางใต้บรรยากาศตอนกลางคืนสายลมที่พัดเอื่อยๆ มาจากทางผืนน้ำพัดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้ทั้งสองร่างกายเริ่มขยับตัวเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว

                    ติวานนท์กระชับอ้อมแขนนำร่างเล็กของพระพายซุกอกแกร่งอย่างลืมตัว

                    ป้าอรสะดุ้งตื่นกลางดึกจึงแอบมาดูเพราะเป็นห่วงคนป่วย ร่างท้วมแง้มประตูจะข้ามาดูอาการของคุณตัวเล็กก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น 

                    คนทั้งสองคนที่กอดกันอยู่บนเตียงกว้างนั้นราวกับคู่รัก ไม่เหลือเค้าโครงของคนใจร้ายเมื่อตอนเย็นสักกะนิด

                     ป้าอรค่อยๆปลีกตัวออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่าตื่นกันขึ้นมาใครจะตกใจใครก่อนกันแน่

         


     


     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×