คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : Everything I Do (100%)
Chapter 25
Everything I Do
ร่างบางของอาโปกำลังเดินย่ำอยู่บนทุ่งกว้างซึ่งไม่รู้ว่าที่ที่ตัวเองอยู่นั้นคือที่ไหน
ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเปล่งประกายสดใสและเหล่ามวลดอกไม้ที่บานเปล่งปลั่งแข่งกันชูช่อ
เท้าเรียวย่ำไปบนผืนหญ้ามุ่งตรงไปทางหนึ่งก็พบกับใครบางคนที่นั่งหันแผ่นหลังซึ่งอาโปนั้นคุ้นตาเป็นอย่างดี
“ตรัย” น้ำเสียงของอาโปสั่น
“มานั่งตรงนี้สิที่รัก”
ร่างสูงตบลงบนผืนหญ้า
อาโปก้าวขาที่สั่นระริกไม่ใช่เพราะความกลัวแต่มันคือความดีใจที่ได้เจอตรัยภูมิอีกครั้ง
อาโปทิ้งตัวนั่งลงบนผืนหญ้าข้างชายหนุ่ม
“สบายดีหรือเปล่า”
ร่างบางส่ายหน้าความรู้สึกตอนนี้มันหน่วงไปหมด
มือหนาของตรัยลูบเลือนผมของอาโปอย่างอ่อนโยน
“อย่ารู้สึกผิดอีกเลยนะ อาโป”
“ฮึก...ขอโทษเค้าขอโทษ ฮือ”
อาโปร้องไห้สะอื้นในลำคอจนตัวโยนไปหมด
มือหนาของชายตรงหน้าลูบผมเพื่อปลอบเหมือนเช่นทุกครั้ง
“ไม่ร้องสิคนดี
เลิกรู้สึกผิดตอนนี้ตัวเองมีคนที่ต้องดูแลนะ” ชายหนุ่มมองไปที่หน้าท้องของร่างบาง
“ลืมความทุกข์นั้นให้หมดนะ ตรัยไม่เคยถือโกรธ”
อาโปนั่งฟังปล่อยน้ำตาแห่งความรู้สึกผิดที่มันท่วมท้น
“ขอโทษ ฮึก...ขอโทษ”
“ดูแลเด็กคนนี้ให้ดีๆนะ
เขาจะพาตัวไปในสิ่งที่ดีเอง หมดเวลาของเค้าแล้ว”
“ฮึก ไม่ อย่า...อย่าเพิ่งไป”
ร่างของตรัยภูมิอันตธานหายไปกับลมและร่างของอาโปก็สะดุ้งพรวดขึ้นมาพบกับความมืดของห้องและมีเสียงน้ำทะเลที่ซัดสาดเข้าชายฝั่ง
ร่างบางหลับตาปล่อยให้น้ำตาล่วงรินไหลมาไม่หยุดหย่อนมือบางลูบหน้าท้องของตัวเองอย่างแผ่วเบาและนึกถึงคำพูดของตรัยภูมิยิ่งทำให้เขาร้องไห้
ต่อ
อาโปเลือกที่จะไม่นอนเดินออกมาจากบ้านพักตากอากศของติณฑ์มุ่งตรงไปยังชายหาดที่ตอนนี้น้ำกำลังขึ้นยังไม่มีทีท่าว่าจะลง
ร่างบางก้าวขาเรียวเพื่อเหยียบย่ำทรายหยาบใต้เท้าเดินเรียบไปเรื่อยๆ
อย่างไร้จุดหมายจนพระอาทิตย์เริ่มขึ้นแสงสว่างจากท้องฟ้าเริ่มเป็นสีส้มนวลเป๊นสัญญาณว่าอีกไม่กี่เพลาสายัณห์จะมาเยือนท้องฟ้าแล้ว
พระพายที่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าเพียงเพราะมีความรู้สึกอะไรสักอย่างเวลาที่แฝดมักส่งสัญญาณหากัน
พระพายค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงนอนช้าๆไปที่ห้องนอนของพี่ชายของตัวเอง
ร่างบางผลักประตูเข้าไปร่างกายผอมบางปะทะกับอุณหภูมิแอร์ที่เย็นเฉียบ ก็พบว่าเตียงนั้นว่างเปล่าพระพายจึงรีบเดินออกไปตามหาพี่ชายข้างนอกแทน
“อาโป พี่อาโป” พระพายเดินเรียกหาตามชายหาดแต่ก็ไม่เจอ
ร่างบางเริ่มกระวนกระวายใจ
เมื่อเดินไปตามชายหาดเรื่อยๆก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอพี่ชายของเขาเลยสักนิด
จนกระทั่งพระพายตัดสินใจขึ้นไปที่หลุมฝังศพของตรัยภูมิ
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งขึ้นไปทันที...เมื่อไปถึงก็พบว่าอาโปนั้นกำลังกอดกับโกศนั้นอย่างน่าสงสาร
พระพายรีบเดินเข้าไปหาพี่ชายทันทีพร้อมกอดเอาไว้
“ฮึก พระพาย พี่ไม่ควรมีชีวิตอยู่ ฮึก
พี่ ฮือ” อาโปปล่อยโฮกับน้องชาย มือบางลูบเรือนผมสีน้ำตาลเข้มเบาๆ
“พี่อย่าทำแบบนั้นนะ
ตรัยก็คงไม่อยากให้พี่ทำนะ อาโป”
ติณฑ์ที่ตื่นขึ้นมาร่างหนาพยายามที่จะหาคนตัวเล็กเพื่อสวมกอดแต่ทว่า...กลับพบแต่ความว่างเปล่า
ร่างหนาเด้งตัวขึ้นมาก็ไม่เหห็นตัวของคนรักของตัวเองจึงรีบเดินมุ่งออกไปจากบ้านพักตากอากาศจากนั้นจะถามคนงานที่เดินผ่านไปผ่านมาแต่ก็ไม่มีใครเห็น
จนผ่านไปเจอกับไม้
“ไอ้ไม้ เอ็งเห็นพระพายเขาหรือเปล่า” ไม้พยายามนึก
“ไม่เห็นเลยนายหัว ให้ผมไปตามไหม”
“เดี๋ยวมึงขึ้นไปที่โกศของตรัย
อาจจะอยู่ที่นั่น”
เมื่อเห็นว่าดังนั้นร่างสูงของทั้งสองคนรีบไปที่หลุมฝังศพของตรัยภูมิ
เมื่อเดินขึ้นไปถึงก็เห็นว่าพระพายและอาโปนั้นนั่งอยู่ข้างโกศของน้องชายตัวเอง
อาโปที่เงยหน้ามาแต่ทว่าสายตากลับพร่าเลือนจากนั้นสติจะดูบวูบลงซบที่ไหล่น้องชาย
พระพายที่พยายามประคองร่างพี่ชายเมื่อเห็นดังนั้นติณฑ์รีบเข้าไปช่วยคนรักพยุงอาโปทันที
โดยไม้นั้นอาสาอุ้มอาโปกลับไปที่พัก
พระพายเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับพี่ชายของตัวเอง...โดยมีป้าอรเป็นคนช่วยด้วย
พระพายใช้ผ้าชุบน้ำที่บิดหมาดๆ
โป๊ะลงบนหน้าผากของอาโปเมื่อรับรู้ว่ามีไข้เพียงอ่อนๆ
ร่างบางของพระพายปล่อยให้พี่ชายของตัวเองนอนพักก่อนจะมานั่งปรับทุกข์กับคนรักตรงด้านนอก
“พี่ติณฑ์ครับ
พี่เหนื่อยกับผมไหม” ร่างสูงส่ายหน้าพร้อมดึงร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนแกร่ง
ช่วงเย็นพระพายกับป้าอรเตรียมอาหารเย็นกันโดยมื้อนี้กะว่าจะนั่งทานกันริมหาดเพื่อรับลมทะเลในตอนช่วงหัวค่ำ
อาโปที่เดินเข้ามาช่วยน้องตอนนี้ร่างบางมีอาการดีขึ้น
“พี่โป ไม่ต้องช่วยหรอกไปนั่งเถอะครับ”
พระพายรีบพยุงร่างของพี่ชายไปที่เก้าอี้
“ไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันโอเคขึ้นแล้ว”
พระพายยังไงก็ไม่ยอมให้อาโปได้หยิบจับอะไรทั้งสิ้น
อาหารทุกอย่างทุกจัดวางไว้ตรงโต๊ะที่จัดไว้ตรงหน้าบ้าน
บรรยากาศกลิ่นทะเลและพระจันทร์สีนวลที่เพิ่งขึ้นอาหารทะเลหลายอย่างถูกนำมาวางอย่างประปรายโดยฝีมือล้วนเป็นของพระพายและป้าอรทั้งสิ้น
“หวังว่าผมจะมาทันอาหารเย็นใช่ไหมครับ”
เสียงของใครบางคนทำให้ทุกคนหันไปมองก็พบว่าเป็น จักรที่ถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่พร้อมกับรอยยิ้มที่มองไปยังคนตัวเล็กที่หน้าบูดบึ้งเมื่อรู้ว่าเขานั้นตามมา
“มาทำไมคะ” ใครเชิญกัน
กุญแจถามคนตัวโตกว่า
“เมียพี่อยู่ที่ไหน พี่ก็ต้องอยู่ที่นั่นสิคะ”
คำหยอดของจักรทำเอาฝ่ามือเรียวของกุญแจฟาดที่ท่อนแขนแกร่ง
“เมียบ้าเมียบออะไรของคุณกัน”
“เบาหน่อยจ้า...มงเมียอะไรกูพี่เขยมึงนะเว้ย”
ติณฑ์ให้ไม้ยกของเพื่อนไปเก็บที่ห้องแล้วค่อยให้ลงมากินด้วยกัน
จนเวลาผ่านไปเวลาของมื้ออาหารเย็นหมดไปอาโปเป็นคนจัดการจัดที่ระเกะระกะอยู่บนโต๊ะกับป้าอรนำไปไว้ที่ซิงค์ล้างจาน
พระพายนั้นก็ช่วยเช่นกันจนเสร็จทุกอย่างหมดแล้วอาโปก็เดินไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นเพื่อหาอะไรทำแก้เบื่อ
ตอนนี้เหมือนทุกสิ่งอย่างของอาโปมันปลดล็อกทุกอย่างตอนนี้อาโป ธารธารา
มีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวนั้นคือเพื่อลูกของเขาเท่านั้น
มือบางลูบไปยังหน้าท้องที่ยังไม่มีความเด่นชัดมากนัก
พระพายที่เดินมาพร้อมกับนมสดแก้วหนึ่งพร้อมยื่นให้กับพี่ชายฝาแฝด
“ขอบใจแกมากนะ พระพาย”
ร่างบางระบายยิ้มออกมา
“ไม่ต้องขอบใจพระพายหรอกน่า นี่หลานผมนะ”
มือของพระพายสัมผัสหน้าท้องแบนของอาโป
อาโปดื่มนมแก้วนั้นจนหมดแก้วทำให้พระพายสบายใจมากขึ้น
ส่วนอีกทางด้านหนึ่งของหนุ่มๆที่กำลังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์กันอยู่ที่โต๊ะหน้าหาด
โดยมีเรื่องปรึกษากันทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวโดยเฉพาะจุลจักรที่ไม่รู้จะต้องทำยังไงในเมื่อกุญแจอดีตแฟนของเขาไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาได้เลยสักนิด
“อีกประมาณอีกสองอาทิตย์กูจะให้แม่กูขึ้นมาเพื่อคุยกันเรื่องแต่งงานอย่างเป็นเรื่องเป็นราวสักที”
“มึงก็อดทนกับนิสัยดื้อรั้นของกุญแจมันหน่อยแล้วกัน
มึงต้องให้เวลาน้องสักนิดกูเชื่อว่าแจยังรักมึงอยู่
แต่ที่ไม่ยอมรับเพราะน้องกูนั้นสร้างกำแพงเพราะเคยเจ็บกับมึงมา”
“ถ้าน้องหายโกรธกูเมื่อไหร่จะไม่มีวันไหนที่กูจะทำให้เขาร้องไห้เพราะความทุกข์เลย”
จุลจักรพูดต่อหน้าพี่เขยอย่างเพื่อนสนิท
“ก็ดี กุญแจเป็นน้องสาวที่กูรักมากนะ ถ้ามึงดูแลน้องกูได้มันก็หายห่วง”
“ตอนนี้มึงกับพระพายเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดี แต่ช่วงนี้มันมีแต่ปัญหาแต่กูก็จะเคียงข้างน้องแบบนี้แหละ
แม้กูจะช่วยอะไรไม่ได้เยอะแต่ก็ขอแค่กูรับรู้ความรู้สึกและเป็นคนทำให้เขารู้สึกดีก็พอ”
“ถ้าเรื่องอะไรมันเรียบร้อยกูจะขอน้องแต่งงานอย่างจริงจัง”
“แล้วมึงจะทำยังไงกับโรสที่ยังวนเวียนอยู่ในชีวิตของมึง”
จักรถาม
“กูกับเขาเรื่องมันจบไปนานแล้ว
เขาจะเข้ามาทำลายความสัมพันธ์กูกับน้องก็คงไม่ยอมเหมือนกัน”
ติณฑ์เอ่ยอย่างหนักแน่น
ดึกสงัด...กุญแจที่สวมชุดนอนผ้าบางกำลังจะเตรียมที่จะนอนแต่ทว่าเสียงเคาะประตูห้องจากด้านนอกทำให้ร่างบางเดินไปเปิดเพราะคิดว่าเป็นพระพายเพื่อนรักของเธอ
แกร๊ก...
“อื้อ...”
ร่างหนาของจุลจักรที่ถาโถมเข้ามาหาร่างเล็กจนกุญแจเกือบตั้งรับไม่ทันแล้วเกือบล้ม
จักรมีอาการมึนเมากลิ่นแอลกอฮอร์ที่แยงจมูกเชิดสวยนั้นทำให้ร่างบางดันคนตัวโตกว่าออกห่าง
“คุณเมาแล้วทำไมไม่กลับห้อง
ออกไปจากห้องแจเดี๋ยวนี้เลยนะ” ร่างหนายืนนิ่งไม่ยอมออกไป
แต่ทว่าร่างหนากับทรุดลงที่พื้นจนกุญแจตกใจ
รีบพยุงไปที่เตียงอย่างช่วยไม่ได้ กุญแจพาจุลจักรมาที่เตียงด้วยความทุลักทุเล
เขาโยนร่างหนาลงบนเตียงก่อนจะแกะกระดุมเสื้อให้คนตัวโตหายใจสะดวกขึ้น
มานานนักร่างบางก็มาพร้อมกับกาละมังเล็กๆ
และผ้าขนหนูเพื่อจะมาเช็ดตัวให้คนตัวโตมือบางใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ
แล้วเช็ดไปตามใบหน้าคมเข้ม ใบหน้าหมวยหยุดชะงักเมื่อจู่ๆ
ความคิดในอดีตมันกลับเข้ามา
‘แจรักพี่จักรน้า’ ฟอดดด ร่างบางก้มลงหอมแก้มสากของแฟนหนุ่มอย่างเต็มรัก
‘พี่ก็รักหนูค่ะ’ จักรกระชับอ้อมแขนแกร่งให้ร่างบางจมอกของเขา
ร่างบางละมือก่อนจะเปลี่ยนไปนำกะละมังจะไปเก็บแต่ทว่ามือหนาของคนที่นอนเมาอยู่บนเตียงนุ่มคว้าข้อมือเรียวของเขาเอาไว้
“อย่าทิ้งพี่ไปไหนอีกได้ไหมคะ
กุญแจ พี่รักหนูนะ” มือหนาบีบข้อมือของเธอราวกับว่ามันจะหายไป
“แจ...”
ร่างบางพยายามจะแกะข้อมือแต่ยิ่งแกะจุลจักรยิ่งบีบแน่นจนเธอทำอะไรไม่ได้
คืนนี้เธอคงต้องยอมนอนข้างเขาตอนนี้เพราะยิ่งแกะมือหนานี้ยิ่งบีบไม่มีคลายเลยด้วยซ้ำ
อีกทางด้านของห้องนอนใหญ่ติณฑ์ที่เดินเข้าไปในห้องก็เห็นว่ามีแสงไฟที่เดียวคือที่หัวเตียงที่น้องเปิดให้เขาทิ้งไว้
ร่างหนาระบายยิ้มเขาเดินไปอาบน้ำจากนั้นจะกลับมาที่เตียงลำแขนแกร่งยื่นไปปิดโคมไฟบนหัวนอน
คนตัวเล็กที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาก็ลืมตามองร่างหนาของติณฑ์ที่กำลังจะล้มตัวนอน
“พี่ทำเราตื่นเหรอ”
“เปล่าครับ
นอนเถอะครับฝันดีนะ” จินยองระบายยิ้มมุมปากจากนั้นจะปิดเปลือกตาสีไข่ลง
ตอนเช้าตรู่แสงแรกของวันพักผ่อนสาดเข้ามาทางระเบียงห้องมาโดนสองร่างที่นอนกอดกันใต้ผ้าห่มผืนหนาติณฑ์ที่นอนซุกลำคอของคนรักพร้อมมือหนาที่ก่ายเอวบาง
เปลือกตาสีไข่ค่อยๆลืมตามาพบกับเช้าวันใหม่พร้อมกับอาการที่หนักอยู่บนลำตัว
พระพายเหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าจึงตัดสินใจที่จะลุกขึ้นมาเพื่อที่จะเตรียมอาหารให้กับทุกคน
เขาค่อยยกแขนแกร่งของติณฑ์ขึ้นช้าๆ
กลัวว่าคนตัวโตจะตื่นร่างบางเดินไปที่ห้องอาบน้ำ ใช้เวลาไม่นานก็เปลี่ยนเป็นชุดที่ใส่อยู่บ้านเดินลงมาที่ครัว
“ป้าอรครับ
อันนี้ขั้นตอนต่อไปต้องทำอะไรต่อไป”
เสียงของอาโปที่ดังออกมาจากครัวจนทำให้พระพายอดแปลกใจไม่ได้ เขายืนมองเงียบๆอยู่ที่โซนเคาน์เตอร์โดยไม่ให้ทั้งสองคนรู้ตัว
“เสร็จแล้วคุณก็นำแครอทหั่นเต๋าใส่ลงไปค่ะ
พร้อมกับหัวหอมนำไปผัดให้หอมค่ะ” ป้าอรสอนโดยมีลูกมืออย่างอาโปนั้นทำตามอย่างง่ายดาย
อาโปนั้นทำกับข้าวได้ไม่กี่อย่างเท่านั้นซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเมนูง่ายๆ แต่การทำสตูว์นั้นก็ยากสำหรับเขาเหมือนกัน
จนเสร็จขั้นตอนจนถึงนำมันมาเคี่ยว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
พระพายใช้มือเคาะกำแพงเรียกคนที่ยืนทำครัวให้รู้ตัว
ป้าอรยิ้มให้เธอส่วนอาโปกำลังขะมักเขม้นกับการทำสตูว์เช้านี้
“กลิ่มหอมคลุ้งไปทั่วบ้านเลยนะครับ”
“ป้าสอนคุณอาโปทำสตูว์เนื้อค่ะ
คุณพระพายลองมาชิมดูไหมคะ”
“ได้ครับ
เดี๋ยวผมชิมให้” พระพายยิ้ม
จากนั้นจนสตูว์เนื้อเคี่ยวจนได้ที่พระพายจึงเป็นคนชิมปรากฎว่าอาโปพี่ชายของเขาก็มีฝีมือในด้านทำอาหารเหมือนกัน
ร่างบางยกนิ้วโป้งบอกว่าอร่อยมาก ทำให้คนที่ถูกเอ่ยชมนั้นยิ้มอย่างพอใจ
สาเหตุที่อาโปตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพราะว่าตัวเองนั้นอยากกินและอีกอย่างหนึ่งสตูว์เนื้อนั้นเป็นของโปรดของ...ตรัยภูมินั่นเอง
เตียงกว้างขนาดใหญ่ดูแคบลงทันตาเมื่อมีร่างหนามานอนอยู่กุญแจที่นอนซบหน้าอกแกร่งอย่างเผลอใผลไปตอนไหนก็ไม่ทราบ จุลจักรที่ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองถึงขั้นเมาจนขึ้นมานอนกับน้องก็นึกดีใจที่น้องไม่ได้ไล่ตะเพิดเขาออกไป มือหนาช้อนศีรษะของน้องไปวางบนหมอน ใบหน้าหวานที่นอนหลับสนิทเปลือกตาสีไข่ปิดสนิทของคนตรงหน้าเขา มองมันอย่างไม่ยอมละสายตา
จนกระทั่งสายตาหวานตื่นขึ้นมาพร้อมกับใครบางคนที่นอนจ้องเธออย่างไม่ยอมละสายตาทำให้เธอผงกหัวขึ้นตื่นจากที่นอนอยู่ทันที
“ทำไมตื่นแล้วทำไมไม่กลับห้องคะ”
เธอเอ่ยน้ำเสียงนิ่ง แต่ภายใจใจนั้นใจเต้นโครมครามด้วยความเขิน
“พี่อยากมองหน้าหนูค่ะ”
“ไม่ต้องมาเรียกแจว่าหนูเลยนะ
พี่ออกไปจากห้องแจได้แล้วแจจะลุกแล้ว”
ร่างหนายอมลุกจากเตียงแต่โดยดี
กุญแจจึงลุกบ้างแต่ทว่าชุดนอนบางที่มันโต้แดดในยามเช้านั้นทำเอาจุลจักรเผลอกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่
จนร่างบางของกุญแจรีบสำรวจร่างกายของตัวเองก็พบว่าชุดนอนของเธอนั้นโคตรจะบางจึงรีบไล่คนตรงหน้าให้ออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้
“คนบ้า
คนผีทะเล ออกไปจากห้องแจเดี๋ยวนี้เลยนะ”
มือเรียวปาหมอนโยนใส่คนตัวโตจนจุลจักรออกไป
กุญแจบอกกับตัวเองว่าชุดนี้เธอจะเอามันทิ้งแน่ๆ อายจะบ้าตายอยู่แล้ว
โรงพยาบาล XXXX
ลูกน้องของรฐนนท์เดินทางมาโรงพยาบาลแต่เช้าตามที่เจ้านายสั่งร่างหนาขอข้อมูลคนไข้ที่ชื่อว่า
ธารธารา หิรัญธกูล
คราแรกพยาบาลไม่ยอมให้ข้อมูลเนื่องจากจรรณยาบรรณต่ออาชีพและการถูกอบรมในด้านนี้มา
“ผมขอข้อมูลการรักษาของธารธารา
หิรัญธกูลครับ” ร่างหนาในชุดสูธสีดำเลิ่กแว่นขึ้นเล็กน้อย
“ทางเราไม่สามารถเปิดข้อมูลของคนไข้ให้ทราบได้จริงๆค่ะ”
“แต่ทางเราจำเป็นนะครับคุณพยาบาล”
“ไม่ได้จริงๆค่ะ”
เธอจึงทำเป็นว่ายุ่งอยู่เพื่อให้ชายตรงหน้านั้นยอมเดินละจากไป
คนของรฐนนท์ไม่ได้ถอดใจจนกระทั่งเขาเดินไปเรื่อยๆ
จนถึงพนักงานฝ่ายเวชทะเบียนกำลังขนแฟ้มเอกสารไปเก็บไว้ที่ห้องของคุณหมอในแผนกผดุงครรภ์
ซึ่งสายตาจ้องกองแฟ้มนั้นอย่างอยากรู้
ภายในคืนนั้นคนของรฐนนท์ปลอมตัวเป็นหมอของโรงพยาบาลนั้นไปที่ห้องเก็บแฟ้มทะเบียนของคนไข้และหาชื่อของคนที่นายของเขาต้องการให้หา
มือหนาเปิดตู้เก็บเอกสารและค้นเอกสารใช้เวลาเกือบหลายชั่วโมงกว่าจะหาเจอจนพบกับแฟ้มแผนกฝากครรภ์แม่และเด็กมีชื่อของคนที่นายต้องการ
ร่างหนาจึงตัดสินใจหยิบไปให้เจ้านายของเขาในทันที
และโทรรายงานหลังจากที่ภารกิจนั้นเสร็จสิ้น
“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับท่าน” (ฉันจะกลับจากจีนในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้เตรียมมันมาให้ฉันด้วย) “รับทราบครับท่าน”
มาแล้ว...มาลุ้นกันตอนหน้าละกันเนาะว่ารฐนนท์จะรู้สึกยังไง
ส่วนนังโรสยังอยู่นะคะทุกคนนางยังไม่แผลงฤทธิ์แกล้งนายเอกของเรา
ขอบคุณที่ยังรอฟิคไบโพล่าของเราจริงๆ คิดถึงกันรู้หรอกน่าาาา อิอิ ไว้เจอกันตอนหน้า
ความคิดเห็น