ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END ทัณฑ์รัก ในเพลิงแค้น (BNIOR)

    ลำดับตอนที่ #7 : รีไรท์: ก้มหน้าและยอมรับ (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.07K
      178
      19 ม.ค. 64

     

    ตอนที่ ๖

    ก้มหน้าและยอมรับ
     


     

     

                    หลังจากที่พระพายรับรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว เขาต้องยอมเป็นตัวแทนพี่ชายเพื่อไถ่โทษมันคือความผิดเขาด้วยที่ไม่ได้บอกความจริงกับตรัยภูมิ

                    เขารักอาโปเพราะอาโปเป็นพี่ชายคนเดียวที่เขาเหลืออยู่ในชีวิตตอนนี้ เขาไม่อยากให้อาโปเจอแบบที่เขาเจอ เขาจะยอมรับมันเอง

                     พระพายที่ถูกติณฑ์ลากลงมาจากเขามาที่บ้านพักท้ายหาดจากที่เป็นห้องเล็กๆ กับกลายเป็นกระท่อมท้ายป่าของเกาะเขาซึ่งไม่มีใครอยู่ ภายในกระท่อมมีเพียงแค่ฟูกเก่าๆ และผ้าห่มบางๆที่ไม่สามารถคุมความหนาวที่มากระทบร่างกายเขาได้เลยสักนิด 

                    พระพายถูกร่างสูงใช้ให้ไปตักน้ำที่บ่อที่ไกลจากกระท่อมของเขาไกลโขพอสมควร ร่างกายของเขาก็ยังไม่หายดีเลยด้วยซ้ำ เมื่อถึงบ่อน้ำพระพายหย่อนถังลงไปภายในบ่อเพื่อที่จะนำไปใส่ตุ่มที่อยู่หลังกระท่อมสำหรับที่อาบน้ำ ร่างที่บอบช้ำต้องยกถังน้ำทำให้เขาเซจนล้มที่พื้น ทำให้น้ำที่บรรจุอยู่ในถังล้มอยู่กับพื้น

                    “แค่นี้เอง แบกไม่ได้หรือไงวะ” ติณฑ์มองร่างเล็กที่ลุกขึ้นมาหยิบครุเพื่อตักน้ำที่บ่ออีกครั้ง โชคดีที่ไม้ผ่านมาเห็นพอดีจึงเข้าไปช่วยแม้จะโดนเจ้านายของตนมองด้วยความไม่พอใจแต่เขาไม่สามารถให้พระพายแบกถังน้ำคนเดียวแม้ร่างกายยังไม่หายดีแบบนี้แน่

                    “เดี๋ยวเราช่วยนะ” ไม้หยิบเชือกสำหรับตักน้ำขึ้นมาและเทลงในครุก่อนจะแบกถังน้ำไปใส่ในตุ่มให้พระพายใช้สำหรับชำระร่างกาย

                    “ขอบคุณนะไม้ ไม่ได้ไม้ พายคงเจ็บไปแล้ว” พระพายยิ้มหวานให้ร่างสูงที่ยิ้มให้กับตนเอง ติณฑ์รู้สึกไม่พอใจเล็กๆก่อนจะเดินออกไปสูดอากาศข้างนอกเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ทำไมเขาถึงชอบร้อนรนเวลาที่ผู้ชายคนนั้นยิ้มให้คนอื่นด้วย ไม่เข้าใจตัวเองสักนิดเดียว เป็นบ้าไรของมึงวะไอ้ติณฑ์

                    เป็นเวลาตอนเย็นพระพายที่ถูกติณฑ์สั่งให้ไปเก็บพืชผักในสวนเพื่อลงมือทำอาหารเองไม่ให้ไปกินรวมกับคนงานในเกาะ พระพายเดินถือตะกร้าโดยมีคนใจร้ายเดินตามเฝ้าเขาทุกฝีก้าวเป็นเงาตามตัว ติณฑ์มองร่างเล็กที่กำลังก้มเก็บผักกาดในแปลง โดยเผลอยิ้มไม่รู้ตัวเมื่อมือเล็กน้ำมือที่เปื้อนดินมาปาดเหงื่อทำให้มันเลอะบนใบหน้า

                    หลังจากที่เก็บเสร็จก็กลับไปยังกระท่อมเพื่อประกอบอาหารโดยเมนูที่พระพายจะทำคงเป็นผัดผากกาดขาวใส่หมูสับแต่เขาก่อไฟในเตาอังโล่ไม่เป็น ร่างเล็กเงอะงะเล็กน้อยก่อนจะเทถ่านลงไปในเตาและนำเกี๊ยะไม้สองสามชิ้นวางไว้ก่อนจะนำไฟมาเพื่อให้ไหม้ถ่านเพื่อใช้ประกอบอาหาร

                    ระหว่างที่รอให้ไฟลุกพระพายก็นำผักกาดที่ล้างมาซอยเพื่อจะนำไปผัด โชคดีที่ยังมีข้าวให้เขาไม่ต้องหุงเพราะติณฑ์เรียกให้คนงานนำเอามาให้ หลังจากทำอาหารเสร็จสิ้นพระพายขอตัวไปอาบน้ำที่หลังบ้านแต่ติณฑ์เข้ามาขวางไว้พร้อมปาดคราบดินที่เลอะบนใบหน้าให้คนตัวเล็กอย่างแผ่วเบา

                    “ทำอะไรของคุณ” พระพายตกใจ ปัดมือร่างสูงออกทันที

                    “ก็แค่...เห็นเปื้อนแล้วมันเกกะลูกตา” ขึ้นชื่อว่าปากร้ายก็ปากร้ายอยู่วันยันค่ำ

                    “ไม่ต้องหรอกครับ”

                    เมื่อถึงสถานที่อาบน้ำพระพายถอดเสื้อออกก่อนจะนุ่งผ้าขาวม้าและจัดการเอากางเกงถอดออกมาพาดตรงต้นไม้ ร่างเล็กของพระพายนั่งตรงเก้าอี้เล็กๆก่อนจะตักขันขึ้นมาเพื่ออาบน้ำ ติณฑ์ที่แอบยืนดูห่างๆไม่ให้คนตัวเล็กรู้ตัวก่อนจะสำรวจผิวกายขาวที่มีแต่รอยช้ำที่เขาเป็นคนทำ ติณฑ์รู้สึกผิดแต่ก็มีอีกเสียงหนึ่งที่ค้านในใจเขา ‘ว่าผู้ชายคนนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องเขาตาย’

                    ติณฑ์จึงหันหลังและเดินไปรอที่โต๊ะไผ่เล็กๆที่มีอาหารที่พระพายทำวางไว้อยู่ หลังจากไม่นานพระพายก็เดินขึ้นบ้านก่อนจะทิ้งก้นนั่งลงเพื่อนั่งทานข้าวแต่พอเห็นติณฑ์ที่นั่งอยู่จึงเลือกที่จะตักอาหารใส่จานตัวเองและไปนั่งทานที่อื่น ติณฑ์หน้าเสียลงเล็กน้อยแต่ก็พยายามปรับสีหน้าและน้ำเสียงของตนเอง

                    “ทำไมไม่มานั่งกินข้าวที่นี่” ติณฑ์ถามพระพายที่หันหลังทานข้าวแต่ไม่ตอบเขา ติณฑ์ที่โมโหก่อนจะโยนข้าวลงบนโต๊ะก่อนจะลุกเดินออกไป พระพายน้ำตาคลอเมื่อไหร่เขาจะได้กลับบ้านสักที

                    เป็นเวลาค่ำที่ภายในบ้านมีแต่ตะเกียงที่คอยให้แสงสว่างกับเขา ร่างเล็กค่อย ๆ จัดที่นอนโดยการปัดผ้าปูเล็กน้อย ร่างเล็กทนนอนข่มตานอนหลับในกระท่อมทรุดโทรม

                    จนกระทั่งมีเสียงเปิดประตูขึ้นมา ติณฑ์ยืนถื อกล่องยาเดินเข้ามาหาร่างเล็กที่นอนอยู่ในมุ้งขดตัวเพราะอากาศหนาว ติณฑ์ที่มุดเข้ามาในมุ้งนอนของพระพายค่อย ๆเปิดเสื้อพระพายขึ้นมาก่อนจะหยิบหลอดยาขึ้นมาทาบริเวณรอยช้ำของคนตัวเล็ก พระพายรู้สึกเย็น ๆ ที่หลังจึงลืมตาและพลิกตัวกลับเห็นติณฑ์ถือหลอดยาที่เขาทาให้ตัวเอง

                    “ฉันเอายามาให้ แล้วก็นี่ผ้าห่มคืนนี้น่าจะเย็นเพราะมีพายุข้างนอก” ติณฑ์นำมาผ้าห่มมาวางไว้ข้างตัวของคนตัวเล็ก พระพายไม่เข้าใจการกระทำของติณฑ์เลยสักนิดตกลงเขาจะร้ายหรือจะดีกับตัวเองกันแน่

                    “คุณทำแบบนี้คุณต้องการอะไรกันแน่คุณติณฑ์”

     พระพายหวั่นใจ

    เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนเขาตามไม่ทัน

                    ถ้าเขารู้ติณฑ์เหมือนกับคลื่นลมทะเลถ้าไม่มีพายุคลื่นก็สงบแต่เมื่อมีพายุเมื่อไหร่ก็เหมือนคลื่นยักษ์ที่พร้อมซัดสาดเขาจนถึงแก่ชีวิต

                    “ฉันเอายามาให้ นายคงทาเองไม่ได้ หันหลังมาสิยังทาไม่เสร็จ” ติณฑ์เลือกที่จะไม่ตอบคำถามแต่เปลี่ยนเรื่องแทน

                    พระพายส่ายหัวแต่โดนคนตัวตัวจับพลิกหันหลัง มือหนาค่อยบีบหลอดยาใส่ลงในมืออีกครั้งก่อนจะทาบางๆลงบนรอยช้ำ พระพายได้แต่ปล่อยให้คนเอาแต่ใจทำตามใจตนเอง ติณฑ์ที่เห็นคนตัวเล็กสิ้นฤทธิ์ก็ระบายยิ้มออกมา เมื่อทายาเสร็จเขาก็ปิดเสื้อให้คนตัวเล็กก่อนจะสังเกตว่าพระพายผล็อยหลับไปเรียบร้อยแล้ว

                    อีกซีกโลกหนึ่ง...อาโปที่ตอนนี้ใช้ชีวิตโดยการสวมรอยเป็นน้องชายฝาแฝดของตนเพื่อหวังปอกลอกมาร์ค โดยที่ร่างสูงก็เชื่อไม่คิดแม้แต่ที่จะสงสัย พวกเขาทั้งคู่ออกมาดินเนอร์กันกลางแสงเทียนบนดาดฟ้าโรงแรมหรูขึ้นชื่อในมหานครนิวยอร์ก ร่างทั้งสองสบตากันภายใต้แสงจันทร์ 

                    มาร์คสอดประสานมือพร้อมประทับรอยจูบบนหลังมือเบาๆ อาโปยิ้มเยาะกับผลงานตรงหน้าเมื่อมาร์คเงยหน้าขึ้นมาตนก็ปรับสีหน้าเป็นปกติ

                    “คุณทำให้ผมไม่อยากกลับเมืองไทยเลยสักนิด คุณกลับไทยกับผมได้หรือเปล่าพระพาย” มาร์คทำสายตาเว้าวอนร่างเล็กให้กลับไปอยู่กับตนที่ไทย สายตาของอาโปวูบไหวถ้าเขากลับไปความก็แตกสิว่าเขาไม่ใช่พระพาย

                    “คุณก็ไม่ต้องกลับสิ อยู่กับผมที่นี่” อาโปส่งสายตาหวานเชื่อมตอบกลับ

                    “ถ้าอย่างนั้นผมจะไปเคลียร์งานที่นั่นให้เสร็จแล้วรีบกลับมาหานะ” อาโปยิ้มแต่ภายในใจต่างเยาะเย้ยแก่ความโง่ของผู้ชายทุกคนที่ล้วนแต่โง่ลุ่มหลงเขา

                    “ครับ ผมจะรอ” ไอ้หน้าโง่

    อาโปยกมุมปากยิ้ม 

                    หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จอาโปต้องไปส่งมาร์คที่สนามบินเพราะเขาต้องกลับวันนี้ รถยนต์คันหรูจอดอยู่หน้าท่าอากาศยานโดยทั้งคู่บอกลากันที่ก่อนจะขึ้นเครื่อง มาร์คจูบลาร่างเล็กของอาโปช้าๆ เขาไม่อยากถอนออกไปเลยสักนิดอาโปในคราบพระพายยิ้มเขินด้วยท่าทางเสแสร้ง เมื่อมาร์คเดินเข้าเกตไปอาโปรีบกลับคอนโดของตัวเองทันที

                    เมื่อถึงคอนโดอาโปถอดรองเท้าก่อนจะโยนกระเป๋าถือแบรนด์เนมกระแทกลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี และเดินเข้าห้องน้ำแต่ทว่า...

     

    หมับ

                    “คิดถึงจังเลยครับอาโป” ร่างหนาของผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามากอดจากข้างหลังของตนโดยไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น อาโปเงยหน้าขึ้นมามองร่างทั้งสองประกบปากกันอย่างหื่นกระหาย ร่างสูงของฝรั่งตาน้ำข้าวอุ้มร่างเล็กไปยังบนเตียงนอนทันที

     

                    พระพายลืมตาขึ้นมาในตอนเช้าเพราะเมื่อคืนตนเองเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย เขาพยายามปรับสายตาตรงหน้าเขาพยายามที่จะลุกแต่ลุกไม่ขึ้นก่อนจะมองไปยังข้างตัวกลับพบร่างสูงที่นอนหลับตาพริ้มกอดเขาอยู่ พระพายมองหน้าติณฑ์ชั่วครู่ใบหน้าตอนหลับของเขายังดีกว่าตอนตื่นด้วยซ้ำ พระพายนึกถึงสิ่งที่ติณฑ์ทำกับตนก็ปรับสีหน้าก่อนจะผลักแขนแกร่งออกจากเอวของตนทันที ติณฑ์ที่สะดุ้งลืมตาขึ้นมามองก่อนจะโดนเขาไล่ให้กลับ

                    “ถ้าคุณตื่นก็กลับไปเถอะครับ” พระพายเอ่ยปากไล่คนตรงหน้า

                    “ไม่คิดจะขอบคุณหน่อยเหรอ” พระพายปรายตามองก่อนจะพูดที่ทำให้คนตัวโตจุก

                    “รอยทั้งหมดคุณก็เป็นคนทำ ผมต้องขอบคุณเหรอ” ติณฑ์เงียบเพราะมันคือความจริงที่คนตรงหน้าพูดทุกอย่าง

                    พระพายพูดจบก็เดินไปข้างหลังไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อทำหน้าที่ของตนเองให้จบๆไป ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็อยู่ในชุดที่พร้อมจะทำงานทุกอย่างที่เจ้าชีวิตอย่างติณฑ์จะสั่งทำอะไรเขาก็จะยอม หรือจะสั่งให้ไปตายเขาก็ยอม ติณฑ์พาพระพายออกเรือไปเพื่อหาไข่มุกบนเกาะที่ไม่ไกลจากเกาะเขาสักเท่าไหร่ เรือประมงแล่นไปตามแนวคลื่นก่อนร่างสูงจะทิ้งอวนลงในทะเล ติณฑ์มองร่างเล็กที่ทำหน้ามุ่ยอยุ่บนเรือ

                    ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้พระพายรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ติณฑ์กระตุกข้อมือเล็กให้ลุกเพื่อที่จะไปเก็บหอยมุกในทะเล พระพายส่ายหน้าหวือเพราะเขาว่ายน้ำไม่ค่อยแข้งไม่เหมือนอาโปพี่ชายฝาแฝดของเขาที่เป็นถึงนักกีฬาว่ายน้ำ ร่างสูงถอดเสื้อออกทำให้เห็นหน้าท้องที่เป็นกล้ามเนื้อและซิกแพ็คก่อนจะพุ่งลงน้ำทะเลเพื่อดำลงไป พระพายที่เกาะขอบเรือมองร่างสูงก็แอบนึกเป็นห่วง ไม่ใช่อะไรหรอกถ้าตานั่นจมน้ำเขาจะกลับยังไงล่ะ ขับเรือก็ไม่เป็น ไม่ได้เป็นห่วงอะไรเทือกนั่นซะหน่อย

    พรวด

                    ติณฑ์ที่โผล่หน้าขึ้นมาเหนือน้ำก่อนจะพบว่าหน้าเขาและหน้าเล็กของพระพาอยู่ใกล้เขาเพียงแค่คืบเดียว พระพายชักหน้าออกทันทีก่อนจะลุกขึ้นเดินไปท้ายเรือแก้เขิน ติณฑ์เก็บหอยมุกมาได้ไม่เยอะก่อนจะขึ้นเรือและบังคับให้ไปยังเกาะๆหนึ่งที่ไม่ไกลมาก พระพายเดินเข้ามาดูหอยมุกในถุงที่มัดเชือกด้วยความตาวาว

                    “สวยจัง” ปากเล็กระบายยิ้ม โดยไม่ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งแอบมองอยู่ 

    ติณฑ์ที่มองมาทำให้เขายิ้มโดยไม่มีสาเหตุ

                    เมื่อมาถึงเกาะร้างแห่งหนึ่งส่วนน้อยที่นักท่องเที่ยวเวลาล่องเรือจะเจอ ติณฑ์พาพระพายมาเก็บเปลือกหอยบนหาด รอยยิ้มที่พระพายมีตั้งแต่มาที่นี้เพิ่งมีเมื่อเจอสถานที่สวยๆแบบนี้

                    “เดี๋ยวผมมานะครับ” พระพายขออนุญาตร่างสูงเพราะเขาอยากเดินสำรวจที่นี่ ถ้าพระพายมีเงินก็อยากมีบ้านเล็กๆอยู่ที่นี่ อยู่กับอาโปพี่ชายของเขา พระพายเมื่อนึกถึงอาโปน้ำตาก็พลันจะไหล ทำไมเขาไม่ติดต่อน้องชายแบบเขาเลย คนอย่างอาโปเคยรักใครไหมนอกจากรักตัวเอง

                    พระพายเดินไปเรื่อยๆจนได้ยินเสียงคล้ายๆน้ำตก เขาจึงปีนขึ้นบนหินไป เขาค่อยแหวกใบไม้ตามทางเนื่องจากเป็นสถานที่รกร้างจึงไม่มีใครมาปรับปรุงแก้ไข พระพายเดินมาเรื่อยจนมาหยุดตรงน้ำตกขนาดเล็ก น้ำใสแจ๋ว มองเห็นตัวปลาเล็กๆ มือเล็กค่อยๆตักปลาขึ้นมา โดยไม่ทันระวังว่ามีสัตว์อันตรายต่างๆกำลังมุ่งร้ายตนอยู่

    ฟู่

                    งูเห่าขนาดเล็กกำลังแผ่แม่เบี้ยตรงหน้าเขา พระพายอึ้งก่อนจะตะโกนออกมาด้วยความกลัวถึงงูจะตัวเล็กแต่พิษก็ร้ายแรงใช่ย่อย

                    “อ๊ากกก ช่วยผมด้วย” พระพายตัวเกร็ง

                    ติณฑ์เมื่อได้ยินเสียงก็รีบวิ่งตามไปก่อนจะพบว่าคนดื้อที่กำลังเกาะอยู่บนโขดหินโดยมีงุเห่าเล็กๆกำลังชูคอขู่ฟ่อๆ ติณฑ์จึงนำไม้ที่ยาวที่สุดเขี่ยมันออกไปก่อน งูตัวนั้นจะเลื้อยไปที่อื่น

                    “ขึ้นมาทำอะไรบนนี้หะ ไม่รู้หรอมันอันตราย” ติณฑ์ดุ

                    “ก็ผมได้ยินเสียงน้ำตกเลยขึ้นมาดูนี่” พระพายเถียงคอเป็นเอ็น

                    “อาโป!!” ติณฑ์ลากแขนพระพายเพื่อกลับไปยังเกาะส่วนตัวของเขาทันที พระพายได้แต่ทำหน้ามุ่ยไม่พอใจ

                    เมื่อถึงเกาะคนงานที่กำลังทำงานก็หยุดดูพวกเขาทั้งสองคนที่กำลังเถียงกันระหว่างขึ้นฝั่งมา ลูกน้องต่างยิ้มกันอย่างมีเลศนัยสงสัยเกาะของเราใกล้จะมีนายน้อยแล้วแหละ  พระพายกับติณฑ์เถียงกันตลอดทางจนถึงกระท่อมท้ายเกาะที่พระพายอาศัยนอน

                    “ไปอาบน้ำ แต่งตัวได้แล้วไม่ต้องมาเถียง” ติณฑ์โยนผ้าขาวม้าใส่ร่างเล็กและขันถ้ารับไม่ทันนี่คงอยู่กลางหัวเขา บ้าชะมัด

                    “รู้แล้วน่า” พระพายเดินสะบัดตูดออกจากห้องทันที ติณฑ์ยิ้มออกมาไม่รู้ตัวออกมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งจนป้าอรที่เข้ามาเอาอาหารเย็นมาวางให้ผู้เป็นนายหัวและคุณตัวเล็กก็ต้องยิ้มออกมา เพราะนายหัวไม่เคยอมยิ้มแบบนี้เลยตั้งแต่ที่คุณตรัยภูมิเสียชีวิต คนแก่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนดูออกทันทีว่า นายหัวของเขากำลังรู้สึกดีกับศัตรูของเขาเอง.

     

                    หมอแบมที่กำลังออกเวรจากห้องฉุกเฉินเพราะเพิ่งผ่าตัดให้คนงานก่อสร้างที่ก่อสร้างตึกแล้วผลัดตกจากที่สูงเล่นเอาแบมแบมเหนื่อยเหมือนกันเพราะเคสนี้ค่อนข้างยากเนื่องจากผู้ป่วยมีโรคแทรกซ้อนเยอะ ในการผ่าตัดจึงต้องระมัดระวังแต่ก็ผ่านมันไปได้ด้วยดี นางพยาบาลคนหนึ่งที่วิ่งมาหาคุณหมอด้วยความรวดเร็วเพราะผอ.ของโรงพยาบาลเรียกตัวพบเขา แบมแบมจึงกล่าวขอบคุณและเดินไปยังตึก 9 ทันที

                    ผอ. บดินทร์ เป็น ผอ.ของโรงพยาบาลทีนี่และยังเป็นบิดาของเขาเอง แบมแบมหน้ามุ่ยนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงข้ามกับผู้เป็นพ่อ บดินทร์มองหน้าลูกชายที่มีใบหน้าอิดโรยก็นึกสงสารเพราะลูกชายตัวดีของเขาไม่เคยใช้วันหยุดที่มีให้เลยสักครั้ง สักวันลูกชายเขาคงป่วยซะอีก

                    “แกอยากพักงานไหม ฉันเห็นสภาพแก ฉันละกลัว” บดินทร์เอ่ยกับลูกชายที่เริ่มจะกลายเป็นหมีแพนด้าในร่างคน ขอบตาดำและดูโหล ชีวิตของคนเป็นหมออาทิตย์หนึ่งนอนไม่ถึง 16 ชั่วโมงด้วยซ้ำ

                    “แบมไหวน่า” เขาตะเบงกล้ามแขนให้คนเป็นพ่อดูว่าเขาแข็งแรงแค่ไหน บดินทร์หัวเราะกับท่าทางติ๊งต๊องของลูกชายไม่ว่าอายุเท่าไหร่ แบมแบมก็คือเด็กชายกันต์พิมุกต์ของเขาอยู่ดี

                    “ไม่คิดจะหาเมียบ้างหรอแบม พ่ออยากอุ้มหลานนะ หรือจะหาผัวก็แล้วแต่แก สมัยนี้เทคโนโลยีกว้างไกลผู้ชายสามารถท้องได้ก็ถมเถไป” บดินทร์เอ่ยขึ้นเพราะอายุเขาก็จะปาไปเลขห้า เขาเห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันบางคนมีหลานกันหมด แบมแบมทำหน้าแหย ๆ ให้ผู้เป็นพ่อ

                    “ไม่อะ อยู่คนเดียวสบายใจกว่า” แบมแบมนึกภาพตัวเองเลี้ยงลูกก็เหนื่อยแล้ว ไหนจะเป็นหมอรักษาคนไข้ ตายแน่ๆกันต์พิมุกต์

                    “แต่ฉันอยากให้แกพักนะ ไปหาเจ้าติณฑ์มันก็ได้เห็นมันเงียบหายไปเลย หลานคนนี้” บดินทร์เอ่ยถึงติวานนท์ เพราะเขาเปรียบเสมือนผู้ปกครองตั้งแต่ที่รังสรรค์พี่ชายหรือพ่อของติณฑ์และตรัยเสีย บดินทร์เป็นคนดูแลหลานชายทั้งสองมาโดยตลอดจนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ เสียใจไม่น้อยที่ตรัยอายุสั้น บดินทร์เศร้าลงทันที

                    “จริงสินะ งั้นแบมลาหยุด 1 อาทิตย์ แบมแบมจะไปเยี่ยมไอ้คนโฉดสักหน่อย...ไม่รู้ตัวเล็กนั่นจะโดนพี่ชายเขาทารุณกรรมอะไรบ้าง” แบมแบมพูดคำหลังในใจไม่ให้ผู้เป็นบิดาได้ยิน แต่ก็นึกเป็นห่วงคนตัวเล็กที่นู่นไม่ได้ ถึงจะตัวพอๆกับแบมแต่เหมือนเขาบอบบางก็แบมแบมเยอะ หลังจากที่แบมแบมออกมาจากห้องก็ไปยังที่จอดรถแต่ไม่ทันระวังก็โดนรถคันหนึ่งที่พุ่งมาเกือบจะชนเขา

     

    เอี๊ยดดดด

     

                    เสียงล้อรถที่เสียดสีกับพื้นถนนจนเกิดเสียง มาร์คที่โมโหว่าทำไมนายนั่นถึงเดินมาไม่ดูรถ ถ้าเขาขับไวกว่านี้จะเป็นยังไง 

    แบมแบมที่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ตอนนี้โมโหมากกว่า ขับรถประสาอะไรเกือบชนเขาแล้วด้วยซ้ำ

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

                    แบมแบมเคาะกระจกจนร่างสูงที่นั่งอยู่ภายในรถลดกระจกลง แบมแบมเตรียมอ้าปากจะด่าแต่ไม่ทันเมื่อตามารยาททรามดันพูดตอกหน้าเขาว่า

                    “เดินภาษาอะไรของคุณเนี่ย” มาร์คดูหงุดหงิดเพราะเขายังไม่ได้นอนด้วยตั้งแต่กลับจากนิวยอร์กและไซด์งานของเขาดันเกิดอุบัติเหตุจนเขาต้องมาดูแลค่ารักษาให้กับลูกน้องของเขาแต่ดันมาเจอคนที่ข้ามถนนมาไม่รู้เรื่องรู้ราว

                    “ว่าไงนะ คุณขับรถเร็วแล้วเกือบขับมาชนผมต่างหาก” แบมแบมเถียงกลับ เขาไม่ผิด ยังไงเขาก็ไม่ผิด ตัวเองเชื่อมั่นแบบนั้น

                    “แน่ใจ๊” มาร์ค เริ่มคิ้วกระตุกด้วยความโมโหของคนตรงหน้าที่เชิดหน้าใส่เขา มาร์คจึงล้วงโทรศัพท์ที่เขาเชื่อมกับกล้องที่ติดที่รถก่อนจะคลิกเข้าที่คลิปเหตุการณ์ก่อนหน้า

                    “...” แบมแบมเงียบทันทีเพราะเหตุการณ์ทั้งหมดคือเขาเป็นคนผิด ในกล้องคือเขาข้ามถนนโดยไม่มองรถเอง ไอ้เชี้ยแบมเอ๊ย เถียงไม่ออก

                    “ไงละคุณ ทำไมไม่เถียงละ” มาร์คเอ่ยเสียงแหย่คนตรงหน้าที่กัดริมฝีปากด้วยความอาย

                    “ไม่ ยังไงผมก็ไม่ผิด คุณนั่นแหละที่ขับเร็ว หึ่ย” แบมแบมเถียงเสร็จก็เดินหนีไปขึ้นรถตัวเอง โดยไม่รู้ตัวว่าทำบัตรแพทย์ของเขาตกไว้ มาร์คหยิบบัตรขึ้นมาดูก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

                    “ นายแพทย์ กันต์พิมุกต์”

                    มาร์คจัดการจอดรถเสร็จก็เดินเข้าไปยังตึกห้องพักผู้ป่วย มาร์คเดินเข้าไปดูอาการของลูกน้องของตนพบว่าปลอดภัยเขาก็โล่งใจจึงหันไปคุยกับภรรยาของลูกน้องเรื่องประกันและค่ารักษาเขาเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด

                    ภรรยาของลูกน้องยกมือขอบคุณจนมาร์คถึงกับจับไว้ไม่ให้ไหว้ตนเองเพราะเขาเด็กกว่าหลายเท่า ภรรยาของลูกน้องตนยิ้มอย่างเป็นมิตร มาร์คขอตัวไปดูไซต์งานต่อทันทีก่อนจะโทรหาเลขาของตน

                    " ให้ทุกคนตรวจเช็คอุปกรณ์ก่อนใช้ด้วย ผมไม่อยากให้ใครเกิดอุบัติเหตุอีก" หลังจากนั้นก็วางสายทันที

                    แบมแบมกลับมาที่บ้านพักหมอก็ต้องหงุดหงิดเมื่อนึกถึงใบหน้าไอ้บ้านั่น โมโห โมโหที่สุด ขออย่าให้เจอกันอีกเถอะ ร่างเล็กของคุณหมอเดินกระทืบเท้าเดินขึ้นห้องไปเพื่อเก็บกระเป๋าไปยังเกาะส่วนตัวของพี่ชายโดยไม่ลืมเอาเครื่องมือหมอไปด้วยเพราะเขาจะตรวจสุขภาพคนงานที่นั่นทุกคน

                    เมื่อเตรียมของทุกอย่างเสร็จก็ปาไปแล้วทุ่มครึ่ง ร่างเล็กเดินไปเปิดตู้กับข้าวพบมีเพียงแค่ไข่ไก่ 2 ฟองและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2 ซอง ถ้าให้กันต์พิมุกต์ออกไปซื้อตอนนี้คงไม่ไหว โชคดีมีไอศกรีมรสโปรดอยู่ในตู้เย็นพอเป็นของหวานให้คนอย่างเขาอารมณ์ดีอยู่บ้าง 

                    ร่างเล็กจัดการฉีกซองมาม่าบนหม้อก่อนจะตอกไข่ทั้งสองฟองลงไป รอจนมาม่าสุก เมื่อเสร็จก็นำหม้อมาวางไว้หน้าทีวีเพื่อรอดูละคร เพื่อผ่อนคลายจากเวลางานทั้งหมด
     



     


     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×