ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END ทัณฑ์รัก ในเพลิงแค้น (BNIOR)

    ลำดับตอนที่ #31 : Everything I Do (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.39K
      231
      3 พ.ค. 62

    Chapter 25

    Everything I Do


     




              ร่างบางของอาโปกำลังเดินย่ำอยู่บนทุ่งกว้างซึ่งไม่รู้ว่าที่ที่ตัวเองอยู่นั้นคือที่ไหน ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเปล่งประกายสดใสและเหล่ามวลดอกไม้ที่บานเปล่งปลั่งแข่งกันชูช่อ เท้าเรียวย่ำไปบนผืนหญ้ามุ่งตรงไปทางหนึ่งก็พบกับใครบางคนที่นั่งหันแผ่นหลังซึ่งอาโปนั้นคุ้นตาเป็นอย่างดี

              “ตรัย” น้ำเสียงของอาโปสั่น

              “มานั่งตรงนี้สิที่รัก” ร่างสูงตบลงบนผืนหญ้า

              อาโปก้าวขาที่สั่นระริกไม่ใช่เพราะความกลัวแต่มันคือความดีใจที่ได้เจอตรัยภูมิอีกครั้ง อาโปทิ้งตัวนั่งลงบนผืนหญ้าข้างชายหนุ่ม

              “สบายดีหรือเปล่า” ร่างบางส่ายหน้าความรู้สึกตอนนี้มันหน่วงไปหมด

    มือหนาของตรัยลูบเลือนผมของอาโปอย่างอ่อนโยน

              “อย่ารู้สึกผิดอีกเลยนะ อาโป”

              “ฮึก...ขอโทษเค้าขอโทษ ฮือ” อาโปร้องไห้สะอื้นในลำคอจนตัวโยนไปหมด มือหนาของชายตรงหน้าลูบผมเพื่อปลอบเหมือนเช่นทุกครั้ง

              “ไม่ร้องสิคนดี เลิกรู้สึกผิดตอนนี้ตัวเองมีคนที่ต้องดูแลนะ” ชายหนุ่มมองไปที่หน้าท้องของร่างบาง

              “ลืมความทุกข์นั้นให้หมดนะ ตรัยไม่เคยถือโกรธ” อาโปนั่งฟังปล่อยน้ำตาแห่งความรู้สึกผิดที่มันท่วมท้น

              “ขอโทษ ฮึก...ขอโทษ”

              “ดูแลเด็กคนนี้ให้ดีๆนะ เขาจะพาตัวไปในสิ่งที่ดีเอง หมดเวลาของเค้าแล้ว”

              “ฮึก ไม่ อย่า...อย่าเพิ่งไป”

              ร่างของตรัยภูมิอันตธานหายไปกับลมและร่างของอาโปก็สะดุ้งพรวดขึ้นมาพบกับความมืดของห้องและมีเสียงน้ำทะเลที่ซัดสาดเข้าชายฝั่ง ร่างบางหลับตาปล่อยให้น้ำตาล่วงรินไหลมาไม่หยุดหย่อนมือบางลูบหน้าท้องของตัวเองอย่างแผ่วเบาและนึกถึงคำพูดของตรัยภูมิยิ่งทำให้เขาร้องไห้





    ต่อ




                        อาโปเลือกที่จะไม่นอนเดินออกมาจากบ้านพักตากอากศของติณฑ์มุ่งตรงไปยังชายหาดที่ตอนนี้น้ำกำลังขึ้นยังไม่มีทีท่าว่าจะลง ร่างบางก้าวขาเรียวเพื่อเหยียบย่ำทรายหยาบใต้เท้าเดินเรียบไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายจนพระอาทิตย์เริ่มขึ้นแสงสว่างจากท้องฟ้าเริ่มเป็นสีส้มนวลเป๊นสัญญาณว่าอีกไม่กี่เพลาสายัณห์จะมาเยือนท้องฟ้าแล้ว

              พระพายที่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าเพียงเพราะมีความรู้สึกอะไรสักอย่างเวลาที่แฝดมักส่งสัญญาณหากัน พระพายค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงนอนช้าๆไปที่ห้องนอนของพี่ชายของตัวเอง ร่างบางผลักประตูเข้าไปร่างกายผอมบางปะทะกับอุณหภูมิแอร์ที่เย็นเฉียบ ก็พบว่าเตียงนั้นว่างเปล่าพระพายจึงรีบเดินออกไปตามหาพี่ชายข้างนอกแทน

              “อาโป พี่อาโป” พระพายเดินเรียกหาตามชายหาดแต่ก็ไม่เจอ ร่างบางเริ่มกระวนกระวายใจ

              เมื่อเดินไปตามชายหาดเรื่อยๆก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอพี่ชายของเขาเลยสักนิด จนกระทั่งพระพายตัดสินใจขึ้นไปที่หลุมฝังศพของตรัยภูมิ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งขึ้นไปทันที...เมื่อไปถึงก็พบว่าอาโปนั้นกำลังกอดกับโกศนั้นอย่างน่าสงสาร พระพายรีบเดินเข้าไปหาพี่ชายทันทีพร้อมกอดเอาไว้

              “ฮึก พระพาย พี่ไม่ควรมีชีวิตอยู่ ฮึก พี่ ฮือ” อาโปปล่อยโฮกับน้องชาย มือบางลูบเรือนผมสีน้ำตาลเข้มเบาๆ

              “พี่อย่าทำแบบนั้นนะ ตรัยก็คงไม่อยากให้พี่ทำนะ อาโป”

              ติณฑ์ที่ตื่นขึ้นมาร่างหนาพยายามที่จะหาคนตัวเล็กเพื่อสวมกอดแต่ทว่า...กลับพบแต่ความว่างเปล่า ร่างหนาเด้งตัวขึ้นมาก็ไม่เหห็นตัวของคนรักของตัวเองจึงรีบเดินมุ่งออกไปจากบ้านพักตากอากาศจากนั้นจะถามคนงานที่เดินผ่านไปผ่านมาแต่ก็ไม่มีใครเห็น จนผ่านไปเจอกับไม้

              “ไอ้ไม้ เอ็งเห็นพระพายเขาหรือเปล่า” ไม้พยายามนึก

              “ไม่เห็นเลยนายหัว ให้ผมไปตามไหม”

              “เดี๋ยวมึงขึ้นไปที่โกศของตรัย อาจจะอยู่ที่นั่น”

              เมื่อเห็นว่าดังนั้นร่างสูงของทั้งสองคนรีบไปที่หลุมฝังศพของตรัยภูมิ เมื่อเดินขึ้นไปถึงก็เห็นว่าพระพายและอาโปนั้นนั่งอยู่ข้างโกศของน้องชายตัวเอง อาโปที่เงยหน้ามาแต่ทว่าสายตากลับพร่าเลือนจากนั้นสติจะดูบวูบลงซบที่ไหล่น้องชาย พระพายที่พยายามประคองร่างพี่ชายเมื่อเห็นดังนั้นติณฑ์รีบเข้าไปช่วยคนรักพยุงอาโปทันที โดยไม้นั้นอาสาอุ้มอาโปกลับไปที่พัก

              พระพายเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับพี่ชายของตัวเอง...โดยมีป้าอรเป็นคนช่วยด้วย พระพายใช้ผ้าชุบน้ำที่บิดหมาดๆ โป๊ะลงบนหน้าผากของอาโปเมื่อรับรู้ว่ามีไข้เพียงอ่อนๆ

              ร่างบางของพระพายปล่อยให้พี่ชายของตัวเองนอนพักก่อนจะมานั่งปรับทุกข์กับคนรักตรงด้านนอก

                        “พี่ติณฑ์ครับ พี่เหนื่อยกับผมไหม” ร่างสูงส่ายหน้าพร้อมดึงร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนแกร่ง

              ช่วงเย็นพระพายกับป้าอรเตรียมอาหารเย็นกันโดยมื้อนี้กะว่าจะนั่งทานกันริมหาดเพื่อรับลมทะเลในตอนช่วงหัวค่ำ อาโปที่เดินเข้ามาช่วยน้องตอนนี้ร่างบางมีอาการดีขึ้น

              “พี่โป ไม่ต้องช่วยหรอกไปนั่งเถอะครับ” พระพายรีบพยุงร่างของพี่ชายไปที่เก้าอี้

              “ไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันโอเคขึ้นแล้ว”

              พระพายยังไงก็ไม่ยอมให้อาโปได้หยิบจับอะไรทั้งสิ้น อาหารทุกอย่างทุกจัดวางไว้ตรงโต๊ะที่จัดไว้ตรงหน้าบ้าน บรรยากาศกลิ่นทะเลและพระจันทร์สีนวลที่เพิ่งขึ้นอาหารทะเลหลายอย่างถูกนำมาวางอย่างประปรายโดยฝีมือล้วนเป็นของพระพายและป้าอรทั้งสิ้น

              “หวังว่าผมจะมาทันอาหารเย็นใช่ไหมครับ” เสียงของใครบางคนทำให้ทุกคนหันไปมองก็พบว่าเป็น จักรที่ถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่พร้อมกับรอยยิ้มที่มองไปยังคนตัวเล็กที่หน้าบูดบึ้งเมื่อรู้ว่าเขานั้นตามมา

              “มาทำไมคะ” ใครเชิญกัน กุญแจถามคนตัวโตกว่า

              “เมียพี่อยู่ที่ไหน พี่ก็ต้องอยู่ที่นั่นสิคะ” คำหยอดของจักรทำเอาฝ่ามือเรียวของกุญแจฟาดที่ท่อนแขนแกร่ง

              “เมียบ้าเมียบออะไรของคุณกัน”

              “เบาหน่อยจ้า...มงเมียอะไรกูพี่เขยมึงนะเว้ย” ติณฑ์ให้ไม้ยกของเพื่อนไปเก็บที่ห้องแล้วค่อยให้ลงมากินด้วยกัน

              จนเวลาผ่านไปเวลาของมื้ออาหารเย็นหมดไปอาโปเป็นคนจัดการจัดที่ระเกะระกะอยู่บนโต๊ะกับป้าอรนำไปไว้ที่ซิงค์ล้างจาน พระพายนั้นก็ช่วยเช่นกันจนเสร็จทุกอย่างหมดแล้วอาโปก็เดินไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นเพื่อหาอะไรทำแก้เบื่อ ตอนนี้เหมือนทุกสิ่งอย่างของอาโปมันปลดล็อกทุกอย่างตอนนี้อาโป ธารธารา มีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวนั้นคือเพื่อลูกของเขาเท่านั้น

              มือบางลูบไปยังหน้าท้องที่ยังไม่มีความเด่นชัดมากนัก พระพายที่เดินมาพร้อมกับนมสดแก้วหนึ่งพร้อมยื่นให้กับพี่ชายฝาแฝด

              “ขอบใจแกมากนะ พระพาย” ร่างบางระบายยิ้มออกมา

              “ไม่ต้องขอบใจพระพายหรอกน่า นี่หลานผมนะ” มือของพระพายสัมผัสหน้าท้องแบนของอาโป อาโปดื่มนมแก้วนั้นจนหมดแก้วทำให้พระพายสบายใจมากขึ้น

              ส่วนอีกทางด้านหนึ่งของหนุ่มๆที่กำลังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์กันอยู่ที่โต๊ะหน้าหาด โดยมีเรื่องปรึกษากันทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวโดยเฉพาะจุลจักรที่ไม่รู้จะต้องทำยังไงในเมื่อกุญแจอดีตแฟนของเขาไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาได้เลยสักนิด

              “อีกประมาณอีกสองอาทิตย์กูจะให้แม่กูขึ้นมาเพื่อคุยกันเรื่องแต่งงานอย่างเป็นเรื่องเป็นราวสักที”

              “มึงก็อดทนกับนิสัยดื้อรั้นของกุญแจมันหน่อยแล้วกัน มึงต้องให้เวลาน้องสักนิดกูเชื่อว่าแจยังรักมึงอยู่ แต่ที่ไม่ยอมรับเพราะน้องกูนั้นสร้างกำแพงเพราะเคยเจ็บกับมึงมา”

              “ถ้าน้องหายโกรธกูเมื่อไหร่จะไม่มีวันไหนที่กูจะทำให้เขาร้องไห้เพราะความทุกข์เลย” จุลจักรพูดต่อหน้าพี่เขยอย่างเพื่อนสนิท

              “ก็ดี กุญแจเป็นน้องสาวที่กูรักมากนะ ถ้ามึงดูแลน้องกูได้มันก็หายห่วง”

              “ตอนนี้มึงกับพระพายเป็นยังไงบ้าง”

              “ก็ดี แต่ช่วงนี้มันมีแต่ปัญหาแต่กูก็จะเคียงข้างน้องแบบนี้แหละ แม้กูจะช่วยอะไรไม่ได้เยอะแต่ก็ขอแค่กูรับรู้ความรู้สึกและเป็นคนทำให้เขารู้สึกดีก็พอ”

              “ถ้าเรื่องอะไรมันเรียบร้อยกูจะขอน้องแต่งงานอย่างจริงจัง”

              “แล้วมึงจะทำยังไงกับโรสที่ยังวนเวียนอยู่ในชีวิตของมึง” จักรถาม

              “กูกับเขาเรื่องมันจบไปนานแล้ว เขาจะเข้ามาทำลายความสัมพันธ์กูกับน้องก็คงไม่ยอมเหมือนกัน” ติณฑ์เอ่ยอย่างหนักแน่น






                   ดึกสงัด...กุญแจที่สวมชุดนอนผ้าบางกำลังจะเตรียมที่จะนอนแต่ทว่าเสียงเคาะประตูห้องจากด้านนอกทำให้ร่างบางเดินไปเปิดเพราะคิดว่าเป็นพระพายเพื่อนรักของเธอ

    แกร๊ก...

              “อื้อ...” ร่างหนาของจุลจักรที่ถาโถมเข้ามาหาร่างเล็กจนกุญแจเกือบตั้งรับไม่ทันแล้วเกือบล้ม จักรมีอาการมึนเมากลิ่นแอลกอฮอร์ที่แยงจมูกเชิดสวยนั้นทำให้ร่างบางดันคนตัวโตกว่าออกห่าง

              “คุณเมาแล้วทำไมไม่กลับห้อง ออกไปจากห้องแจเดี๋ยวนี้เลยนะ” ร่างหนายืนนิ่งไม่ยอมออกไป

              แต่ทว่าร่างหนากับทรุดลงที่พื้นจนกุญแจตกใจ รีบพยุงไปที่เตียงอย่างช่วยไม่ได้ กุญแจพาจุลจักรมาที่เตียงด้วยความทุลักทุเล เขาโยนร่างหนาลงบนเตียงก่อนจะแกะกระดุมเสื้อให้คนตัวโตหายใจสะดวกขึ้น

              มานานนักร่างบางก็มาพร้อมกับกาละมังเล็กๆ และผ้าขนหนูเพื่อจะมาเช็ดตัวให้คนตัวโตมือบางใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ แล้วเช็ดไปตามใบหน้าคมเข้ม ใบหน้าหมวยหยุดชะงักเมื่อจู่ๆ ความคิดในอดีตมันกลับเข้ามา

     

              แจรักพี่จักรน้าฟอดดด ร่างบางก้มลงหอมแก้มสากของแฟนหนุ่มอย่างเต็มรัก

              พี่ก็รักหนูค่ะจักรกระชับอ้อมแขนแกร่งให้ร่างบางจมอกของเขา

             

              ร่างบางละมือก่อนจะเปลี่ยนไปนำกะละมังจะไปเก็บแต่ทว่ามือหนาของคนที่นอนเมาอยู่บนเตียงนุ่มคว้าข้อมือเรียวของเขาเอาไว้

              “อย่าทิ้งพี่ไปไหนอีกได้ไหมคะ กุญแจ พี่รักหนูนะ” มือหนาบีบข้อมือของเธอราวกับว่ามันจะหายไป

              “แจ...” ร่างบางพยายามจะแกะข้อมือแต่ยิ่งแกะจุลจักรยิ่งบีบแน่นจนเธอทำอะไรไม่ได้ คืนนี้เธอคงต้องยอมนอนข้างเขาตอนนี้เพราะยิ่งแกะมือหนานี้ยิ่งบีบไม่มีคลายเลยด้วยซ้ำ






                   อีกทางด้านของห้องนอนใหญ่ติณฑ์ที่เดินเข้าไปในห้องก็เห็นว่ามีแสงไฟที่เดียวคือที่หัวเตียงที่น้องเปิดให้เขาทิ้งไว้ ร่างหนาระบายยิ้มเขาเดินไปอาบน้ำจากนั้นจะกลับมาที่เตียงลำแขนแกร่งยื่นไปปิดโคมไฟบนหัวนอน คนตัวเล็กที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาก็ลืมตามองร่างหนาของติณฑ์ที่กำลังจะล้มตัวนอน

              “พี่ทำเราตื่นเหรอ”

              “เปล่าครับ นอนเถอะครับฝันดีนะ” จินยองระบายยิ้มมุมปากจากนั้นจะปิดเปลือกตาสีไข่ลง

              ตอนเช้าตรู่แสงแรกของวันพักผ่อนสาดเข้ามาทางระเบียงห้องมาโดนสองร่างที่นอนกอดกันใต้ผ้าห่มผืนหนาติณฑ์ที่นอนซุกลำคอของคนรักพร้อมมือหนาที่ก่ายเอวบาง เปลือกตาสีไข่ค่อยๆลืมตามาพบกับเช้าวันใหม่พร้อมกับอาการที่หนักอยู่บนลำตัว พระพายเหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าจึงตัดสินใจที่จะลุกขึ้นมาเพื่อที่จะเตรียมอาหารให้กับทุกคน เขาค่อยยกแขนแกร่งของติณฑ์ขึ้นช้าๆ กลัวว่าคนตัวโตจะตื่นร่างบางเดินไปที่ห้องอาบน้ำ ใช้เวลาไม่นานก็เปลี่ยนเป็นชุดที่ใส่อยู่บ้านเดินลงมาที่ครัว

              “ป้าอรครับ อันนี้ขั้นตอนต่อไปต้องทำอะไรต่อไป” เสียงของอาโปที่ดังออกมาจากครัวจนทำให้พระพายอดแปลกใจไม่ได้ เขายืนมองเงียบๆอยู่ที่โซนเคาน์เตอร์โดยไม่ให้ทั้งสองคนรู้ตัว

              “เสร็จแล้วคุณก็นำแครอทหั่นเต๋าใส่ลงไปค่ะ พร้อมกับหัวหอมนำไปผัดให้หอมค่ะ” ป้าอรสอนโดยมีลูกมืออย่างอาโปนั้นทำตามอย่างง่ายดาย อาโปนั้นทำกับข้าวได้ไม่กี่อย่างเท่านั้นซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเมนูง่ายๆ แต่การทำสตูว์นั้นก็ยากสำหรับเขาเหมือนกัน จนเสร็จขั้นตอนจนถึงนำมันมาเคี่ยว

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

              พระพายใช้มือเคาะกำแพงเรียกคนที่ยืนทำครัวให้รู้ตัว ป้าอรยิ้มให้เธอส่วนอาโปกำลังขะมักเขม้นกับการทำสตูว์เช้านี้

              “กลิ่มหอมคลุ้งไปทั่วบ้านเลยนะครับ”

              “ป้าสอนคุณอาโปทำสตูว์เนื้อค่ะ คุณพระพายลองมาชิมดูไหมคะ”

              “ได้ครับ เดี๋ยวผมชิมให้” พระพายยิ้ม

              จากนั้นจนสตูว์เนื้อเคี่ยวจนได้ที่พระพายจึงเป็นคนชิมปรากฎว่าอาโปพี่ชายของเขาก็มีฝีมือในด้านทำอาหารเหมือนกัน ร่างบางยกนิ้วโป้งบอกว่าอร่อยมาก ทำให้คนที่ถูกเอ่ยชมนั้นยิ้มอย่างพอใจ สาเหตุที่อาโปตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพราะว่าตัวเองนั้นอยากกินและอีกอย่างหนึ่งสตูว์เนื้อนั้นเป็นของโปรดของ...ตรัยภูมินั่นเอง




              เตียงกว้างขนาดใหญ่ดูแคบลงทันตาเมื่อมีร่างหนามานอนอยู่กุญแจที่นอนซบหน้าอกแกร่งอย่างเผลอใผลไปตอนไหนก็ไม่ทราบ จุลจักรที่ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองถึงขั้นเมาจนขึ้นมานอนกับน้องก็นึกดีใจที่น้องไม่ได้ไล่ตะเพิดเขาออกไป มือหนาช้อนศีรษะของน้องไปวางบนหมอน ใบหน้าหวานที่นอนหลับสนิทเปลือกตาสีไข่ปิดสนิทของคนตรงหน้าเขา มองมันอย่างไม่ยอมละสายตา

              จนกระทั่งสายตาหวานตื่นขึ้นมาพร้อมกับใครบางคนที่นอนจ้องเธออย่างไม่ยอมละสายตาทำให้เธอผงกหัวขึ้นตื่นจากที่นอนอยู่ทันที

              “ทำไมตื่นแล้วทำไมไม่กลับห้องคะ” เธอเอ่ยน้ำเสียงนิ่ง แต่ภายใจใจนั้นใจเต้นโครมครามด้วยความเขิน

              “พี่อยากมองหน้าหนูค่ะ”

              “ไม่ต้องมาเรียกแจว่าหนูเลยนะ พี่ออกไปจากห้องแจได้แล้วแจจะลุกแล้ว”

              ร่างหนายอมลุกจากเตียงแต่โดยดี กุญแจจึงลุกบ้างแต่ทว่าชุดนอนบางที่มันโต้แดดในยามเช้านั้นทำเอาจุลจักรเผลอกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ จนร่างบางของกุญแจรีบสำรวจร่างกายของตัวเองก็พบว่าชุดนอนของเธอนั้นโคตรจะบางจึงรีบไล่คนตรงหน้าให้ออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้

              “คนบ้า คนผีทะเล ออกไปจากห้องแจเดี๋ยวนี้เลยนะ” มือเรียวปาหมอนโยนใส่คนตัวโตจนจุลจักรออกไป

              กุญแจบอกกับตัวเองว่าชุดนี้เธอจะเอามันทิ้งแน่ๆ อายจะบ้าตายอยู่แล้ว




    โรงพยาบาล XXXX

              ลูกน้องของรฐนนท์เดินทางมาโรงพยาบาลแต่เช้าตามที่เจ้านายสั่งร่างหนาขอข้อมูลคนไข้ที่ชื่อว่า ธารธารา หิรัญธกูล คราแรกพยาบาลไม่ยอมให้ข้อมูลเนื่องจากจรรณยาบรรณต่ออาชีพและการถูกอบรมในด้านนี้มา

              “ผมขอข้อมูลการรักษาของธารธารา หิรัญธกูลครับ” ร่างหนาในชุดสูธสีดำเลิ่กแว่นขึ้นเล็กน้อย

              “ทางเราไม่สามารถเปิดข้อมูลของคนไข้ให้ทราบได้จริงๆค่ะ”

              “แต่ทางเราจำเป็นนะครับคุณพยาบาล”

              “ไม่ได้จริงๆค่ะ” เธอจึงทำเป็นว่ายุ่งอยู่เพื่อให้ชายตรงหน้านั้นยอมเดินละจากไป

              คนของรฐนนท์ไม่ได้ถอดใจจนกระทั่งเขาเดินไปเรื่อยๆ จนถึงพนักงานฝ่ายเวชทะเบียนกำลังขนแฟ้มเอกสารไปเก็บไว้ที่ห้องของคุณหมอในแผนกผดุงครรภ์ ซึ่งสายตาจ้องกองแฟ้มนั้นอย่างอยากรู้

              ภายในคืนนั้นคนของรฐนนท์ปลอมตัวเป็นหมอของโรงพยาบาลนั้นไปที่ห้องเก็บแฟ้มทะเบียนของคนไข้และหาชื่อของคนที่นายของเขาต้องการให้หา มือหนาเปิดตู้เก็บเอกสารและค้นเอกสารใช้เวลาเกือบหลายชั่วโมงกว่าจะหาเจอจนพบกับแฟ้มแผนกฝากครรภ์แม่และเด็กมีชื่อของคนที่นายต้องการ ร่างหนาจึงตัดสินใจหยิบไปให้เจ้านายของเขาในทันที และโทรรายงานหลังจากที่ภารกิจนั้นเสร็จสิ้น

              “เสร็จเรียบร้อยแล้วครับท่าน”

              (ฉันจะกลับจากจีนในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้เตรียมมันมาให้ฉันด้วย)

              “รับทราบครับท่าน”










    มาแล้ว...มาลุ้นกันตอนหน้าละกันเนาะว่ารฐนนท์จะรู้สึกยังไง

    ส่วนนังโรสยังอยู่นะคะทุกคนนางยังไม่แผลงฤทธิ์แกล้งนายเอกของเรา

    ขอบคุณที่ยังรอฟิคไบโพล่าของเราจริงๆ คิดถึงกันรู้หรอกน่าาาา อิอิ ไว้เจอกันตอนหน้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×