ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END ทัณฑ์รัก ในเพลิงแค้น (BNIOR)

    ลำดับตอนที่ #25 : เรื่องที่ไม่รู้ กับเรื่องที่ฉันผิดไป (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.78K
      229
      11 พ.ย. 61

    Chapter 20

    เรื่องที่ไม่รู้ กับเรื่องที่ฉันผิดไป




                   กลิ่นแอลกอฮอร์ กลิ่นยา ลอยคลุ้งไปทั่วอากาศภายในห้องพักฟื้น กุญแจค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพบกับเพดานสีขาว เธอจำได้ว่าความทรงจำสุดท้ายคือตัวเองนอนอยู่ในห้องนอนทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ร่างเล็กค่อยๆ พยุงร่างกายของตัวเองให้อยู่ในท่านั่ง พระพายเมื่อเห็นเพื่อนฟื้นขึ้นมาจึงรีบลุกไปหา

         “หิวน้ำหรือเปล่า” พระพายถามกุญแจ ร่างบางของเธอพยักหน้าเล็กน้อย ที่แขนของหญิงสาวถูกเจาะด้วยน้ำเกลือ ทำให้จะหยิบจับอะไรก็รู้สึกลำบากไม่น้อย

         “ขอบคุณนะ”

         “อยากกินอะไรหรือเปล่าเดี๋ยวเราลงไปซื้อมาให้” พระพายยิ้มจางๆ ให้กับเธอ ยกเว้นติวานนท์ที่ไม่ยอมหันหน้ามาหากุญแจเลย ร่างบางของหญิงสาววน้ำตาเอ่อคลอเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ที่เขาคิดทำร้ายตัวเองเหมือนเมื่อหลายปีก่อน

         “พี่ติณฑ์ แจขอโทษ ฮึก” ร่างเล็กบีบมือเข้าหากันแน่น พระพายเริ่มทำตัวไม่ถูกเพราะตอนที่มาส่งกุญแจเสร็จติวานนท์ก็ต่อสายโทรหาคุณน้าแม่ของกุญแจเรื่องนี้ทันทีแต่พอกลับมาสีหน้าของติณฑ์ดูแย่และโกรธในขณะเดียวกันไม่ยอมแม้แต่จะปริปากคุยกับใครสักคนแม้กระทั่งเขาเอง

         “พี่ติณฑ์หันมาคุยกับแจหน่อย ฮึก แจมันโง่เอง ฮือ”

         “มีเรื่องอะไรจะบอกพี่อีกไหมแจ ถึงจะเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องแต่แจก็เหมือนน้องสาวแท้ของพี่ ทำไมมีปัญหาอะไรแล้วไม่ปรึกษากันวะ ทำแบบนี้ทำไม” ติณฑ์โมโห ถึงกับเสียงดังจนจินยองต้องบีบแขนปรามร่างพี่เขาเอาไว้ไม่ให้เสียงดังไปมากกว่านี้

    “แจ ฮึก แจขอโทษ”

    “ทำไมถึงทำแบบนี้”

    “แจ”

    “มันรู้หรือเปล่าว่าตอนนั้นแจท้อง แล้วทำไมตอนท้องถึงเลือกที่จะไป” ติณฑ์เอ่ยถามเสียงนิ่ง กุญแจยิ่งร้องไห้หนัก

    “พี่รู้..แม่บอกพี่หรอ” หญิงสาวร้องไห้หนัก เมื่อหลายปีก่อนเธอเคยตั้งท้องจริงและเป็นตัวเธอเองที่ทำร้ายลูกของตัวเอง

    ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน

    เป็นเวลาที่กุญแจเจ็บปวดไปหมด หัวใจบอบช้ำเดินทางไปต่างประเทศและเลือกเรียนคณะบริหารของมอดังแต่ทว่าเหตุการณ์กลับแย่ลงเมื่อจู่ๆ ร่างของเธอก็ทรุดลงขณะกำลังเรียนอยู่ ลำธารสีแดงไหลตรงขาเรียวเป็นทางสร้างความตกใจให้กับเพื่อนๆ ในห้อง ร่างของเธอกุมหน้าท้องที่มันบีบแน่น จนสติสัมปชัญญะใกล้หมดลงกุญแจนอนฟุบสลบอยู่ข้างโต๊ะจนอาจารย์ประจำวิชาโทรเรียกรถโรงพยาบาล

    และภาพของเธอก็คือนอนอยู่บนเตียงที่มีสายน้ำเกลือและถุงให้เลือดอยู่ข้างๆ โดยมีแม่นั่งร่ำไห้อยู่ข้างๆ

    “แม่ เป็นอะไรคะ ร้องไห้ทำไมหนูปลอดภัยแล้วนะ”

    “ฮึก แจทำไมไม่บอกว่าหนูท้องละลูก ฮึก”

    กุญแจฟังที่แม่บอกร่างบางก็ช็อกเพราะไม่รู้ตัวว่าที่ผ่านมาตัวเองนั้นตั้งครรภ์ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวเขาจะทำยังไงกับอนาคตข้างหน้า และลูกเธอก็ไม่มีพ่อ คนตัวเล็กเริ่มคิดนัก สาววัยอายุ 18 ปีที่ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อไป

    “แต่..หลานแม่เขาไม่อยู่แล้วนะ” เธอร้องไห้ เธอปกป้องลูกสาวเพียงคนเดียวไม่ได้และยังปกป้องหลานตัวเองไม่ได้อีก กุญแจเหมือนถึงแช่แข็งเมื่อรับรู้ว่าลูกไม่ได้อยู่กับเธอ เธอคือคนที่ฆ่าลูกตัวเองกับมือจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอทำร้ายตัวเองด้วยการทุบทำร้ายตัวเองซึ่งจุดที่เธอทุบคือหน้าท้องของตัวเอง น้ำตาเอ่อล้นไหลมาเป็นสายเมื่อต้องรับรู้ว่าเขาคือฆาตกรที่ฆ่าลูกตัวเอง

    ปัจจุบัน

    ตอนนี้ร่างกายของกุญแจร้องไห้หนักกว่าทุกครั้ง ไหล่บางสั่นเทาจนทำให้ติณฑ์เลิกโกรธและหันมาหาน้องสาวคนเดียวของตัวเอง มือหนาลูบหัวยิ่งทำให้ร่างเล็กสั่นเทา ติณฑ์หายโกรธเพราะเขาไม่รู้ว่าจะโกรธแล้วเรื่องทั้งหมดมันจะกลับมาแก้ไขได้ กุญแจกอดตอบพี่ชายที่ยอมให้อภัยน้องเลวๆ ที่ไม่รักตัวเองแบบเธอ พระพายเห็นภาพนี้ก็รู้สึกดีไม่น้อยที่พี่น้องเข้าใจกัน

    พระพายขอปลีกตัวออกมาปล่อยให้สองพี่น้องใช้เวลาด้วยกัน ร่างบางของเขาค่อยๆ เดินออกไปจากเฟรมนั้นเดินไปที่ประตูแต่ปรากฏร่างหนาของใครคนหนึ่ง

    ‘จุลจักร’ ที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู พระพายเดาว่าคงได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดแล้ว พระพายพาจุลจักรออกมาไม่อยากให้เพื่อนของตัวเองเครียดไว้รอให้กุญแจนอนหลับก่อน สีหน้าของจักรดูเศร้า

    “คุณได้ยินทั้งหมดใช่มั๊ย”

    จักรไม่ได้ตอบแต่ดูจากสีหน้าก็คงจะรู้เรื่องทั้งหมด

    “ฉัน..” มันเจ็บปวดเกินไปเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา หลังจากที่ติวานนท์โทรมาบอกว่ากุญแจทานยาฆ่าตัวตายร่างหนารีบออกมาหาทันที จนกระทั่งเมื่ออยู่หน้าห้องผู้ป่วยเขาได้ยินสิ่งที่ติณฑ์และกุญแจคุยกัน เหมือนโดนท่อนไม้ทุบเข้าที่ท้ายทอยมันมึนงงไปชั่วขณะและได้รับรู้ว่าที่ผ่านมากุญแจต้องอยู่อย่างไม่มีความสุขเลยสักนิด มันเป็นตราบาปในใจของเธอและเขาที่เป็นคนปล่อยให้ลูกเมียของตัวเองหนีไป

    จุลจักรจมทุกข์อยู่กับตัวเองโดยมีพระพายนั่งอยู่ไม่ไกล เขารู้สึกสงสารความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่น้อย และยังเชื่อว่าพวกเขายังรักกันอยู่ในเมื่อเขามีความสุขแล้วเขาก็อยากให้กุญแจได้รับสิ่งนั้นบ้าง


    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นติณฑ์โทรหาพระพายเพราะไม่เห็นอยู่ในห้องจึงโทรตาม พระพายบอกว่าตอนนี้กำลังอยู่กับจุลจักรเพื่อนของเขาอยู่ พระพายเดินเลี่ยงไปรับปล่อยให้จุลจักรอยู่กับความคิดของตัวเองสักพัก

    “ว่าไงครับพี่ติณฑ์”

    (อยู่ไหนครับ)

    “พายอยู่กับคุณจักรข้างล่างครับ”

    (มันมาแล้วหรอ)

    “ครับ คุณจักรรู้เรื่องทั้งหมดตอนที่พี่กับกุญแจคุยกัน ตอนนั้นเขาอยู่หน้าห้อง”

    (อืม เราอยู่กับมันไปก่อนแล้วกันรอให้แจมันนอนค่อยขึ้นไปเยี่ยม)

    “ก็ได้ครับ” พระพายวางสายจากติวานนท์เสร็จก็เดินไปหาจักรที่นั่งอยู่ ร่างหนาดูมีสีหน้าเครียด

    “รอกุญแจนอนคุณค่อยขึ้นไปหาเขานะครับ”

    “ขอบใจนะ”

    กุญแจหลังจากที่กินข้าวทานยาเสร็จก็นอนหลับอีกครั้ง เนื่องจากตัวยามีผลข้างเคียงทำให้ง่วง หลังจากที่น้องสาวเขานอนเสร็จติณฑ์ส่งข้อความไปหาพระพายให้พาเพื่อนของเขาเข้ามาหากุญแจได้แล้ว

    ร่างหนารีบเดินขึ้นตึกไปหาคนรักของตัวเองทันที ใบหน้าซีดเซียวของกุญแจทำให้ในหัวใจของเขาเจ็บไม่น้อย ขอโทษที่ไม่เคยรู้อะไรเลยถ้าเขารู้ว่าตอนนั้นกุญแจท้องเขาจะไม่มีวันปล่อยไปเด็ดขาด ร่างหนาเดินไปที่เตียงคนป่วยเพราะเขาที่ทำร้ายกุญแจครั้งแล้วครั้งเล่า ติณฑ์พาพระพายออกไปให้จุลจักรอยู่กับกุญแจแค่สองคนภายในห้อง เขาค่อยๆ ยกเก้าอี้มานั่งข้างๆ ตอนนี้ฤทธิ์ยานอนหลับกำลังทำงานมือหนาเกลี่ยปลายผมสวยของเธอด้วยความแผ่วเบา

    “พี่ขอโทษนะคะ ถ้าพี่รู้พี่จะไม่ให้มันเป็นแบบนี้กี่ครั้งแล้วที่เราต้องเสียใจเพราะพี่” จุลจักรนำมือนุ่มไปกุมไว้ปล่อยให้น้ำตาแห่งความเสียใจหยดลงที่มือน้องอย่างไม่อาย

    กุญแจที่นอนอยู่บนเตียงสลึมสะลือกับฤทธิ์ยาตาเรียวเล็กค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเห็นเป็นเงารางๆ ที่คุ้นตาเรือนผมสีน้ำตาลใบหน้าคร้ามที่กุมมือเธออยู่ ความรู้สึกอุ่นหวาบที่มือแต่เพราะฤทธิ์ยาทำให้เธอไม่สามารถฝืนตาให้ตื่นได้ ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นนอนหลับไปนานเท่าไหร่นัยน์ตาเล็กมองไปรอบๆ ห้อง ม่านสีฟ้าเมื่อมองออกไปแสงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า กุญแจมองไปที่ข้างกายให้ไหล่หนาของใครบางคนกำลังฟุบนอนอยู่ข้างๆ ตัวบนเตียงคนป่วยด้วยมีมือของตัวเองนั้นถูกกุมไว้โดยคนที่นอนอยู่ มือบางพยายามที่จะนำมือของตัวเองหลุดออกจากการเกาะกุมทำให้คนที่นอนหลับรู้สึกตัว ร่างบางของหญิงสาวดึงมือกลับอย่างไว

    “ออกไปให้พ้น” หัวใจของจุลจักรเหมือนกลับโดนน้องเหยียบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    “พี่ขอโทษ แจพี่ขอโทษทุกเรื่อง ทั้งเรื่องลูกของเรา พี่..”

    “หยุดพูด ยังไงมันก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีก แต่แจขออย่างหนึ่งได้ไหมว่าอย่ามาให้แจเห็นหน้าอีก”

    “ไม่ พี่ไม่ทำ แจเป็นเมียพี่” จุลจักรพยายามขอร้องแต่ทว่ากุญแจเลือกที่จะเมินเฉย

    “เรื่องกระเป๋านั้นผมก็ทำการส่งคืนให้เรียบร้อย หรือถ้าพี่จะเอาเป็นเงินสดผมก็จะหามาให้”

    “เลิกไล่พี่สักทีได้ไหม แจ เลิกไล่พี่สักที เลิกเมินเฉยใส่พี่” เสียงของจักรแข็งกร้าวจนลืมตัวว่าตอนนี้ตนอยู่ที่โรงพยาบาล

    ใบหน้าของหญิงสาวเบือนไปทางอื่นพยายามที่จะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาแสดงความอ่อนแอในตอนนี้

    “งั้นพี่จะกลับก่อนแล้วพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่”

    จุลจักรเลือกที่จะไปในตอนนี้ร่างหนาเดินไปหยิบสูทที่พาดวางอยู่บนโซฟา มีแวบหนึ่งที่เขามองไปที่น้อง ไหล่เล็กสั่นเทาเหมือนกับคนร้องไห้ใจของเขาก็เจ็บไม่ต่างกันในตอนนี้ ร่างสูงเดินออกไปจากห้องทันทีพร้อมโทรหาติวานนท์ให้มาอยู่แทน


    ติณฑ์และพระพายหลังจากที่วางสายจากจุลจักรถึงกับมองหน้าและพ่นลมหายใจออกมาทำไมกุญแจถึงใจแข็งขนาดนี้ ติณฑ์อาสาไปเฝ้ากุญแจเองโดยให้พระพายรออยู่ที่บ้านแทน

    “พี่ไปโรงพยาบาลก่อนนะ”

    “ครับ ฝากดูแลกุญแจด้วยนะครับ” พระพายอดห่วงเพื่อนไม่ได้

    “คืนนี้โทรหานะคะ คนดี” มือหนาเกลี่ยแก้มกลมของคนรัก มือพระพายวางทับที่มือหนาและยิ้มให้ ติวานนท์ร่ำลาเสร็จก็เดินทางไปโรงพยาบาลทันทีพรุ่งนี้แม่ของกุญแจจะมาหาในวันพรุ่งนี้


    ร่างเล็กของกุญแจเดินถือสายน้ำเกลือออกมาจากห้องพักคนป่วยเดินไปตามทางเดินเรื่อยๆ เหมือนกับไร้จุดหมาย เธอเดินไปที่ลิฟต์กดชั้นสุดท้ายของตึกแล้วเลี้ยวไปทางบันไดหนีไฟไปทางดาดฟ้าของตัวตึกโรงพยาบาล ความมืดกำลังจะปกคลุมไปทั่วผืนฟ้า ลมพัดผ่านมาทำให้เส้นผมปลิวสยายท้องฟ้าเหมือนฝนกำลังจะมาเพราะก้อนเมฆที่ดำทะมึนกำลังลอยมาแต่ไกล เธอยืนนิ่งอยู่บนดาดฟ้ามองลงไปยังพื้นข้างล่างที่มีรถสัญจรผ่านไปมา แววตาที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น สักพักหนึ่งรถที่ผ่านไปมาข้างล่างก็เบรกเมื่อมีอะไรสักอย่างตกลงมากระทบพื้นด้านล่างพร้อมกับเสียงหวีดร้องของคนที่อยู่แถวนั้น

    เพล้ง

    พระพายที่กำลังเดินไปเอาของที่ห้องระหว่างนั้นรูปในกรอบรูปที่อยู่บนชั้นวางนั้นร่วงลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยสร้างความตกใจให้กับพระพายไม่น้อยร่างเล็กพยายามหยิบกรอบรูปขึ้นมาแต่ทว่าเศษกระจกบาดมือรูปที่ร่วงลงนั้นคือรูปของกุญแจที่ตกลงมาแตกโดยที่ใครไม่ได้ยุ่งอะไรกับมัน ใจของพระพายรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้ ร่างบางเรียกให้แม่บ้านมาเก็บกวาดก่อนจะเดินไปที่ห้องนอนเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาติวานนท์แต่ทว่าโทรศัพท์ดังขึ้นจากคนที่เขาคิดจะโทรหา พระพายรับสายเพราะจับใจความน้ำเสียงของคนรักได้ว่ากำลังรู้สึกไม่ดี

    (พระพาย กุญแจอยู่ที่ไหนไม่รู้)

    “ว่าไงนะครับ พี่ดูในห้องน้ำหรือยัง”

    (ดูแล้ว แต่ไม่มีเลย พยาบาลก็ไม่เห็น) คำที่ติวานนท์บอกเล่าเริ่มทำเอาพระพายใจไม่ดีเลยสักนิด แต่เขาก็ไม่ได้กระโตกกระตากแสดงความตกใจอะไรไปเพราะตอนนี้เขาพยายามทำให้คนในสายมีสติที่สุด

    “พี่ไปที่ดาดฟ้าดูไหม กุญแจอาจจะไปเดินรับลมที่นั่นก็ได้”

    (ขอให้รับลมอย่าเป็นอย่างที่คิดเลยนะ แค่นี้นะยังไงพี่จะโทรหาอีกที)

    หลังจากที่ติวานนท์วางสายเสร็จร่างสูงรีบเดินไปที่ตัวลิฟต์ไปยังชั้นดาดฟ้าของตัวตึกตอนนี้เขาโทรหาจุลจักรและแบมแบมให้มาที่โรงพยาบาลทันที ร่างสูงกดลิฟต์ไปถึงชั้นสุดท้ายของตึกก่อนจะเดินลัดไปที่ชั้นดาดฟ้าประตูนั้นปิดไม่สนิท มือหนากระชากประตูและเร่งฝีเท้า กุญแจที่กำลังจะกลับลงไปถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นติวานนท์ในสภาพที่โมโหที่สุด ร่างสูงเหงื่อท่วมกายเหนื่อยหอบ เลือดที่ไหลตามเรียวแขนเล็กของหญิงสาวเพราะเธอกระชากสายน้ำเกลือออกจากแขนและโยนมันลงมาพร้อมกับที่เข็นสายน้ำเกลือของเธอ ติวานนท์ปรี่เขาไปหากุญแจด้วยความโมโห

    “เป็นบ้าอะไร รู้ไหมว่าทุกคนเป็นห่วงเธอทั้งหมด กำลังคิดอะไรอยู่”

    “หนูขอโทษ หนู...” น้ำตาเอ่อล้นบริเวณขอบตา ติณฑ์ดึงร่างเล็กเข้ามากอดด้วยความเป็นห่วงตอนที่เขาขึ้นมาข้างบนดาดฟ้ายอมรับว่าเขากลัวว่ากุญแจจะคิดทำอะไรบ้าๆ

    ตอนนี้กุญแจนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยเพราะโดนให้ยานอนหลับไปแล้วเรียบร้อยร่างสูงจึงกดโทรออกหาคนรักของตนเองทันที ทางด้านพระพายที่พอรู้ว่าไม่ได้เกิดเรื่องร้ายอะไรกับเพื่อนของตัวเองก็โล่งใจ เขาตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปเยี่ยมกุญแจที่โรงพยาบาล..

    ยามค่ำคืนอาโปนั่งอยู่ในบ่อนกาสิโนของรฐานนท์ด้วยความเบื่อหน่าย ช่วงนี้ไม่รู้เพราะอะไรช่วงนี้รฐนนท์จาะพาเขามาทำงานด้วยตลอดอย่างกับวันนี้ก็เช่นกัน ร่างเล็กนั่งเท้าคางกับโต๊ะเพื่อรอกลับพร้อมกับร่างสูง แต่ดูท่าวันนี้งานคงไม่เสร็จง่าย อาโปตัดสินใจเดินออกจากห้องไปข้างล่างเพื่อหาเครื่องดื่มตรงโซนผับของกาสิโน การ์ดเปิดประตูให้เข้าไปร่างเล็กกวาดสายตาหาที่นั่งที่ว่างอยู่ก่อนจะเจอกับตรงมุมเสาที่คิดว่าคนไม่มากพอและไม่พลุกพล่าน ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นคิดถูกหรือคิดผิดที่มาอยู่ในฐานะเด็กของรฐนนท์ซึ่งทุกคนอาจจะคิดว่ามีความสุขแต่ความจริงแล้วไม่มีเลยด้วยซ้ำ เขาอยู่เพื่อเงินที่ตัวเองต้องดิ้นรนเอาให้รอดลำพังตัวน้องของเขาเองที่พอรู้ว่ามีติวานนท์เขาเองก็สบายใจ แต่กลัวว่ารฐนนท์นั้นจะเข้าทางน้องชายของตัวเองไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไร ถึงตัวเขาจะเลวแต่ก็ไม่อยากให้น้องกลายมาเป็นแบบที่เขาเป็นตอนนี้

    เสียงเพลงบีทกำลังดังกระหึ่มหลายคนที่เบื่อจากการเล่นการพนันก็เปลี่ยนบรรยากาศเป็นนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ เมื่อถึงที่นั่งอาโปสั่งเครื่องดื่มและลงบิลเอาไว้เป็นชื่อของรฐนนท์ระหว่างที่รอเครื่องดื่มก็มีคนหลายคนมองมาที่เขา อาโปเพียงแค่ส่งยิ้มบางๆ ให้แค่เท่านั้นจนเครื่องดื่มมาเสิร์ฟเตกีล่าสีสวยอยู่ในแก้วนั้น ร่างบางเริ่มหาวหวอดมีอาการง่วงนอนแต่ก็ไม่มีท่าทีที่ว่าตัวเองนั้นจะได้กลับไปนอนสักที ความเบื่อเริ่มเข้าปกคลุมจนตัวเองนั้นเริ่มที่จะหงุดหงิดสักพักหนึ่งเขากำลังจะลุกเพื่อกลับไปยังห้องทำงานของรฐนนท์ก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ฝ่ามือหนาของใครบางคนได้รั้งเอวและดึงตัวเขาเอาไว้ในอ้อมแขนแกร่ง

    “ชานนท์ คุณปล่อยผมเดี๋ยวนี้เลยนะ” อาโปพยายามแกะมือหนาออกจากเอวของตัวเอง

    “คิดถึงจังเลยค่ะ ไม่เห็นติดต่อมาเลยทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ละหืม?” ร่างสูงเลิ่กคิ้วถามคนเคยรู้จักตรงหน้าเมื่อเจออาโปที่นี่

    “ผม...” อาโปเป็นคนเริ่มตีตัวออกห่างหลังจากที่ชานนท์ไปทำงานที่ต่างประเทศแต่ช่วงนั้นเขาก็เป็นคนโอนเงินค่าเลี้ยงดูในการเป็นคนของตรงหน้าแต่ตอนนี้อาโปไม่ใช่แล้ว

    “ไปคุยกันที่คอนโดของเราดีไหมคะ” นิ้วเรียวไล้กรอบหน้ารูปไข่ของอาโปลากลงไปปลายคาง จนต้องก้าวขยับถอยหลังเมื่อการ์ดของรฐนนท์มองมา อาโปจำได้ขึ้นใจในสิ่งที่รฐนนท์เคยพูดไว้ว่าเมื่อใดที่ตัวเขาคิดที่จะไปจากรฐนนท์เท่ากับว่าตาย

    “ผมขอโทษด้วย ขอตัวนะครับต้องรีบกลับ” ร่างบางของอาโปเดินหนีไปทันทีแต่ก็ถูกตามอยู่ดี ชานนท์ยังคงวอแวไม่เลิก อาโปเดินไปที่ตัวลิฟต์กดไปยังชั้นทำงานของรฐนนท์แต่พอจะขึ้นไปบ้างการ์ดกับไม่ยอมให้ตัวของชานนท์นั้นขึ้นไปข้างบน เดาไม่ผิดอาโปคงกลายเป็นเด็กอีกคนของเจ้าของคาสิโนที่นี่

    “หึ” ชานนท์ยิ้มเยาะเมื่อรู้ว่าคนที่ตนเลี้ยงดูมาตลอดนั้นกลับกลายเป็นของคนอื่นเขาก็ใช่ว่าจะรักแต่เขาชอบ มันเหมือนกับที่เราเจอของเล่นชิ้นโปรด ไอ้เจ้าของที่นี่คงไม่ต่างกันนัก

    เสียงเครื่องปรับอากาศในห้องพักผู้ป่วยห้องพิเศษในตอนเช้าติณฑ์ที่ตื่นขึ้นมาก็นั่งรอเวลาที่คุณแม่ของกุญแจจะมาซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าสะใภ้ของเขาเอง ไม่นานนักประตูสีขาวก็ถูกผลักเข้ามาด้วยความรีบร้อนไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหมอแบมแบมที่ขับรถปริมณฑณมายังโรงพยาบาลในตัวเมืองที่น้องสาวของตัวเองนอนพักรักษาอยู่ แต่ติณฑ์ก็ต้องคิ้วกระตุกเมื่อคนที่เดินตามหลังแบมแบมมากลับเป็นคนที่ไม่ชอบหน้าสักเท่าไหร่ ใครจะไปชอบคนที่เคยจีบแฟนตัวเองวะ ไม่มีทาง

    “แจเป็นไงบ้างอ่ะพี่ติณฑ์” แบมแบมเดินไปหาน้องที่นอนหลับอยู่

    “ก็อย่างที่เห็น...แล้วทำไมถึงมาด้วยกัน”

    “ก็...มันใช่เรื่องที่จะมาถามผมไหมอ่ะ ห่วงกุญแจก่อนดิ” แบมแบมเปลี่ยนเรื่องแทน

    “พอดีผมมารับเขานะครับ เพราะเมื่อคืนนอนที่บ้านของหมอแบม โอ๊ย” มาร์คตอบแทนก่อนมือเล็กของแบมแบมจะหยิกเข้าที่เอวหนา ติณฑ์ถึงกับมองหน้าตาขวางอาการหวงน้องเริ่มมา ตอนแรกจีบพระพายดิบดี ไปๆ มาๆ มันกลายมาเป็นน้องของเขาได้ยังไงกันแน่

    “จีบ?” ติณฑ์ถาม

    “โอ้ยย พี่ติณฑ์ไม่จีบอะไรทั้งนั้นโว้ย ส่วนคุณน่ะมาส่งผมเสร็จแล้วก็ขับรถกลับไปทำงานของคุณดิวะ” แบมแบมแหวใส่ติวานนท์ก่อนจะเอ่ยปากไล่คนที่มาส่งอย่างมาร์ค

    “งั้นกลับก่อนนะครับคุณติณฑ์ ส่วนหมอแบมถ้ากลับก็โทรหาผมได้นะ” มาร์คเอ่ยลาทุกคน แบมแบมแหวออกมาอีกครั้งกับความจีบออกหน้าออกตาของมาร์ค

    “กลับไปได้แล้ว”

    หลังจากที่มาร์คออกไปจากห้องแบมแบมพ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก แต่ทว่าเสียงหัวเราะแหลมๆ ของคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้นั้นไม่รู้สะดุ้งตื่นมาตอนไหนแต่ทว่าคงได้ยินตั้งแต่เขาเข้ามาในห้อง

    “ตื่นแล้วหรอเราน่ะ” แบมแบมเอ่ยทักทายน้องสาว

    “ตื่นแล้ว คิดถึงพี่แบมที่สุด” กุญแจอ้าแขนเพื่อสวมกอดพี่ชายด้วยความคิดถึงก็ขนาดกลับไทยแทบจะไม่ได้เจอเลยด้วยซ้ำบ้างานเหมืนพ่อไม่มีใครเกินก็พี่ชายแท้ๆ ของเขานี้แหละ

    “อ้วนเอ้ย โอเคขึ้นไหมเราอ่ะ”

    “อืม ดีแล้วมีพี่ๆ เยอะขนาดนี้ แจจะเข้มแข็งนะแล้วป๊าไม่มาเหรอ โห นี่ขนาดลูกเขาโรงพยาบาลยังไม่มาเยี่ยมเลยอ่ะ” กุญแจหน้าบูด นิ้วเรียวของแบมแบมจัดการดีดหน้าผากโหนกของกุญแจด้วยความเอ็นดูแกมหมั่นไส้

    “มาพรุ่งนี้ ก็รู้อยู่ว่าเวลาป๊ามาเจอแม่จะเป็นยังไง”

    “จริงด้วย” กุญแจนึกแล้วขำ ป๊ากับแม่ของเขาเวลาเจอกันทีไรนี่ต้องทะเลาะหรือปะทะฝีปากกันทุกครั้ง แม้ว่าจะเลิกรากันไปแล้วก็ตามแต่แม่ก็ยังรำคาณความบ้างานของป๊าเขาอยู่ดี

    ไม่นานนักคุณหญิงเพียงฟ้าหรือคุณแม่ของแบมแบมและกุญแจเดินเปิดประตูเข้าห้องมาด้วยความร้อนรนก่อนจะเดินมาที่เตียงของลูกสาวคนเล็กของเธอพร้อมกอดไว้แนบอก

    “นี่แหนะๆ ทำให้แม่เป็นห่วงเก่งนักนะเรา” เพียงฟ้าหยิกเนื้อขาวของลูกสาวทำโทษเมื่อรู้ว่าทำอะไรลงไป

    “โอ๊ย แจเจ็บอ่ะ พี่แบมช่วยเขาด้วย”

    “ไหนเราน่ะคุณหมอมาให้แม่กอดให้หายคิดถึงหน่อยมา” เพียงฟ้าดึงลูกเขามากอดพร้อมกันทั้งสองคน ร่างเล็กของคนเป็นแม่กอดลูกชายก็อดดุไม่ได้ผอมขนาดนี้

    “แบมคิดถึงมาก กะว่าหาเวลาพักงานจะบินไปหาเหมือนทุกปี”

    “หัดทานอาหารมีประโยชน์บ้างสิเราน่ะ เป็นถึงหมอดูสิผอมหมดแล้ว”

    “ผอมตรงไหนกัน” แบมแบมก้มมองพุงกะทิของตัวเองแล้วก็ถอนหายใจ

    “น้าขอบคุณติณฑ์มากนะลูก ถ้าไม่ได้เรานี่น้าก็คงเสียลูกสาวไปแล้ว” เพียงฟ้าเดินมาหาติวานนท์พร้อมกล่าวคำขอบคุณออกมาจากใจเธอนึกไม่ออกเหมือนกันถ้าติณฑ์ไม่อยู่ที่บ้านจะเกิดอะไรขึ้น

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็รักน้องไม่ต่างจากคุณน้า”

    “ยังไงน้าก็ขอบคุณเรามากนะ” เพียงฟ้ากุมมือและบีบด้วยความซาบซึ้งใจ

    บุคคลเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยเพิ่มจนเต็มห้องดูอบอุ่น พระพายเดินเข้ามาในห้องก็ยกมือไหว้เพียงฟ้าจากนั้นก็นำกระเช้าดอกไม้และผลไม้มาวางที่โต๊ะ เพียงฟ้าจดจ้องมองผู้ชายร่างเล็กใบหน้าหวานที่คล้ายผู้หญิงไหนจะรูปร่างผอมบางนั่นอีก หลังจากที่พระพายนำของไปไว้เสร็จก็ยกมือพนมไหว้เพียงฟ้าอีกครั้ง

    “สวัสดีครับ”

    “สวัสดีจ้ะ พ่อหนุ่มนี่ใครกันหืม?” เพียงฟ้ายิ้มและมองพระพายด้วยความเอ็นดูไม่น้อย

    “เพื่อนสนิทของแจเองค่ะแม่ แล้วก็...แฟนของพี่ติณฑ์ด้วย”

    “ตายแล้ว เป็นแฟนตาติณฑ์เองหรือ ตาถึงนะเราเนี่ย” ติวานนท์ยิ้มหน้าบาน เมื่อเพียงฟ้าเอ่ยชมคนรักของตัวเอง

    “ครับ โอเคขึ้นหรือยังแจ” พระพายหันไปคุยกับเพื่อนที่นั่งยิ้มที่เตียง สีหน้ากุญแจดูมีความสุขมากขึ้นหลังจากที่แม่และพี่ชายของตัวเองมาเยี่ยม

    “ดีขึ้นแล้ว ขอโทษที่ทำให้แกเป็นห่วงนะ” กุญแจอ้าแขนพระพายจึงสวมกอดให้ทีหนึ่งก่อนจะโดนใครบางคนที่เกิดอาการขี้หวงกระแอมไอเสียงดังขัดจังหวะ

    “อะแฮ่ม” สองคนที่กอดกันอยู่หันขวับไปมองที่ต้นเสียง

    “โอ้ย พี่ติณฑ์กอดนิดกอดหน่อยขำเป็นต้องกระแอมอะไรขนาดนั้นนี่เพื่อนแจนะเว้ย” ร่างเล็กแหวใส่พี่ชายตัวดี

    “เอ้าๆ ไปพักเถอะติณฑ์ เดี๋ยวน้าจะอยู่ดูแลกุญแจเอง”

    “งั้นผมขอตัวลาไปก่อนนะครับไว้พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่นะ” หลังจากที่ติวานนท์ขอตัวลาจากเพียงฟ้าผู้เป็นน้าและทุกคน จากนั้นก็จูงมือคนรักของตัวเองเดินจากห้องออกไป ติณฑ์พาพระพายเดินไปที่รถยนต์ที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถ

    รถยนต์ BMW คันสีดำค่อยๆ ขับเคลื่อนไปตามถนนเรื่อยๆ พระพายสังเกตทางที่แปลกไปเพราะว่าติวานนท์นั้นขับรถไปอีกทางหนึ่งที่ไม่ใช่ทางที่กลับบ้าน ร่างเล็กที่นั่งเงียบสำรวจเส้นทางจำเป็นต้องถามขึ้นเพราะไม่แน่ใจว่าติณฑ์จะพาตัวเขาเองไปไหนกันแน่

    “จะไปไหนครับเนี่ย”

    “ไปทานข้าวค่ะ พี่หิว” คำว่าหิวสายตาของติวานนท์มีเลศนัยจนพระพายจำต้องหลบสายตา เพราะคำว่าหิวของคนรักตัวเองนั้นดูกำกวมยังไงชอบกล

    “งั้นก็มองทางสิครับ มองหน้าผมมันจะช่วยยังไง” ร่างหนากระตุกยิ้มขำเมื่อคนนั่งข้างๆ ประชดเข้า

    รถยนต์จอดเลียบฟุตบาตหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นร้านอาหารไทยที่ตกแต่งด้วยสไตล์บ้านไม้ริมน้ำ พระพายเดินลงมาจากรถเดินเข้าไปในร้านอาหารตามหลังติณฑ์เข้าไปเมื่อเข้าไปยังภายในร้านกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกปีบที่อยู่ลานข้างล่างนั้นส่งกลิ่นหอมคลุ้งไปทั่ว ทั้งสองคนเลือกนั่งที่โต๊ะไม้สักขนาดใหญ่ พระพายมองว่าเป็นร้านเล็กๆ แต่คนกลับเยอะจนโต๊ะเต็มแทบทุกนาที สักพักหนึ่งก็มีคนมารับออเดอร์อาหารที่โต๊ะ ทั้งคู่สั่งเมนูอาหารหลากหลายอย่างจนเต็มโต๊ะไปหมด

    “โห ไม่คิดว่าจะสั่งเยอะขนาดนี้ เราจะทานหมดเหรอครับ”

    พระพายนั่งมองอาหารที่วางจนละลานตาไม่วายกับของหวานโบราณบุหลันดั้นเมฆเอย ขนมจ่ามงกุฎเอย ไหนจะช่อม่วงสีสันอยู่บนจาน ทั้งคู่จัดการอาหารตรงหน้าระหว่างก็คุยกันเรื่องต่าง ๆ มากมาย จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ หญิงวัยกลางคนที่มีใบหน้าดูใจดีและสวยราวกับนางในวรรณคดี ติณฑ์ยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนทำให้พระพายไหว้ตามคนรักของตัวเองด้วย

    “ไหว้พระเถอะจ้ะ ไม่มานานเลยน้าเราน่ะ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยทักติวานนท์ด้วยความคุ้นเคยกันมานาน

    “สวัสดีครับ”

    “หนุ่มหน้าหวานคนนี้ใครละหึ” เธอมองและยิ้มเอ็นดูให้กับพระพาย

    “พระพายครับ คนรักของผม ส่วนนี่ป้าหวาน” พระพายยกมือไหว้อีกครั้ง

    “สวัสดีจ้ะลูก แต่งเมื่อไหร่ก็บอกป้านะลูกจะเป็นฝ่ายเจ้าบ่าวให้...”

    คำว่า ‘แต่งเมื่อไหร่’ ของหญิงวัยกลางคนทำเอาพระพายถึงกับสำลักขนมจนรีบดื่มน้ำตามเข้าไป ใบหน้าแดงเถือกไปหมดจนป้าหวานตบหลังให้ใหญ่เลย

    “แค่กๆ ขอบคุณนะครับ”

    “เขินเหรอลูก ไม่ต้องเขินหรอก ป้าไปดูลูกค้าโต๊ะนู้นก่อนนะจ๊ะ ทานอาหารให้อร่อยล่ะ” หวานใจหรือป้าหวานบอกสองคนก่อนจะเดินไปดูโต๊ะของลูกค้าที่ว่า

    “ไม่ต้องมายิ้มเลยครับ รีบทานเลย” พระพายดันจานบุหลันดั้นเมฆให้คนตรงหน้า

    “เอ้า พี่ยิ้มก็ไม่ได้เหรอคะ”

    “ทานๆ เลยครับ” ติณฑ์ขำกับท่าทางคนขี้เขิน

    เมื่อทานข้าวเสร็จติณฑ์กับพระพายก็ไหว้ลาหวานใจโดยก่อนกลับป้าแกก็ให้ขนมมาทานหลายกล่อง รถยนต์ขับไปตามถนนเรื่อยๆ จนเข้าสู่ภายในหมู่บ้านรถยนต์ค่อยๆ เลี้ยวเข้าไปในรั้วบ้านสีขาวจอดสนิทที่ลานจอดรถเป็นเวลาถึงเกือบช่วงบ่ายแก่ๆ เมื่อเดินเข้าไปในบ้านพระพายถือขนมเข้าไปในบ้านก็มีแม่บ้านคนอื่นเข้ามาช่วย

    “เอาไปแบ่งกันทานนะครับ” พระพายยื่นถุงขนมให้กับหัวหน้าแม่บ้าน

    “ขอบคุณนะคะคุณพระพาย” พระพายยิ้มให้กับหัวหน้าแม่บ้าน จากนั้นก็เดินตามติณฑ์ไปที่ห้องรับแขก

    ติวานนท์นั่งเล่นแมคบุ๊คเพื่อเคลียร์งานเพราะเมื่อวานเขาไม่ได้ไปทำงานเพราะว่าเฝ้ากุญแจทั้งวันรวมกับวันนี้อีกเป็นทั้งหมด 2 วัน ร่างหนาเปิดแมคบุ๊กขึ้นมาเช็กอีเมลที่เข้ามา ก่อนจะชะงักที่กับอีเมลล์ฉบับหนึ่งของใครบางคนที่ส่งเข้ามา ติณฑ์นิ่งไปจนพระพายที่นั่งอยู่ข้างๆ สังเกตเห็เห็นความผิดปกติจึงถามขึ้น

    “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

    “ไม่มีอะไรค่ะ” ติณฑ์บอกและส่ายหัวน้อยๆ ให้คนตัวเล็กข้างๆ คลายความเป็นห่วง

    “เห็นทำหน้าแปลกๆ ตอนเย็นจะทานไรดีครับผมจะได้ทำให้”

    “อยากทานพระพาย โอ้ย” มือเรียวตีเข้าที่ต้นแขนแกร่งทันทีเมื่อเจ้าตัวพูดจาชวนโมโหและแกมเขิน

    “สมน้ำหน้าครับ” พระพายว่าจากนั้นก็เดินหนีไปเสียดื้อ ๆ


    ถึง Tinn_thiwanon93@outlook.co.th

    จาก Rodsarin@hotmail.com

                        สวัสดีค่ะ พี่ติณฑ์หวังว่าจะจำโรสได้ โรสคิดถึงพี่มากๆ เลยตอนนี้กำลังจะกลับมาจากอังกฤษ ขอแสดงความเสียใจเรื่องน้องชายของพี่ด้วยนะคะ ไว้เจอกันนะคะ โรสคิดถึงพี่ติณฑ์ที่สุด



    หลังจากที่พระพายเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นติวานนท์นั่งจ้องหน้าจอแมคบุ๊กอีกครั้ง ก่อนจะเข้าไปในอีเมลนั้นและลบทิ้งในที่สุด รสรินทร์ หรือโรส แฟนสาวรุ่นน้องของเขาสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไรหายไปเกือบหลายปี จู่ๆ ก็ส่งเมลล์มาหาเขาทั้งที่ไม่เคยติดต่อกันเลยตั้งแต่เลิกกัน

                            

                   

     

     

                    “

                   

                   

     


    28/10/61 ต้องกราบขอโทษที่หายไป 1 เดือนเต็มค่ะ เพราะว่าตัน ฮื่ออออ ตอนนี้กลับมาแล้วขอเสียงคนรอเรื่องนี้หน่อยค่าาา (เงียบกริ๊บ) เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ

    23/09/61 หายไปนานกับเรื่องนี้ กลับมาแร้นนนนน กลับมาพร้อมความหนักหน่วงเหลือทนนนน 

    3/09/61 แฮนโหลลลล เอวี่บอดี๊ คัมมิ่งแล้วจ้าสอบเสร็จแล้ว อิอิ มาพร้อมกับมาม่ายาวๆคริคริ มาแค่นี้ก่อนนะ ไรท์ต้องนอน(ฮา) พรุ่งนี้เรียนบ่ายไปอี๊กกกเบื่อเห็นคะแนนสอบแล้วอยากผูกคอกับต้นผักชี เศร้าใจ ยังไงก็ฝากเม้นให้กันด้วยเด้อ รักนะจ๊ะ บรัยยยยส์ แยกย้ายจ้า



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×