ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END ทัณฑ์รัก ในเพลิงแค้น (BNIOR)

    ลำดับตอนที่ #20 : อยากได้อะไรก็ต้องได้ (ุ100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.96K
      225
      21 มิ.ย. 61

    CHAPTER 15

    อยากได้อะไรก็ต้องได้





     

                เสียงหัวเตียงกระทบกับฝาผนังดัง กึก กึก ตั้งแต่เช้ามืดจนถึงตอนนี้ยังไม่หยุดร่างบางของอาโปเป็นที่รองรับอารมณ์ของร่างสูงของคนตรงหน้า ที่โยกไหวไปตามแรงการกระแทกของเตียง เอวสอบยังคงกดกระแทกคนใต้ร่างจนจุกและเสียวไปหมด

                “อึก อื้อ” อาโปที่ครางเสียงแหบเสียงแห้ง ถูกร่างหนายึดไว้กับเตียงตั้งแต่เมื่อคืน จนในที่สุดก็จบลงสักทีรฐนนท์กระทุ้งแกนกายสองสามครั้งก่อนจะปลดปล่อยน้ำกามออกมา

                “อา อาโป”

                ร่างสูงถอดถอนแกนกายใหญ่ออกจากช่องทางด้านหลัง และเช็ดทำความสะอาดก่อนจะล้มตัวนอนลงข้างๆร่างเล็กที่หลังจากจบกิจกรรมก็ปิดเปลือกตาลงทันทีด้วยความเหนื่อยล้า

                เป็นเวลาเกือบเที่ยงที่อาโปลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะรู้สึกเหมือนมีอะไรคั่งค้างอยู่ตรงช่องทางด้านหลังของตัวเอง ร่างเล็กค่อยๆลุกโดยพยายามขยับตัวให้เบาที่สุดไม่อยากให้รฐนนท์ตื่น ร่างเล็กของอาโปเดินเปลือยเปล่าเข้าไปในห้องน้ำเขามองไปในกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนภาพร่างกายองเขาที่เป็นรอยช้ำเล็กๆเต็มตัวตั้งแต่หน้าอกยันขาอ่อนล้วนเป็นฝีมือของคนที่นอนสบายหลับอยู่บนเตียง เขาไม่รู้สถานะของตัวเองตอนนี้เหมือนเป็นของเล่นที่ถูกใจแค่นั้นเพราะเขาไม่เคยได้รับการถนุถนอมเลยแต่ใครกันล่ะอยากถนุถนอมคนอย่างเขากันตั้งแต่โตมาเขาก็สอนให้รักแค่ตัวเองเท่านั้นและคนอย่างเขาไม่สามารถรักใครได้ ความรักมันไม่มีจริงหรอก อาโปค่อยๆทิ้งตัวลงนอนในอาบอ่างน้ำก่อนจะปล่อยให้ร่างกายจมลงไปใต้น้ำเพื่อปล่อยให้ความคิดไหลไปตามน้ำ

    ครืด

                เสียงประตูถูกเลื่อนทำให้อาโปที่ตกใจและโผล่ขึ้นมาจากน้ำสายตามองไปที่ประตูพบร่างเปลือยเปล่าของรฐนนท์ที่เดินตรงมาหาตัวเขาเองก่อนจะหย่อนตัวลงไปในอ่างและนั่งตรงข้ามกับคนตัวเล็กที่เขยิบเพื่อให้คนตัวโตนั่งได้สบายขึ้น อาโปทำท่าว่าจะลุกเพราะตอนนี้ก็ต้องกลับ อีกเดี๋ยวเขาก็คงไปบริหารคาสิโนแต่ถูกมือหนาดึงไว้

                “ผมจะกลับบ้าน” แต่แขนแกร่งกับกดร่างบางไม่ให้ขยับเขยื่อนใดๆ ทำให้อาโปรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

                “ย้ายมาอยู่ที่นี่สิ ฉันจะยกคอนโดนี้ให้นาย” ร่างสูงกระซิบที่ใบหูก่อนจะใช้ริมฝีปากไล้เลียต้นคอขาว

                “จริงเหรอครับ แต่คุณต้องการอะไรหรือเปล่า”

                “หึ ฉลาดจังเลยนะ” รฐนนท์ยกยิ้มและชื่นชมที่คนตรงหน้ารู้ทันเขาทุกอย่าง

                อาโปรู้ว่ารฐนนท์ต้องการอะไร และเขาจะไม่ยอมให้น้องของตัวเองไปเกี่ยวข้องกับเขาเด็ดขาด

                “อย่ายุ่งกับน้องของผม” อาโปกดเสียงต่ำเขาไม่ยอม

                “หึ คิดว่านายจะทำอะไรฉันได้หรอ น้องนายอาจจะเดินมาหาฉันเองก็ได้ใครจะรู้ละ” รฐนนท์ดูมั่นใจเพราะไม่ว่าใครก็เดินเข้าหาเขาทั้งนั้น แม้แต่พี่ชายมันยังยอมแล้วน้องละ หึ น่าสนุก


     


              เวลาผ่านไปจนถึงช่วงสอบปลายภาควันสุดท้ายของเหล่านักศึกษาพระพายที่เดินเข้ามาในอาคารเรียนด้วยสายตาที่มุ่งมั่นในการทำข้อสอบเพราะปีนี้เขาตั้งใจที่จะจบและทำงานที่ดีๆ ร่างเล็กแบกกระเป๋าหนังสือรายวิชาที่จะสอบมาอ่านทบทวนหน้าห้อง ระหว่างที่กำลังกดลิฟต์ขึ้นไปยังห้องสอบร่างบางก็ท่องเนื้อหาที่จะสอบไปด้วย เมื่อเวลาสอบเสร็จสิ้นนักศึกษาทุกชีวิตในห้องสอบแทบเหมือนโดนดูดวิญญาณเมื่อบางสิ่งบางอย่างที่คิดว่าจะออกกลับไม่ออกเลยสักนิด กุญแจในมือถือยาดมตราโป๊ยเซียนเพราะหลังจากออกห้องสอบมาเขารู้สึกจะเป็นลม พระพายและกุญแจเหลืออีกวิชาหนึ่งที่จะสอบในช่วงเย็นพวกเขาทั้งสองคนจึงไปกินข้าวที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยก่อนจะไปนั่งหามุมเงียบๆทบทวนสิ่งที่จะสอบ

                ห้องสมุดที่เงียบสงบกุญแจเลือกที่นั่งเป็นห้องโสตเพราะมันเหลือแค่ห้องนี้เท่านั้นที่ว่างอยู่ ก่อนจะวางหนังสือและสมุดช็อตโน๊ตสั้นๆไว้ข้างตัวและท่องจำเนื้อหาที่จะสอบ จนเวลาผ่านล่วงเลยไปกุญแจเริ่มทนไม่ไหวเพราะวิชานี้มันโคตรของโคตรยากหญิงสาวเลือกที่จะปิดหนังสือช็อตโน๊ตก่อนจะนั่งก้มหน้ายอมรับชะตากรรมในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า เวลานี้กุญแจขอพึ่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วกัน

                “อ้าว ไม่อ่านต่อละหรอ” พระพายที่เงยหน้าจากในหนังสือหันมามองหน้าเพื่อนที่นั่งเศร้าแล้วเศร้าอีกทำให้เขารู้สึกพลอยหม่นไปด้วย ไปสอบไม่ได้ไปรบกุญแจเอ๊ย

                “อ่านไปก็จำไม่ได้อ่ะ โดยเฉพาะบทนี้กับนี้” กุญแจชี้ที่หนังสือก่อนจะถอนหายใจเขาจำได้หมดยกเว้นสองบทนี้เท่านั้นพยายามจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ

                พระพายจึงเอาหนังสือในมือของร่างเล็กมาก่อนจะอธิบายแต่ละหัวข้อตามที่ร่างเล็กทำความเข้าใจโดยตัวเองเหมือนร่างเล็กจะพยักหน้าทำความเข้าใจ ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการอธิบายสองบทที่เขาสรุปให้กุญแจฟัง

                “โอ้ย แกขอบคุณมาก ฉันบรรลุธรรมมาก ถ้าผ่านจะเอาดอกบัวมากราบ” กุญแจพูดติดตลกจนพระพายพลอยขำไปด้วย

                “จะบ้าหรอ อ่านทบทวนได้แล้วอีกครึ่งชั่วโมง”

                “จ้า เพื่อนนี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง” พระพายได้แต่ส่ายหน้าให้กับคำตอบรับของเพื่อนตัวเองสาบานว่านี่เด็กนอก อ่อ นอกโลก

     

                และแล้วก็ออกมาจากห้องสอบพระพายเดินออกมาจากห้องก่อนจะเห็นกุญแจที่ยิ้มร่ามาตั้งแต่หน้าประตูห้องสอบ ร่างเล็กเดินมาตรงหน้าและลากแขนเขาไปยังร้านขนมแต่ทว่าอาจารย์ประจำสาขาเรียกเขาไปที่ห้องพักอาจารย์ พระพายค่อยๆเคาะประตูเพื่อที่จะขออนุญาตเข้าไปและเดินตรงไปที่โต๊ะอาจารย์ทันที

                “มาแล้วหรอ ปราณนต์” อาจารย์เอ่ยทักทายเมื่อเห็นนักศึกษาที่ตนเรียกพบเพราะมีเรื่องที่จะแจ้ง

                “สวัสดีครับอาจารย์ มีอะไรหรือเปล่าครับ” อาขารย์ยื่นซองสีขาวให้เขาโดยมีการจ่าหน้าซองจากบริษัท TJ JEWELY พระพายยิ้มด้วยความดีใจเพราะที่นี่ถือว่าเลือกคัดเด็กที่จะมาฝึกงาน

                “ยินดีด้วยนะ ถ้าทำมันได้ดีเธอก็จะอาจจะทำงานที่นั่นก็ได้ ปราณนต์” อาจารย์สาวตบไหล่ให้กำลังใจลูกศิษฐ์ ก่อนพระพายจะไหว้ลาอาจารย์ในมือถือเอกสารการตอบรับเพื่อยื่นฝึกงานในอีกสองอาทิตย์ พระพายชูกระดาษในมือให้เพื่อนดูด้วยความตื่นเต้นโดยไม่ทันสังเกตว่าเพื่อนตัวเองนั้นลอบยิ้มอยู่ พระพายจึงพาเพื่อนรักมาที่ร้านขนมหลังมอที่เพิ่งเปิดใหม่

                “จะสั่งอะไรก็สั่งเลยวันนี้เราเลี้ยงเอง” พระพายที่เดินเข้ามาในร้านยื่นเมนูที่อยู่บนโต๊ะให้กับกุญแจเลือก

                “ได้ จะเอาให้ไม่มีค่าแท็กซี่กลับบ้าน คอยดู” ร่างเล็กเปิดเมนูขึ้นมา อยากสั่งทั้งหมดร้านแต่เกรงว่าพระพายจะเลิกคบเขาแทน กุญแจเขียนใส่ในกระดาษและเดินไปที่เคาน์เตอร์


                เสียงกระดิ่งหน้าร้านทางประตูดังขึ้นและปรากฎใครบางคนที่พระพายไม่ได้คาดฝันว่าจะมาอยู่ตรงหน้าเขา ติณฑ์ลากเก้าอี้เพื่อนั่งโดยที่เลือกที่นั่งตรงข้ามกับร่างบาง พระพายรู้สึกทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ตรงหน้าร่างสูง กุญแจที่เดินกลับมาที่โต๊ะก็ทำเป็นเนียนด้วยการขอโทษที่ไม่ได้บอกแต่จริงๆแล้วเป็นแผนต่างหาก ร่างเล็กของกุญแจกดส่งข้อความหาพี่ติณฑ์สุดที่รักตั้งแต่ก่อนเข้าห้องสอบเพื่อการนี้โดยเฉพาะเพราะรถเขายังซ่อมไม่เสร็จจึงสามารถตีเนียนได้ว่าให้คนมารับ

                “เอ่อ โทษทีเราลืมบอกอ้ะ ว่าพี่เราจะมาด้วยไม่อึดอัดใช่มะ”

    อึดอัด อึดอัดมากๆ

                “ไม่น่ะ” หน้าตาและคำตอบดูสวนทางกันอย่าง

    สักพักหนึ่งขนมก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ พระพายจึงหยิบช้อนขึ้นมาตักขนมขึ้นมาให้ดูบรรยากาศมันไม่ได้อึดอัด ไม่ได้อึดอัดกับผีน่ะสิ จากสายตาคนตรงหน้ามักจะจ้องเขาตลอดเวลา

                “พี่ติณฑ์ไม่ทานเหรอ” กุญแจถาม เพื่อนเขาคงจะน่ากินกว่าขนมตรงหนาละมั้ง จ้องจนจะพรุนแล้วค่ะพี่ขา

                “ไม่ชอบของหวานน่ะ”

                ตอบคำถามแต่สายตามองไปทางใครอีกคนอย่างเห็นได้ชัดส่วนอีกคนนี่ก็ไม่ยอมพูดยอมจา กุญแจเหนื่อย ต่างคนต่างไม่มีใครพูดกันอีกคนก็ก้มหน้ากินแต่เค้กอีกคนก็จ้องเขาจนทะลุ นี่ถ้าเป็นปลากัดนี่เพื่อนเขาคงท้องละมั้งถ้าไม่คุยกันก็เงียบกันทั้งโต๊ะนี่แหละ ดีล

    .

    .

    .

    15 นาทีต่อมา

                บรรยากาศในโต๊ะยังคงเงียบจากที่คนอึดอัดเริ่มจะเป็นที่ตัวเองละเพราะปกติเป็นคนพูดจ้อพอมาเจอโหมดเงียบใครก็ได้ลากกุญแจออกไปจากตรงนี้ที ได้โปรดดดด

    (เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์)

                เหมือนเสียงโทรศัพท์ช่วยชีวิต กุญแจจึงขออนุญาตใช้วิธีในการหลีกเลี่ยงปัญหานี้ด้วยการไปคุยโทรศัพท์ อยากจะกราบงามๆที่โทรมาได้เวลามากๆ

                “เอ่อ ขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ”

                หลังจากที่กุญแจออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก ร่างสูงจึงเริ่มพยายามที่จะคุยกับคนตรงหน้าอย่างจริงจังสักที ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าก่อนจะตัดสินใจพูดเพื่อชวนคุยกับคนตรงหน้าแม้จะเป็นคำถามทั่วไป

                “สบายดีไหม”

                “ก็ดีครับ”

                และก็เงียบไป...

                จนขนมในจานหมดลงแล้วแต่ทว่ากุญแจยังไม่กลับมาจากการคุยโทรศัพท์สักพักหนึ่งก็มีพนักงานของร้านเดินมาบอกว่าหญิงสาวคนที่มาด้วยนั่นขอตัวกลับไปก่อนและมีธุระด่วนเลยไม่ได้เดินมาบอกด้วยตัวเองพนักงานบอกเสร็จก็เดินไปดูแลร้านตรงส่วนอื่นต่อ พระพายเมื่อกุญแจกลับไปแล้วเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อร่างเล็กจึงลุกขึ้นจากโต๊ะและไม่ลืมไหว้ฃาคนตรงหน้าศักดิ์ที่มีอายุเยอะกว่า

                “ผมกลับก่อนนะครับ”

                หมับ

                พระพายผงะเมื่อถูกร่างสูงรั้งข้อมือไว้ ทันทีที่โดนแตะตัวร่างกายกลับสั่งการให้นิ่งแต่ในใจกลับเต้นรัว ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พระพายไม่ได้สะบัดมือเขาออกแต่อย่างใด

                “เดี๋ยวไปส่งที่บ้าน” ติณฑ์ถือวิสาสะกุมมือบางเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ร่างสูงหยิบบัตรเครดิตขึ้นมาให้กับแคชเชียร์ก่อนจะจูงมือร่างบางไปที่รถ

                พระพายไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่ครั้งนี้กลับยอมง่ายๆ ทุกทีเขาไม่เป็นแบบนี้ พระพายถูกพามาที่รถ Auston Martin สีดำขลับเมื่อเข้าไปนั่งข้างในรถร่างสูงสตาร์ทรถก่อนจะขับไปยังท้องถนน ติณฑ์ทำลายบรรยากาศเงียบๆภายในรถด้วยการเปิดเพลงคลอเบาๆ พระพายจึงพูดเพื่อทำลายความเงียบไม่เชิงพูดแต่เป็นเชิงกัดคนข้างๆนี่มากกว่า

                “หวังว่าครั้งนี้คงไม่พาผมไปต่างจัดหวัดหรอกนะครับ” ติณฑ์ยกยิ้มให้กับคำพูดของน้องที่เริ่มที่จะพูดกับเขา

                “ถ้าพรุ่งนี้วันหยุดก็ไม่แน่ แต่พอดีมีประชุม”

                “ผมไม่อยากไปกับคุณสักหน่อย” ร่างบางเถียงที่คนขี้ตู่ข้างๆนี่นึกว่าเขาอยากไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วย บอกเลยว่าครั้งนี้ยากหน่อยนะครับคุณติวานนท์

                “ครับๆ หิวหรือเปล่า” ติณฑ์เปลี่ยนเรื่องเพราะคนตัวเล็กน่าจะทานแค่เค้กตอนนี้ก็คงจะลงแล้วมั้ง

                “ผมไปกินที่บ้านเอาครับ”

                “งั้นกินด้วยสิ”

                “นี่ บ้านคุณก็มีไปกินบ้านคุณสิ” ร่างบางขึ้นเสียงใส่ หน้าด้านที่สุดคนอะไรไม่ได้ชวนสักนิด

                รถยนต์มาจอดยังหน้าบ้านติณฑ์ดับเครื่องจอดไว้ข้างรั้วและเดินตามคนตัวเล็กเข้ามาในบ้านแม้จะไม่ถูกชวนแต่จะไปและอีกอย่างคนที่เดินนำเขาก็ยอมให้เข้าบ้านถึงแม้จะบ่นและด่าก็ตาม ด้านได้อายอดได้เมียคืน 

     


    (ต่อตรงนี้เด้อ)

                ติณฑ์นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าวพร้อมมองร่างบางที่กำลังเข้าครัวเตรียมอาหารทำให้เขานึกถึงที่เกาะ ติณฑ์ยิ้มให้กับพระพายที่กำลังหยิบเขียงมาหันผักก่อนจะนำไก่มาหมักเพื่อทอด ติณฑ์รู้สึกไม่อยากนั่งรอเงียบๆจึงขอมีส่วนร่วมกับร่างบางดีกว่าเพื่อกระชับความสัมพันธ์ ร่างสูงเดินเข้าไปทางด้านหลังของร่างบาง

                “มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า” ร่างบางชี้ไปที่ไก่ที่หมักไว้ให้ติณฑ์นำไปทอดส่วนเขาจะทำสลัดและทำน้ำจิ้มสำหรับไว้คลุกเคล้ากับไก่ทอด ติณฑ์เดินไปเปิดเตาและตั้งน้ำมันไว้รอเมื่อน้ำมันร้อนก็ค่อยๆใส่ไก่ลงไปในกระทะ

                “คุณหยิบมะเขือเทศในตู้เย็นให้หน่อยผมลืมน่ะ” พระพายใช้ร่างสูงไปหยิบมะเขือเทศให้ ก่อนจะคิดอะไรฟุ้งซ่านเหมือนเขากับติณฑ์เหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันยังไงยังงั้น โอ้ยไม่คิดๆ

                “เดี๋ยวผมช่วยหั่นไหม” ติณฑ์อาสาแต่โดนคนตัวเล็กไล่ให้ไปดูไก่ทอดในกระทะ

                “ไปพลิกไก่นู่นคุณน่ะ เดี๋ยวนี้ผมทำเอง” ติณฑ์จึงเดินคอตกไปพลิกไก่หน้าเตาแทน เมื่อไก่สุกกรอบเรียบร้อยร่างสูงก็นำมาวางไว้ในจานก่อนพระพายจะเดินมาเอาไก่ทอดไปคลุกซอสหลังจากที่ทำสลัดเสร็จ

     

                เสียงเปิดประตูหน้าบ้านอาโปที่เพิ่งกลับมาจากคอนโดของรฐนนท์ ร่างบางเดินเข้าไปในบ้านและได้กลิ่นอาหารจึงเดินเข้าไปในห้องครัวเห็นพระพายกำลังนั่งทานข้าวอยู่กับแขกซึ่งเป็นแขกที่เขารู้สึกคุ้นหน้า พระพายเมื่อเห็นอาโปจึงชวนพี่ชายฝาแฝดของตัวเองทานข้าวด้วย

                “อ้าวคุณนั่นเอง” อาโปส่งยิ้มให้คนตรงหน้าด้วยความเป็นมิตร ทำให้พระพายรู้สึกแปลกๆเล็กน้อยพวกเขาทำเหมือนรู้จักกันมาก่อนหน้านั้น หรือคุณติณฑ์ต้องการอะไรจากพี่ชายของเขาหรือเปล่า

                “อ่อ ผมจำคุณได้ที่ห้างเมื่อตอนนั้น”  ติณฑ์พยักหน้าแต่สีหน้าของอาโปสงสัยว่าแล้วติวานนท์รู้จักน้องชายของเขาได้ยังไงแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป

                “พี่จะกินข้าวพร้อมเราหรือเปล่าครับ”

                “นายกินเหอะ ฉันเหนื่อย” อาโปขอตัวขึ้นไปพักผ่อนข้างบน

                หลังจากที่อาโปขึ้นไปข้างบนก็มีเพียงเขาและติณฑ์ที่อยู่ห้องครัว ร่างบางหรี่ตามองหน้าคนตัวโตไปด้วยคำถามมากมายก่อนที่ติณฑ์จะหัวเราะออกมาเมื่อพระพายดูไม่ไว้ใจเขาเรื่องพี่ชายของตัวเอง

                “คุณรู้จักพี่ชายผมได้ยังไง คิดจะแก้แค้นอะไรนั่นอีกหรือเปล่า” ร่างบางถามตรงๆถ้าร่างสูงยังคงยึดติดเขาก็คงต้องปกป้องพี่ชายถึงแม้อาโปจะมีส่วนเกี่ยวข้องก็ตาม

                “ไม่หรอก ผมไม่ได้ร้ายขนาดนั้นสักหน่อย” ติณฑ์ยกยิ้มให้กับร่างบางที่ตั้งท่าจะเถียง

                ไม่ร้ายบ้าร้ายบออะไรทรมาณเขาเกือบตายตอนอยู่บนเกาะ แทบยังข่มขืนเขาอีก เกลียดตรงที่หลังๆตัวเองก็ยอมนี่แหละ แล้วจะคิดถึงทำไมเนี่ยยย

                “หรอครับ” ร่างบางค้อนใส่คนตรงหน้าหลังจากเถียงกับตัวเองเสร็จ

    หลังจากทานข้าวเสร็จติณฑ์ช่วยร่างบางเก็บจานก่อนจะอาสานำไปล้างให้โดยที่ร่างบางก็ไม่ได้ขัดอะไรก่อนจะเดินไปเช็ดโต๊ะอาหารให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลากลับแม้ว่าใครบางคนนั้นจะไม่อยากกลับก็ตาม

                “กลับบ้านดีๆนะครับ คุณติวานนท์”

                ติณฑ์ลาพระพายที่หน้าบ้านก่อนจะเดินไปที่รถร่างสูงฉวยโอกาสหอมแก้มพระพายที่ไม่ได้ตั้งตัวอะไรทั้งนั้น ร่างบางได้แต่อึ้งรู้ตัวอีกทีคนฉวยโอกาสก็อยู่ที่รถเรียบร้อย ให้ตายเถอะคนข้างบ้านจะมองเขายังไงละเนี่ย ไอ้บ้าเอ๊ย

                “แล้วเจอกันเร็วๆนี้นะ” ติณฑ์ขับรถมายังที่ร่างบางยืนอยู่ก่อนจะบอกลาส่วนพระพายมองหน้าฆ้อนคนตัวโตที่บังอาจมาฉวยโอกาสเขา

                “ไม่ ผมไม่อยากเจอคุณ”

                ร่างสูงโบกมือลาก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ไม่อยากเจอก็ต้องเจอเพราะระหว่างที่ฝึกงานในบริษัทเขาต้องเจอแน่ๆแหละเด็กน้อย หลังจากที่รถยนต์คันหรูขับออกไปร่างบางลูบแก้มตัวเองก่อนหน้าจะขึ้นสีด้วยความเขินและรีบเดินเข้าไปในบ้านด้วยความโมโหทันที







    19/06/61 เขินแล้วโมโหกลบเกลื่อนเด้ออออ555555 มาครบร้อยเปอร์แล้วขอนอนก่อง บะบุย เจอกันตอนหน้าอิพี่จะได้เปรียบน้องจะเสียเปรียบเยอะมาก 

    14/06/61 อีก 40% น้องเริ่มอ่อนให้อิพี่แล้ว อิพี่เตรียมง้อยาวเพราะคงได้เจอน้องทุกวันหลังจากนี้ อิอิ

    13/06/61 มาแค่นี้ก่อง ว่าแต่ว่ารฐนนท์จะทำอะไรกับน้องกันแน่ เชื่อว่าพี่แกเข้าหาน้องแน่จ้า สงสารอาโปเมื่อไหร่ไรท์จะดีกับนาง 555555555555 เรื่องมันวางมาแบบนี้ไม่ใช่ไม่สงสาร โปรดเข้าใจนุ้งด้วยนะคะ 

    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ?
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×