ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -closed-

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่สอง : จางฮยอนซึง ณ ห้องนอนของยงจุนฮยอง

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 60



                       

                          “ฮยอนซึงมากินข้าวมาลูก พ่อหิวแล้ว” พ่อเอ่ยปากเรียกผมไปนั่งที่โต๊ะ เมื่อเห็นว่าเหมือนผมจะยืนจ้องหน้าจุนฮยองนานเกินไป เป็นไอ้แสบนี่จริงๆสินะ แล้วน้องจะทำไปเพื่ออะไรอะ


                         “ครับ พ่อ” ผมรับคำส่งๆแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ประจำของผม ทันทีที่ผมนั่งลงทุกคนก็เริ่มกินข้าวทันที พวกเราไม่ค่อยใช้เวลากินข้าวนานหรอกครับ คนที่คุยบนโต๊ะอาหาร ไม่ใช่คนมีมารยาทสักเท่าไหร่หรอก ยายสอนแม่ผมมาแบบนั้น 


                         ใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีการรับประทานอาหารเย็นก็จบลง ผมรีบชิ่งขึ้นห้องไปอาบน้ำทันที ยังไงคืนนี้ก็ต้องเคชียร์กันให้รู้เรื่องว่าไปแกล้งพี่ดูจุนแบบนั้นทำไม เขาแค่เกือบจะจูบผมเองนะ


                         หรือมันใช้คำว่าแค่ไม่ได้นะ แล้วจุนฮยองจะโกรธทำไมอะ ฮยอนซึงไม่เข้าใจ ฮยอนซึงงง


                           ผมรีบๆวิ่งเข้าไปอาบน้ำเร็วๆจนถ้าแม่มาเห็นแม่จะต้องด่าแน่ๆ อาบเสร็จแต่งตัวแค่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น กดขวดโลชั่นสองสามจึ้กแล้วทาส่งๆ ก่อนจะวิ่งกระหืดกระหอบไปแอบเข้าห้องจุนฮยอง ก่อนที่น้องมันจะมาเห็น 


                         “ครับคุณป้า ขอบคุณครับ”  ผมที่แอบเข้ามาได้แล้ว นั่งอยู่บนเตียง ได้ยินเสียงจุนฮยองคุยกับแม่เดินมาแต่ไกล ไม่รู้เขาคุยอะไรกัน ทำไมต้องขอบคุณกันด้วย แต่ผมก็ไม่ได่สงสัยขนาดนั่นหรอก ไม่ได้ขี้เผือก 


                         เหรอ.. ได้แต่ถามตัวเองในใจ


                         แกร๊ก 


                         จุนฮยองจะเข้ามาแล้ว


                         ผมนั่งก้มหน้านิ่ง เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงเหมือนกันนะ 


                         “มาทำไรห้องผม” น้ำเสียงบ่งบอกว่าไม่ได้ตกใจสักนิด  ผมมั่นใจว่าจุนฮยองยืนจ้องผมเขม็งอยู่ตรงปลายเตียง ไม่ต้องเงยหน้าไปสบตาก็รับรู้ได้ถึงความอำมหิตที่แผ่ส่งมาให้ผม                        


                         แงงง กลัวแล้ว


                         “มาเคลียร์” ผมสูดลมหายใจเข้าแรงๆแล้วเงยหน้าขึ้น


                         ผมควรจะทำใจกล้าเข้าไว้สิ เราแก่กว่าเขานะ ให้เขามาทำเก่งใส่ได้ยังไง


                         “เคลียร์ไรของพี่วะ!” จุนฮยองพูดติดอารมณ์เสีย เท่านี้ผมก็ไม่กล้าเผยอหน้าชูคอแล้วครับ หดตัวลงกระดองเหมือนเดิมแหละดีแล้ว 


                         “เรื่องเทนนิส..” ผมพูดแล้วเว้นระยะสั้นๆ “ฝีมือนายใช่มั้ย” 


                         “…..” เขาเงียบ เราสองคนได้แต่จ้องหน้ากันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร จุนฮยองเองก็ไม่ยอม ผมก็ไม่ยอม(?เหรอ)


                         “พี่ถามก็ตอบสิ” ผมเร่งเอาคำตอบมากขึ้น เขาเองก็ดูจะหัวเสียม่กขึ้นด้วย น้องกำมือแน่นอีกแล้ว อย่างกับเครียดอะไรหนักหนาเหลือเกิน 


                         “จุนฮยอง”


                         “เออแม่ง ผมทำเอง! ทำไม จะด่าเหรอ ด่ามาดิ ด่ามาเลย ถ้าการที่ผมทำร้ายมันเพราะปกป้องพี่ที่ตะโดนลวนลามแล้วมันผิด ก็ด่าเลย” จุนฮยองตะโกนออกมาอย่างสุดจะกลั้น คนตัวสูงหันไปปล่อยหมัดกับกระจกจนผมตกใจ น้ำเสียงที่ใช้พูดดูสื่อถึงความเกรี้ยวกราดของอารมณ์คนพูดได้เป็นอย่างดี


                          เออ ไอ้เด็กนี่มันเก่งจริง มันทำผมตกใจได้อีกแล้ว


                         “นาย..” ผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูก มันตื้อๆ อึนๆอยู่ในอก น้องบอกว่า ปกป้องผม .. งั้นเหรอ 


                         “ด่าดิ ด่าผมดิ ผมทำอะไรก็ไม่เคยดีอยู่แล้วนี่ ทำไมไม่พูดอะ พูดดิ ด่ามาดิเว้ย แม่งง” ดีกรีความโมโหของยงจุนฮยองยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องจนจะกลายเป็นเส้นกราฟติดเพดานอยู่แล้ว น้องกำหมัดแน่นแล้วหันไปต่อยกำแพงห้องอีกรอบดังปั้ก ไม่รู้เป็นแผลเพิ่มมั้ย แต่กลัวจะเป็นเหลือเกิน เพราะมันแรงมากเลย  แค่อันก่อนหน้าที่ต่อยกระจกก็มีแผลแล้ว ไอ้ผมก็เลยได้แต่พยายามทำตัวให้เย็นแล้วไปปลอบให้น้องมันเย็นตาม ก่อนที่บ้านผมจะมอดไหม้เป็นจุณเพราะพิษแรงโมโหของหลานรักของแม่ผมคนนี้


                         “อย่าประชดพี่” ผมพูดเสียงติดดุนิดหน่อย ก้าวขาเข้าไปใกล้น้องมากขึ้น บางทีผมก็สงสารมือน้องมันนะ เอะอะก็กำ บางทีไม่ได้ดั่งใจ โมโหมากๆก็ทุบโต๊ะ ต่อยกำแพง อะไรต่างๆนานาตามประสาลูกคุณหนูมีตัง 


    นัยน์ตาคมเข้มตวัดขึ้นมองผมอย่างไม่สบอารมณ์ ขนาดใช้แค่หางตามอง ยังทำผมกลัวได้ขนาดนี้เลย 


                         “ตกลงจะด่าไหม ถ้าจะด่า ก็ด่ามา” จุนฮยองถามแล้วเลิกคิ้วเข้มขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าคมดุนั่นยังคงความไม่พอใจไว้เหมือนเดิม
                         “ใจเย็นสิ พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย พี่ถามเฉยๆ” ผมพูดเบาๆแล้วยู่ปาก ทำหน้างอเล็กน้อย ก็จริงปะละ ผมยังไม่ได้ด่าอะไรมันสักึำ แค่บอกว่าจะมาเคลียร์ แล้วก็ถามคำถาม 

                         “..” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนตรงหน้า จุนฮยองยืนนิ่ง หอบหายใจหนักๆเหมือนเก็บอารมณ์ไว้มากมาย ผมไม่รู้ว่าน้องกำลังคิดอะไรอยู่ สายตาดุคมนิ่งๆนั่นมองไม่ออกเลยสักนิดเดียว 


                         ผมเงยหน้าขึ้นสบตาดุนั่น เอื้อมมือไปจับมือหนาแข็งแกร่งของน้องที่เลือดซิบ มีรอยบาดนิดหน่อยเพราะไปต่อยกับกระจกกับกำแพงมา ตามเสต็ปของพ่อคุณเขาจะต้องขัดขืน แต่นี่เขาไม่ ยอมให้ผมจับแล้วก็ดึงมือมาง่ายๆ ผมจูงมือเจ้าเด็กขี้โมโหมาที่เตียง กดไหล่น้องให้นั่งลงกับเตียงแล้วไปเอาอุปกรณ์ทำแผลมาทำแผลให้น้องเงียบๆ จุนฮยองไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น ด้วยความที่แผลน้องไม่ได้หนักอะไร น้องเลยไม่ได้คร่ำควญโวยวายเหมือนเด็กคนอื่นๆ


                         “เจ็บมั้ย” ผมค่อยๆวนสำลีชุบแอลกอฮอล์รอบแผลน้องอย่างใจเย็น ถึงแผลจะเล็กแต่ก็มีหลายจุด อาจทำให้แสบได้


                         “ตอนโดนพี่ว่าเจ็บกว่าเยอะ” ผมเงียบ จุนฮยองพูดขึ้นมาแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ น้องทำหน้าปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บาลทีก็มึนเกินไปมั้ยเด็กคนนี้


                         “…” ผมก็เลยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เราตกิยู่ในความเงียบประมาณสองนาที ก่อนผมจะทำแผลเสร็จและลุกเอาอุปกรณ์ไปเก็บ มือหนาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโนนตามแบบคนออกกำลังกาย เอื้อมมารั้งแขนผมไว้


                         “หือ?” ผมทำเสียงสงสัยในลำคอแล้วหันไปมองหน้าน้อง วางอุปกรณ์ลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงบนเตียงอีกรอบหนึ่ง”


                         “พี่..ชอบมันหรอ” ไม่บ่อยเลยที่ยงจุนฮยองคนกล้า คนซังนัมจาจะเอ่ยถามอะไรที่ดูไม่มั่นใจขนาดนี้ ผมมั่นใจว่าต้องเผลอทำสีหน้าแปลกใจออกไปสักแวบนึงแน่ๆ ก่อนจะถามออกไป ด้วยความไม่มั่นใจในคำถาม


                         “ใคร?”


                         “ก็ไอ้ตีนกาที่มาบ้าน ที่มันจะจูบพี่อะ” จุนฮยองขึ้นเสียงอย่างโมโหเล็กน้อยที่ผมทำตัวแกล้งโง่ พี่ไม่ได้แกล้งนะลูก พี่โง่จริงๆ 


                         “พูดอะไรน่ะ เขาไม่ได้จะจูบพี่” ผมตีอกน้องไปทีนึงด้วยความเขิน ผมอาจจะโลกสวยไปหน่อยที่มองว่าพี่ดูจุนไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้น แต่ก็นะ เขาจะทำไปทำไมล่ะ 


                         “มันจะจูบพี่ ผมเห็น เต็มสองลูกตาด้วย” ยังคงแหกปากเถียงผมอย่างต่อเนื่อง นิ้วชี้และนิ้วกลางถูกทำเป็นรูปตัววีชี่เข้าลูกตาทั้งสองข้างของตัวเองเพื่อประกอบอาการที่ตัวเองบอกว่าเห็นจริงๆด้วย แถมขาแกร่งเตรียมจะลุกยืนขึ้นมาข่มผมอีก


                         “ใจเย็นลูก ใจเย็น” ผมจัชแขนน้องไว้ไม่ให้ลุกแล้วเอ่ยปรามเสียงอ่อย เด็กอะไรมันจะหัวร้อนขนาดนี้วะ


                         “เย็นอะไรอีกวะ ผมหวงพี่ พี่ไม่เข้าใจเหรอไง”


    ♥♦♣♠♥♦♣♠♥♦♣♠♥♦♣♠♥♦♣♠♥♦♣♠♥♦♣♠♥♦♣♠♥♦♣♠♥♦♣♠♥♦♣♠♥♦♣♠♥♦♣♠♥♦♣♠♥♦♣♠



                       ยงจุนฮยอง เด็กหัวรุนแรง 5555555555555 ทำไมต้องหวงพี่เขาละ เอ้ะ ทำไม

                       อ่านแล้วเม้นกันด้วยนะ ลูกเรือมีกันน้อย แสดงตัวเถอะเนอะๆๆๆ


     facebook : teamthej.
    twitter : iamamperage

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×